Share

บทที่ 466

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเลิกประชุม ฮ่องเต้เรียกเซี่ยหลูโม่อยู่ต่อตามลำพัง

เขามีเอกสารมากมายยังไม่ได้ตรวจ กลับให้อู๋ต้าปั้นจัดกระดานหมากรุก โดยบอกว่าเขาไม่ได้เล่นหมากรุกกับเซี่ยหลูโม่มานานแล้ว

เซี่ยหลูโม่ยกชายเสื้อเครื่องแบบขึ้นยัดไว้ในเข็มขัดแล้วนั่งลงอย่างตรงๆ "อ่านเอกสารคดีทุกวันซึ่งทำให้กระหม่อมรู้สึกเวียนหัวเอาเสีย บัดนี้สามารถอู้งานทำตามคำสั่ง กระหม่อมขอบพระทัยบุญคุณจากฝ่าบาทพะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้มองดูการกระทำของเขาแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมยังทำกับตอนที่เจ้าอยู่ในกองทัพล่ะ? จะดูหยาบคายหรือไม่? บัดนี้เจ้าเป็นต้าหลี่ซื่อชิง ซึ่งเป็นชุนนางระดับชั้นสองในราชสำนัก ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองบ้าง"

"อยู่ต่อหน้าเสด็จพี่ของตนเอง จะสนใจภาพลักษณ์อะไรอีกล่ะ" เซี่ยหลูโม่ยิ้มอย่างสดใสโดยเผยให้เห็นฟันขาวใหญ่สองแถว

"เจ้าทำอะไรไม่เกรงกลัวต่อหน้าพระชายาด้วยเหรอ?" ฮ่องเต้หยิบเม็ดหมากขาวด้วยนิ้วเรียวยาวแล้วค่อยๆ วางมันลง

เซี่ยหลูโม่หยิบเม็ดหมากดำ ดวงตาของเขาราวกับเม็ดหมากดำนี้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ "พระชายาของตนเอง แน่นอนว่าจะมากกว่านี้หน่อย"

ฮ่องเต้มองดูเขาแล้วยิ้ม "ได้ยินว่าในงานวันเกิดเสด็จน้ามีคนอยากเป็นคนขอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 467

    "จะไม่อยากมีบุตรได้อย่างไร ข้ายังหวังว่าวังหลานจะมีเด็กเยอะๆ เขาห่างกันกับข้าไม่กี่ปีเอง ตามหลักแล้วคนในวัยเดียวกับเขาควรจะเป็นพ่อคนแล้ว"อู๋ต้าปั้นพูดเบาๆ "บางที ท่านอ๋องก็ตระหนักถึงความกังวลของฝ่าบาทด้วย และเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง ฝ่าบาทยังจำได้ไหม? เมื่อตั้งแต่เด็กจนโต ท่านอ๋องก็เห็นฝ่าบาทเป็นตัวอย่างมาตลอด และภูมิใจในตัวฝ่าบาท เมื่อเขาพูดถึงพี่รัชทายาทข้างนอกเขาก็ดูภูมิใจมากทีเดียว"หลังจากที่อู๋ต้าปั้นพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้ก็คิดถึงเรื่องอดีตมากมาย และดวงตาของเขาก็นุ่มนวลลงไม่น้อยหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็ถอนหายใจลึกๆ "ข้า บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป!"อู๋ต้าปั้นเติมน้ำชาให้เขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากติดตามฮ่องเต้มาหลายปี เขารู้ว่าการถอนหายใจอย่างกะทันหันของฮ่องเต้ เป็นเพียงการคำนึงถึงความเป็นพี่น้องในอดีตในชั่วขณะ และมันจะไม่ทำให้เขาระมัดระวังน้อยลงแม้แต่น้อยที่ท่านอ๋องไม่ต้องการมีบุตรในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดไม่มีบุตร อย่างน้อยฮ่องเต้ก็สามารถวางใจสักหน่อย บัดนี้เพิ่มยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาไม่นาน ขุนนางต่างๆ ในราช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 468

