แชร์

บทที่ 460

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
วันนี้ยุ่งมาทั้งวัน บวกกับอากาศก็อุ่นขึ้นไม่น้อย ดังนั้นหากไม่อาบน้ำคงทนไม่ไหว

เซี่ยหลูโม่จับเอวของเธอแล้วอุ้มนางขึ้น ริมฝีปากประกบหูของนาง เสียงของเขาแหบแห้งและน่าดึงดูด "พอดีเลย เราไปอาบด้วยกันเลย"

ซ่งซีซีโอบคอของเขา รู้สึกสับสนเล็กน้อย "ว่าแต่เราทำทุกคืน ทำไมไม่ท้องสักทีล่ะ"

"เจ้าอยากตั้งครรภ์เร็วๆ หรือ?" เซี่ยหลูโม่อุ้มนางเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มช่วยถอดเสื้อผ้าให้นาง

"เปล่า แค่สงสัย ข้าจำได้ว่าท่านแม่เคยบอกว่า นางท้องหลังจากแต่งงานกับท่านพ่อได้หนึ่งเดือนเอง"

"ข้าว่าเราไม่จำเป็นต้องมีลูกเร็วขนาดนี้" เซี่ยหลูโม่ทำท่าราวกับปอกเปลือกหน่อไม้ให้จนเผยไหล่ที่ขาวสดใสของนางออกมา "ข้าให้หมอมหัศจรรย์ดันจ่ายยาให้ข้า รอเจ้าบำรุงร่างกายให้แข็งแรงดีพอค่อยว่ากัน ถึงยังไงเจ้าก็เคยได้รับบาดเจ็บที่สนามรบมาก่อน"

นางเบิกตากว้าง "ท่านกินยาคุมกำเนิดหรือ? ได้ยินมาว่ามันเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก"

"สตรีกินได้ ทำไมผู้ชายกินไม่ได้ล่ะ?" เซี่ยหลูโม่ยิ้มสดใส "เจ้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว คงไม่สามารถเพื่อไม่ให้เจ้าตั้งครรภ์แล้วให้เจ้ากินยาคุมกำเนิดสิ หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าสตรีบำรุงร่างกายไม่ใช่เรื่องง่าย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 461

    หวังชิงหลูและจ้านเส้าฮวนกลับจวนแม่ทัพด้วยความสิ้นหวังทันทีที่เข้าไปในประตู หวังชิงหลูก็ยกมือขึ้นและใช้พลังทั้งหมดเพื่อตบหน้าจ้านเส้าฮวนอย่างแรง โดยไม่คำนึงถึงคำจะเสียท่าหรือไม่ นางก็คำราม "ทำไมจวนแม่ทัพจะมีคุณหนูที่ต่ำช้าแบบเจ้า ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพถูกเจ้าทำลายอย่างสิ้นเชิงในคืนนี้ ไป ติดตามข้าไปพบท่านแม่ ให้ท่านแม่มาจัดการเจ้า"จ้านเส้าฮวนไม่ได้สมหวังในจวนอ๋อง ยังถูกโหวผิงหยางแตะเนื้อต้องตัวเข้ากลายเป็นตัวตลกในสายตาทุกคน นางกระวนกระวายใจอยู่แล้ว แต่ยามนี้พอเข้าบ้านก็โดนหวังชิงหลูตบหน้าฉาดหนึ่ง หลังจากตกใจอย่างเหม่อลอยอยู่พักนึง นางสติแตกกระเจิดกระเจิงโดยสิ้นเชิงตอนนี้ใครหน้าไหนก็กล้ามารังแกนางแล้วใช่ไหม?นางตบกลับแล้วพูดด้วยความโกรธว่า "เจ้าว่าใครต่ำช้า เจ้าไม่ต่ำช้าหรือไง หากเจ้าไม่ต่ำช้าจะแต่งงานกับพี่ชายรองของข้าได้ยังไง หากเจ้าไม่ต่ำช้า เจ้าจะไปงานเลี้ยงวันเกิดของจวนอ๋อง ในคืนนี้ไปทำไม เจ้าอยากเห็นคนอื่นขายขี้หน้า กลับโดนอีกฝ่ายเห็นเจ้าขายหน้าแทน"หวังชิงหลูไม่ได้คิดว่านางจะทำสิ่งพวกนั้น และกล้าที่จะตบหน้านางด้วยนางโกรธเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่มีเวลาไปสนใจความเจ็บปวดแสบร้อนบนใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 462

