แชร์

บทที่ 466

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเลิกประชุม ฮ่องเต้เรียกเซี่ยหลูโม่อยู่ต่อตามลำพัง

เขามีเอกสารมากมายยังไม่ได้ตรวจ กลับให้อู๋ต้าปั้นจัดกระดานหมากรุก โดยบอกว่าเขาไม่ได้เล่นหมากรุกกับเซี่ยหลูโม่มานานแล้ว

เซี่ยหลูโม่ยกชายเสื้อเครื่องแบบขึ้นยัดไว้ในเข็มขัดแล้วนั่งลงอย่างตรงๆ "อ่านเอกสารคดีทุกวันซึ่งทำให้กระหม่อมรู้สึกเวียนหัวเอาเสีย บัดนี้สามารถอู้งานทำตามคำสั่ง กระหม่อมขอบพระทัยบุญคุณจากฝ่าบาทพะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้มองดูการกระทำของเขาแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมยังทำกับตอนที่เจ้าอยู่ในกองทัพล่ะ? จะดูหยาบคายหรือไม่? บัดนี้เจ้าเป็นต้าหลี่ซื่อชิง ซึ่งเป็นชุนนางระดับชั้นสองในราชสำนัก ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองบ้าง"

"อยู่ต่อหน้าเสด็จพี่ของตนเอง จะสนใจภาพลักษณ์อะไรอีกล่ะ" เซี่ยหลูโม่ยิ้มอย่างสดใสโดยเผยให้เห็นฟันขาวใหญ่สองแถว

"เจ้าทำอะไรไม่เกรงกลัวต่อหน้าพระชายาด้วยเหรอ?" ฮ่องเต้หยิบเม็ดหมากขาวด้วยนิ้วเรียวยาวแล้วค่อยๆ วางมันลง

เซี่ยหลูโม่หยิบเม็ดหมากดำ ดวงตาของเขาราวกับเม็ดหมากดำนี้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ "พระชายาของตนเอง แน่นอนว่าจะมากกว่านี้หน่อย"

ฮ่องเต้มองดูเขาแล้วยิ้ม "ได้ยินว่าในงานวันเกิดเสด็จน้ามีคนอยากเป็นคนขอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 467

    "จะไม่อยากมีบุตรได้อย่างไร ข้ายังหวังว่าวังหลานจะมีเด็กเยอะๆ เขาห่างกันกับข้าไม่กี่ปีเอง ตามหลักแล้วคนในวัยเดียวกับเขาควรจะเป็นพ่อคนแล้ว"อู๋ต้าปั้นพูดเบาๆ "บางที ท่านอ๋องก็ตระหนักถึงความกังวลของฝ่าบาทด้วย และเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง ฝ่าบาทยังจำได้ไหม? เมื่อตั้งแต่เด็กจนโต ท่านอ๋องก็เห็นฝ่าบาทเป็นตัวอย่างมาตลอด และภูมิใจในตัวฝ่าบาท เมื่อเขาพูดถึงพี่รัชทายาทข้างนอกเขาก็ดูภูมิใจมากทีเดียว"หลังจากที่อู๋ต้าปั้นพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้ก็คิดถึงเรื่องอดีตมากมาย และดวงตาของเขาก็นุ่มนวลลงไม่น้อยหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็ถอนหายใจลึกๆ "ข้า บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป!"อู๋ต้าปั้นเติมน้ำชาให้เขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากติดตามฮ่องเต้มาหลายปี เขารู้ว่าการถอนหายใจอย่างกะทันหันของฮ่องเต้ เป็นเพียงการคำนึงถึงความเป็นพี่น้องในอดีตในชั่วขณะ และมันจะไม่ทำให้เขาระมัดระวังน้อยลงแม้แต่น้อยที่ท่านอ๋องไม่ต้องการมีบุตรในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดไม่มีบุตร อย่างน้อยฮ่องเต้ก็สามารถวางใจสักหน่อย บัดนี้เพิ่มยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาไม่นาน ขุนนางต่างๆ ในราช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 468

