จ้านเส้าฮวนปิดหน้าแล้วโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านแม่ พี่ชายตบหน้าข้า"ฮูหยินผู้เฒ่าลูบหลังนางเพื่อปลอบใจและมองดูจ้านเป่ยว่างด้วยสีหน้าผิดหวัง "เจ้าที่เป็นพี่ชายไปลงไม้ลงมือกับนางเพียงเพื่อคำพูดไม่กี่คำของนาง มันจะไม่ทำให้นางต้องเสียใจหรือ สิ่งที่นางทำพวกนั้น แม้ว่าจุดประสงค์ไม่ได้เพื่อเจ้า แต่จะว่าไปสุดท้ายเจ้าจะเป็นฝ่ายได้ผลประโยชน์ด้วย""ท่านแม่ ที่ข้าลงมือกับนางเพราะนางพูดจาหยาบคายและไม่เคารพพี่สะใภ้ตนเอง" จ้านเป่ยว่างพูดด้วยความโกรธเคืองหวังชิงหลูรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แม้ว่าเพื่อที่เขาจะปกป้องให้ตนเองเช่นนี้ แล้วสิ่งที่นางทำทั้งหมดก็คุ้มค่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองหวังชิงหลู แล้วพูดว่า "เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ให้ข้าคุยกับนาง"จ้านเป่ยว่างรู้สึกว่าน่ารำคาญ และในใจก็หงุดหงิดมาก จากนั้นก็สาวเท้าออกไปเมื่อหวังชิงหลูเห็นเช่นนี้ก็รู้ว่าเขาคงโกรธมากจึงไล่เขาออกไปและจับแขนของเขาไว้ "ท่านสามี ด้วยความท่านปกป้องข้าแบบนี้ในคืนนี้ ข้าจะช่วยอนาคตของท่านอย่างแน่นอน"ร่างกายของจ้านเป่ยว่างแข็งทื่อความรู้สึกเศร้าค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจของเขาในความเป็นจริง ที่เขาลงมือกับจ้
ซ่งซีซีเห็นนางมีสีหน้าไม่ดี เลยให้คนใช้นำอาหารบำรุงร่างกายมาให้ อาหารบำรุงนั้นเดิมทีนางทำเพื่อให้ตนเอง ท่านอ๋องบอกว่ากลัวนางจะมีโรคจำตัวทิ้งไว้เนื่องจากออกศึกมาก่อน เลยให้นางบำรุงร่างกายให้ตลอดซ่งซีซีได้ยินนางหายใจถี่ ดูเหมือนนางจะซ่อนความโกรธเอาไว้ ดังนั้นจึงพูดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเองเลย เรื่องเมื่อคืนไม่เกี่ยวกับท่านด้วยนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางดื่มอาหารบำรุงลง และเอามือปิดหน้าอกเอาไว้เป็นเวลานานก่อนที่นางจะพูดช้าๆ ว่า "ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับจวนโหวผิงหยาง แต่ท่านหญิงเจียอี้เป็นสมาชิกของจวนโหวผิงหยางของข้าอยู่แล้ว เรื่องที่ไปที่มาของเหตุการณ์เมื่อวาน ข้าเห็นกับตาเอง นางอยากทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋อง กลับไม่คิดว่าจะมาตกที่สามีของตนเอง นางหาเรื่องใส่ตนเองอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ก็บีบบังคับให้จวนโหวของข้าจำเป็นต้องยอมรับจ้านเส้าฮวนไป"ซ่งซีซีรู้ว่าจะเป็นผลลัพธ์แบบนี้ จวนโหวผิงหยางให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากที่สุด แม้ว่าถูกเจียอี้ทำให้เสียหายมาไม่น้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมักจะช่วยแก้ปัญหาให้นางตลอด ลู