    จ้านเส้าฮวนตะโกนจ้านเป่ยว่างด้วยความคับข้องใจว่า "พี่ชายรองว่าข้าอย่างไร้เหตุผลเลย หากมิใช่เพราะพี่ถูกลดตำแหน่ง ข้าต้องทำเช่นนี้หรือ"จ้านเป่ยว่างพูดอย่างเคร่งขรึม "อนาคตของข้าต้องให้เจ้ามาวางแผนให้หรือ ข้าจะพยายามเอง เจ้าทำเพื่อเจ้าเอง เจ้าถูกใจเซี่ยหลูโม่ เซี่ยหลูโม่คนนั้นมีอะไรดี พวกเจ้าแต่ละคนเอาแต่เข้าไปหา"เดิมทีจ้านเส้าฮวนยังมีท่าทางเหมือนคนมีบุญคุณ พอโดนพี่ชายเปิดโปง และยังโดนอีกฝ่ายตำหนิคนรักของตนเอง จึงโกรธทันทีและพูดว่า "แน่นอนว่าเขาดี เขาดีกว่าพี่มาก ดูซ่งซีซีสิยอมหย่ากับพี่เพื่อแต่งงานกับท่านอ๋อง เห็นๆ อยู่ว่าเขาดีกว่าพี่ตั้งเยอะ อีกอย่าง สตรีชั้นสูงในเมืองหลวงนี้มีผูใดบ้างที่ไม่อยากเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องล่ะ"ใบหน้าของจ้านเป่ยว่างฉายแววอำมหิต "เจ้าอยากเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง แต่เป่ยหมิงอ๋องมีภรรยาเอกแล้ว เพราะงั้นความฝันของเจ้าถึงวาระที่จะล้มเหลว"จ้านเส้าฮวนร้องไห้ "ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าความฝันของข้าจะไม่เป็นจริงอีก แต่เดิมข้าวางแผนว่าต่อให้แต่งเข้าไปเป็นชายารอง พอได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง งั้นสักวันนึงข้าจะแทนซ่งซีซีได้ พวกพี่ไม่ได้เกลียดซ่งซีซีมากหรือ นางขอพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 463

    จ้านเส้าฮวนปิดหน้าแล้วโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านแม่ พี่ชายตบหน้าข้า"ฮูหยินผู้เฒ่าลูบหลังนางเพื่อปลอบใจและมองดูจ้านเป่ยว่างด้วยสีหน้าผิดหวัง "เจ้าที่เป็นพี่ชายไปลงไม้ลงมือกับนางเพียงเพื่อคำพูดไม่กี่คำของนาง มันจะไม่ทำให้นางต้องเสียใจหรือ สิ่งที่นางทำพวกนั้น แม้ว่าจุดประสงค์ไม่ได้เพื่อเจ้า แต่จะว่าไปสุดท้ายเจ้าจะเป็นฝ่ายได้ผลประโยชน์ด้วย""ท่านแม่ ที่ข้าลงมือกับนางเพราะนางพูดจาหยาบคายและไม่เคารพพี่สะใภ้ตนเอง" จ้านเป่ยว่างพูดด้วยความโกรธเคืองหวังชิงหลูรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แม้ว่าเพื่อที่เขาจะปกป้องให้ตนเองเช่นนี้ แล้วสิ่งที่นางทำทั้งหมดก็คุ้มค่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองหวังชิงหลู แล้วพูดว่า "เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ให้ข้าคุยกับนาง"จ้านเป่ยว่างรู้สึกว่าน่ารำคาญ และในใจก็หงุดหงิดมาก จากนั้นก็สาวเท้าออกไปเมื่อหวังชิงหลูเห็นเช่นนี้ก็รู้ว่าเขาคงโกรธมากจึงไล่เขาออกไปและจับแขนของเขาไว้ "ท่านสามี ด้วยความท่านปกป้องข้าแบบนี้ในคืนนี้ ข้าจะช่วยอนาคตของท่านอย่างแน่นอน"ร่างกายของจ้านเป่ยว่างแข็งทื่อความรู้สึกเศร้าค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจของเขาในความเป็นจริง ที่เขาลงมือกับจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 464

