เมื่อวันที่สิบก้าวมิถุนายน หวังเบียวส่งฝางเทียนสวีและฉีหลินพร้อมทหารสามพันคนไปที่ภูเขานอกเมืองซีม่อน เพื่อรอรับเป่ยหมิงอ๋องและชีซื่อเขาไม่สนใจว่าสถานการณ์การช่วยตัวประกันที่ทางนุ้นจะเป็นอย่างไร แต่การส่งกลุ่มคนไปรับเขาต้องทำทุกสิ่งจะต้องทำอย่างไม่มีที่ติเพื่อตำแหน่งผู้บัญชาการของเขาจะมั่นคงหากเป่ยหมิงอ๋องล้มเหลวในการช่วยตัวประกันและตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวแคว้นซา งั้นก็เป็นกรรมของเขาเอง เขาไม่มีทางส่งคนไปที่ชายแดนของแคว้นซาได้ฉีหลินและฝางเทียนสวีได้นำทหารและม้าของพวกเขาไปยังภูเขาที่สูงที่สุดนอกเมืองซีม่อน หลังจากทิ้งคนหนึ่งพันคนเตรียมพร้อมรับคำสั่งกับที่ พวกเขาก็นำคนสองพันคนและเดินหน้าต่อไปโดยหวังว่าจะได้พบท่านอ๋องโดยเร็วที่สุดแต่หลังจากข้ามภูเขาหนึ่งลูกแล้ว พวกเขาไม่ได้เดินต่อไปอีก ข้างหน้ามีชนเผ่าทุ่งหญ้าอยู่ หากไปกันแค่กี่คนมันก็ได้อยู่ แต่พากลุ่มทหารสองพันนาย นี่เท่ากับจะสร้างสงครามเลยที่จริงแล้วขอแค่ท่านอ๋องมาถึงทุ่งหญ้า ชาวแคว้นซาจะไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ พวกเขาได้แต่ส่งนักรบเก่งๆ หลายๆ คนไล่ตามเขาไป แต่ถ้าจำนวนคนไม่มาก ในกรณีที่ท่านอ๋องไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขาก็สามารถจัดก
ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็ตัดสินใจจะไปด้วยกัน เพราะทหารและม้าก็อยู่ที่นี่และไม่ได้บุกรุกชายแดนของคนอื่น ไม่ได้ก้าวเข้าไปในชนเผ่าทุ่งหญ้า เพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่ทยอยไปเป็นอย่างที่คาดไว้ พวกเขาเดินทางเป็นกลุ่มและไม่ได้ทำให้ทหารรักษาการณ์ประจำทุ่งหญ้าสังเกตเห็น พวกเขาปีนขึ้นไปบนภูเขาหวู่เหิง และรออยู่ที่ยอดเขา แม้ว่าภูเขาหวู่เหิงจะใหญ่มาก แต่พวกเขาก็ยืนอยู่จุดสูงสุดได้ หากที่นั่นมีการเคลื่อนไหวอะไรพวกเขาล้วนจะเห็นหมดจะลงไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ภูเขาหวู่เหิงครึ่งหนึ่งถูกครอบครองโดยแคว้นซา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งถูกครอบครองโดยทุ่งหญ้า หากไม่ระวังไว้จะเกิดความขัดแย้งได้จะว่าไปอย่างนั้น แต่ยังคงเหลือบางคนไว้ที่นี่ โดยบอกว่าหากพวกเขาพบสถานการณ์ใดๆ ให้แจ้งทันที ส่วนพวกยังคงเดินลงไปพร้อมกับคนมากกว่าสิบคนเซี่ยหลูโม่และคนอื่นๆ มาถึงเชิงเขาภูเขาหวู่เหิง ตราบใดที่ข้ามภูเขาหวู่เหิงพวกไปก็ถึงทุ่งหญ้าแล้วพวกเขามีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่เข้ามาในทุ่งหญ้า ดังนั้นจึงไม่ดึงดูดความสนใจของชนเผ่าทุ่งหญ้า แต่วิกเตอร์จะไม่กล้าไล่ตามมาอย่างแน่นอนแต่การเดินวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต เขาไหว คนอื่นๆ ก็เริ่มไม่