    เซี่ยหลูโม่พยักหน้าและมองดูซ่งซีซีด้วยความชื่นชมอย่างไม่หยุดยั้ง "ใช่ มีคนในครอบครัวทั้งหมดสิบสามคนรวมทั้งนางด้วย นางฆ่าไปสิบสองคน พ่อสามี สามีของนาง และบุตรชายสามคน ห้าคนนี้ล้วนเป็นคนแข็งแกร่ง และแม่สามี บุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหลือเพียงคนรับใช้ไม่กี่คน แต่ปัญหาติดที่ว่าคดีนี้เกิดขึ้นในตอนเย็น ไม่ใช่ตอนดึกที่ทุกคนหลับใหลอยู่ หลังกินข้าวเสร็จ นางจู่ๆ ก็หยิบมีดจากครัวแล้วฟันทุกคนจนตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวรยุทธ์ อีกอย่างต้องกินยาตลอด""คนป่วยเรื้อรังที่มีนิสัยใจร้าย ต่อให้นางสามารถฆ่าคนหนึ่งได้ก็จะถูกห้ามเอาไว้ทันที หรือว่าทุกคนถูกวางยาพิษ แล้วทั้งหมดหมดสติหรือเปล่า?""ไม่ พวกเขาต่างมีสติอยู่ และมีเพื่อนบ้านมาเห็นกับตา ผู้หญิงคนนั้นราวกับถูกผีเข้าสิงและมีพลังมาก เห็นผู้ใดก็ฆ่าทั้งนั้น หากมิใช่เพื่อนบ้านพวกนั้นวิ่งเร็วแล้ววิ่งกลับบ้านแล้วปิดประตูไว้ คาดว่าพวกเขาก็จะต้องโดนฆ่าด้วย อีกอย่างสำนักรัฐประจำท้องถิ่นได้ตรวจสอบบาดแผลนั้นสอดคล้องกับอาวุธสังหาร"ซ่งซีซีเข้าใจว่าทำไมเขาไม่อนุมัติการทบทวนโทษประหารชีวิตเพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้จริงๆเพียงแต่ได้ก่อโกลาหลครั้งให

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 469

    สายตาของอ๋องเยี่ยนไม่แยแส และเขาก็หมุมแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา "ยังไม่เพียงพอ ให้กระจายข่าวต่อไปและพูดว่าเป่ยหมิงอ๋องเซี่ยหลูโม่แก้ต่างให้นักโทษหญิงคนนั้น จุดประสงค์ของเขาคือการพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถพอที่จะดำรงตำแหน่งต้าหลี่ซื่อชิง และเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหา และโลภผลงาน อีกอย่างให้เน้นย้ำว่าเขาเป็นขุนนางฝ่ายทหาร ไม่ถนัดเรื่องกฎหมาย""อีกอย่าง ให้ลือกันว่าฮ่องเต้ยังถูกเขาหลอกเช่นกัน เนื่องจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขาและทำให้ฮ่องเต้ต้องไว้หน้าให้เขาด้วย"ชายคนนั้นถามว่า "ท่านอ๋องเชื่อใจขนาดนั้นว่าเขาจะตรวจสอบใหม่หรือ?""มีข้อสงสัย แน่นอนว่าจะทำ" อ๋องเยี่ยนยิ้มเบาๆ ด้วยความเย็นชาที่กระหายเลือดฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา "ข้ารู้จักเขาดี เขาจริงจังกับชีวิตมนุษย์คน ใครก็ตามที่จริงจังกับชีวิตมนุษย์คนก็ย่อมจะระมัดระวังเป็นพิเศษ ข้อสงสัยนี้หากเขาไม่เอาไปตรวจสอบใหม่ เขาโน้มน้าวตนเองไม่ได้หรอก""ขอรับ ข้าน้อยรู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี" ชายคนนั้นโค้งคำนับแล้วออกไป พอถึงหน้าประตูก็เอาผ้าคลุมมาปิดจากนั้นหายตัวไปทันทีรอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏบนริมฝีปากของอ๋องเยี่ยน เซี่ยหลูโม่เอ๊ย ข้าจะให้เจ้าสูญเสียก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 470