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางกลับแล้ว สนมฮุ่ยไทเฟยก็มาที่ห้องโถงดอกไม้อย่างเร่งรีบแต่เห็นเพียงซ่งซีซีกำลังดื่มชาช้าๆ ตามลำพัง ดูท่าทางครุ่นคิด นางจึงถามว่า "ไหนบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมานี่ ข้ายังเร่งฝีเท้ามาเพื่อพูดคุยกับนางสักหน่อย"ซ่งซีซียืนขึ้นแล้วคารวะให้ "เสด็จแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งกลับไปสักพัก""กลับแล้วหรือ?" สนมฮุ่ยไทเฟยหอบพลางนั่งลง "ไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยกับข้าหรือ?"นางผิดหวังเล็กน้อย เพระาเดิมทีคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมาหานางที่นางอิจฉาองค์หญิงใหญ่มากเพราะมักจะมีฮูหยินชั้นสูงมากมายไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่"มาตามหาท่าน แต่ได้ยินมาว่าท่านยังเมาค้างอยู่ นางไม่กล้ารบกวนเลยกลับก่อนแล้ว" ซ่งซีซีรู้ว่านางกำลังคิดอะไรทันทีที่มองหน้านางความคิดของแม่สามีคนนี้คาดเดาได้ง่ายมาก"ข้าเผลอดื่มเยอะไปหน่อย" สนมฮุ่ยไทเฟยนึกถึงความโกรธเกรี้ยวของบุตรชายตนเองเมื่อคืนนี้ และจ้องมองซ่งซีซีอย่างระมัดระวัง "คือ โม่เอ๋อไม่ได้ทำอะไรเจ้าในเมื่อคืนนี้ใช่ไหม"ซ่งซีซีไอแล้วพูดว่า "เปล่าหรอก แค่โดนเขาหาว่าสองสามคำก็จบเรื่องแล้ว""เพียงหาว่าสองสาม?" สนมฮุ่ยไทเฟยเห็นว่านางดูแปลกๆ เลย
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเลิกประชุม ฮ่องเต้เรียกเซี่ยหลูโม่อยู่ต่อตามลำพังเขามีเอกสารมากมายยังไม่ได้ตรวจ กลับให้อู๋ต้าปั้นจัดกระดานหมากรุก โดยบอกว่าเขาไม่ได้เล่นหมากรุกกับเซี่ยหลูโม่มานานแล้วเซี่ยหลูโม่ยกชายเสื้อเครื่องแบบขึ้นยัดไว้ในเข็มขัดแล้วนั่งลงอย่างตรงๆ "อ่านเอกสารคดีทุกวันซึ่งทำให้กระหม่อมรู้สึกเวียนหัวเอาเสีย บัดนี้สามารถอู้งานทำตามคำสั่ง กระหม่อมขอบพระทัยบุญคุณจากฝ่าบาทพะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองดูการกระทำของเขาแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมยังทำกับตอนที่เจ้าอยู่ในกองทัพล่ะ? จะดูหยาบคายหรือไม่? บัดนี้เจ้าเป็นต้าหลี่ซื่อชิง ซึ่งเป็นชุนนางระดับชั้นสองในราชสำนัก ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองบ้าง""อยู่ต่อหน้าเสด็จพี่ของตนเอง จะสนใจภาพลักษณ์อะไรอีกล่ะ" เซี่ยหลูโม่ยิ้มอย่างสดใสโดยเผยให้เห็นฟันขาวใหญ่สองแถว"เจ้าทำอะไรไม่เกรงกลัวต่อหน้าพระชายาด้วยเหรอ?" ฮ่องเต้หยิบเม็ดหมากขาวด้วยนิ้วเรียวยาวแล้วค่อยๆ วางมันลงเซี่ยหลูโม่หยิบเม็ดหมากดำ ดวงตาของเขาราวกับเม็ดหมากดำนี้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ "พระชายาของตนเอง แน่นอนว่าจะมากกว่านี้หน่อย"ฮ่องเต้มองดูเขาแล้วยิ้ม "ได้ยินว่าในงานวันเกิดเสด็จน้ามีคนอยากเป็นคนขอ