จะรอช้าไม่ได้อีก ผู้ไล่ตามกำลังเข้าใกล้แล้วดังนั้นอูโซเว่ยและเซี่ยหลูโม่จึงสบตากัน และใช้วิธีที่งุ่มง่ามที่สุดและเป็นทางเดียวก็คือให้พวกเขาขี่หลังตนเองแล้วบินขึ้นไปอย่างไรก็ตาม นอกจากจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูแล้ว มีคนตั้งสิบเอ็ดคน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องไปมาอย่างน้อยห้าหกครั้งด้วยความเหนื่อยล้าและหมดพลัง...มันช่างยากเหลือเกิน"อาจารย์ลำบากท่านแล้ว" สายตาของเซี่ยหลูโม่เต็มไปด้วยความขอโทษอูโซเว่ยถอนหายใจและพูดว่า "เจ้าเป็นศิษย์คนเดียวของข้า ต้องให้เจ้าทนทุกข์ที่แต่งงานกับแม่นางที่ซนจนน่าปวดหัวที่สุดในภูเขาเหม่ยชาน ข้าจะไม่เห็นใจได้อย่างไร?"เซี่ยหลูโม่อยากจะบอกว่าเขามีความสุขมาก แต่ในสายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพชของอาจารย์ เขากลืนคำพูดของเขากลับ นำคนบินขึ้นไปหมดค่อยว่ากัน อาจารย์เป็นคนหัวดื้อ หากไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเขา เขาต้องโกรธแน่จะเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว เซี่ยหลูโม่อุ้มฉีฟางก่อน และอูโซเว่ยก็อุ้มเจ้าสิบเอ็ด และคนที่เหลือดูแลจางเลี่ยเหวินไว้ รอให้พวกเขาลงมาเซี่ยหลูโม่พูดกับฉีฟางว่า "จับไว้ให้แน่น นอกจากหายใจแล้วอย่าเคลื่อนไหวใดๆ"ฉีฟางตอบรับอืม สอดแขนโอบคอของท่านอ๋องด้
ทุกคนปิดปากและมองดูฉากนี้ด้วยความสยดสยอง คุณพระ หากตกลงไปแบบนี้ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ อูโซเว่ยและจางต้าจ้วงรีบพุ่งเข้าไปพร้อมกัน จับมือของเซี่ยหลูโม่คนละข้างในขณะที่อีกมือหนึ่งคว้าต้นไม้เล็กไว้ อย่างไรก็ตาม ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็ห่างไกลกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ลากเซี่ยหลูโม่ไว้ ไม่สามารถพาเขาขึ้นไปได้นอกจากนี้ต้นไม้เล็กๆ สองต้นยังรับน้ำหนักคนได้สี่คนซึ่งเป็นอันตรายเช่นกันในขณะนี้ เจ้าสิบเอ็ดฝางปล่อยตะขอและเชือกลงอย่างรวดเร็ว และความยาวก็มาถึงมือขวาของเซี่ยหลูโม่พอดีจางต้าจ้วงสบตากับเขา และในขณะที่พวกเขาพยักหน้า จางต้าจ้วงก็ปล่อยมือ และเซี่ยหลูโม่ก็รีบคว้าเชือกด้วยมือขวาแล้วอูโซเว่ยค่อยปล่อยมือ เขาก็คว้าเชือกด้วยมือซ้ายอีกด้วยมือทั้งสองข้างพันอยู่กับเชือก ซึ่งหมายความว่าได้แต่ให้ลากพวกเขาสองคนขึ้นไปเท่านั้นความยาวของเชือกไม่ยาวพอที่จะพันรอบต้นไม้ด้านบน และเมื่อเจ้าสิบเอ็ดฝางปล่อยมันลงนั้นได้ปล่อยด้านที่มีตะขอเหล็กลงแล้ว ซึ่งมันหมดหนทางจริงๆ หากไม่ปล่อยด้านตะขอเหล็กไป เชือกก็จะปลิวไปมา ไม่สามารถไปอยู่ข้างๆ ท่านอ๋องอย่างมั่นคงเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถพันรอบต้นไม้ได้ จ