    ณ หอต้าหลี่ ลี่ เจ้ากรมหลี่ใจร้อนจนนั่งไม่ติดที่แล้ว "ท่านอ๋อง ที่ท่านเชิญหมอมหัศจรรย์ดันมาที่นี่เพื่ออะไร หมอมหัศจรรย์ดันไม่เคยสัมผัสกับผู้เสียชีวิตมาก่อนเลย ไม่ว่าเขาจะมีทักษะทางการแพทย์เก่งมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นคนชันสูตรพลิกศพอยู่ดี"เซี่ยหลูโม่ยังคงใจเย็น และพูดว่า "ใจเน็นๆ ก่อน เจ้ากรมหลี่ คดีใหญ่เช่นนี้ทำให้เกิดโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราจัดการกับคดีนี้อย่างไม่ระมัดระวัง เผื่อกล่าวหาผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ยุติธรรม เราจะไม่ถูกประชาชนประณามเอาหรือ?"เจ้ากรมหลี่จัดการคดีต่างๆ ตลอดทั้งปี ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในคดีนี้มีข้อสงสัย แต่ผู้หญิงคนนั้นยอมรับความผิดแล้ว และมีพยานและหลักฐานทางกายภาพทั้งหมดเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน แล้วจะให้ตรวจสอบใหม่ทำไมกัน"มันเป็นเพียงการเสียเวลาชัดๆ การปล่อยให้นักโทษหญิงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหนึ่งวันถือเป็นการไม่เคารพคนตายที่นางสังหาร"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คดีนี้ผู้ว่าปิ้โจวตัดสินให้ประหารชีวิตญามฤดูใบไม้ร่วง บัดนี้เพิ่งเดือนเมษายนเท่านั้น เอกสารให้คนส่งเอกสารเร่งความเร็ว ไปกลับก็แค่หนึ่งเดือน เจ้ากรมหลี่จะใจร้อนทำไม?""เมื่อไหร่หมอมหัศจรรย์ดันจะม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 471

    หมอมหัศจรรย์ดันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา มีชื่อของยาหรือยาพิษหลายชนิดที่เขาระบุไว้ รวมถึงผลประโยชน์และผลข้างเคียงของยาแต่ละชนิดหมอมหัศจรรย์ดันให้พวกเขามองดูแวบหนึ่งก่อนอธิบายทีละอย่างให้ฟังประเภทแรกเรียกว่าไฟแห่งนรกซึ่งทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หลังจากกินแล้ว ความหลงใหลในหัวใจจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นมันจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอาการประสาทหลอนจำเป็นต้องใช้ยาแก้พิษ แต่ผู้หญิงคนนั้นฆ่าครอบครัวของตนเองเสร็จยังอยากจะตามล่าเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักรัฐมาถึงนางก็สงบลงแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เป็นไฟแห่งนรกประเภทที่สอง เห็ดร่มโล้น เป็นประเภทเห็ด ทำให้คนเกิดอาการประสาทหลอน บ้า และอาจทำร้ายตัวเองหรือฆาตกรรมได้ แต่ก่อนหน้านั้น จะต้องร้องไห้ หัวเราะ หรือเต้นอย่างบ้าคลั่งมาก่อน และเห็ดร่มโล้นนี้จะไม่ทำให้คนสร้างพลังมหาศาลพอที่จะทำให้ผู้หญิงอ่อนแอฆ่าคนได้สิบสองคนติดต่อกันได้ประเภทที่สามคือไส้เดือนฝอยเสน่ห์ ซึ่งเป็นแมลงเหมียวชนิดหนึ่งหรือที่เรียกว่าแมลงไสยศาสตร์ ไส้เดือนฝอยเสน่ห์จะเข้าสู่สมองของมนุษย์ จากนั้นมีบุคคลหนึ่งสามารถควบคุมพฤติกรรมของนาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 472

    หลังจากรายงานคดีนี้ต่อฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้ก็แต่งตั้งเจ้ากรมหลี่เป็นทูตเพื่อพาผู้คนไปที่ปิ้โจวตรวจสอบคดีนี้ และชิงเชวี่ยก็ติดตามไปด้วยการตรวจสอบคดีใหม่ ดำเนินการโดยเจ้ากรมของกระทรวงราชทัณฑ์ที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้ มันทำให้ประชาชนที่กำลังโกรธนั้นรู้สึกสงสัยเสิ่นชิงเหอไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นนั้นก็ออกบทความเกี่ยวกับคดีนี้ โดยสรุปประเด็นที่น่าสงสัยของคดีนี้ นักศึกษาเหล่านั้นที่เคยออกบทความเพื่อประณามเรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะความโกรธของประชาชน และพวกเขาเลือดร้อน อยากจะออกหน้าให้ผู้ตายในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้สิทธิของผู้ชายถูกยั่วยุอย่างไรก็ตามเมื่อเสิ่นชิงเหอออกหน้ามากล่าวว่าคดีนี้มีข้อสงสัย งั้นนักวิชาการเหล่านั้นก็เปลี่ยนคำพูดทันที แต่ไม่กล้าพูดอย่างยืนยัน แค่บอกว่าหวังว่าหลังจากการสอบสวนของทูตเสร็จแล้ว จะได้ความจริงมาปลอบใจผู้ตายจวนอ๋องเยี่ยนไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นผลลัพธ์เช่นนี้พวกเขาเชื่อว่าหากไม่ได้ผ่านการทบทวน ไม่ก็ถูกส่งตัวเอกสารกลับเพื่อการพิจารณาคดีใหม่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ชื่อเสียงของเซี่ยหลูโม่จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง และตำแหน่งของเขาในฐานะต้าหลี่ซื่อชิงก็ไม่รอดเช่นกันแต่พวกเขาไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 473

