Share

บทที่ 818

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลังจากที่จ้านเป่ยว่างหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาก็เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเช่นกัน

เขาขอบพระทัยพระองค์ก่อน จักรพรรดิ์ซูชิงก็ให้เขาอยู่ต่อไปอีกครึ่งชั่วยามเพื่อพูดคุยอะไรกัน นอกเหนือจากการตักเตือนเขาแล้ว ยังแสดงความไว้วางใจในตัวเขา สุดท้ายเมื่อจ้านเป่ยว่างออกมาจากห้องหนังสือหลวงด้วยดวงตาสีแดง

พระราชวังได้จัดตั้งสำนักองครักษ์ไว้ และบัดนี้ซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการของสำนักองครักษ์ นางมีความเป็นไปได้สูงจะไปที่สำนักองครักษ์ ดังนั้นจ้านเป่ยว่างจึงไปพบหัวหน้าด้วย

พวกเขาเคยเป็นสามีภรรยากัน และตอนนี้ จ้านเป่ยว่างคุกเข่าข้างหนึ่งลงเพื่อแสดงความเคารพ

ปี้หมิง รองหัวหน้ากองกำลังเมืองหลวง ลู่เจินจากค่ายลาดตระเวน หวังเจิง รองหัวหน้าทหารรักษาพระราชวัง และจ้านเป่ยว่าง หัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ ตอนนี้ถือว่าอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว

จ้านเป่ยว่างรู้สึกซับซ้อนมาก เขาคิดว่าซ่งซีซีจะทำหาเรื่องกับเขาสักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าหลังจากทำการไหว้ให้ซ่งซีซีแล้ว นางเพียงพูดว่า "ลุกขึ้นเถอะ และตั้งใจทำงาน"

เขายืนขึ้น ลดตาลงแล้วพูดว่า "ขอบคุณใต้เท้าซ่งขอรับ"

ปี้หมิงเดินเข้าไปและตบไหล่เขา "ยินดีด้วย ใต้เท้าจ้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 819

    ปี้หมิงพูดด้วยเสียงเย็นชา "ข้าไม่สนหรอกว่านางจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ตราบใดที่มีความสามารถมากกว่าข้า ข้าก็ไม่มีอะไรไม่ยอมหรอก อีกอย่างนางได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท เจ้าต่อต้านนาง เจ้าต้องการฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีกาของฝ่าบาทหรือไง เป็นทหารรักษาพระราชวังมาหลายปี กลับทำให้เจ้าหยิ่งผยองขึ้นมา และดูถูกผู้หญิงงั้นเหรอ? เจ้าเป็นผู้ชายและเจ้ามีความสามารถในการเอาชนะนาง และทำให้นางไม่สามารถลืมตาอ้าปากต่อหน้าเจ้าได้ นี่ไม่ดีกว่าที่เจ้าจะพูดอะไรมากมายหรือ"หวังเจิงกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าเจ้าจะโกรธข้าจริงๆ""มิใช่ว่ามีแต่เจ้าอารมณ์ร้อน ข้าก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกด้วย" ปี้หมิงสะบัดเขาออกแล้วหันหลังออกไปหวังเจิงกลับมาที่ห้องโถงด้านในของสำนักองครักษ์อย่างหมดความรู้สึก เมื่อเห็นว่าลู่เจินและจ้านเป่ยว่างยังอยู่ที่นั่น เขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามพวกเขาทั้งสองว่า "พวกเจ้าก็เชื่อฟังนางด้วยเหรอ ลู่เจิน ข้ารู้ว่าเจ้าทำตามที่นางสั่ง แต่จ้านเป่ยว่างเจ้าเองก็ยอมให้เช่นกันหรือ นางเคยหย่ากับเจ้ามาก่อน นางเป็นคนทิ้งเจ้าไปนะ"ลู่เจินส่ายหัวใส่เขา "หวังเจิง ถ้าเจ้าไม่พูดอะไรน่าแย่ๆ จากปากเจ้า เจ้าจะตายได้หรือไง""ข้าเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 820