    ซ่งซีซีเห็นนางมีสีหน้าไม่ดี เลยให้คนใช้นำอาหารบำรุงร่างกายมาให้ อาหารบำรุงนั้นเดิมทีนางทำเพื่อให้ตนเอง ท่านอ๋องบอกว่ากลัวนางจะมีโรคจำตัวทิ้งไว้เนื่องจากออกศึกมาก่อน เลยให้นางบำรุงร่างกายให้ตลอดซ่งซีซีได้ยินนางหายใจถี่ ดูเหมือนนางจะซ่อนความโกรธเอาไว้ ดังนั้นจึงพูดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเองเลย เรื่องเมื่อคืนไม่เกี่ยวกับท่านด้วยนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางดื่มอาหารบำรุงลง และเอามือปิดหน้าอกเอาไว้เป็นเวลานานก่อนที่นางจะพูดช้าๆ ว่า "ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับจวนโหวผิงหยาง แต่ท่านหญิงเจียอี้เป็นสมาชิกของจวนโหวผิงหยางของข้าอยู่แล้ว เรื่องที่ไปที่มาของเหตุการณ์เมื่อวาน ข้าเห็นกับตาเอง นางอยากทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋อง กลับไม่คิดว่าจะมาตกที่สามีของตนเอง นางหาเรื่องใส่ตนเองอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ก็บีบบังคับให้จวนโหวของข้าจำเป็นต้องยอมรับจ้านเส้าฮวนไป"ซ่งซีซีรู้ว่าจะเป็นผลลัพธ์แบบนี้ จวนโหวผิงหยางให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากที่สุด แม้ว่าถูกเจียอี้ทำให้เสียหายมาไม่น้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมักจะช่วยแก้ปัญหาให้นางตลอด ลู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 465

    หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางกลับแล้ว สนมฮุ่ยไทเฟยก็มาที่ห้องโถงดอกไม้อย่างเร่งรีบแต่เห็นเพียงซ่งซีซีกำลังดื่มชาช้าๆ ตามลำพัง ดูท่าทางครุ่นคิด นางจึงถามว่า "ไหนบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมานี่ ข้ายังเร่งฝีเท้ามาเพื่อพูดคุยกับนางสักหน่อย"ซ่งซีซียืนขึ้นแล้วคารวะให้ "เสด็จแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งกลับไปสักพัก""กลับแล้วหรือ?" สนมฮุ่ยไทเฟยหอบพลางนั่งลง "ไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยกับข้าหรือ?"นางผิดหวังเล็กน้อย เพระาเดิมทีคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมาหานางที่นางอิจฉาองค์หญิงใหญ่มากเพราะมักจะมีฮูหยินชั้นสูงมากมายไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่"มาตามหาท่าน แต่ได้ยินมาว่าท่านยังเมาค้างอยู่ นางไม่กล้ารบกวนเลยกลับก่อนแล้ว" ซ่งซีซีรู้ว่านางกำลังคิดอะไรทันทีที่มองหน้านางความคิดของแม่สามีคนนี้คาดเดาได้ง่ายมาก"ข้าเผลอดื่มเยอะไปหน่อย" สนมฮุ่ยไทเฟยนึกถึงความโกรธเกรี้ยวของบุตรชายตนเองเมื่อคืนนี้ และจ้องมองซ่งซีซีอย่างระมัดระวัง "คือ โม่เอ๋อไม่ได้ทำอะไรเจ้าในเมื่อคืนนี้ใช่ไหม"ซ่งซีซีไอแล้วพูดว่า "เปล่าหรอก แค่โดนเขาหาว่าสองสามคำก็จบเรื่องแล้ว""เพียงหาว่าสองสาม?" สนมฮุ่ยไทเฟยเห็นว่านางดูแปลกๆ เลย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 466

    ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเลิกประชุม ฮ่องเต้เรียกเซี่ยหลูโม่อยู่ต่อตามลำพังเขามีเอกสารมากมายยังไม่ได้ตรวจ กลับให้อู๋ต้าปั้นจัดกระดานหมากรุก โดยบอกว่าเขาไม่ได้เล่นหมากรุกกับเซี่ยหลูโม่มานานแล้วเซี่ยหลูโม่ยกชายเสื้อเครื่องแบบขึ้นยัดไว้ในเข็มขัดแล้วนั่งลงอย่างตรงๆ "อ่านเอกสารคดีทุกวันซึ่งทำให้กระหม่อมรู้สึกเวียนหัวเอาเสีย บัดนี้สามารถอู้งานทำตามคำสั่ง กระหม่อมขอบพระทัยบุญคุณจากฝ่าบาทพะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองดูการกระทำของเขาแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมยังทำกับตอนที่เจ้าอยู่ในกองทัพล่ะ? จะดูหยาบคายหรือไม่? บัดนี้เจ้าเป็นต้าหลี่ซื่อชิง ซึ่งเป็นชุนนางระดับชั้นสองในราชสำนัก ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองบ้าง""อยู่ต่อหน้าเสด็จพี่ของตนเอง จะสนใจภาพลักษณ์อะไรอีกล่ะ" เซี่ยหลูโม่ยิ้มอย่างสดใสโดยเผยให้เห็นฟันขาวใหญ่สองแถว"เจ้าทำอะไรไม่เกรงกลัวต่อหน้าพระชายาด้วยเหรอ?" ฮ่องเต้หยิบเม็ดหมากขาวด้วยนิ้วเรียวยาวแล้วค่อยๆ วางมันลงเซี่ยหลูโม่หยิบเม็ดหมากดำ ดวงตาของเขาราวกับเม็ดหมากดำนี้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ "พระชายาของตนเอง แน่นอนว่าจะมากกว่านี้หน่อย"ฮ่องเต้มองดูเขาแล้วยิ้ม "ได้ยินว่าในงานวันเกิดเสด็จน้ามีคนอยากเป็นคนขอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 467

    "จะไม่อยากมีบุตรได้อย่างไร ข้ายังหวังว่าวังหลานจะมีเด็กเยอะๆ เขาห่างกันกับข้าไม่กี่ปีเอง ตามหลักแล้วคนในวัยเดียวกับเขาควรจะเป็นพ่อคนแล้ว"อู๋ต้าปั้นพูดเบาๆ "บางที ท่านอ๋องก็ตระหนักถึงความกังวลของฝ่าบาทด้วย และเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง ฝ่าบาทยังจำได้ไหม? เมื่อตั้งแต่เด็กจนโต ท่านอ๋องก็เห็นฝ่าบาทเป็นตัวอย่างมาตลอด และภูมิใจในตัวฝ่าบาท เมื่อเขาพูดถึงพี่รัชทายาทข้างนอกเขาก็ดูภูมิใจมากทีเดียว"หลังจากที่อู๋ต้าปั้นพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้ก็คิดถึงเรื่องอดีตมากมาย และดวงตาของเขาก็นุ่มนวลลงไม่น้อยหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็ถอนหายใจลึกๆ "ข้า บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป!"อู๋ต้าปั้นเติมน้ำชาให้เขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากติดตามฮ่องเต้มาหลายปี เขารู้ว่าการถอนหายใจอย่างกะทันหันของฮ่องเต้ เป็นเพียงการคำนึงถึงความเป็นพี่น้องในอดีตในชั่วขณะ และมันจะไม่ทำให้เขาระมัดระวังน้อยลงแม้แต่น้อยที่ท่านอ๋องไม่ต้องการมีบุตรในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดไม่มีบุตร อย่างน้อยฮ่องเต้ก็สามารถวางใจสักหน่อย บัดนี้เพิ่มยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาไม่นาน ขุนนางต่างๆ ในราช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 468

    เซี่ยหลูโม่พยักหน้าและมองดูซ่งซีซีด้วยความชื่นชมอย่างไม่หยุดยั้ง "ใช่ มีคนในครอบครัวทั้งหมดสิบสามคนรวมทั้งนางด้วย นางฆ่าไปสิบสองคน พ่อสามี สามีของนาง และบุตรชายสามคน ห้าคนนี้ล้วนเป็นคนแข็งแกร่ง และแม่สามี บุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหลือเพียงคนรับใช้ไม่กี่คน แต่ปัญหาติดที่ว่าคดีนี้เกิดขึ้นในตอนเย็น ไม่ใช่ตอนดึกที่ทุกคนหลับใหลอยู่ หลังกินข้าวเสร็จ นางจู่ๆ ก็หยิบมีดจากครัวแล้วฟันทุกคนจนตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวรยุทธ์ อีกอย่างต้องกินยาตลอด""คนป่วยเรื้อรังที่มีนิสัยใจร้าย ต่อให้นางสามารถฆ่าคนหนึ่งได้ก็จะถูกห้ามเอาไว้ทันที หรือว่าทุกคนถูกวางยาพิษ แล้วทั้งหมดหมดสติหรือเปล่า?""ไม่ พวกเขาต่างมีสติอยู่ และมีเพื่อนบ้านมาเห็นกับตา ผู้หญิงคนนั้นราวกับถูกผีเข้าสิงและมีพลังมาก เห็นผู้ใดก็ฆ่าทั้งนั้น หากมิใช่เพื่อนบ้านพวกนั้นวิ่งเร็วแล้ววิ่งกลับบ้านแล้วปิดประตูไว้ คาดว่าพวกเขาก็จะต้องโดนฆ่าด้วย อีกอย่างสำนักรัฐประจำท้องถิ่นได้ตรวจสอบบาดแผลนั้นสอดคล้องกับอาวุธสังหาร"ซ่งซีซีเข้าใจว่าทำไมเขาไม่อนุมัติการทบทวนโทษประหารชีวิตเพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้จริงๆเพียงแต่ได้ก่อโกลาหลครั้งให