    เพื่อยืนยันว้าพลังของไส้เดือนฝอยเสน่ห์นี้ ชิงเชวี่ยสั่งคนนำไก่ตัวหนึ่งมา และให้ไก่ตัวนั้นกินเข้าไป จากนั้นรมยาเพื่อกระตุ้นพลังของไส้เดือนฝอย เมื่อทุกคนเห็นไก่ตัวนั้นดูเหมือนบ้าคลั่งขึ้นมา มันจะแค่จิกทุกคน และบินไปทั่วห้องโถง โหดร้ายเป็นพิเศษแม้แต่ไก่ชนท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุด เมื่อถูกนำมาต่อสู้กับมัน ก็โดนอีกฝ่ายจิกจนดวงตาข้างหนึ่งก็ถูกจิกออกไปในทันทีหลังจากที่ชิงเชวี่ยรมยาอีกครั้ง ไก่ตัวนั้นก็หยุดแล้วค่อยๆ อาเจียนไส้เดือนฝอยออกมานางพูดว่า "แมลงชนิดนี้เรียกว่าไส้เดือนฝอยเสน่ห์ และมันถูกควบคุมโดยคน เมื่อนางเหลียงกินมันเข้าไปนั้นเป็นเพียงไข่ ไข่แมลงนี้ไม่สามารถฆ่าได้ด้วยอุณหภูมิสูงและเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วก็ไหลตามเลือดจนขึ้นสมอง โดยปกติกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณครึ่งปีซึ่งสอดคล้องกับคำสารภาพของหมอสวีพอดี ตอนนี้ไส้เดือนฝอยได้โตขึ้นแล้ว ไม่ว่าเข้าไปร่างของผู้ใด ตราบใดที่ได้กลิ่นยาหรือถูกควบคุมโดยใครสักคน ก็สามารถให้คนที่โดนพิษนั้นทำอะไรบ้าคลั่งเช่นกัน"เมื่อทุกคนตกตะลึงอยู่ เจ้ากรมหลี่ก็พูดขึ้นว่า "เพระางั้นมีคนจงใจทำร้ายครอบครัวของพวกเขา อีกอย่างคิดแผนมาด้วย นางเหลียงเป็นแค่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 474

    เซี่ยหลูโม่ถามถึงหลานเอ่อร์ "ตอนนี้นางเป็นยังไงบ้าง อารมณ์ดีขึ้นหรือเปล่า? หลังจากเหลียงเส้าถูกไล่ออกจากตำแหน่ง น่าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้างสินะ"ซ่งซีซีส่ายหัว "คำก็รักแท้สองคำก็รักแท้ จะให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวได้อย่างไร ไม่เพียงไม่เจียมตัว บัดนี้แม้แต่เรือนของหลานเอ่อร์ก็ไม่เข้าไปแล้วด้วยซ้ำฉั""รักแท้เหรอ?" เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว "มันไม่เท่ากับดูหมิ่นสองคำนี้หรือ ยังมีภรรยารองอีกคนมิใช่หรือ ลูกสาวของพ่อค้าคนนั้น สตรีที่ออกเงินไถ่ให้หญิงงามเมืองเพื่อเขา""ตั้งแต่ที่นางเหวินเข้าจวนมา ยังไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย" ซ่งซีซีหยุดงานปักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "นางเหวินอายุเพียงสิบเจ็ดปีในปีนี้ ด้วยความช่องโหว่ระหว่างจวนเฉิงเอินป๋อกับครอบครัวของนาง หากนางอยากหนีออกไปจากนรกนั้นคงเป็นไม่ได้ นางก็เป็นเหยื่อที่เพื่อผลประโยชน์ของพ่อและพี่ชายด้วย คิดว่านางเต็มใจแต่งงานกับเหลียงเส้าเป็นฮูหยินรองจริงๆ หรือ?""ข้างนอกต่างลือนางเช่นนั้นจริงๆ" แม่นมเหลียงนำแกงเข้ามาด้วยตนเองพลางพูดซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้ารู้ โดยบอกว่านางเหวินเพื่อให้ฐานะครอบครัวเพิ่มขึ้น เกาะจวนป๋อเข้าเป็นอนุภรรยา นางทำด้วยสมัครใจ แต่ว่ามันทำด้

