จ้านเส้าฮวนนั่งอยู่ขอบเตียง นางสบถขึ้นมาเบา "ข้าจะไม่ไปยุ่งกับนางหรอก ก่อนที่นางจะแต่งเข้ามาข้ายังคิดว่านางมากความสามารถ สามารถเทียบสินเดิมกับซ่งซีซีด้วยซ้ำ แต่บัดนี้เงินแค่ไม่กี่หมื่นก็เอาออกมาไม่ได้ น่าเหลือเชื่อจริงๆ แต่ดีกว่ายี่ฝางสักหน่อย ยามที่พี่ชายรองแต่งยี่ฝางนั้นต้องออกเงินไปมากเท่าไร แต่สินเดิมที่นำกลับมาก็นิดเดียวเอง น่าอับอายเหลือเชื่อจริงๆ ยังพระราชทานอภิเษกสมรสจากฮ่องเต้นี่น่ะ"นางหาว่าพี่สะใภ้ทั้งสองเสร็จก็ตำหนินางหมินต่อ "พอพี่สะใภ้ใหญ่ป่วยก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้แต่สินเดิมของข้ายังไม่ได้จัดเตรียม ไม่รู้ว่านางจะเตรียมอะไรให้ข้า ข้าว่าอย่าไปตั้งความหวังกับนางมากไปจะดีกว่า นางขี้เหนียวกว่าผู้ใดเสียอีก"ลูกสะใภ้ทั้งสามคนไม่มีคนไหนได้เรื่อง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านฟังดูก็รำคาญใจ "เอาล่ะ หุบปากไปเลย"จ้านเส้าฮวนปิดปาก และแสงก็ส่องไปที่ใบหน้าของนาง หน้าไม่ได้กลมเหมือนเมื่อก่อน ทำให้นางดูดุร้ายกว่าเก่ามากยามเวลานี้นางหมินกำลังตัวสั่นอยู่ในห้องนางได้ยินคนใช้มารายงานว่าหวังชิงหลูยังไม่ได้กลับมา เด็กบริการคนนั้นยังรออยู่ นางก็กังวลแทบแย่นางกลัวว่าหวังชิงหลูไม่สามารถหาเงินจำนว
ภายใต้แสงสลัว มีร่างหนึ่งรีบเข้ามาที่ประตูและประคองนาง "เกิดอะไรขึ้น"หวังชิงหลูเห็นใบหน้าของจ้านเป่ยว่าง สามีของตนเองท่ามกลางน้ำตาที่พร่ามัว นางซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ร้องไห้ยิ่งดังขึ้นและเสียใจมากขึ้นจ้านเป่ยว่างไม่เคยเห็นนางนั่งบนพื้นและร้องไห้อย่างเสียท่าขนาดนี้ เขาคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาเลยรีบถามว่า "เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?"จินเอ๋อร์เล่าเรื่องวันนี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่ในขณะที่นางกำลังจะบอกว่าได้ใช้เงินทำขวัญของเจ้าสิบเอ็ดฝางนั้นก็โดนหวังชิงหลูคำรามใส่อย่างกะทันหัน "หุบปาก!"จินเอ๋อร์ตกใจมากจนเงียบไปอย่างรวดเร็วแต่จินเอ๋อร์ได้พูดถึงชื่อของเจ้าสิบเอ็ดฝาง แค่ไม่ได้บอกมันเป็นเงินทำขวัญเท่านั้น ต่อให้จ้านเป่ยว่างจะโง่มากแค่ไหนก็พอจะเดาได้แล้วนางใช้เงินบำนาญมรณะของเจ้าสิบเอ็ดฝางไปซื้อสินเดิมให้กับจ้านเส้าฮวน สินเดิมชิ้นนั้นมีมูลค่าสามหมื่นหกพันแปดร้อยตำลึง"คืนของ!" จ้านเป่ยว่างปล่อยนางไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง "พรุ่งนี้เจ้าจะไปที่ร้านจินจิง แล้วคืนชุดเครื่องประดับทับทิมบนศีรษะไปซะ"เงาร่างสูงของเขาบังหวังชิงหลูเอาไว้ หวังชิงหลูปาดน้ำตาออกและเงยหน้าขึ้น เพียงเห็นใบหน้
ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพร่ามัว นางก็พุ่งตัวไปข้างหน้าจนเกือบจะเป็นลมจ้านเป่ยว่างรีบกอดนางเอาไว้ และไม่มีอารมณ์จะโกรธอีก เขาก็ตะโกนอย่างเร่งด่วน "คนใช้ ไปตามหาหมอ ไปตามหาหมอ"จ้านเส้าฮวนร้องไห้ต่อหน้าหวังชิงหลู "เจ้าจะทำอะไร? เจ้าอยากให้ท่านอารมณ์เสียจนตายหรือไง ชุดเครื่องประดับบนศีรษะนี้เป็นเจ้าที่อยากทำหน้าใหญ่ใจโตเลยซื้อมา บัดนี้กลับอยากกลับคำ"หวังชิงหลูถอยหลังและมองดูฉากนี้อย่างทำอะไรไม่ถูก นางรู้สึกจนใจมาก ทั้งน้อยใจและกลุ้มใจ นางออกเงินสามหมื่นหกพันแปดร้อยตำลังซื้อชุดเครื่องประดับบนศีรษะให้นาง กลับแลกกับคำตำหนิของพวกนาง นางกลับเป็นฝ่ายผิดหรือ?ตามหาหมอในท่ามกลางดึกๆ ก็สร้างความวุ่นวายได้พักใหญ่ หวังชิงหลูต้องปาดน้ำตาออกและหยิบผ้าเช็ดหน้าทำความสะอาดใบหน้าและมือของฮูหยินผู้เฒ่าหมอบอกว่าเป็นเพราะภาวะสะเทือนใจอย่างรุนแรงเลยทำให้หน้ามืดเป็นลม แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง แค่กินยาสักหน่อยเดี๋ยวก็หายดีเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าจ้านตื่นขึ้นมา ความโกรธของจ้านเป่ยว่างก็หายไปจนหมด เขาเพียงคุกเข่าอยู่หน้าเตียงและกล่าวขอโทษท่านแม่ว่า "ข้าไม่ควรพูดจารุนแรง ทำให้ท่านแม่เป็นลม ข้ามีความผิด"ฮูหยิ
มันเป็นเสียงเยาะเย้ยของยี่ฝางที่ดังมาจากข้างนอก "เจ้ากลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!""เจ้า..." หวังชิงหลูเอามือจับหน้าอกของตนเอง "เจ้ากล้าดียังไงล่ะ ภรรยาเท่าเทียมกันคนหนึ่ง... เป็นแค่อนุคนหนึ่งก็กล้ามาหัวเราะเยาะข้าเหรอ?""เฮอะ อนุภรรยาอย่างข้าก็ได้สินสอดจากจวนแม่ทัพไม่น้อยเลยน่ะ" ยี่ฝางหัวเราะออกมาดังๆ "ตั้งแต่ข้าแต่งเข้ามา ข้ากินของดีใช้ของดี ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกข้า ข้าก็ไม่เคยออกเงินแม้แต่เบี้ยเดียวมาอุดหนุนด้วยซ้ำเลย"หลังจากที่นางพูดจบ ขณะที่หวังชิงหลูหายใจถี่อย่างโกรธแค้นนั้น นางก็จากไปอย่างเฉยเมยในทั้งจวนแม่ทัพ มีนางเพียงคนเดียวที่สามารถดูเรื่องตลกอย่างกับไม่เกี่ยวข้องกับนางอย่างไรอย่างนั้น ให้จัดสินเดิมให้จ้านเส้าฮวนงั้นหรือ? ถ้านางกล้ามาถาม นางก็กล้าจะตบหน้านางมีแต่หวังชิงหลู...เอาเรือเข้าไปขวางน้ำเชี่ยว!หลังจากเยาะเย้ยหวังชิงหลูแล้ว ยี่ฝางก็กลับมาที่เรือน ตรวจสอบกลไกความปลอดภัยทั้งหมด จากนั้นสั่งไม่ให้สาวใช้เข้าไปในห้องก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้านอนนางเคยได้ยินเรื่องที่รัชทายาทเมืองซีจิงเปลี่ยนคนแล้ว และสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของชายที่ถูกนางจับตัวไปในเมืองลู่เปินเอ่อร์