    เซี่ยหลูโม่พยักหน้าและมองดูซ่งซีซีด้วยความชื่นชมอย่างไม่หยุดยั้ง "ใช่ มีคนในครอบครัวทั้งหมดสิบสามคนรวมทั้งนางด้วย นางฆ่าไปสิบสองคน พ่อสามี สามีของนาง และบุตรชายสามคน ห้าคนนี้ล้วนเป็นคนแข็งแกร่ง และแม่สามี บุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหลือเพียงคนรับใช้ไม่กี่คน แต่ปัญหาติดที่ว่าคดีนี้เกิดขึ้นในตอนเย็น ไม่ใช่ตอนดึกที่ทุกคนหลับใหลอยู่ หลังกินข้าวเสร็จ นางจู่ๆ ก็หยิบมีดจากครัวแล้วฟันทุกคนจนตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวรยุทธ์ อีกอย่างต้องกินยาตลอด""คนป่วยเรื้อรังที่มีนิสัยใจร้าย ต่อให้นางสามารถฆ่าคนหนึ่งได้ก็จะถูกห้ามเอาไว้ทันที หรือว่าทุกคนถูกวางยาพิษ แล้วทั้งหมดหมดสติหรือเปล่า?""ไม่ พวกเขาต่างมีสติอยู่ และมีเพื่อนบ้านมาเห็นกับตา ผู้หญิงคนนั้นราวกับถูกผีเข้าสิงและมีพลังมาก เห็นผู้ใดก็ฆ่าทั้งนั้น หากมิใช่เพื่อนบ้านพวกนั้นวิ่งเร็วแล้ววิ่งกลับบ้านแล้วปิดประตูไว้ คาดว่าพวกเขาก็จะต้องโดนฆ่าด้วย อีกอย่างสำนักรัฐประจำท้องถิ่นได้ตรวจสอบบาดแผลนั้นสอดคล้องกับอาวุธสังหาร"ซ่งซีซีเข้าใจว่าทำไมเขาไม่อนุมัติการทบทวนโทษประหารชีวิตเพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้จริงๆเพียงแต่ได้ก่อโกลาหลครั้งให

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 469

    สายตาของอ๋องเยี่ยนไม่แยแส และเขาก็หมุมแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา "ยังไม่เพียงพอ ให้กระจายข่าวต่อไปและพูดว่าเป่ยหมิงอ๋องเซี่ยหลูโม่แก้ต่างให้นักโทษหญิงคนนั้น จุดประสงค์ของเขาคือการพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถพอที่จะดำรงตำแหน่งต้าหลี่ซื่อชิง และเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหา และโลภผลงาน อีกอย่างให้เน้นย้ำว่าเขาเป็นขุนนางฝ่ายทหาร ไม่ถนัดเรื่องกฎหมาย""อีกอย่าง ให้ลือกันว่าฮ่องเต้ยังถูกเขาหลอกเช่นกัน เนื่องจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขาและทำให้ฮ่องเต้ต้องไว้หน้าให้เขาด้วย"ชายคนนั้นถามว่า "ท่านอ๋องเชื่อใจขนาดนั้นว่าเขาจะตรวจสอบใหม่หรือ?""มีข้อสงสัย แน่นอนว่าจะทำ" อ๋องเยี่ยนยิ้มเบาๆ ด้วยความเย็นชาที่กระหายเลือดฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา "ข้ารู้จักเขาดี เขาจริงจังกับชีวิตมนุษย์คน ใครก็ตามที่จริงจังกับชีวิตมนุษย์คนก็ย่อมจะระมัดระวังเป็นพิเศษ ข้อสงสัยนี้หากเขาไม่เอาไปตรวจสอบใหม่ เขาโน้มน้าวตนเองไม่ได้หรอก""ขอรับ ข้าน้อยรู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี" ชายคนนั้นโค้งคำนับแล้วออกไป พอถึงหน้าประตูก็เอาผ้าคลุมมาปิดจากนั้นหายตัวไปทันทีรอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏบนริมฝีปากของอ๋องเยี่ยน เซี่ยหลูโม่เอ๊ย ข้าจะให้เจ้าสูญเสียก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 470