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1433

    ในห้องหนังสือ โคมไฟยังคงส่องสว่าง หลังจากฟังคำพูดของเสิ่นชิงเหอแล้ว ซ่งซีซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "เช่นนี้ ข้าจะได้หายไวๆ เสียที ข้ารู้สึกอึดอัดแทบบ้าแล้ว" อาจารย์หยูกล่าว "คืนนี้ช่างน่าหวาดเสียวเสียจริง" เสิ่นชิงเหอมองซ่งซีซี พลางถอนหายใจเบาๆ "หากเขาเอาอย่างเยี่ยนอ๋องจริงๆ เกรงว่าศิษย์น้องคงต้องทำตามแบบเซี่ยถิงเหยียนแล้วกระมัง" "เขารู้จักชั่งน้ำหนักผลลัพธ์" อาจารย์หยูกล่าว ซ่งซีซีรู้สึกหงุดหงิด "ข้าว่าเขาช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ตอนข้ายังเล็ก เขาสนิทสนมกับพี่ชายทั้งสองของข้าและมองข้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ต่อมาพอข้าเข้าราชสำนัก เขาก็ปฏิบัติต่อข้าในฐานะขุนนางโดยแท้ แล้วเหตุใดจู่ๆ เขาถึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้?" อาจารย์หยูกล่าว "มันใช่จะเกิดขึ้นกะทันหันหรือ? พระชายาอ๋องลืมหรือไม่ว่า ตอนที่กลับมาจากการกอบกู้หนานเจียง เขาเคยคิดจะให้ท่านเข้าไปในวังเป็นสนมของเขา" "ข้าเข้าใจมาตลอดว่า เขาต้องการใช้ข้าเพื่อบังคับให้ศิษย์น้องสละอำนาจในกองทัพเสียอีก" อีกทั้งในตอนนั้น ด้วยความที่ข้าเป็นบุตรีของซ่งฮวยอัน การให้ข้าเข้าวังยังเป็นการป้องกันไม่ให้ใครที่มีจิตคิดร้ายแต่งข้าไปอีกด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1432

    ภาพวาดของเสิ่นชิงเหอนั้นฝีมือประณีตยิ่งนัก ละเอียดอ่อนและสมจริงราวกับมีชีวิต ทุกคนมองดูภาพวาดบนกระดาษ จากนั้นจึงหันไปมองจักรพรรดิ์ซูชิงที่ยังประทับอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ทรงแสดงอาการอ่อนล้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระองค์ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในภาพนั้นแล้ว แม้แต่สีพระพักตร์ก่อนหน้านี้ก็เหมือนถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน รายละเอียดต่างๆ ไม่ถูกมองข้าม แม้แต่ริ้วรอยบางๆ รอบดวงพระเนตร เส้นผมสีขาวที่ข้างพระเกศา ปานสีดำเล็กๆ ใต้ริมพระโอษฐ์ด้านขวา และร่องพระโอษฐ์ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดไว้อย่างครบถ้วน แม้ว่าฉลองพระองค์จะยังไม่ได้ลงสี แต่ลวดลายบนฉลองพระองค์ก็ถูกวาดออกมาอย่างครบถ้วนไร้ข้อผิดพลาด จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรภาพของพระองค์เองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกพระหัตถ์แตะพระพักตร์ของพระองค์เอง “ข้าดูแก่ขึ้นจริงๆ” ตามปกติพระองค์แทบไม่ได้ส่องคันฉ่อว แม้จะส่องก็ไม่ได้ชัดเจนเท่านี้ “ฝ่าบาทมิได้แก่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทยังดูเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง” อู๋ต้าปั้นกล่าวประจบ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงแย้มพระสรวล ทอดพระเนตรอู๋ต้าปั้นพร้อมส่ายพระพักตร์เล็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1431

    จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะทรงได้สติขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ในวัง ไม่ได้ทรงเลื่อนลอยเหมือนก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงแย้มพระสรวล “ไม่ต้องเคร่งครัดนัก ทำตัวตามสบาย เฮ้อ ข้าเพียงรู้สึกอึดอัดในใจเลยอยากมาที่จวนอ๋องเพื่อสนทนากับอาจารย์เสิ่น” ซ่งซีซีจึงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมคงไม่ขัดพระองค์และศิษย์พี่ ขออนุญาตกลับไปพักผ่อน” “ไม่ต้องรีบไป ในเมื่อมาแล้วก็มาร่วมพูดคุยกันเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมองนางด้วยสายพระเนตรที่ดูเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งซีซีที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นต้องวางมือลงอีกครั้ง ตอบว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย กระหม่อมดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่หมอหลวงกำชับให้พักฟื้นบนเตียงสักระยะ” “อืม” จักรพรรดิ์ซูชิงพยักพระพักตร์ “บาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูก ควรต้องพักรักษาให้ดี” แม้พระองค์จะตรัสเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ทรงอนุญาตให้นางกลับไป ทั้งห้องจึงมีทั้งผู้ที่นั่งและยืนอยู่เงียบๆ เพื่อรอพระราชดำรัส ผ่านไปสักพัก จักรพรรดิ์ซูชิงทรงทำลายความเงียบขึ้นก่อน “มีอาหารว่างหรือไม่? ข้าหิวแล้ว” อู๋ต้าปั้นเมื่อได้ยินรีบกล่าว “ฝ่าบาทยังมิได้เสวยอาหารค่ำ รีบจัดเตร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1430

    ข่าวคราวเรื่องราวในห้องหนังสือและตำหนักฉือหนิงได้ถูกนำขึ้นกราบทูลถึงพระกรรณของจักรพรรดิ์ซูชิง ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกกระวนกระวายและอึดอัดพระทัยยิ่งนัก รวมทั้งการวางแผนงานตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้พระอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์ทรงยกเลิกการกักบริเวณฮองเฮา โดยแท้จริงแล้วก็เพื่อเตรียมตัวให้องค์ชายใหญ่ หากจะทรงแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ตำแหน่งนี้ย่อมไม่อาจมีมารดาที่ถูกกักบริเวณได้ ตอนแรกทรงคิดว่า ช่วงเวลากักบริเวณนี้ ฮองเฮาคงจะได้สำนึกผิด ทราบดีว่าการตามใจบุตรไม่ต่างอะไรกับการผลักดันบุตรไปสู่ความตาย แต่ใครจะคาดคิดว่าฮองเฮาไม่เพียงไม่สำนึกผิด กลับยิ่งเชื่อว่าการมีพระโอรสอยู่ใกล้ตัวจะช่วยเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งพระมเหสีของนาง เนื่องจากไม่ค่อยอยากอาหาร พระกระยาหารค่ำในวันนั้น พระองค์เสวยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อประทังพระอุทร ก่อนเสวยยา พระองค์จำเป็นต้องเสวยยา เพราะแต่ละวันผ่านไปนับเป็นกำไร แต่ด้วยวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพที่นับถอยหลังเข้ามาใกล้ หลังจากทรงวางแผนการ พระทัยกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พระองค์ทรงทราบดีว่าทุกคนล้วนต้องผ่านความตายนี้ แต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1429

