“ไม่รู้สิ หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ เจ้าอย่าพึ่งวิทยาศาสตร์ไปทุกอย่าง”เย่จิ่งหลานวางแผ่นตรวจมลง “เจ้าอยู่นี่กับนางสักพัก ข้าจะไปดูว่าตัวอย่างเลือดออกมาหรือยัง”อินชิงเสวียนทำอะไรไม่ถูก“ได้”นางยื่นมือออกไปประคองอินหลี พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เขาแค่ช่วยตรวจร่างกายของเจ้า พวกเราจะไม่ทำร้ายเจ้า”อินหลีเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ไม่มีชีวิต ปล่อยให้อินชิงเสวียนเล่นตามสบายอินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“ไปนั่งตรงนั้นเถอะ”อินชิงเสวียนพยุงอินหลีไปที่ห้องนั่งเล่น นิ้วเผลอไปแตะข้อมือของนางโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นนางก็ตกใจกับกำลังภายในอันทรงพลังในร่างกายของอินหลีอินหลีไม่เป็นวรยุทธ์ แล้วทำไมถึงมีพลังอันทรงพลังเช่นนี้อยู่ในร่างกายขณะที่กำลังตกใจ เย่จิ่งหลานจึงเดินออกจากห้องทดลองพร้อมกับแผ่นทดสอบในมือ“ดูเหมือนว่าข้าเดาถูก พวกเจ้าไม่ใช่ญาติกัน เหตุผลที่หน้าตาคล้ายกัน เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น”เขาชูผลการตรวจขึ้นสูง โบกไปมาต่อหน้าอินชิงเสวียนในนั้นมีข้อมูลเปรียบเทียบมากมายที่ระบุไว้ แต่อินชิงเสวียนดูไม่รู้เรื่อง เพียงแต่จำประโยคด้านล่างของรายง
ทั้งสองออกจากมิติโดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตอินหลีจะไม่ไปไหนมั่วซั่ว เจ้าโง่ถูกจูงจมูกสองคนนั้นก็ถูกเย่จิ่งหลานทำให้หมดสติ แม้ว่าพวกเขาจะตื่นขึ้นมา ก็ไม่ทำร้ายอินหลี“เจ้าจะไปไหน” เย่จิ่งหลานถามอินชิงเสวียนอ้าปาก ทันใดนั้นก็คิดถึงความเป็นไปได้“เจ้าเปิดมิติอีกหน่อย ข้าอยากเข้าไปดู”ทันทีที่พูดจบ คนก็เข้าไปในมิติอีกครั้งอินชิงเสวียนเดินเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภกับอินหลีโดยตรงทันใดนั้นวรยุทธ์กับพลังภายในส่วนหนึ่งก็ไหลเข้ามาในตัว ซึ่งรวมถึงกำลังภายอีกเล็กน้อยด้วยอินชิงเสวียนแยกแยะทักษะวรยุทธ์เหล่านี้อย่างละเอียด และพบว่าทั้งหมดมาจากตำหนักเทพ“เจ้าพบอะไรหรือเปล่า”เย่จิ่งหลานเอนตัวพิงประตูอย่างไม่ใส่ใจ ยกมือขึ้นกอดอกอินชิงเสวียนปิดประตูเดินออกมา สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย“ดูเหมือนว่าข้าจะค้นพบความลับเรื่องใหญ่แล้ว หากข้าเดาไม่ผิด พลังของอินหลีอาจมาจากเจ้าตำหนักของตำหนักเทพ”“เจ้าตำหนัก?”เย่จิ่งหลานมองไปที่อินชิงเสวียนด้วยสีหน้าแปลกใจ“แล้วทำไมเขาถึงมอบพลังให้กับอินหลี?”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลที่หลีกเลี่ยง
ณ เทือกเขาเชื่อมเมฆา เมืองชิงเหอเย่จิ่งหลานเจอหวังซุ่นที่กำลังรอเขาอยู่“นายท่าน ราบรื่นดีหรือไม่”หวังซุ่นกำลังกินของว่าง ดูหนังสือภาพเล่มเล็ก ท่าทางสบายมากเย่จิ่งหลานพูดด้วยรอยยิ้มอวดๆ “เจ้านายเจ้าออกโรงทั้งที หนึ่งต่อสอง จะไม่ราบรื่นได้รึ”หวังซุ่นหัวเราะเบาๆ พูดอย่างประจบประแจง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านมีความสามารถทุกอย่าง ครั้งนี้ได้เจอแม่นางอินบ้างหรือไม่”“แน่นอน ครั้งนี้ข้าจะพาเจ้าขึ้นไปบนภูเขาด้วย มีงานบางอย่างให้เจ้าทำ”เมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานมีงานให้ตัวเองทำ หวังซุ่นก็รู้สึกตื่นเต้น รีบวางขนมในมือไว้บนเตียง ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ท่านมีงานอะไรให้ทำก็บอกมาได้เลย บ่าวรับรองว่าจะทำให้เสร็จ”เย่จิ่งหลานหยิบรูปของเจ้าตำหนักจินออกมา“ตามภาพเหมือนคนนี้ เจ้าสามารถสร้างหน้ากากได้หรือไม่”หวังซุ่นรับภาพวาดมาดู ลูบคางแล้วพูดว่า “ภาพนี้ดูค่อนข้างยาก ปกติข้าจะปั้นหน้ากากตามหน้าคนจริงๆ ถ้าปั้นขึ้นตามภาพแบบนี้ ค่อนข้างยากสักหน่อย”“มีความยากก็พยายามทำให้ได้ ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”เย่จิ่งหลานตบไหล่เขาอย่างแรง มองหวังซุ่นด้วยแววตาแน่วแน่หัวใจของหวังซ
เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเฮ่อฉางเฟิงยืนไพล่หลังอยู่ในสวนยา ถอนหายใจลึกๆ เสียงอ่อนโยนดังมาจากด้านหลัง“ยังคิดถึงแม่นางอินคนนั้นอยู่หรือ”เฮ่อฉางเฟิงหันกลับมาทันที“ท่านแม่ เปล่าขอรับ เพียงแต่เสียดายที่เห็นสมุนไพรทั้งหมดในสวนยา มอบให้กับชาวยุทธ์เหล่านั้น”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน“นี่เป็นความต้องการของพ่อกับตาของเจ้า พวกเราในอิ๋นเฉิงให้ความสำคัญกับความสงบสุขมาโดยตลอด ไม่อยากใจที่จะมีส่วนร่วมในข้อพิพาทต่างๆ การคลี่คลายความบาดหมางด้วยสมุนไพรก็นับว่าคุ้มค่า”เฮ่อฉางเฟิงกล่าวว่า “ก็จริง แม้ว่าทุกคนในอิ๋นเฉิงจะฝึกฝนวรยุทธ์ แต่ก็สงบเงียบปรองดองมาโดยตลอด จะเรียกว่าแดนสุขาวดี ก็ไม่เกินจริง”ในแง่ของความแข็งแกร่ง ถ้าอิ๋นเฉิงเรียกคนมาไม่กี่คน ก็สามารถเอาชนะชาวยุทธ์อันธพาลเหล่านั้นให้ร้องไห้เรียกหาบุพการีได้ เพียงแต่อิ๋นเฉิงไม่อยากเอาชนะพวกเขาด้วยกำลังเท่านั้นเองกงซวินอวิ๋นเฟิ่งพยักหน้า“ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่นางอินอาศัยอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้าชอบนางจริงๆ เราก็ไปเยี่ยมนางได้”เฮ่อฉางเฟิงคิดในใจ นางแต่งงานแล้ว ไปเยี่ยมจะมีประโยชน์อะไร“ลูกไม่รู้ ลูกไม่ได้คิดอะไรกับแม่นางอิน ท่านแม่อย่าได้
ในเวลานี้ เย่จิ่งหลานได้กลับมาที่ตำหนักเทพหอทองคำแล้วด้วยสถานะพิเศษของเขา เหล่าศิษย์ของตำหนักเทพจึงให้ความเคารพเขาอย่างมาก เขาพาหวังซุ่นไปยังที่พักของอินชิงเสวียนโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ หวังซุ่นอดไม่ได้ที่จะถาม “นายท่าน แม่นางอินเห็นท่านที่จู่ๆ ก็มีรูปลักษณ์หล่อเหลาเช่นนี้แล้ว นางมีท่าทางอย่างไร”เย่จิ่งหลานกลอกตามองเขา พูดด้วยความโกรธ “เจ้าคิดว่าจะเห็นนางทำหน้าแบบไหน หรือเจ้าคิดว่านางจะตกหลุมรักข้า?”หวังซุ่นหัวเราะแหะๆ พูดว่า “ตอนนี้ท่านหล่อเหลาสง่างาม องอาจดั่งต้นหยก เป็นบุรุษรูปงามเป็นพิเศษ ตอนที่ท่านเดินอยู่ในเมือง ไม่รู้มีแม่นางน้อยใหญ่มากมายเพียงใด ที่สายตาจับจ้องมาที่ท่าน”คำเยินยอนี้ยอได้ดี เย่จิ่งหลานพอใจมากเขายกมุมปากขึ้นแล้วพูดว่า “ถือว่าพวกนางสายตาแหลมคมอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถพูดแบบนั้นต่อหน้าสตรีผู้นั้นได้ ข้าและนางเป็นเพื่อนที่บริสุทธิ์ต่อกันจริงๆ ไม่มีความคิดที่ไม่เหมาะสมอื่นใดอีก”หวังซุ่นติดตามเย่จิ่งหลานมานานแล้ว ทั้งสองรู้สักคุ้นเคยกันดี เขาหัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “ตอนที่ท่านฝันยังละเมอเป็นชื่อแม่นางอิน ท่านไม่ชอบนางเลยหรือ”ใบหน้าของเย่จิ่งหลานเปลี่ยนเป็นสีแดง ตบ
เย่จิ่งหลานรู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง“ข้าเป็นผู้ชายอกสามศอกจะไปแต้มจุดแดงทำไม”หวังซุ่นมองดูและพูดว่า “จริงนายท่าน มีจุดสีแดงเล็กๆ”เย่จิ่งหลานโบกมือ หยิบกระจกบานเล็กออกมาจากมิติ แล้วก็ปรากฏไฝสีแดงขนาดเท่าเมล็ดงาอยู่ระหว่างคิ้วของเขาเขาใช้มือเช็ดออก แต่มันก็ไม่ออกอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา “นี่มันบ้าอะไร”ทันใดนั้นก็นึกถึงเลือดหยดนั้นของโมริตะคาวาสึบาเมะ รู้สึกตกใจขึ้นทันทีหรือว่าเลือดหยดนั้นปรากฏขึ้นแล้ว?ไม่รู้ว่านี่เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสำหรับเขา?อินชิงเสวียนไม่รู้ถึงปัญหานี้ พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินจากยายของข้าบอกว่า ไฝมังกรคู่เริงมุกเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย เย่จิ่งหลาน เจ้ากำลังจะรวยแล้ว”เย่จิ่งหลานหัวเราะแห้งๆ ยกมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า “ขอให้สมพรปาก สักวันหนึ่งข้าจะสวมชุดสีเหลือง ออกไปเป็นไรเดอร์รับส่งอาหาร”อินชิงเสวียนหัวเราะขันกับคำพูดเขา“ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอให้เจ้าเริ่มเปิดกิจการยอดเยี่ยมของเจ้าเอง”“ได้เลย ได้เลย”จากนั้นเย่จิ่งหลานพูดว่า “คืนนี้ข้าจะไปกับเจ้า ดูว่าตาแก่หนังเหนียวแซ่หันนั่นมีแผนร้ายอะไร”“ได้ คืนนี้เจอกัน”หลังจากที่อินช
