หวังชิงหลูและจ้านเส้าฮวนกลับจวนแม่ทัพด้วยความสิ้นหวังทันทีที่เข้าไปในประตู หวังชิงหลูก็ยกมือขึ้นและใช้พลังทั้งหมดเพื่อตบหน้าจ้านเส้าฮวนอย่างแรง โดยไม่คำนึงถึงคำจะเสียท่าหรือไม่ นางก็คำราม "ทำไมจวนแม่ทัพจะมีคุณหนูที่ต่ำช้าแบบเจ้า ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพถูกเจ้าทำลายอย่างสิ้นเชิงในคืนนี้ ไป ติดตามข้าไปพบท่านแม่ ให้ท่านแม่มาจัดการเจ้า"จ้านเส้าฮวนไม่ได้สมหวังในจวนอ๋อง ยังถูกโหวผิงหยางแตะเนื้อต้องตัวเข้ากลายเป็นตัวตลกในสายตาทุกคน นางกระวนกระวายใจอยู่แล้ว แต่ยามนี้พอเข้าบ้านก็โดนหวังชิงหลูตบหน้าฉาดหนึ่ง หลังจากตกใจอย่างเหม่อลอยอยู่พักนึง นางสติแตกกระเจิดกระเจิงโดยสิ้นเชิงตอนนี้ใครหน้าไหนก็กล้ามารังแกนางแล้วใช่ไหม?นางตบกลับแล้วพูดด้วยความโกรธว่า "เจ้าว่าใครต่ำช้า เจ้าไม่ต่ำช้าหรือไง หากเจ้าไม่ต่ำช้าจะแต่งงานกับพี่ชายรองของข้าได้ยังไง หากเจ้าไม่ต่ำช้า เจ้าจะไปงานเลี้ยงวันเกิดของจวนอ๋อง ในคืนนี้ไปทำไม เจ้าอยากเห็นคนอื่นขายขี้หน้า กลับโดนอีกฝ่ายเห็นเจ้าขายหน้าแทน"หวังชิงหลูไม่ได้คิดว่านางจะทำสิ่งพวกนั้น และกล้าที่จะตบหน้านางด้วยนางโกรธเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่มีเวลาไปสนใจความเจ็บปวดแสบร้อนบนใ
จ้านเส้าฮวนตะโกนจ้านเป่ยว่างด้วยความคับข้องใจว่า "พี่ชายรองว่าข้าอย่างไร้เหตุผลเลย หากมิใช่เพราะพี่ถูกลดตำแหน่ง ข้าต้องทำเช่นนี้หรือ"จ้านเป่ยว่างพูดอย่างเคร่งขรึม "อนาคตของข้าต้องให้เจ้ามาวางแผนให้หรือ ข้าจะพยายามเอง เจ้าทำเพื่อเจ้าเอง เจ้าถูกใจเซี่ยหลูโม่ เซี่ยหลูโม่คนนั้นมีอะไรดี พวกเจ้าแต่ละคนเอาแต่เข้าไปหา"เดิมทีจ้านเส้าฮวนยังมีท่าทางเหมือนคนมีบุญคุณ พอโดนพี่ชายเปิดโปง และยังโดนอีกฝ่ายตำหนิคนรักของตนเอง จึงโกรธทันทีและพูดว่า "แน่นอนว่าเขาดี เขาดีกว่าพี่มาก ดูซ่งซีซีสิยอมหย่ากับพี่เพื่อแต่งงานกับท่านอ๋อง เห็นๆ อยู่ว่าเขาดีกว่าพี่ตั้งเยอะ อีกอย่าง สตรีชั้นสูงในเมืองหลวงนี้มีผูใดบ้างที่ไม่อยากเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องล่ะ"ใบหน้าของจ้านเป่ยว่างฉายแววอำมหิต "เจ้าอยากเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง แต่เป่ยหมิงอ๋องมีภรรยาเอกแล้ว เพราะงั้นความฝันของเจ้าถึงวาระที่จะล้มเหลว"จ้านเส้าฮวนร้องไห้ "ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าความฝันของข้าจะไม่เป็นจริงอีก แต่เดิมข้าวางแผนว่าต่อให้แต่งเข้าไปเป็นชายารอง พอได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง งั้นสักวันนึงข้าจะแทนซ่งซีซีได้ พวกพี่ไม่ได้เกลียดซ่งซีซีมากหรือ นางขอพ