    ฮองเฮาเลือกเวลาอย่างเหมาะสม ไปยังห้องหนังสือเพื่อรับองค์ชายใหญ่ แล้วจึงพากันกลับไปยังตำหนักฉือหนิงเพื่อถวายพระพรไทเฮา กลุ่มคนที่ตามหลังมานั้นอลังการยิ่งนัก แม้แต่องค์ชายใหญ่ยังถูกข้ารับใช้ตัวน้อยอุ้มกลับมา พอมาถึงประตูตำหนักจึงวางเขาลง ฮองเฮาจัดระเบียบอาภรณ์ให้เรียบร้อย แล้วจูงมือองค์ชายใหญ่เข้าไปด้านใน ทำความเคารพด้วยการคุกเข่าตามธรรมเนียม ถวายพระพรไทเฮาอย่างครบถ้วน แต่ไทเฮากลับมิทรงอนุญาตให้นางลุกขึ้นทันที เพียงเรียกองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ "วันนี้ไทฟู่ชมเจ้าหรือไม่?" องค์ชายใหญ่หดคอเล็กน้อย มองไทเฮาอย่างระมัดระวัง ก่อนตอบเสียงเบา "วันนี้ไทฟู่ลืมชมขอรับ" ฮองเฮาที่ยังคุกเข่าอยู่รีบเสริมว่า "เสด็จแม่ ไทฟู่เข้มงวดนัก มิชมผู้ใดง่ายๆ" แน่นอนว่าฮองเฮาหาได้ทราบไม่ว่า ไทเฮาเคยตกลงกับไทฟู่ว่าหากองค์ชายใหญ่ประพฤติดีและตั้งใจเรียน ไทฟู่จะกล่าวชมเมื่อตอนเลิกเรียน หากมิใช่ก็จะเงียบเสีย ด้วยเหตุนี้ ไทเฮาจึงทรงทราบถึงความประพฤติขององค์ชายใหญ่ในแต่ละวันโดยง่าย ไทเฮามิทรงตอบคำของฉีฮองเฮา เพียงตรัสกับองค์ชายใหญ่อย่างเรียบๆ ว่า "ยังจำกฎเกณฑ์ได้หรือไม่?" องค์ชายใหญ่หน้าซีด รีบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1428

    สองแม่ลูกพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรเกือบสองชั่วโมง หลังจากไทเฮาเสด็จกลับ จักรพรรดิ์ซูชิงมีพระราชโองการให้ปลดโทษกักบริเวณของฮองเฮา แต่ยังไม่คืนสิทธิ์การบริหารวังหลังให้ ฉีฮองเฮาเมื่อได้ยินคำประกาศจากอู๋ต้าปั้น ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไฉนถึงยกเลิกโทษกักบริเวณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ในทันใดนั้น นางก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะคำพูดที่ให้นักเลงปากมอมแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ได้ผล ฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ แต่จะส่งรัชทายาทไปเลี้ยงดูในวังไทเฮา เช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้น หลังจากนางได้รับการปลดโทษ นางไม่ได้รีบไปขอบคุณพระมหากษัตริย์ แต่เลือกไปที่โรงเรียนหลวงเพื่อเยี่ยมองค์ชายใหญ่ เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นฮองเฮา ทรงดีพระทัยจนสุดขีด ไม่สนใจว่าไทฟู่ยังสอนอยู่ รีบลุกขึ้นพุ่งตัวราวกับนกที่พ้นกรง กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของฉีฮองเฮา "เสด็จแม่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านจะพาลูกกลับไปเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ?" ฮองเฮาก้มลงจับบ่าของพระองค์ ลูบเส้นผม แล้วสังเกตดูอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าไม่ได้สวมเสื้อขนสัตว์ และตัวผอมลงมาก คางแหลม นางก็อดปวดใจไม่ได้ "เหตุใดเจ้าผอมเช่นนี้? ที่วังเสด็จย่าไม่ได้เลี้ยงดูอย่างดีหรือ?" องค์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1427

    รุ่งขึ้น เสนาบดีมู่มาถึงสำนักหมอหลวง บรรดาหมอหลวงทั้งหมด รวมทั้งเจ้าสำนักอยู่พร้อมหน้า เสนาบดีมู่ประทับนั่งลงก่อนมองพวกเขาด้วยแววตาหนักอึ้ง "ข้าถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว โรคของฝ่าบาท พวกเจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" เหล่าแพทย์เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อู๋ย่วนเจิ้งจะเงยหน้าที่ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนขึ้นมองเสนาบดีมู่แล้วส่ายหน้า "ไม่มีขอรับ" "ไม่มีเลยหรือ?" เสนาบดีมู่ถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ยอมแพ้ "แม้แต่ความหวังเล็กๆ หรือวิธีการสักนิด?" ในความเงียบงันอีกครั้ง ดวงตาของเสนาบดีมู่ค่อยๆ หมองลงจนไร้แสง เขาถอนหายใจยาว "หากระดมกำลังจากสำนักหมอหลวงทั้งหมด จะยืดเวลาออกไปได้ถึงสองปีหรือไม่?" อู๋ย่วนเจิ้งมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ท่านเสนาบดี โรคปอดทรุดนี้กำเริบอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สองปีเลย เพียงหนึ่งปีก็...ยากมากพ่ะย่ะค่ะ" ครั้งนี้ถึงคราวเสนาบดีมู่เงียบไปนาน ก่อนทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย" เขาค่อยๆ เดินออกจากสำนักหมอหลวง พลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ฤดูหนาวผ่านเข้ามาเร็วนัก อากาศยิ่งหนาวจนแทงกระดูก ไทเฮาดูเหมือนจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่แสงไฟในสำนักหมอหลวงสว่างตล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1426