ฉีหลินผลักเขาออกไปทันทีและมองดูเขาอย่างใกล้ชิด เขาแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก แต่ยังจำเขาได้เขาทั้งร้องไห้และหัวเราะ "แก่แล้วและขี้เหร่ด้วย ทำไมถึงขี้เหร่ขนาดนี้?""ไม่มัวแต่ถามสารทุกข์สุขดิบ มาดูพี่น้องคนอื่นๆ บ้าง" เซี่ยหลูโม่หายใจไม่ออก และมือของเขาก็สั่นเทา หลังจากที่ปล่อยวางจางเลี่ยเหวินลงจากหลังเขาแล้ว เขานอนอยู่กับพื้น หลังจากเรียกอยู่หลายคำก็ไม่มีการตอบสนองฉีหลินและฝางเทียนสวีมองไปที่คนทั้งสิบเอ็ดคนและหลั่งน้ำตา เยี่ยมมากจริงๆ ที่คนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่แต่สถานการณ์ของจางเลี่ยเหวินเป็นเรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ และคนในนั้นก็ไม่มีใครรู้ทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นจึงทำได้แค่บดยาและยัดมันลงไปเท่านั้นอูโซเว่ยก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะถนัดในการนองเลือด แต่เห็นๆ อยู่ว่าจางเลี่ยเหวินก็ไม่ได้รับบาดเจ็บภายใน แต่แผลแต่ละที่ล้วนเป็นหนองจนเป็นไข้ได้ อาการตกอยู่ในอันตรายมาก"ขึ้นไปเลย" เสียงคำรามดังมาจากด้านล่าง คือวิกเตอร์ เขานำคนมาถึงแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหน้าผา พวกเขาสามารถขึ้นไปกี่คนได้ก็ไม่แน่ "นี่มันอาณาจักรของแคว้นซา ใครที่บุกรุกเข้าแคว้นซาโดยไม่ได้รับอนุญาตล้วนต้องตาย""ไป"
เจ้าสิบเอ็ดฝางมองไปที่แผ่นหลังของหวังเบียว และสงสัยว่าเขาจำเขาไม่ได้จริงๆ หรือไม่ได้ยินชื่อของเขาด้วยซ้ำ หรือเขาจงใจแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขากันแน่ช่างเถอะ อาจารย์หยูพูดถูก การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเหล่าจางหลังจากที่หมอทหารทำการวินิจฉัย ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึม ขอดูยาที่เซี่ยหลูโม่ให้กับจางเลี่ยเหวิน "โชคดีที่มียานี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงอยู่ไม่ถึงวันนี้"กองทัพมียารักษาแผลและมันเป็นยาดีที่สุด แต่หลังจากที่หมอทหารทำการวินิจฉัยแล้ว ก็ยังส่ายหัวและขอให้เซี่ยหลูโม่ออกไปพูดคุยด้วย"ที่ผู้บัญ... ท่านอ๋อง ข้าน้อยพยายามอย่างเต็มที่แล้ว มากสูดก็ยื้อเวลาเจ็ดแปดวัน แต่บอกยากจริงๆ ตัวร่างของเขาไม่มีเนื้อชิ้นดีๆ สักชิ้นเลย และยังมีรอยแดงและมีหนองเต็มไปหมด ถ้าไม่ได้เพราะท่านให้ยาดีๆ กับเขา เขาคงจากไปนานแล้ว""ยานั้นข้ายังมีอยู่ ถ้าให้เขากินตลอดทาง สามารถถ่วงเวลาเป็นหนึ่งเดือนได้ไหม?"หมอทหารส่ายหัว "ไม่ได้ขอรับ ยานี้รักษาหัวใจ สามารถรักษาให้จนถึงวันนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถ่วงอีกหนึ่งเดือนย่อมไม่ได้เลย"เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว "เจ้าติดตามข้ากลับเมืองหลวง ข้าจะไปบอก