    ณ หอต้าหลี่ ลี่ เจ้ากรมหลี่ใจร้อนจนนั่งไม่ติดที่แล้ว "ท่านอ๋อง ที่ท่านเชิญหมอมหัศจรรย์ดันมาที่นี่เพื่ออะไร หมอมหัศจรรย์ดันไม่เคยสัมผัสกับผู้เสียชีวิตมาก่อนเลย ไม่ว่าเขาจะมีทักษะทางการแพทย์เก่งมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นคนชันสูตรพลิกศพอยู่ดี"เซี่ยหลูโม่ยังคงใจเย็น และพูดว่า "ใจเน็นๆ ก่อน เจ้ากรมหลี่ คดีใหญ่เช่นนี้ทำให้เกิดโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราจัดการกับคดีนี้อย่างไม่ระมัดระวัง เผื่อกล่าวหาผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ยุติธรรม เราจะไม่ถูกประชาชนประณามเอาหรือ?"เจ้ากรมหลี่จัดการคดีต่างๆ ตลอดทั้งปี ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในคดีนี้มีข้อสงสัย แต่ผู้หญิงคนนั้นยอมรับความผิดแล้ว และมีพยานและหลักฐานทางกายภาพทั้งหมดเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน แล้วจะให้ตรวจสอบใหม่ทำไมกัน"มันเป็นเพียงการเสียเวลาชัดๆ การปล่อยให้นักโทษหญิงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหนึ่งวันถือเป็นการไม่เคารพคนตายที่นางสังหาร"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คดีนี้ผู้ว่าปิ้โจวตัดสินให้ประหารชีวิตญามฤดูใบไม้ร่วง บัดนี้เพิ่งเดือนเมษายนเท่านั้น เอกสารให้คนส่งเอกสารเร่งความเร็ว ไปกลับก็แค่หนึ่งเดือน เจ้ากรมหลี่จะใจร้อนทำไม?""เมื่อไหร่หมอมหัศจรรย์ดันจะม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 471

    หมอมหัศจรรย์ดันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา มีชื่อของยาหรือยาพิษหลายชนิดที่เขาระบุไว้ รวมถึงผลประโยชน์และผลข้างเคียงของยาแต่ละชนิดหมอมหัศจรรย์ดันให้พวกเขามองดูแวบหนึ่งก่อนอธิบายทีละอย่างให้ฟังประเภทแรกเรียกว่าไฟแห่งนรกซึ่งทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หลังจากกินแล้ว ความหลงใหลในหัวใจจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นมันจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอาการประสาทหลอนจำเป็นต้องใช้ยาแก้พิษ แต่ผู้หญิงคนนั้นฆ่าครอบครัวของตนเองเสร็จยังอยากจะตามล่าเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักรัฐมาถึงนางก็สงบลงแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เป็นไฟแห่งนรกประเภทที่สอง เห็ดร่มโล้น เป็นประเภทเห็ด ทำให้คนเกิดอาการประสาทหลอน บ้า และอาจทำร้ายตัวเองหรือฆาตกรรมได้ แต่ก่อนหน้านั้น จะต้องร้องไห้ หัวเราะ หรือเต้นอย่างบ้าคลั่งมาก่อน และเห็ดร่มโล้นนี้จะไม่ทำให้คนสร้างพลังมหาศาลพอที่จะทำให้ผู้หญิงอ่อนแอฆ่าคนได้สิบสองคนติดต่อกันได้ประเภทที่สามคือไส้เดือนฝอยเสน่ห์ ซึ่งเป็นแมลงเหมียวชนิดหนึ่งหรือที่เรียกว่าแมลงไสยศาสตร์ ไส้เดือนฝอยเสน่ห์จะเข้าสู่สมองของมนุษย์ จากนั้นมีบุคคลหนึ่งสามารถควบคุมพฤติกรรมของนาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 472

    หลังจากรายงานคดีนี้ต่อฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้ก็แต่งตั้งเจ้ากรมหลี่เป็นทูตเพื่อพาผู้คนไปที่ปิ้โจวตรวจสอบคดีนี้ และชิงเชวี่ยก็ติดตามไปด้วยการตรวจสอบคดีใหม่ ดำเนินการโดยเจ้ากรมของกระทรวงราชทัณฑ์ที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้ มันทำให้ประชาชนที่กำลังโกรธนั้นรู้สึกสงสัยเสิ่นชิงเหอไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นนั้นก็ออกบทความเกี่ยวกับคดีนี้ โดยสรุปประเด็นที่น่าสงสัยของคดีนี้ นักศึกษาเหล่านั้นที่เคยออกบทความเพื่อประณามเรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะความโกรธของประชาชน และพวกเขาเลือดร้อน อยากจะออกหน้าให้ผู้ตายในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้สิทธิของผู้ชายถูกยั่วยุอย่างไรก็ตามเมื่อเสิ่นชิงเหอออกหน้ามากล่าวว่าคดีนี้มีข้อสงสัย งั้นนักวิชาการเหล่านั้นก็เปลี่ยนคำพูดทันที แต่ไม่กล้าพูดอย่างยืนยัน แค่บอกว่าหวังว่าหลังจากการสอบสวนของทูตเสร็จแล้ว จะได้ความจริงมาปลอบใจผู้ตายจวนอ๋องเยี่ยนไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นผลลัพธ์เช่นนี้พวกเขาเชื่อว่าหากไม่ได้ผ่านการทบทวน ไม่ก็ถูกส่งตัวเอกสารกลับเพื่อการพิจารณาคดีใหม่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ชื่อเสียงของเซี่ยหลูโม่จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง และตำแหน่งของเขาในฐานะต้าหลี่ซื่อชิงก็ไม่รอดเช่นกันแต่พวกเขาไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 473