    คืนนี้ เสนาบดีมู่พักอยู่ในวัง จักรพรรดิ์ซูชิงยังคงไม่ได้เสด็จไปยังฝ่ายใน หรือแม้แต่ห้องบรรทมของพระองค์เอง แต่กลับพักผ่อนอยู่บนเตียงลั่วฮั่นในห้องทรงพระอักษร เสนาบดีมู่มองพระองค์เสวยยาเสร็จ แล้วหยิบขนมหวานมอบให้ จักรพรรดิ์ซูชิงรับมาแต่ยังไม่เสวย ทรงยิ้มด้วยสายตา "จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเยาว์ เสด็จพ่อเคยทรงลงโทษข้าในห้องทรงพระอักษร พอออกมา ท่านเสนาบดีจะให้ขนมหวานข้าหนึ่งชิ้น พร้อมคำให้กำลังใจ" เสนาบดีมู่มองพระองค์ "ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็ยังจำได้ ฝ่าบาทเคยตรัสกับกระหม่อมว่า จะทรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าทำให้ท่านผิดหวังหรือไม่?" จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยขนมหวานเข้าไป น้ำเสียงจึงพร่ามัว เสนาบดีมู่กล่าว "ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ ในใจของกระหม่อม ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าไม่ใช่" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยความเศร้าหมอง "ข้ายังมีปณิธานอีกมาก แต่เกรงว่าจะไม่มีโอกาสทำได้" "สำนักหมอหลวงยังไม่ได้ลงความเห็นแน่ชัด ฝ่าบาทไม่ควรทรงหมดกำลังใจ" เสนาบดีมู่กล่าวปลอบ แม้ถ้อยคำจะดูแห้งแล้ง "ข้าเพียงมีเรื่องให้เสียใจอยู่บ้าง แต่ยิ่งกว่านั้น ข้าคิดการณ์ใหญ่" จักรพรรดิ์ซูชิงเอนกายลงบน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1425

    เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ทำให้ซ่งซีซีสมองมึนงง คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต องค์ชายใหญ่แทบไม่มีข้อกังขาว่าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และคาดว่าไม่นานตำแหน่งองค์รัชทายาทจะถูกแต่งตั้ง เมื่อฮ่องเต้หนุ่มเยาว์ขึ้นครองราชย์ จำเป็นต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และไม่ใช่เพียงคนเดียว ซึ่งจะทำให้ราชสำนักแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย สถานการณ์ในราชสำนักจะวุ่นวาย หากไม่มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการ อาจเป็นไทเฮาหรือฉีฮองเฮาที่ปกครองราชสำนักแทน ฮองเฮาเป็นคนทะเยอทะยาน แม้ตอนนี้ถูกกักบริเวณก็ยังคงวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ ตระกูลฉีมีอำนาจใหญ่โต แม้ช่วงนี้จะถูกฝ่าบาทกดดัน แต่หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต และองค์ชายใหญ่ขึ้นครองราชย์ ตระกูลฉีก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง ใครจะไม่อยากได้อำนาจ? เสนาบดีมู่ชราภาพและมีความคิดที่จะวางมือ แม้เขาอยากจะช่วยค้ำจุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นอาจไม่เอื้ออำนวย นี่เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หากฝ่าบาทเหลือเวลาเพียงหนึ่งปี พระองค์ย่อมจะกวาดล้างอุปสรรคและภัยคุกคามทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้องค์ชายใหญ่ก่อนเสด็จสวรรคต และจวนเป่ยหมิงอ๋องก็คือภัยคุกคามที่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status