เซี่ยหลูโม่ไปหาหวังเบียวโดยบอกว่าจะให้หมอทหารมาติดตามเขาไป หวังเบียวตอบรับทันที เพราะมีหมอทหารหลายคนอยู่ในกองทัพจดหมายของหวังเบียวได้ส่งออกไปแล้ว หลังจากคิดหาทางให้ตนเองได้สร้างผลงานมากที่สุดเสร็จแล้ว เขามองดูคนทั้งสิบเอ็ด ก็รู้สึกน่าชื่นชมจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินว่าเหล่าจางไม่อยู่ในสภาพที่ไม่ดี เขาก็เริ่มกังวลมากไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นทหารเช่นกัน แม้ว่าเขาเคยคิดที่จะตัดทิ้งชีซื่อไป แต่ได้เห็นพวกเขากลับมา เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเช่นกันไม่มีใครจะไม่ชื่นชมวีรบุรุษ เว้นแต่วีรบุรุษนั้นจะส่งผลต่อสถานะของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าการกลับมาอย่างปลอดภัยของทั้งสิบเอ็ดคนนี้ค มีผลงานของเซี่ยหลูโม่ แต่เขาก็ให้ความร่วมมือเช่นกัน เพราะถึงยังไงเขาได้ส่งฉีหลินและฝางเทียนสวีไปให้แล้วการที่เขาอยากจะช่วยจางเลี่ยเหวินกลับมามีชีวิต แน่นอนว่ามีแผนแอบแฝงบ้าง จางเลี่ยเหวินเป็นคุณชายรองของจวโหวเซวียนผิง สถานะของเขาในกองทัพยังไม่มั่นคง และต้องการการสนับสนุนจากตะกูลใหญ่ๆ พวกนั้นด้วยแต่เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางจะเป็นสมาชิกของชีซื่อด้วยน้องสาวสามได้ถูกปล่อยตัวกลับบ้านและแต่งงานใหม่แล้ว ท่านพี่ชา
ทันทีที่แม่นมเดินออกไป ซ่งซีซีกล่าวว่า "ท่านอ๋องไปเมืองซีม่อนเพื่อเจรจาหาเรื่องสายลับคนที่ชื่อชีซื่อกับชาวแคว้นซา ชีซื่อเป็นสายลับกองทัพของเราที่หลบหนีจากการถูกจับตัว ในช่วงสงครามเขตหนานเจียง เขาได้ส่งข่าวกรองไปยังกองทัพของเราตลอด แต่เขาถูกจับตัวไปเมื่อไม่นานก่อน ชาวแคว้นซาอยากใช้เขามาแลกเมืองซีม่อน"เมื่อซ่งซีซีพูดเช่นนี้ ทุกคนก็หายใจถี่ขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงรอให้นางพูดต่อ"ดังนั้นฮ่องเต้จึงส่งท่านอ๋องไปซีม่อน เมื่อพูดต่อหน้าคือไปเจรจาบน แต่จริงๆ แล้วไปช่วยตัวประกันลับหลัง ตอนนี้ได้ช่วยชีซื่อกลับถึงซีม่อน และทางนั้นบอกว่าเขาก็คือจางเลี่ยเหวิน คุณชายรองของพวกเจ้า แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านอ๋องใช้นกพิราบบินส่งจดหมายให้นำหมอมหัศจรรย์ดันและฮูหยินน้อยรองไป จะออกเดินทางคืนนี้ รอช้าไม่ได้เลย""แม่เจ้า คุณพระช่วย" ฮูหยินโหวเซวียนผิงตัวสั่นไปหมด นางได้ยินมาว่าบุตรชายของตนเองยังไม่ตายแต่ก็กำลังจะตาย นางก็ทุกข์ใจมาก "ข้าไป ข้าขอไปด้วย"ซื่อจื่อโหวเซวียนผิงพยุงแม่ของเขาไว้ "ท่านแม่อย่าไป ข้าไป ข้าจะติดตามน้องสะใภ้ไป"เสียงของเขาสำลัก"ข้าก็ไปด้วย" เสียงของโหวเซวียนผิงสั่นเล็กน้อย เขายิ้ม