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอินชิงเสวียน เหมยชิงเกอจึงถามอย่างกังวล “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า พลังของข้าฟื้นตัวพอควรแล้ว หากแม่นางมีปัญหาที่แก้ไม่ตก ข้าสามารถออกไปช่วยเจ้าได้”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผู้อาวุโสถูกขังอยู่ในผาเฟิงเริ่นมาเป็นเวลานาน หากต้องการที่จะฟื้นฟูสู่จุดสูงสุด เกรงว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร ท่านพักผ่อนที่นี่บำเพ็ญตนอยู่ก่อนได้ หากมีวันหนึ่งโค่นล้มผู้อาวุโสหันได้แล้ว ยังต้องให้ผู้อาวุโสรับผิดชอบสถานการณ์โดยรวม”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เหมยชิงเกอก็ยิ่งกังวลมากขึ้น“ภายนอกผู้อาวุโสหันดูไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ความจริงมีจิตใจที่ชั่วร้าย หากเจ้าต่อสู้กับเขา เจ้าจะต้องระมัดระวังมากขึ้นเป็นเท่าตัว”“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ข้ายังมีที่มิติ พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้ ต้องขอตัวแล้ว”อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมาหอมแก้มหลายฟอด จากนั้นออกจากมิติ ตรงไปยังที่พักของลิ่นเซียวลิ่นเซียวกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกพลังในถ้ำ มีพลังปราณที่ไร้รูปร่างวนเวียนอยู่รอบตัว ทันทีที่ไปถึงประตู อินชิงเสวียนรู้สึกถึงพลังกดดันอย่างรุนแรงสมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสในยุทธจักร มีพลังกดดันอันน่าเกรงขามอินชิงเสวี
หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ ประตูหินหนักๆ ของห้องโถงจื่อชี่ตงไหลก็ถูกปิดทันทีเสียงดังก้องแว่วกระทบโสตประสาท อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงลางร้ายในใจนางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรดวงตาของเย่จิ่งหลานมองกวาดไปที่ประตูหินที่ปิดอยู่ ใบหน้าอันหล่อเหลามืดลงเช่นกันอาคันตุกะทุกคนมองไปที่อินชิงเสวียน แววตาลุกโชนมีคนพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางอินที่อายุไม่มาก จะมีพลังมหัศจรรย์ขนาดนี้ ไร้มารยาทแล้ว!”“ใช่ หากได้รับของวิเศษนี้ ตำหนักเทพหอทองคำของเราจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ในเวลานั้น ก็สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ร่วมกันได้”“ใช่แล้ว เจ้าเมืองอิ๋นเฉิงเป็นคนธรรมดา ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อยู่ที่อิ๋นเฉิงมาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย และไม่มีใครเข้าใจมันได้ คนจากตำหนักเทพมีความสามารถเป็นเท่าตัว หากสามารถได้สิทธิ์เป็นเจ้าของทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ต้องทำให้ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั้นเปิดกว้างรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน”ทุกคนพูดซุบซุบ ท่าทางกระตือรือร้นบ้าคลั่งเมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วอีกครั้งคนเหล่านี้เป็นเหมือนนักพนันที่บ้าคลั่ง ในสายตาของพวกเขา นางก็เป็นเห