ณ จวนองค์หญิงใหญ่!องค์หญิงใหญ่ถามชายวัยกลางคนอย่างเคร่งขรึมโดยก้มศีรษะลงต่อหน้านางว่า "ได้ยังไง ทำไมซ่งซีซีจะค้นพบตัวตนของนางหวู่ได้? ใช่นังตัวดีคนนั้นไปบอกซ่งซีซีเองหรือเปล่า"ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียว และใบหน้าที่หล่อเหลากลับดูหดหู่ เมื่อได้ยินองค์หญิงใหญ่พูดเช่นนั้น เขารีบส่ายหัว "เป็นไปไม่ได้ ชิงหวู่จะไม่มีทางริเริ่มที่ไปบอกซ่งซีซี อีกอย่างชิงหวู่ก็เชื่อฟังคำสั่งของท่านเสมอ สิ่งที่ท่านสั่งให้นางทำนั้นนางไม่เคยกล้าฝ่าฝืน""ปล่อยให้นางทำนางก็ไม่กล้า" ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความโกรธและความอำมหิต "แม่ของนางยังคงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง หากอยากให้นางออกมา นางย่อมต้องเชื่อฟังเท่านั้น""ขอรับ นางต้องเชื่อฟัง"องค์หญิงใหญ่มองดูคนตรงหน้าอย่างเย็นชา และเมื่อเห็นท่าทางของคนนั้นนางก็โกรธขึ้นมา "เจ้าไปถามนางสักหน่อย แล้วบอกคนอื่นๆ ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวด้วย อย่าถูกคนนอกรู้ตัวตนด้วย ข้าคาดว่าซ่งซีซีแค่รู้ตัวตนของนางคนเดียวก็พูดโวยวาย ต่อสาธารณะ อยากให้ข้าลูบหน้าปะจมูก ทำอะไรไม่ถูก ข้าไม่มีทางติดกับดักนาง""ขอรับ รับทราบขอรับ ข้าจะไปบอกพวกนาง"เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีอะไรอย่าง
สีหน้าของกู้ชิงหวู่นั้นเรียบเฉย บ่งบอกถึงการเสียดสีอยู่เสมอ แม้แต่ต่อหน้าพ่อของนางก็ตามนางพูดว่า "ลูกไปที่จวนเฉิงเอินป๋อเป็นอนุภรรยา จะไปติดต่อกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋องอย่างเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร ถ้าท่านแม่ใหญ่องค์หญิงไม่เชื่อใจลูก ก็สามารถให้ยาพิษหนึ่งแก้วแก่ลูกได้"ฝู้หม่ากู้ขมวดคิ้ว "เจ้าพูดอะไรเหลวไหล ให้ยาพิษแก่เจ้า ทำไมต้องเสียเงินเสียแรงไปอบรมเจ้าล่ะ เจ้าอย่าลืมภารกิจของตนเอง แม่แท้ๆ ของเจ้ายังอยู่ในมือของนาง"ดวงตาจของกู้ชิงหวู่ยิ่งฉายแววความเยาะเย้ยและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง "ถ้าท่านพ่อชอบท่านแม่ของข้ามาก ทำไมท่านไม่กล้าต่อต้านนาง แต่ปล่อยให้ลูกถูกคนอื่นทำร้ายตามอำเภอใจเพื่อแลกกับให้ท่านแม่ไปอยู่กับท่านหรื?"ใบหน้าของฝู้หม่ากู้ดูไม่สบอารมณ์ "เจ้าทำให้จวนเฉิงเอินป๋อเกิดความวุ่นวายไปหมด ท่านแม่ใหญ่ของเจ้าก็ดีใจกับเรื่องนี้ แต่ถูกค้นพบตัวตนทำให้นางโกรธน้ดหน่อย น้องสาวของเจ้าออกเดินทางแล้ว นางจะไปพบเป่ยหมิงอ๋องในระหว่างทาง น้องสาวของเจ้าทั้งงดงามและเป็นสตรีที่มีวรยุทธ์เป็นแนวที่เป่ยหมิงอ๋องชอบ เป่ยหมิงอ๋องน่าจะให้ความสนใจกับนาง ขอแค่นางแต่งเข้าจวนเป่ยหมิงอ๋อง งั้นแผนของเรา
