แชร์

บทที่ 470

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ณ หอต้าหลี่ ลี่ เจ้ากรมหลี่ใจร้อนจนนั่งไม่ติดที่แล้ว "ท่านอ๋อง ที่ท่านเชิญหมอมหัศจรรย์ดันมาที่นี่เพื่ออะไร หมอมหัศจรรย์ดันไม่เคยสัมผัสกับผู้เสียชีวิตมาก่อนเลย ไม่ว่าเขาจะมีทักษะทางการแพทย์เก่งมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นคนชันสูตรพลิกศพอยู่ดี"

เซี่ยหลูโม่ยังคงใจเย็น และพูดว่า "ใจเน็นๆ ก่อน เจ้ากรมหลี่ คดีใหญ่เช่นนี้ทำให้เกิดโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราจัดการกับคดีนี้อย่างไม่ระมัดระวัง เผื่อกล่าวหาผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ยุติธรรม เราจะไม่ถูกประชาชนประณามเอาหรือ?"

เจ้ากรมหลี่จัดการคดีต่างๆ ตลอดทั้งปี ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในคดีนี้มีข้อสงสัย แต่ผู้หญิงคนนั้นยอมรับความผิดแล้ว และมีพยานและหลักฐานทางกายภาพทั้งหมดเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน แล้วจะให้ตรวจสอบใหม่ทำไมกัน

"มันเป็นเพียงการเสียเวลาชัดๆ การปล่อยให้นักโทษหญิงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหนึ่งวันถือเป็นการไม่เคารพคนตายที่นางสังหาร"

เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คดีนี้ผู้ว่าปิ้โจวตัดสินให้ประหารชีวิตญามฤดูใบไม้ร่วง บัดนี้เพิ่งเดือนเมษายนเท่านั้น เอกสารให้คนส่งเอกสารเร่งความเร็ว ไปกลับก็แค่หนึ่งเดือน เจ้ากรมหลี่จะใจร้อนทำไม?"

"เมื่อไหร่หมอมหัศจรรย์ดันจะม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 471

    หมอมหัศจรรย์ดันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา มีชื่อของยาหรือยาพิษหลายชนิดที่เขาระบุไว้ รวมถึงผลประโยชน์และผลข้างเคียงของยาแต่ละชนิดหมอมหัศจรรย์ดันให้พวกเขามองดูแวบหนึ่งก่อนอธิบายทีละอย่างให้ฟังประเภทแรกเรียกว่าไฟแห่งนรกซึ่งทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หลังจากกินแล้ว ความหลงใหลในหัวใจจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นมันจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอาการประสาทหลอนจำเป็นต้องใช้ยาแก้พิษ แต่ผู้หญิงคนนั้นฆ่าครอบครัวของตนเองเสร็จยังอยากจะตามล่าเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักรัฐมาถึงนางก็สงบลงแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เป็นไฟแห่งนรกประเภทที่สอง เห็ดร่มโล้น เป็นประเภทเห็ด ทำให้คนเกิดอาการประสาทหลอน บ้า และอาจทำร้ายตัวเองหรือฆาตกรรมได้ แต่ก่อนหน้านั้น จะต้องร้องไห้ หัวเราะ หรือเต้นอย่างบ้าคลั่งมาก่อน และเห็ดร่มโล้นนี้จะไม่ทำให้คนสร้างพลังมหาศาลพอที่จะทำให้ผู้หญิงอ่อนแอฆ่าคนได้สิบสองคนติดต่อกันได้ประเภทที่สามคือไส้เดือนฝอยเสน่ห์ ซึ่งเป็นแมลงเหมียวชนิดหนึ่งหรือที่เรียกว่าแมลงไสยศาสตร์ ไส้เดือนฝอยเสน่ห์จะเข้าสู่สมองของมนุษย์ จากนั้นมีบุคคลหนึ่งสามารถควบคุมพฤติกรรมของนาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 472