จ้านเส้าฮวนปิดหน้าแล้วโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านแม่ พี่ชายตบหน้าข้า"ฮูหยินผู้เฒ่าลูบหลังนางเพื่อปลอบใจและมองดูจ้านเป่ยว่างด้วยสีหน้าผิดหวัง "เจ้าที่เป็นพี่ชายไปลงไม้ลงมือกับนางเพียงเพื่อคำพูดไม่กี่คำของนาง มันจะไม่ทำให้นางต้องเสียใจหรือ สิ่งที่นางทำพวกนั้น แม้ว่าจุดประสงค์ไม่ได้เพื่อเจ้า แต่จะว่าไปสุดท้ายเจ้าจะเป็นฝ่ายได้ผลประโยชน์ด้วย""ท่านแม่ ที่ข้าลงมือกับนางเพราะนางพูดจาหยาบคายและไม่เคารพพี่สะใภ้ตนเอง" จ้านเป่ยว่างพูดด้วยความโกรธเคืองหวังชิงหลูรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แม้ว่าเพื่อที่เขาจะปกป้องให้ตนเองเช่นนี้ แล้วสิ่งที่นางทำทั้งหมดก็คุ้มค่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองหวังชิงหลู แล้วพูดว่า "เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ให้ข้าคุยกับนาง"จ้านเป่ยว่างรู้สึกว่าน่ารำคาญ และในใจก็หงุดหงิดมาก จากนั้นก็สาวเท้าออกไปเมื่อหวังชิงหลูเห็นเช่นนี้ก็รู้ว่าเขาคงโกรธมากจึงไล่เขาออกไปและจับแขนของเขาไว้ "ท่านสามี ด้วยความท่านปกป้องข้าแบบนี้ในคืนนี้ ข้าจะช่วยอนาคตของท่านอย่างแน่นอน"ร่างกายของจ้านเป่ยว่างแข็งทื่อความรู้สึกเศร้าค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจของเขาในความเป็นจริง ที่เขาลงมือกับจ้
ซ่งซีซีเห็นนางมีสีหน้าไม่ดี เลยให้คนใช้นำอาหารบำรุงร่างกายมาให้ อาหารบำรุงนั้นเดิมทีนางทำเพื่อให้ตนเอง ท่านอ๋องบอกว่ากลัวนางจะมีโรคจำตัวทิ้งไว้เนื่องจากออกศึกมาก่อน เลยให้นางบำรุงร่างกายให้ตลอดซ่งซีซีได้ยินนางหายใจถี่ ดูเหมือนนางจะซ่อนความโกรธเอาไว้ ดังนั้นจึงพูดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเองเลย เรื่องเมื่อคืนไม่เกี่ยวกับท่านด้วยนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางดื่มอาหารบำรุงลง และเอามือปิดหน้าอกเอาไว้เป็นเวลานานก่อนที่นางจะพูดช้าๆ ว่า "ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับจวนโหวผิงหยาง แต่ท่านหญิงเจียอี้เป็นสมาชิกของจวนโหวผิงหยางของข้าอยู่แล้ว เรื่องที่ไปที่มาของเหตุการณ์เมื่อวาน ข้าเห็นกับตาเอง นางอยากทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋อง กลับไม่คิดว่าจะมาตกที่สามีของตนเอง นางหาเรื่องใส่ตนเองอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ก็บีบบังคับให้จวนโหวของข้าจำเป็นต้องยอมรับจ้านเส้าฮวนไป"ซ่งซีซีรู้ว่าจะเป็นผลลัพธ์แบบนี้ จวนโหวผิงหยางให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากที่สุด แม้ว่าถูกเจียอี้ทำให้เสียหายมาไม่น้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมักจะช่วยแก้ปัญหาให้นางตลอด ลู