    เพื่อยืนยันว้าพลังของไส้เดือนฝอยเสน่ห์นี้ ชิงเชวี่ยสั่งคนนำไก่ตัวหนึ่งมา และให้ไก่ตัวนั้นกินเข้าไป จากนั้นรมยาเพื่อกระตุ้นพลังของไส้เดือนฝอย เมื่อทุกคนเห็นไก่ตัวนั้นดูเหมือนบ้าคลั่งขึ้นมา มันจะแค่จิกทุกคน และบินไปทั่วห้องโถง โหดร้ายเป็นพิเศษแม้แต่ไก่ชนท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุด เมื่อถูกนำมาต่อสู้กับมัน ก็โดนอีกฝ่ายจิกจนดวงตาข้างหนึ่งก็ถูกจิกออกไปในทันทีหลังจากที่ชิงเชวี่ยรมยาอีกครั้ง ไก่ตัวนั้นก็หยุดแล้วค่อยๆ อาเจียนไส้เดือนฝอยออกมานางพูดว่า "แมลงชนิดนี้เรียกว่าไส้เดือนฝอยเสน่ห์ และมันถูกควบคุมโดยคน เมื่อนางเหลียงกินมันเข้าไปนั้นเป็นเพียงไข่ ไข่แมลงนี้ไม่สามารถฆ่าได้ด้วยอุณหภูมิสูงและเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วก็ไหลตามเลือดจนขึ้นสมอง โดยปกติกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณครึ่งปีซึ่งสอดคล้องกับคำสารภาพของหมอสวีพอดี ตอนนี้ไส้เดือนฝอยได้โตขึ้นแล้ว ไม่ว่าเข้าไปร่างของผู้ใด ตราบใดที่ได้กลิ่นยาหรือถูกควบคุมโดยใครสักคน ก็สามารถให้คนที่โดนพิษนั้นทำอะไรบ้าคลั่งเช่นกัน"เมื่อทุกคนตกตะลึงอยู่ เจ้ากรมหลี่ก็พูดขึ้นว่า "เพระางั้นมีคนจงใจทำร้ายครอบครัวของพวกเขา อีกอย่างคิดแผนมาด้วย นางเหลียงเป็นแค่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 474

    เซี่ยหลูโม่ถามถึงหลานเอ่อร์ "ตอนนี้นางเป็นยังไงบ้าง อารมณ์ดีขึ้นหรือเปล่า? หลังจากเหลียงเส้าถูกไล่ออกจากตำแหน่ง น่าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้างสินะ"ซ่งซีซีส่ายหัว "คำก็รักแท้สองคำก็รักแท้ จะให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวได้อย่างไร ไม่เพียงไม่เจียมตัว บัดนี้แม้แต่เรือนของหลานเอ่อร์ก็ไม่เข้าไปแล้วด้วยซ้ำฉั""รักแท้เหรอ?" เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว "มันไม่เท่ากับดูหมิ่นสองคำนี้หรือ ยังมีภรรยารองอีกคนมิใช่หรือ ลูกสาวของพ่อค้าคนนั้น สตรีที่ออกเงินไถ่ให้หญิงงามเมืองเพื่อเขา""ตั้งแต่ที่นางเหวินเข้าจวนมา ยังไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย" ซ่งซีซีหยุดงานปักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "นางเหวินอายุเพียงสิบเจ็ดปีในปีนี้ ด้วยความช่องโหว่ระหว่างจวนเฉิงเอินป๋อกับครอบครัวของนาง หากนางอยากหนีออกไปจากนรกนั้นคงเป็นไม่ได้ นางก็เป็นเหยื่อที่เพื่อผลประโยชน์ของพ่อและพี่ชายด้วย คิดว่านางเต็มใจแต่งงานกับเหลียงเส้าเป็นฮูหยินรองจริงๆ หรือ?""ข้างนอกต่างลือนางเช่นนั้นจริงๆ" แม่นมเหลียงนำแกงเข้ามาด้วยตนเองพลางพูดซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้ารู้ โดยบอกว่านางเหวินเพื่อให้ฐานะครอบครัวเพิ่มขึ้น เกาะจวนป๋อเข้าเป็นอนุภรรยา นางทำด้วยสมัครใจ แต่ว่ามันทำด้

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1595

    ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status