    หลังจากรายงานคดีนี้ต่อฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้ก็แต่งตั้งเจ้ากรมหลี่เป็นทูตเพื่อพาผู้คนไปที่ปิ้โจวตรวจสอบคดีนี้ และชิงเชวี่ยก็ติดตามไปด้วยการตรวจสอบคดีใหม่ ดำเนินการโดยเจ้ากรมของกระทรวงราชทัณฑ์ที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้ มันทำให้ประชาชนที่กำลังโกรธนั้นรู้สึกสงสัยเสิ่นชิงเหอไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นนั้นก็ออกบทความเกี่ยวกับคดีนี้ โดยสรุปประเด็นที่น่าสงสัยของคดีนี้ นักศึกษาเหล่านั้นที่เคยออกบทความเพื่อประณามเรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะความโกรธของประชาชน และพวกเขาเลือดร้อน อยากจะออกหน้าให้ผู้ตายในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้สิทธิของผู้ชายถูกยั่วยุอย่างไรก็ตามเมื่อเสิ่นชิงเหอออกหน้ามากล่าวว่าคดีนี้มีข้อสงสัย งั้นนักวิชาการเหล่านั้นก็เปลี่ยนคำพูดทันที แต่ไม่กล้าพูดอย่างยืนยัน แค่บอกว่าหวังว่าหลังจากการสอบสวนของทูตเสร็จแล้ว จะได้ความจริงมาปลอบใจผู้ตายจวนอ๋องเยี่ยนไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นผลลัพธ์เช่นนี้พวกเขาเชื่อว่าหากไม่ได้ผ่านการทบทวน ไม่ก็ถูกส่งตัวเอกสารกลับเพื่อการพิจารณาคดีใหม่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ชื่อเสียงของเซี่ยหลูโม่จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง และตำแหน่งของเขาในฐานะต้าหลี่ซื่อชิงก็ไม่รอดเช่นกันแต่พวกเขาไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 473

    เพื่อยืนยันว้าพลังของไส้เดือนฝอยเสน่ห์นี้ ชิงเชวี่ยสั่งคนนำไก่ตัวหนึ่งมา และให้ไก่ตัวนั้นกินเข้าไป จากนั้นรมยาเพื่อกระตุ้นพลังของไส้เดือนฝอย เมื่อทุกคนเห็นไก่ตัวนั้นดูเหมือนบ้าคลั่งขึ้นมา มันจะแค่จิกทุกคน และบินไปทั่วห้องโถง โหดร้ายเป็นพิเศษแม้แต่ไก่ชนท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุด เมื่อถูกนำมาต่อสู้กับมัน ก็โดนอีกฝ่ายจิกจนดวงตาข้างหนึ่งก็ถูกจิกออกไปในทันทีหลังจากที่ชิงเชวี่ยรมยาอีกครั้ง ไก่ตัวนั้นก็หยุดแล้วค่อยๆ อาเจียนไส้เดือนฝอยออกมานางพูดว่า "แมลงชนิดนี้เรียกว่าไส้เดือนฝอยเสน่ห์ และมันถูกควบคุมโดยคน เมื่อนางเหลียงกินมันเข้าไปนั้นเป็นเพียงไข่ ไข่แมลงนี้ไม่สามารถฆ่าได้ด้วยอุณหภูมิสูงและเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วก็ไหลตามเลือดจนขึ้นสมอง โดยปกติกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณครึ่งปีซึ่งสอดคล้องกับคำสารภาพของหมอสวีพอดี ตอนนี้ไส้เดือนฝอยได้โตขึ้นแล้ว ไม่ว่าเข้าไปร่างของผู้ใด ตราบใดที่ได้กลิ่นยาหรือถูกควบคุมโดยใครสักคน ก็สามารถให้คนที่โดนพิษนั้นทำอะไรบ้าคลั่งเช่นกัน"เมื่อทุกคนตกตะลึงอยู่ เจ้ากรมหลี่ก็พูดขึ้นว่า "เพระางั้นมีคนจงใจทำร้ายครอบครัวของพวกเขา อีกอย่างคิดแผนมาด้วย นางเหลียงเป็นแค่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 474

    เซี่ยหลูโม่ถามถึงหลานเอ่อร์ "ตอนนี้นางเป็นยังไงบ้าง อารมณ์ดีขึ้นหรือเปล่า? หลังจากเหลียงเส้าถูกไล่ออกจากตำแหน่ง น่าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้างสินะ"ซ่งซีซีส่ายหัว "คำก็รักแท้สองคำก็รักแท้ จะให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวได้อย่างไร ไม่เพียงไม่เจียมตัว บัดนี้แม้แต่เรือนของหลานเอ่อร์ก็ไม่เข้าไปแล้วด้วยซ้ำฉั""รักแท้เหรอ?" เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว "มันไม่เท่ากับดูหมิ่นสองคำนี้หรือ ยังมีภรรยารองอีกคนมิใช่หรือ ลูกสาวของพ่อค้าคนนั้น สตรีที่ออกเงินไถ่ให้หญิงงามเมืองเพื่อเขา""ตั้งแต่ที่นางเหวินเข้าจวนมา ยังไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย" ซ่งซีซีหยุดงานปักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "นางเหวินอายุเพียงสิบเจ็ดปีในปีนี้ ด้วยความช่องโหว่ระหว่างจวนเฉิงเอินป๋อกับครอบครัวของนาง หากนางอยากหนีออกไปจากนรกนั้นคงเป็นไม่ได้ นางก็เป็นเหยื่อที่เพื่อผลประโยชน์ของพ่อและพี่ชายด้วย คิดว่านางเต็มใจแต่งงานกับเหลียงเส้าเป็นฮูหยินรองจริงๆ หรือ?""ข้างนอกต่างลือนางเช่นนั้นจริงๆ" แม่นมเหลียงนำแกงเข้ามาด้วยตนเองพลางพูดซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้ารู้ โดยบอกว่านางเหวินเพื่อให้ฐานะครอบครัวเพิ่มขึ้น เกาะจวนป๋อเข้าเป็นอนุภรรยา นางทำด้วยสมัครใจ แต่ว่ามันทำด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 475