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1433

    ในห้องหนังสือ โคมไฟยังคงส่องสว่าง หลังจากฟังคำพูดของเสิ่นชิงเหอแล้ว ซ่งซีซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "เช่นนี้ ข้าจะได้หายไวๆ เสียที ข้ารู้สึกอึดอัดแทบบ้าแล้ว" อาจารย์หยูกล่าว "คืนนี้ช่างน่าหวาดเสียวเสียจริง" เสิ่นชิงเหอมองซ่งซีซี พลางถอนหายใจเบาๆ "หากเขาเอาอย่างเยี่ยนอ๋องจริงๆ เกรงว่าศิษย์น้องคงต้องทำตามแบบเซี่ยถิงเหยียนแล้วกระมัง" "เขารู้จักชั่งน้ำหนักผลลัพธ์" อาจารย์หยูกล่าว ซ่งซีซีรู้สึกหงุดหงิด "ข้าว่าเขาช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ตอนข้ายังเล็ก เขาสนิทสนมกับพี่ชายทั้งสองของข้าและมองข้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ต่อมาพอข้าเข้าราชสำนัก เขาก็ปฏิบัติต่อข้าในฐานะขุนนางโดยแท้ แล้วเหตุใดจู่ๆ เขาถึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้?" อาจารย์หยูกล่าว "มันใช่จะเกิดขึ้นกะทันหันหรือ? พระชายาอ๋องลืมหรือไม่ว่า ตอนที่กลับมาจากการกอบกู้หนานเจียง เขาเคยคิดจะให้ท่านเข้าไปในวังเป็นสนมของเขา" "ข้าเข้าใจมาตลอดว่า เขาต้องการใช้ข้าเพื่อบังคับให้ศิษย์น้องสละอำนาจในกองทัพเสียอีก" อีกทั้งในตอนนั้น ด้วยความที่ข้าเป็นบุตรีของซ่งฮวยอัน การให้ข้าเข้าวังยังเป็นการป้องกันไม่ให้ใครที่มีจิตคิดร้ายแต่งข้าไปอีกด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1432

    ภาพวาดของเสิ่นชิงเหอนั้นฝีมือประณีตยิ่งนัก ละเอียดอ่อนและสมจริงราวกับมีชีวิต ทุกคนมองดูภาพวาดบนกระดาษ จากนั้นจึงหันไปมองจักรพรรดิ์ซูชิงที่ยังประทับอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ทรงแสดงอาการอ่อนล้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระองค์ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในภาพนั้นแล้ว แม้แต่สีพระพักตร์ก่อนหน้านี้ก็เหมือนถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน รายละเอียดต่างๆ ไม่ถูกมองข้าม แม้แต่ริ้วรอยบางๆ รอบดวงพระเนตร เส้นผมสีขาวที่ข้างพระเกศา ปานสีดำเล็กๆ ใต้ริมพระโอษฐ์ด้านขวา และร่องพระโอษฐ์ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดไว้อย่างครบถ้วน แม้ว่าฉลองพระองค์จะยังไม่ได้ลงสี แต่ลวดลายบนฉลองพระองค์ก็ถูกวาดออกมาอย่างครบถ้วนไร้ข้อผิดพลาด จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรภาพของพระองค์เองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกพระหัตถ์แตะพระพักตร์ของพระองค์เอง “ข้าดูแก่ขึ้นจริงๆ” ตามปกติพระองค์แทบไม่ได้ส่องคันฉ่อว แม้จะส่องก็ไม่ได้ชัดเจนเท่านี้ “ฝ่าบาทมิได้แก่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทยังดูเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง” อู๋ต้าปั้นกล่าวประจบ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงแย้มพระสรวล ทอดพระเนตรอู๋ต้าปั้นพร้อมส่ายพระพักตร์เล็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1431

    จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะทรงได้สติขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ในวัง ไม่ได้ทรงเลื่อนลอยเหมือนก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงแย้มพระสรวล “ไม่ต้องเคร่งครัดนัก ทำตัวตามสบาย เฮ้อ ข้าเพียงรู้สึกอึดอัดในใจเลยอยากมาที่จวนอ๋องเพื่อสนทนากับอาจารย์เสิ่น” ซ่งซีซีจึงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมคงไม่ขัดพระองค์และศิษย์พี่ ขออนุญาตกลับไปพักผ่อน” “ไม่ต้องรีบไป ในเมื่อมาแล้วก็มาร่วมพูดคุยกันเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมองนางด้วยสายพระเนตรที่ดูเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งซีซีที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นต้องวางมือลงอีกครั้ง ตอบว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย กระหม่อมดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่หมอหลวงกำชับให้พักฟื้นบนเตียงสักระยะ” “อืม” จักรพรรดิ์ซูชิงพยักพระพักตร์ “บาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูก ควรต้องพักรักษาให้ดี” แม้พระองค์จะตรัสเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ทรงอนุญาตให้นางกลับไป ทั้งห้องจึงมีทั้งผู้ที่นั่งและยืนอยู่เงียบๆ เพื่อรอพระราชดำรัส ผ่านไปสักพัก จักรพรรดิ์ซูชิงทรงทำลายความเงียบขึ้นก่อน “มีอาหารว่างหรือไม่? ข้าหิวแล้ว” อู๋ต้าปั้นเมื่อได้ยินรีบกล่าว “ฝ่าบาทยังมิได้เสวยอาหารค่ำ รีบจัดเตร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1430

    ข่าวคราวเรื่องราวในห้องหนังสือและตำหนักฉือหนิงได้ถูกนำขึ้นกราบทูลถึงพระกรรณของจักรพรรดิ์ซูชิง ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกกระวนกระวายและอึดอัดพระทัยยิ่งนัก รวมทั้งการวางแผนงานตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้พระอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์ทรงยกเลิกการกักบริเวณฮองเฮา โดยแท้จริงแล้วก็เพื่อเตรียมตัวให้องค์ชายใหญ่ หากจะทรงแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ตำแหน่งนี้ย่อมไม่อาจมีมารดาที่ถูกกักบริเวณได้ ตอนแรกทรงคิดว่า ช่วงเวลากักบริเวณนี้ ฮองเฮาคงจะได้สำนึกผิด ทราบดีว่าการตามใจบุตรไม่ต่างอะไรกับการผลักดันบุตรไปสู่ความตาย แต่ใครจะคาดคิดว่าฮองเฮาไม่เพียงไม่สำนึกผิด กลับยิ่งเชื่อว่าการมีพระโอรสอยู่ใกล้ตัวจะช่วยเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งพระมเหสีของนาง เนื่องจากไม่ค่อยอยากอาหาร พระกระยาหารค่ำในวันนั้น พระองค์เสวยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อประทังพระอุทร ก่อนเสวยยา พระองค์จำเป็นต้องเสวยยา เพราะแต่ละวันผ่านไปนับเป็นกำไร แต่ด้วยวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพที่นับถอยหลังเข้ามาใกล้ หลังจากทรงวางแผนการ พระทัยกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พระองค์ทรงทราบดีว่าทุกคนล้วนต้องผ่านความตายนี้ แต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1429