"จะไม่อยากมีบุตรได้อย่างไร ข้ายังหวังว่าวังหลานจะมีเด็กเยอะๆ เขาห่างกันกับข้าไม่กี่ปีเอง ตามหลักแล้วคนในวัยเดียวกับเขาควรจะเป็นพ่อคนแล้ว"อู๋ต้าปั้นพูดเบาๆ "บางที ท่านอ๋องก็ตระหนักถึงความกังวลของฝ่าบาทด้วย และเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง ฝ่าบาทยังจำได้ไหม? เมื่อตั้งแต่เด็กจนโต ท่านอ๋องก็เห็นฝ่าบาทเป็นตัวอย่างมาตลอด และภูมิใจในตัวฝ่าบาท เมื่อเขาพูดถึงพี่รัชทายาทข้างนอกเขาก็ดูภูมิใจมากทีเดียว"หลังจากที่อู๋ต้าปั้นพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้ก็คิดถึงเรื่องอดีตมากมาย และดวงตาของเขาก็นุ่มนวลลงไม่น้อยหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็ถอนหายใจลึกๆ "ข้า บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป!"อู๋ต้าปั้นเติมน้ำชาให้เขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากติดตามฮ่องเต้มาหลายปี เขารู้ว่าการถอนหายใจอย่างกะทันหันของฮ่องเต้ เป็นเพียงการคำนึงถึงความเป็นพี่น้องในอดีตในชั่วขณะ และมันจะไม่ทำให้เขาระมัดระวังน้อยลงแม้แต่น้อยที่ท่านอ๋องไม่ต้องการมีบุตรในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดไม่มีบุตร อย่างน้อยฮ่องเต้ก็สามารถวางใจสักหน่อย บัดนี้เพิ่มยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาไม่นาน ขุนนางต่างๆ ในราช
เซี่ยหลูโม่พยักหน้าและมองดูซ่งซีซีด้วยความชื่นชมอย่างไม่หยุดยั้ง "ใช่ มีคนในครอบครัวทั้งหมดสิบสามคนรวมทั้งนางด้วย นางฆ่าไปสิบสองคน พ่อสามี สามีของนาง และบุตรชายสามคน ห้าคนนี้ล้วนเป็นคนแข็งแกร่ง และแม่สามี บุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหลือเพียงคนรับใช้ไม่กี่คน แต่ปัญหาติดที่ว่าคดีนี้เกิดขึ้นในตอนเย็น ไม่ใช่ตอนดึกที่ทุกคนหลับใหลอยู่ หลังกินข้าวเสร็จ นางจู่ๆ ก็หยิบมีดจากครัวแล้วฟันทุกคนจนตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวรยุทธ์ อีกอย่างต้องกินยาตลอด""คนป่วยเรื้อรังที่มีนิสัยใจร้าย ต่อให้นางสามารถฆ่าคนหนึ่งได้ก็จะถูกห้ามเอาไว้ทันที หรือว่าทุกคนถูกวางยาพิษ แล้วทั้งหมดหมดสติหรือเปล่า?""ไม่ พวกเขาต่างมีสติอยู่ และมีเพื่อนบ้านมาเห็นกับตา ผู้หญิงคนนั้นราวกับถูกผีเข้าสิงและมีพลังมาก เห็นผู้ใดก็ฆ่าทั้งนั้น หากมิใช่เพื่อนบ้านพวกนั้นวิ่งเร็วแล้ววิ่งกลับบ้านแล้วปิดประตูไว้ คาดว่าพวกเขาก็จะต้องโดนฆ่าด้วย อีกอย่างสำนักรัฐประจำท้องถิ่นได้ตรวจสอบบาดแผลนั้นสอดคล้องกับอาวุธสังหาร"ซ่งซีซีเข้าใจว่าทำไมเขาไม่อนุมัติการทบทวนโทษประหารชีวิตเพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้จริงๆเพียงแต่ได้ก่อโกลาหลครั้งให