    เป่าจูรีบวิ่งออกไปนำน้ำชามาให้ น้ำชาเต็มๆ ค่อยๆ เทให้นางลงในถ้วยนางดื่มไปอีกถ้วยหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ท่านหญิงตั้งหน้าตั้งตารอเขามาอยู่เลย ดังนั้นเมื่อเขามาเราเลยไม่ได้ห้าม โดยคิดว่าสามีภรรยากันมีความเข้าใจผิดกันย่อมอธิบายได้ พูดกันดีๆ อย่างน้อยก่อนที่เด็กจะคลอดออกมา ท่านหญิงจะมีอารมณ์ดีๆ อย่าเอาแต่ร้องไห้ตามลำพังในตอนกลางคืนตลอด"ซ่งซีซีเริ่มกังวล "เขาเข้าไปดุหลานเอ่อร์หรือ?""ดุเหรอ? หากแค่ดุข้าจะไม่ลงมือกับเขาหรอก เขาผลักท่านหญิง ผลักท่านหญิงให้ท้องของนางชนที่มุมโต๊ะ ท่านหญิงเจ็บปวดมากจนเหงื่อออก ข้าเลยเข้าไปซัดเขา""ผลักหลานเอ่อร์ สถานการณ์ของหลานเอ่อร์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" ซ่งซีซีรีบถามขึ้น"ตามหาหมอประจำจวนมาตรวจให้แล้ว เด็กในท้องอันตรายมาก ต้องพักฟื้นในเตียงหนึ่งเดือน" ศิษย์พี่ซือโซดื่มน้ำชาอีกถ้วย "เนื่องจากท่านหญิงเอาแต่เรียกหาท่านแม่ ข้าจึงไปที่จวนอ๋องฮวยก่อนเพื่อให้พวกเขาไปเยี่ยมท่านหญิงสักหน่อย"ศิษย์พี่ซือโซหยุดพูดอยู่นาน ซึ่งทำให้ทุกคนใจร้อนมาก ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้งว่า "พวกเขาไปแล้วหรือยัง?""ไม่ไป!" ศิษย์พี่ซือโซดื่มน้ำชาอีกถ้วย "วันนี้ข้ากระหายน้ำมากจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 476

    จิ้งซินอยู่กับไทเฟยมาโดยตลอด ดังนั้นในตอนแรกนางก็อยากจะไปด้วยกัน แต่ซ่งซีซี ให้นางอยู่ต่อโดยพูดว่า "ที่เรือนข้ายังขาดแคลนคนใช้ เจ้าคอยรับใช้ที่เรือนของข้าก่อน"จิ้งซินหรี่ตาลง "เจ้าค่ะ!"นางหยุดฝีเท้า และไม่ได้ตามไป แต่มีความตื่นตระหนกในดวงตาของนาง หรือว่าพระชายามองอะไรออกแล้วหรือ?เห็นแค่ซ่งซีซียิ้มสดใส "ข้าได้ยินจากเสด็จแม่ว่าเจ้าหวีผมได้ดี นับจากนี้ไปเจ้ามาหวีผมให้ข้าในเรือนของข้า"เมื่อเห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของพระชายา จิ้งซินจึงถามว่า "พระชายา ปกติเป็นเป่าจูหวีผมให้ท่านโดยตลอด หากข้าน้อยแย่งหน้าที่ของเป่าจูไปคงจะไม่ดีกระมัง"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้ามีภารกิจอื่นให้เป่าจูทำ ไม่มีคำว่าแย่งชิง เจ้าไม่ต้องกังวล"จิ้งซินถึงกับโล่งใจได้เล็กน้อย "เจ้าค่ะ ตราบใดที่ไทเฟยเห็นด้วย ข้าน้อยจะไปที่เรือนดอกบ๊วยเพื่อรับใช้พระชายาเจ้าค่ะ"นางแอบมองท่านอ๋องอย่างลับๆ และเห็นว่า ท่านอ๋องไม่โต้ตอบอะไร สีหน้าของเขาไม่แยแส และเห็นๆ อยู่ว่าไม่เหมือนท่าทีที่เกิดความสงสัยอะไรเลยจวนเฉิงเอินป๋อสว่างไสวสองสามีภรรยาเฉิงเอินป๋อ นายท่านและฮูหยินอื่นๆ จากบ้านอื่นต่างก็ออกมาต้อนรับสนมฮุ่ยไทเฟยด้วยสนมฮ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 477