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางกลับแล้ว สนมฮุ่ยไทเฟยก็มาที่ห้องโถงดอกไม้อย่างเร่งรีบแต่เห็นเพียงซ่งซีซีกำลังดื่มชาช้าๆ ตามลำพัง ดูท่าทางครุ่นคิด นางจึงถามว่า "ไหนบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมานี่ ข้ายังเร่งฝีเท้ามาเพื่อพูดคุยกับนางสักหน่อย"ซ่งซีซียืนขึ้นแล้วคารวะให้ "เสด็จแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งกลับไปสักพัก""กลับแล้วหรือ?" สนมฮุ่ยไทเฟยหอบพลางนั่งลง "ไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยกับข้าหรือ?"นางผิดหวังเล็กน้อย เพระาเดิมทีคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมาหานางที่นางอิจฉาองค์หญิงใหญ่มากเพราะมักจะมีฮูหยินชั้นสูงมากมายไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่"มาตามหาท่าน แต่ได้ยินมาว่าท่านยังเมาค้างอยู่ นางไม่กล้ารบกวนเลยกลับก่อนแล้ว" ซ่งซีซีรู้ว่านางกำลังคิดอะไรทันทีที่มองหน้านางความคิดของแม่สามีคนนี้คาดเดาได้ง่ายมาก"ข้าเผลอดื่มเยอะไปหน่อย" สนมฮุ่ยไทเฟยนึกถึงความโกรธเกรี้ยวของบุตรชายตนเองเมื่อคืนนี้ และจ้องมองซ่งซีซีอย่างระมัดระวัง "คือ โม่เอ๋อไม่ได้ทำอะไรเจ้าในเมื่อคืนนี้ใช่ไหม"ซ่งซีซีไอแล้วพูดว่า "เปล่าหรอก แค่โดนเขาหาว่าสองสามคำก็จบเรื่องแล้ว""เพียงหาว่าสองสาม?" สนมฮุ่ยไทเฟยเห็นว่านางดูแปลกๆ เลย
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเลิกประชุม ฮ่องเต้เรียกเซี่ยหลูโม่อยู่ต่อตามลำพังเขามีเอกสารมากมายยังไม่ได้ตรวจ กลับให้อู๋ต้าปั้นจัดกระดานหมากรุก โดยบอกว่าเขาไม่ได้เล่นหมากรุกกับเซี่ยหลูโม่มานานแล้วเซี่ยหลูโม่ยกชายเสื้อเครื่องแบบขึ้นยัดไว้ในเข็มขัดแล้วนั่งลงอย่างตรงๆ "อ่านเอกสารคดีทุกวันซึ่งทำให้กระหม่อมรู้สึกเวียนหัวเอาเสีย บัดนี้สามารถอู้งานทำตามคำสั่ง กระหม่อมขอบพระทัยบุญคุณจากฝ่าบาทพะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองดูการกระทำของเขาแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมยังทำกับตอนที่เจ้าอยู่ในกองทัพล่ะ? จะดูหยาบคายหรือไม่? บัดนี้เจ้าเป็นต้าหลี่ซื่อชิง ซึ่งเป็นชุนนางระดับชั้นสองในราชสำนัก ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองบ้าง""อยู่ต่อหน้าเสด็จพี่ของตนเอง จะสนใจภาพลักษณ์อะไรอีกล่ะ" เซี่ยหลูโม่ยิ้มอย่างสดใสโดยเผยให้เห็นฟันขาวใหญ่สองแถว"เจ้าทำอะไรไม่เกรงกลัวต่อหน้าพระชายาด้วยเหรอ?" ฮ่องเต้หยิบเม็ดหมากขาวด้วยนิ้วเรียวยาวแล้วค่อยๆ วางมันลงเซี่ยหลูโม่หยิบเม็ดหมากดำ ดวงตาของเขาราวกับเม็ดหมากดำนี้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ "พระชายาของตนเอง แน่นอนว่าจะมากกว่านี้หน่อย"ฮ่องเต้มองดูเขาแล้วยิ้ม "ได้ยินว่าในงานวันเกิดเสด็จน้ามีคนอยากเป็นคนขอ
"จะไม่อยากมีบุตรได้อย่างไร ข้ายังหวังว่าวังหลานจะมีเด็กเยอะๆ เขาห่างกันกับข้าไม่กี่ปีเอง ตามหลักแล้วคนในวัยเดียวกับเขาควรจะเป็นพ่อคนแล้ว"อู๋ต้าปั้นพูดเบาๆ "บางที ท่านอ๋องก็ตระหนักถึงความกังวลของฝ่าบาทด้วย และเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง ฝ่าบาทยังจำได้ไหม? เมื่อตั้งแต่เด็กจนโต ท่านอ๋องก็เห็นฝ่าบาทเป็นตัวอย่างมาตลอด และภูมิใจในตัวฝ่าบาท เมื่อเขาพูดถึงพี่รัชทายาทข้างนอกเขาก็ดูภูมิใจมากทีเดียว"หลังจากที่อู๋ต้าปั้นพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้ก็คิดถึงเรื่องอดีตมากมาย และดวงตาของเขาก็นุ่มนวลลงไม่น้อยหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็ถอนหายใจลึกๆ "ข้า บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป!"