    จ้านเป่ยว่างเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง และมักจะทำงานล่วงเวลาอยู่เสมอ บางครั้งเขาจะออกลาดตระเวนตำหนักต่างๆ ด้วยตัวเอง ยกเว้นวังหลังเมื่อไม่ได้ออกลาดตระเวนเขาจะไปอยู่ทางเข้าห้องหนังสือหลวงหรือกลับไปที่สำนักองครักษ์ รอให้พวกเขาส่งบันทึกงานเมื่อส่งมอบกะผู้เข้าเวรควรบันทึกสถานการณ์การออกลาดตระเวนหลังจากส่งมอบกะ หากมีความผิดปกติใดๆ ต้องบันทึกไว้ หากไม่มีความผิดปกติกก็ควรจดบันทึกด้วยเขาสามารถออกจากวังได้ในยามโย แต่เขารอจนกว่าปลายยามโยแล้วถึงจากไปเมื่อเขาออกจากวังก็บังเอิญไปเจอกับอ๋องเยี่ยนเข้า จ้านเป่ยว่างรู้ว่าเขาเข้าไปในวังตั้งแต่เช้าตรู่และออกจากวังในกลางคืน แต่ในปกติเขามักจะออกจากวังก่อนที่ประตูพระราชวังจะปิด ทำไมวันนี้มันเร็วจัง?เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำการไหว้ "จ้านเป่ยว่างคารวะท่านอ๋องขอรับ"อ๋องเยี่ยนมองเขาด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ได้แสดงความยินดีกับแม่ทัพจ้านที่คุณเลื่อนตำแหน่งนะ ข้าเชื่อเสมอว่าเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ ก่อนหน้านี้ให้เจ้าเจอกับความไม่เป็นธรรมจริงๆ ขอให้เจ้ามีอาชีพที่ดีขึ้นในอนาคต"จ้านเป่ยว่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ขอบคุณท่านอ๋องที่ชื่นชมขอรับ"อ๋องเยี่ยนวางม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 821

    ในวันประเมิน ซ่งซีซีออกคำสั่งให้ผู้นำทุกคนของกองทัพซวนเจียมา แม้จะเป็นเพียงนายทหาร ตราบใดที่ไม่ได้เข้าเวรก็ต้องเข้าร่วมตอนแรกหวังเจิงคิดในว่านางหมายหัวเขา เขาจึงด่าทอซ่งซีซีที่บ้านยกใหญ่พร้อมกับภรรยาก่อนจะออกไปข้างนอกผู้หญิงใจแคบ หากให้กองทัพซวนเจียตกอยู่ในมือของผู้หญิงที่ใจแคบแบบนั้น ต่อไปไม่รู้ว่าเกิดปัญหามากมายในอนาคตเมื่อเขามาถึงสำนักกองกำลังเมืองหลวงก็ตระหนักได้ว่าการประเมินในวันนี้ ไม่ใช่มีเฉพาะเขาคนเดียว และการประเมินนั้นเกี่ยวข้องกับผลการประเมินของกระทรวงขุนนาง และเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเขาทำให้ซ่งซีซีไม่พอใจ หากวันนี้เขาแพ้อย่างไม่น่าดูเกินไปและล้มเหลวในการประเมิน เขาอาจถูกหักเงินเดือนหรือถูกลดตำแหน่งและโอนย้ายก็เป็นไปได้หมดหากรู้เป็นเช่นนี้ เขาต้อวถวายธูปเพิ่มอีกดอกหนึ่งก่อนออกจากบ้าน ขออวยพรจระพระจ้านเป่ยว่างก็มาด้วย แต่เขาจะไม่เข้าร่วมการประเมิน เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและยังไม่จำเป็นต้องมีการประเมินจ้านเป่ยว่างเคยเห็นศิลปะการต่อสู้ของซ่งซีซีในสนามรบเขตหนานเจียง เขารู้ว่าหวังเจิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่ๆ เพียงดูว่าเขาสามารถทนกับกี่ท่าจากนางวันนี้ซ่งซีซีไม่ได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 822

    จากนั้นทยอยไปทีละคน นายทหารทั้งสิบสองคนต่างก็สู้ไม่ครบยี่สิบท่าจากน้ำมือของซ่งซีซี พวกเขาทั้งหมดพ่ายแพ้ภายในสิบห้าหรือสิบหกท่าลู่เจินพ่ายแพ้ลงหลังจากรับไปสี่สิบท่า เขาลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้ พอใจกับผลลัพธ์นี้มากสุดท้ายก็คือหวังเจิงหวังเจิงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของซ่งซีซีอย่างตั้งใจ เขารู้สึกว่าตนเองพอเข้าใจฝีมือของนางได้ เขาคาดเดาอยู่ว่าห้าสิบท่าน่าจะไม่ใช่ปัญหาทักษะการเตะของเขานั้นดีที่สุด เห็นได้ชัดว่าทักษะการเตะของซ่งซีซีไม่แข็งแกร่งพอ ในทางกลับกัน นางชกหมัดเร็วมากจริงๆ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะแข่งขันการต่อสู้ด้านร่างกายส่วนล่าง ถ้าอย่างนั้นเขาจะชนะแน่ๆเขาโค้งคำนับเล็กน้อย กำหมัด เด้งสองสามครั้ง ยืดเอ็นร้อยหวายแล้วพูดว่า "ถึงตาข้าแล้ว"ซ่งซีซีมีรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยบนใบหน้าของนาง "ใช่ ถึงตาเจ้าแล้ว"ไม่รู้ทำไม เมื่อหวังเจิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูกในใจของเขา และรู้สึกอยู่เสมอว่านางกำลังมีท่าพิเศษอะไรเพื่อลงมาที่เขา"ท่าแรก ข้าออมมือให้" ซ่งซีซีกล่าว หลังจากต่อสู้ไปหนึ่งรอบ ดูเหมือนนางจะไม่เหนื่อยเลยและยังคงมีชีวิตชีวาหวังเจิงเห็นว่าเท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 823