เหลียงเส้าถูกเรียกกลับไปยังจวนเฉิงเอินป๋อ เขายังคงถือตัว โดยบอกว่าเขาไม่ผิด ฮ่องเต้ตำหนิเขาและปลดยศซื่อจื่อของเขาไปเป็นการตัดสินที่ไม่สมควรคนหนุ่มมักจะเย่อหยิ่ง คิดว่าตนเองฉลาดคนเดียวคนอื่นล้วนโง่หมด ดูถูกทุกคน แม้ว่าจะเป็นพ่อแม่ของตนเอง ครอบครัวของตนเอง เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาเมื่อเห็นว่าเขาดื้อรั้นขนาดนี้ เฉิงเอินป๋อก็โกรธมากจนตบหน้าเขาแล้วพูดด้วยดุเดือดว่า "เจ้าไปกล่าวขอโทษต่อท่านหญิงเดี๋ยวนี้เลย หากเจ้ากล้าพูดจาไม่มีต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอีก ก็ไสหัวออกไปซะ อย่าคิดจะเหยียบเข้ามาในจวนเฉิงเอินป๋ออีกในอนาคต แม้แต่ที่พักซอยฝูหรงก็ถูกยึดกลับคืนมาด้วย"ในขณะที่เหลียงเส้ากลับมานั้นเขายังคงกังวลเล็กน้อย เพราะถึงยังไงยศซื่อจื่อก็ถูกปลดแล้ว หลังจากปากแข็งพูดไปอีกกี่คำ หากคนในครอบครัวยังคงเอาใจเขางั้นเขาก็จะฉวยโอกาสอ่อนข้อให้แล้วพาเยียนหลิวกลับมาทว่าไม่มีผู้ใดเอาใจเขาหลังจากกลับบ้าน แม้แต่ท่านย่าที่คอยเอาใจใส่เขามาตลอดก็ยังเงียบอยู่ ตอนนี้เขาถูกตบหน้าอีกครั้งและยังบังคับให้ไปกล่าวขอโทษท่านหญิง ซึ่งทำให้เขาไม่ยอมเขาปิดหน้า ยังทำท่าดื้อรื้อและคำรามด้วยความโกรธ "เอาเลย เอากลับไปหมด ให้ข้
หลานเอ่อร์กล่าวว่า "ช่วยข้านั่งขึ้นแล้วปล่อยให้เขาเข้ามาเถอะ จะดูว่าเขาจะทำอะไร""ท่านหญิง ยังปล่อยให้เขามาหรือ?" เสี่ยวจินยังคงโกรธมากและเป็นกังวลเมื่อคิดถึงเขาเคยผลักคุณหนูชนกับโต๊ะหลานเอ่อร์กล่าวว่า "ไม่ต้องลัว ขอให้ศิษย์พี่ซือโซและศิษย์พี่หลัวคอยเฝ้าดูจากด้านข้าง เขาแตะต้องข้าไม่ได้"นางตายใจกับบุคคลนี้แล้ว แต่เรื่องบางเรื่องต้องมาพูดคุยต่อหน้าให้ชัดเจนเสี่ยวจินได้แต่ช่วยพยุงนางลุกขึ้นนั่ง โดยยัดเบาะนุ่มๆ ไว้บนหลังให้นาง "ไม่ว่ายังไงท่านก็ลุกจากเตียงไม่ได้ หมอบอกว่าท่านยังไม่สามารถลุกจากเตียงแล้วเดินไปรอบๆ ได้""ข้ารู้" ใบหน้าซีดเซียวของหลานเอ่อร์ ดูหมองคล้ำและไร้อารมณ์นับตั้งแต่เสด็จแม่บอกว่าห้ามนางหย่า นางก็นอนพักอย่างสิ้นหวังแบบนี้ตลอดทั้งวัน อย่าว่าแต่อนาคตจะเป็นอย่างไร นาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรแต่วันนี้เขามาด้วยความโกรธ และจู่ๆ นางก็มีพลังขึ้นมาบ้าง นาง อยากจะทำอะไรสักอย่างหรืออยากจะพูดอะไรบางอย่างอย่างน้อย นางก็ไม่สามารถปล่อยให้การกระทำของท่านพี่ต้องเสียเปล่าเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้ามาใกล้ และเขาเสาเท้าเข้าไป แต่ศิษย์พี่ซือโซและศิษย์พี่หลัวควางติดต