    ฮองเฮาเลือกเวลาอย่างเหมาะสม ไปยังห้องหนังสือเพื่อรับองค์ชายใหญ่ แล้วจึงพากันกลับไปยังตำหนักฉือหนิงเพื่อถวายพระพรไทเฮา กลุ่มคนที่ตามหลังมานั้นอลังการยิ่งนัก แม้แต่องค์ชายใหญ่ยังถูกข้ารับใช้ตัวน้อยอุ้มกลับมา พอมาถึงประตูตำหนักจึงวางเขาลง ฮองเฮาจัดระเบียบอาภรณ์ให้เรียบร้อย แล้วจูงมือองค์ชายใหญ่เข้าไปด้านใน ทำความเคารพด้วยการคุกเข่าตามธรรมเนียม ถวายพระพรไทเฮาอย่างครบถ้วน แต่ไทเฮากลับมิทรงอนุญาตให้นางลุกขึ้นทันที เพียงเรียกองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ "วันนี้ไทฟู่ชมเจ้าหรือไม่?" องค์ชายใหญ่หดคอเล็กน้อย มองไทเฮาอย่างระมัดระวัง ก่อนตอบเสียงเบา "วันนี้ไทฟู่ลืมชมขอรับ" ฮองเฮาที่ยังคุกเข่าอยู่รีบเสริมว่า "เสด็จแม่ ไทฟู่เข้มงวดนัก มิชมผู้ใดง่ายๆ" แน่นอนว่าฮองเฮาหาได้ทราบไม่ว่า ไทเฮาเคยตกลงกับไทฟู่ว่าหากองค์ชายใหญ่ประพฤติดีและตั้งใจเรียน ไทฟู่จะกล่าวชมเมื่อตอนเลิกเรียน หากมิใช่ก็จะเงียบเสีย ด้วยเหตุนี้ ไทเฮาจึงทรงทราบถึงความประพฤติขององค์ชายใหญ่ในแต่ละวันโดยง่าย ไทเฮามิทรงตอบคำของฉีฮองเฮา เพียงตรัสกับองค์ชายใหญ่อย่างเรียบๆ ว่า "ยังจำกฎเกณฑ์ได้หรือไม่?" องค์ชายใหญ่หน้าซีด รีบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1428

    สองแม่ลูกพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรเกือบสองชั่วโมง หลังจากไทเฮาเสด็จกลับ จักรพรรดิ์ซูชิงมีพระราชโองการให้ปลดโทษกักบริเวณของฮองเฮา แต่ยังไม่คืนสิทธิ์การบริหารวังหลังให้ ฉีฮองเฮาเมื่อได้ยินคำประกาศจากอู๋ต้าปั้น ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไฉนถึงยกเลิกโทษกักบริเวณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ในทันใดนั้น นางก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะคำพูดที่ให้นักเลงปากมอมแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ได้ผล ฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ แต่จะส่งรัชทายาทไปเลี้ยงดูในวังไทเฮา เช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้น หลังจากนางได้รับการปลดโทษ นางไม่ได้รีบไปขอบคุณพระมหากษัตริย์ แต่เลือกไปที่โรงเรียนหลวงเพื่อเยี่ยมองค์ชายใหญ่ เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นฮองเฮา ทรงดีพระทัยจนสุดขีด ไม่สนใจว่าไทฟู่ยังสอนอยู่ รีบลุกขึ้นพุ่งตัวราวกับนกที่พ้นกรง กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของฉีฮองเฮา "เสด็จแม่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านจะพาลูกกลับไปเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ?" ฮองเฮาก้มลงจับบ่าของพระองค์ ลูบเส้นผม แล้วสังเกตดูอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าไม่ได้สวมเสื้อขนสัตว์ และตัวผอมลงมาก คางแหลม นางก็อดปวดใจไม่ได้ "เหตุใดเจ้าผอมเช่นนี้? ที่วังเสด็จย่าไม่ได้เลี้ยงดูอย่างดีหรือ?" องค์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1427

    รุ่งขึ้น เสนาบดีมู่มาถึงสำนักหมอหลวง บรรดาหมอหลวงทั้งหมด รวมทั้งเจ้าสำนักอยู่พร้อมหน้า เสนาบดีมู่ประทับนั่งลงก่อนมองพวกเขาด้วยแววตาหนักอึ้ง "ข้าถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว โรคของฝ่าบาท พวกเจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" เหล่าแพทย์เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อู๋ย่วนเจิ้งจะเงยหน้าที่ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนขึ้นมองเสนาบดีมู่แล้วส่ายหน้า "ไม่มีขอรับ" "ไม่มีเลยหรือ?" เสนาบดีมู่ถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ยอมแพ้ "แม้แต่ความหวังเล็กๆ หรือวิธีการสักนิด?" ในความเงียบงันอีกครั้ง ดวงตาของเสนาบดีมู่ค่อยๆ หมองลงจนไร้แสง เขาถอนหายใจยาว "หากระดมกำลังจากสำนักหมอหลวงทั้งหมด จะยืดเวลาออกไปได้ถึงสองปีหรือไม่?" อู๋ย่วนเจิ้งมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ท่านเสนาบดี โรคปอดทรุดนี้กำเริบอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สองปีเลย เพียงหนึ่งปีก็...ยากมากพ่ะย่ะค่ะ" ครั้งนี้ถึงคราวเสนาบดีมู่เงียบไปนาน ก่อนทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย" เขาค่อยๆ เดินออกจากสำนักหมอหลวง พลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ฤดูหนาวผ่านเข้ามาเร็วนัก อากาศยิ่งหนาวจนแทงกระดูก ไทเฮาดูเหมือนจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่แสงไฟในสำนักหมอหลวงสว่างตล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1426