    เมื่อหลานเอ่อร์ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนนี้ นางก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกแม้ว่าศิษย์พี่ซือโซจะเล่าเรื่องที่ไปที่มาให้ฟังแล้ว แต่สาวใช้ข้างกายของหลานเอ่อร์ก็ยังคงร้องไห้พลางเล่าซ้ำอีกครั้ง"ตั้งแต่ท่านซื่อจื่อถูกไล่ออกจากตำแหน่ง นางก็ถูกขังบริเวณเช่นกัน แต่ท่านหญิงของเราก็ไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน ท่านซื่อจื่อโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่ท่านหญิงของเรา ตอนที่ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าได้เจอมาสองครั้ง เอาแต่ชี้หน้าท่านหญิงของเราพลางด่าว่านางออกไปพูดไปเรื่อย เลยทำให้นางโดนอวี้ฉื่อไปร้องเรียน""ถึงแม้ว่าฮูหยินจะปกป้องท่านหญิง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าปกป้องท่านซื่อจื่อ โดยบอกว่าถึงแม้คุณหนูของเราจะเป็นท่านหญิง แต่นางก็แต่งงานเข้าจวนเฉิงเอินป๋อแล้ว ดังนั้นทุกอย่างต้องให้สามีมาก่อน ไม่ควรพูดไม่ดีกับสามีของตนเองแม้แต่คำเดียวให้คนนอกรู้ ไม่งั้นก็ถือว่าละเลยต่อหน้าที่ที่เป็นภรรยาเอก""เช่นเดียวกับวันนี้ เห็นๆ อยู่ว่าอนุเยียนหลิวมายั่วก่อน ท่านหญิงของเราแค่ไปพบหน้านาง ยังไม่ทันจะพูดอะไร นางก็ล้มลงกับพื้น แล้วท่านซื่อจื่อก็มาเอาเรื่องด้วยความโกรธ ยังลงไม้ลงมือผลักท่านหญิงไปชนกับมุมโต๊ะ"หงเอ๋อร์ปาดน้ำตาพลางชี้ไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 477

    ขณะอยู่บนรถม้า เสิ่นว่านจือได้บอกคำพูดของลูกสะใภ้ของนางโดยบอกให้นางให้ทำท่าสุภาพก่อนแล้วค่อยวางอำนาจหลังจากไปถึงจวนเฉิงเอินป๋อ หลังจากที่ได้เห็นสถานการณ์ที่น่าสังเวชของหลานเอ่อร์ นางจะต้องแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดออกมา เพื่อทำให้ทุกคนในนั้นหวาดกลัว รวามฮูหยินผู้เฒ่าของจวนเฉิงเอินป๋อด้วยเสิ่นว่านจือนำเยียนหลิวเข้ามา จากนั้นเตะนางล้มลงไปที่พื้น "นังตัวดีคนนี้แหละ กล้ามาเล่นลูกไม้ต่อหน้าท่านหญิง ทางจวนป๋อจะไม่มีผู้ใดยอมออกหน้าช่วยท่านหญิง ล้วนเข้าข้างนังตัวดีคนนี้ แล้วแต่พระสนมไทเฟยมาจัดการเองเจ้าค่ะ"ฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็เกลียดผู้หญิงคนนี้มากเช่นกัน แต่นางรู้ว่านางเป็นสุดที่รักของบุตรชาย และบุตรชายก็เป็นสุดที่รักของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย นี่ถึงเป็นเหตุผลที่ยอมเก็บนางไว้ในจวนตอนนี้เมื่อเห็นนางถูกเสิ่นว่านจือเตะลงกับพื้น มีสภาพไม่น่ามอง ต้องยอมรับว่าในใจก็ค่อนข้างสะใสสนมฮุ่ยไทเฟยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น นางแค่ถามเบาๆ ว่า "ไม่รู้ว่าจวนเฉิงเอินป๋อมีกฎอะไรบ้าง แต่หากอยู่ในวัง ถ้านางสนมคนใดกล้ารุกรานหวงโฮ่ว หรือใส่ร้ายหวงโฮ่ว หากไม่ฆ่าตัวตายด้วยด้ายสาวก็ใช้สุราพิษ จวนป๋อไม่มีพวกนี้หรือ หากไม่ด้

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status