    เสิ่นว่านจือยิ้มเล็กน้อยและบินไปหาซ่งซีซี ซ่งซีซีเอียงตัวหลบเลี่ยง คว้าแขนของนางแล้วลากนางไปด้านหลัง เสิ่นว่านจือหมุมตัวและกระโดดบินขึ้นไปพวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเกือบร้อยท่า และมันก็ยังยากที่จะบอกผู้ชนะคือผู้ใด การเคลื่อนไหวนั้นเร็วมากจนผู้คนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่หมัดและเท้าของพวกนางส่งเสียงดังก้องในสายลม หลายครั้งที่พวกนางแตะหินที่อยู่ข้างๆ จากนั้นมันก็พังทลายเป็นชิ้นๆ ทำให้ทุกคนตกตะลึงการแข่งขันระหว่างพวกนางทั้งสองทำให้ทุกคนรู้สึกว่าการทดสอบที่พวกเขาเพิ่งทำนั้นเป็นเพลงมวยที่สวยแต่กระบวนท่าแต่ใช้การไม่ได้เลย ตามการต่อสู้นี้ ใต้เท้าซ่งสามารถทำให้พวกเขาล้มลงได้ภายในสองสามท่าหลังจากต่อสู้กันมากกว่าร้อยท่าแล้ว ทั้งสองก็หยุดมือ และถอยกลับไปข้างๆ หลังจากต่อสู้กันมานาน ก็แค่ผมผมยุ่งเหยิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจ้านเป่ยว่างกำลังเฝ้าดูอยู่ และในใจของเขาก็ซับซ้อนจนไม่อาจบรรยายได้ เขาได้เห็นความแขงแกร่งของซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือในสนามรบเขตหนานเจียง แต่ในเวลานั้นพวกนางกำลังออกศึก ล้วนแต่ใช้พลังงานและ การเคลื่อนไหว และความเร็ว แต่นางสู้กับเสิ่นว่านจือนั้นล้วนเอาจริงเอาจังเลย อีกอย่างมีท่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 824

    สองวันต่อมา พวกของลู่เจินทั้งสามคนได้เตรียมงานเลี้ยงไหว้ครู ชวนเสิ่นว่านจือไปที่ตึกว่างเจียง ยังชวนท่านอ๋องและพระชายาไปเป็นพยานด้วยเสิ่นว่านจือรู้สึกเสียใจเล็กน้อยหลังจากกลับบ้านในวันนั้น ด้วยนิสัยใจคอของนางจะรับลูกศิษย์ได้อย่างไร มันจะรู้สึกไม่เป็นอิสระเมื่อถูกอะไรผูกมัด และนางก็อายุน้อยกว่าพวกเขาเสียอีก ไม่ใช่ว่าไม่สามารถแสดงอำนาจของอาจารย์ไม่ได้ แต่เพราะมันไม่จำเป็นต้องรับลูกศิษย์จริงๆ แค่สอนฝีมืให้ การเป็นอาจารย์เสิ่นก็ดีแล้วแหละ?เมื่อนางพยายามหาทางปฏิเสธ พวกเขาบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงไหว้ครู และจะจัดขึ้นที่ตึกว่างเจียงด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสำคัญกับเรื่องนี้มาก นี่มันทำให้นางเกิดความรู้สึกภูมิใจในตัวอย่างเหลือเชื่อเลยหลังจากคิดดูเรื่องนี้ให้ดีๆ แล้ว นางรู้สึกว่าถึงยังไงสถาบันชื่อเยียนจะถูกส่งมอบให้กับนางในอนาคต ดังนั้นก็รับไปเถอะหลังจากคิดตกแล้ว นางก็เลือกอาวุธที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา และพาเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีไปที่ตึกว่างเจียง หลังจากที่เสิ่นว่านจือยอมรับการกราบไหว้และถวายชาแล้ว นางก็พูดว่า "ให้ข้าขอชี้แจงข้อหนึ่งก่อน ที่พวกเจ้าทั้งสามไหว้ข้าเป็นอาจารย์ก็อย่าไปพูดข้างนอกท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 825

    หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงไหว้ครู เสิ่นว่านจือพูดกับซ่งซีซีข้ามักจะรู้สึกว่างานเลี้ยงไหว้ครูนี้เป็นเหมือนเรื่องตลก ข้าเองก็ทำลูกศิษย์ไม่ดีด้วยซ้ำ แล้วจะไปรับลูกศิษย์อีก และพวกเขามีอายุมากกว่าข้ามาก พวกเขายังเป็นสมาชิกของกองทัพซวนเจีย ถ้าข้าสอนพวกเขาไม่ดี จะไม่นำปัญหามาสู่คเจ้าในอนาคตเหรอ?"ซ่งซีซีจับมือของเสิ่นว่านจือ และให้เซี่ยหลูโม่กลับเรือนก่อน นางกับว่านจือเดินเล่นในสวน"หากเจ้าไม่ยินยอมก็ถือว่างานเลี้ยงไหว้ครู้นั้นไม่เคยเกิดขึ้น เจ้าเป็นอาจารย์เสิ่นของพวกเขา ส่วนไม่ว่าเจ้าจะสอนงานได้ดีหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย อาจารย์แค่สอนให้เฉยๆ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเขาที่เรียนรู้ถึงขั้นไหน เจ้ามีวรยุทธ์ที่ดี เจ้าก็สามารถควบคุมพวกเขาได้ ถ้าพวกเขาฝึกไม่ดี นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า""ข้าแค่คิดว่าพวกเขาเป็นข้าราชการในราชสำนัก แต่ข้าใช้วิธีแวดวงการต่อสู้ไปสอนพวกเขามันจะไม่ค่อยดีหรือเปล่า?""แน่นอนว่าฝ่าบาทต้องการให้กองทัพซวนเจียจะแข็งแกร่งขึ้น เพราะกองทัพซวนเจียและกองทหารรักษาการณ์ในเมืองหลวงเป็นผู้ปกป้องพระราชวัง"เสิ่นว่านจือพึมพำ "มันสำคัญมา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 826

    คืนนี้ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ในที่สุดทุกคนก็ทานอาหารเย็นร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตาได้สักทีจากนั้น ซ่งซีซีก็ตระหนักได้ว่าศิษย์พี่เสิ่นยังไม่กลับภูเขาเหม่ยชานเลย นางรู้สึกประหลาดใจมาก "ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ยังไม่กลับเหรอ? ข้านึกว่าพี่กลับไปแล้ว และยังบ่นว่าทำไมไม่บอกสักหน่อยก็ไปแล้วนี่"ซ่งซีซีถูกตีที่หัวอีกครั้ง และเสิ่นชิงเหอก็พูดด้วยความโกรธ "เจ้านี่ใจร้ายจริงๆ ข้าเรียกเจ้ามาหลายครั้ง แต่เจ้าก็ไม่สนใจข้า ข้ายังคิดอยู่ว่าตนเองทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า แต่แล้วเจ้าไม่เห็นข้าเนี่ยนะ"เซี่ยหลูโม่รู้สึกเจ็บปวดใจมาก เขาลูบหลังศีรษะให้นาง แล้วอธิบายว่า "ช่วงนี้นางยุ่งมาก คงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่เลยไม่ได้ยินที่ศิษย์พี่เรียกนาง... แค่พูดก็พอ อย่าลงมือสิ"น้ำเสียงของเซี่ยหลูโม่มีความเคารพ ถึงยังไงเขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ แต่ก็บ่นเล็กน้อยเช่นกันเสิ่นชิงเหอหัวเราะ "ก็ไม่ได้ออกแรงใดๆ นอกจากนี้ นางก็ชินกับมันแล้วนี่ ถ้าบอกว่าคนที่สอนบทเรียนให้นางมากที่สุด ก็ต้องเป็นอาจารย์ของเจ้า ศิษย์อาของข้าเลย"เซี่ยหลูโม่เงียบไปครู่หนึ่ง "บางครั้งอาจารย์ก็ลงมือไม่รู้จักหนักเบาด้วย เดี๋ยวมีโอกาสข้าจะว่าเขาด้วย"เสิ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status