    คืนนี้ เสนาบดีมู่พักอยู่ในวัง จักรพรรดิ์ซูชิงยังคงไม่ได้เสด็จไปยังฝ่ายใน หรือแม้แต่ห้องบรรทมของพระองค์เอง แต่กลับพักผ่อนอยู่บนเตียงลั่วฮั่นในห้องทรงพระอักษร เสนาบดีมู่มองพระองค์เสวยยาเสร็จ แล้วหยิบขนมหวานมอบให้ จักรพรรดิ์ซูชิงรับมาแต่ยังไม่เสวย ทรงยิ้มด้วยสายตา "จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเยาว์ เสด็จพ่อเคยทรงลงโทษข้าในห้องทรงพระอักษร พอออกมา ท่านเสนาบดีจะให้ขนมหวานข้าหนึ่งชิ้น พร้อมคำให้กำลังใจ" เสนาบดีมู่มองพระองค์ "ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็ยังจำได้ ฝ่าบาทเคยตรัสกับกระหม่อมว่า จะทรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าทำให้ท่านผิดหวังหรือไม่?" จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยขนมหวานเข้าไป น้ำเสียงจึงพร่ามัว เสนาบดีมู่กล่าว "ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ ในใจของกระหม่อม ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าไม่ใช่" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยความเศร้าหมอง "ข้ายังมีปณิธานอีกมาก แต่เกรงว่าจะไม่มีโอกาสทำได้" "สำนักหมอหลวงยังไม่ได้ลงความเห็นแน่ชัด ฝ่าบาทไม่ควรทรงหมดกำลังใจ" เสนาบดีมู่กล่าวปลอบ แม้ถ้อยคำจะดูแห้งแล้ง "ข้าเพียงมีเรื่องให้เสียใจอยู่บ้าง แต่ยิ่งกว่านั้น ข้าคิดการณ์ใหญ่" จักรพรรดิ์ซูชิงเอนกายลงบน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1425

    เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ทำให้ซ่งซีซีสมองมึนงง คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต องค์ชายใหญ่แทบไม่มีข้อกังขาว่าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และคาดว่าไม่นานตำแหน่งองค์รัชทายาทจะถูกแต่งตั้ง เมื่อฮ่องเต้หนุ่มเยาว์ขึ้นครองราชย์ จำเป็นต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และไม่ใช่เพียงคนเดียว ซึ่งจะทำให้ราชสำนักแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย สถานการณ์ในราชสำนักจะวุ่นวาย หากไม่มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการ อาจเป็นไทเฮาหรือฉีฮองเฮาที่ปกครองราชสำนักแทน ฮองเฮาเป็นคนทะเยอทะยาน แม้ตอนนี้ถูกกักบริเวณก็ยังคงวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ ตระกูลฉีมีอำนาจใหญ่โต แม้ช่วงนี้จะถูกฝ่าบาทกดดัน แต่หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต และองค์ชายใหญ่ขึ้นครองราชย์ ตระกูลฉีก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง ใครจะไม่อยากได้อำนาจ? เสนาบดีมู่ชราภาพและมีความคิดที่จะวางมือ แม้เขาอยากจะช่วยค้ำจุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นอาจไม่เอื้ออำนวย นี่เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หากฝ่าบาทเหลือเวลาเพียงหนึ่งปี พระองค์ย่อมจะกวาดล้างอุปสรรคและภัยคุกคามทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้องค์ชายใหญ่ก่อนเสด็จสวรรคต และจวนเป่ยหมิงอ๋องก็คือภัยคุกคามที่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status