สายตาของอ๋องเยี่ยนไม่แยแส และเขาก็หมุมแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา "ยังไม่เพียงพอ ให้กระจายข่าวต่อไปและพูดว่าเป่ยหมิงอ๋องเซี่ยหลูโม่แก้ต่างให้นักโทษหญิงคนนั้น จุดประสงค์ของเขาคือการพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถพอที่จะดำรงตำแหน่งต้าหลี่ซื่อชิง และเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหา และโลภผลงาน อีกอย่างให้เน้นย้ำว่าเขาเป็นขุนนางฝ่ายทหาร ไม่ถนัดเรื่องกฎหมาย""อีกอย่าง ให้ลือกันว่าฮ่องเต้ยังถูกเขาหลอกเช่นกัน เนื่องจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขาและทำให้ฮ่องเต้ต้องไว้หน้าให้เขาด้วย"ชายคนนั้นถามว่า "ท่านอ๋องเชื่อใจขนาดนั้นว่าเขาจะตรวจสอบใหม่หรือ?""มีข้อสงสัย แน่นอนว่าจะทำ" อ๋องเยี่ยนยิ้มเบาๆ ด้วยความเย็นชาที่กระหายเลือดฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา "ข้ารู้จักเขาดี เขาจริงจังกับชีวิตมนุษย์คน ใครก็ตามที่จริงจังกับชีวิตมนุษย์คนก็ย่อมจะระมัดระวังเป็นพิเศษ ข้อสงสัยนี้หากเขาไม่เอาไปตรวจสอบใหม่ เขาโน้มน้าวตนเองไม่ได้หรอก""ขอรับ ข้าน้อยรู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี" ชายคนนั้นโค้งคำนับแล้วออกไป พอถึงหน้าประตูก็เอาผ้าคลุมมาปิดจากนั้นหายตัวไปทันทีรอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏบนริมฝีปากของอ๋องเยี่ยน เซี่ยหลูโม่เอ๊ย ข้าจะให้เจ้าสูญเสียก
ณ หอต้าหลี่ ลี่ เจ้ากรมหลี่ใจร้อนจนนั่งไม่ติดที่แล้ว "ท่านอ๋อง ที่ท่านเชิญหมอมหัศจรรย์ดันมาที่นี่เพื่ออะไร หมอมหัศจรรย์ดันไม่เคยสัมผัสกับผู้เสียชีวิตมาก่อนเลย ไม่ว่าเขาจะมีทักษะทางการแพทย์เก่งมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นคนชันสูตรพลิกศพอยู่ดี"เซี่ยหลูโม่ยังคงใจเย็น และพูดว่า "ใจเน็นๆ ก่อน เจ้ากรมหลี่ คดีใหญ่เช่นนี้ทำให้เกิดโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราจัดการกับคดีนี้อย่างไม่ระมัดระวัง เผื่อกล่าวหาผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ยุติธรรม เราจะไม่ถูกประชาชนประณามเอาหรือ?"เจ้ากรมหลี่จัดการคดีต่างๆ ตลอดทั้งปี ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในคดีนี้มีข้อสงสัย แต่ผู้หญิงคนนั้นยอมรับความผิดแล้ว และมีพยานและหลักฐานทางกายภาพทั้งหมดเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน แล้วจะให้ตรวจสอบใหม่ทำไมกัน"มันเป็นเพียงการเสียเวลาชัดๆ การปล่อยให้นักโทษหญิงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหนึ่งวันถือเป็นการไม่เคารพคนตายที่นางสังหาร"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คดีนี้ผู้ว่าปิ้โจวตัดสินให้ประหารชีวิตญามฤดูใบไม้ร่วง บัดนี้เพิ่งเดือนเมษายนเท่านั้น เอกสารให้คนส่งเอกสารเร่งความเร็ว ไปกลับก็แค่หนึ่งเดือน เจ้ากรมหลี่จะใจร้อนทำไม?""เมื่อไหร่หมอมหัศจรรย์ดันจะม