อู๋ต้าปั้นเติมน้ำชาให้เขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากติดตามฮ่องเต้มาหลายปี เขารู้ว่าการถอนหายใจอย่างกะทันหันของฮ่องเต้ เป็นเพียงการคำนึงถึงความเป็นพี่น้องในอดีตในชั่วขณะ และมันจะไม่ทำให้เขาระมัดระวังน้อยลงแม้แต่น้อยที่ท่านอ๋องไม่ต้องการมีบุตรในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดไม่มีบุตร อย่างน้อยฮ่องเต้ก็สามารถวางใจสักหน่อย บัดนี้เพิ่มยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาไม่นาน ขุนนางต่างๆ ในราช
เซี่ยหลูโม่พยักหน้าและมองดูซ่งซีซีด้วยความชื่นชมอย่างไม่หยุดยั้ง "ใช่ มีคนในครอบครัวทั้งหมดสิบสามคนรวมทั้งนางด้วย นางฆ่าไปสิบสองคน พ่อสามี สามีของนาง และบุตรชายสามคน ห้าคนนี้ล้วนเป็นคนแข็งแกร่ง และแม่สามี บุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหลือเพียงคนรับใช้ไม่กี่คน แต่ปัญหาติดที่ว่าคดีนี้เกิดขึ้นในตอนเย็น ไม่ใช่ตอนดึกที่ทุกคนหลับใหลอยู่ หลังกินข้าวเสร็จ นางจู่ๆ ก็หยิบมีดจากครัวแล้วฟันทุกคนจนตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวรยุทธ์ อีกอย่างต้องกินยาตลอด""คนป่วยเรื้อรังที่มีนิสัยใจร้าย ต่อให้นางสามารถฆ่าคนหนึ่งได้ก็จะถูกห้ามเอาไว้ทันที หรือว่าทุกคนถูกวางยาพิษ แล้วทั้งหมดหมดสติหรือเปล่า?""ไม่ พวกเขาต่างมีสติอยู่ และมีเพื่อนบ้านมาเห็นกับตา ผู้หญิงคนนั้นราวกับถูกผีเข้าสิงและมีพลังมาก เห็นผู้ใดก็ฆ่าทั้งนั้น หากมิใช่เพื่อนบ้านพวกนั้นวิ่งเร็วแล้ววิ่งกลับบ้านแล้วปิดประตูไว้ คาดว่าพวกเขาก็จะต้องโดนฆ่าด้วย อีกอย่างสำนักรัฐประจำท้องถิ่นได้ตรวจสอบบาดแผลนั้นสอดคล้องกับอาวุธสังหาร"ซ่งซีซีเข้าใจว่าทำไมเขาไม่อนุมัติการทบทวนโทษประหารชีวิตเพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้จริงๆเพียงแต่ได้ก่อโกลาหลครั้งให
เสิ่นว่านจือและพรรคพวกพักอยู่ในจวนท่านอ๋องฮุยมาหลายวัน จนแทบจะพลิกจวนค้นหาไปทั่ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร นางจึงตัดสินใจจะถอนตัวกลับ ในแต่ละวัน นางเอาแต่นั่งกินดื่มกับท่านอ๋องฮุย จนรู้สึกว่าตัวเองเกียจคร้าน เสียเวลาเปล่า โดยเฉพาะเมื่อซ่งซีซีกำลังยุ่งมาก แต่นางกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ ระหว่างมื้อเย็น นางจึงบอกกับท่านอ๋องฮุยว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ท่านอ๋องฮุยมองนางพร้อมหัวเราะ "ทำไมหรือ? หรือจวนของข้าเลี้ยงดูเจ้าด้วยของดีๆ ไม่พอ?" เสิ่นว่านจือตอบอย่างตรงไปตรงมา "ท่านเลี้ยงดูดีเกินไป ทุกวันมีแต่ของเลิศรสจากป่าและทะเลจนข้ารู้สึกเกินพอ" "เจ้าช่างเป็นหมูป่าเสียจริง กินอาหารเลิศรสไม่เป็น!" ท่านอ๋องฮุยหัวเราะเสียงดัง "เอาเถอะ หากเจ้าอยู่เบื่อแล้ว ก็กลับไปเถิด" เขาเรียกลุงสิบสามมา สั่งว่า "เจ้าสิบสาม ไปที่คลังสมบัติ เลือกของขวัญสักสองสามชิ้นไว้ส่งให้พวกเขาในวันพรุ่งนี้" ลุงสิบสามตอบ "ขอรับ ข้าจะไปจัดการทันที" ลุงกวนที่ยืนรออยู่หน้าประตูได้ยินจึงกล่าวว่า "ฝ่าบาท ให้ข้าไปเถอะ" ท่านอ๋องฮุยมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า "อืม เจ้าก็ไปเถิด เลือกของดีๆ
เพราะการจัดกำลังป้องกันของกองทัพซวนเจีย เมืองหลวงจึงตกอยู่ในสภาวะระแวงระวังอย่างหนักด้วยการประกาศห้ามออกจากเคหสถานในเวลากลางคืน ทำให้สถานที่บันเทิงเริงรมย์ต่างๆ ดำเนินกิจการได้ลำบาก โรงน้ำชาและโรงสุราต่างปิดประตูทันทีเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เมืองหลวงในยามค่ำคืนราวกับเป็นเมืองร้างกลยุทธ์ในตอนนี้คือ ข้าศึกไม่เคลื่อนไหว เราก็ไม่เคลื่อนไหวงานก่อสร้างคลองยังคงดำเนินต่อไป หากหยุดงานโดยไม่มีเหตุผล กองทัพซวนเจียจะบุกล้อมทันทีเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ซ่งซีซีจึงยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และถือไพ่เหนือกว่าหากงานก่อสร้างไม่หยุด กิจการคลองจะดำเนินไปตามปกติ ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อราชสำนักและราษฎรแม้การเผชิญหน้าระหว่างสองกองทัพยังไม่เกิดขึ้น แต่บรรยากาศของสงครามกลับเข้มข้นราวกับควันปืนที่เริ่มปกคลุมการเข้าออกประตูเมืองถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่นกต่อจะไม่กลับมาเมืองหลวง เมื่อเดิมพันด้วยชีวิตและทรัพย์สิน เขาจะสั่งการจากระยะไกลได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีสงสัยว่านกต่ออาจกลับมาแล้ว แต่เสิ่นว่านจือที่พักอยู่ในจวนอ๋องฮุยกลับไม่พบเบาะแสใดเลย อีกทั้งข้ารับใช้ใกล้ชิดของท่านอ๋องฮุยล้วนเป
แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามระเบียบ แต่ก่อนที่นางจีจะกลับไป ซ่งซีซีก็สั่งให้คนไปซื้อโจ๊กเนื้อบดสองหม้อ โดยอ้างว่าเป็นของชาวบ้านที่ต้องการขอบคุณฮูหยินจีสำหรับการแจกจ่ายโจ๊กตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้ต้องการตอบแทนบุญคุณครั้งนี้นางจีร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ นางหวังว่าลูกๆ จะได้ดื่มโจ๊กอุ่นๆ สักคำ แม้เพียงนิดเดียวหลังออกจากหอต้าหลี่ ซ่งซีซีครุ่นคิดแล้วสั่งให้อาจารย์หยูไปเล่าถึงเรื่องที่ชาวบ้านบริจาคโจ๊กให้เป็นที่แพร่หลายเดิมทีผู้คนยังจดจำความมีน้ำใจของนางจีที่แจกจ่ายโจ๊กได้ แต่ช่วงนี้เรื่องราวนั้นเริ่มเงียบหายไปตอนนี้จึงเหมาะที่จะใช้โอกาสนี้จุดกระแสเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งอาจารย์หยูจึงแต่งเรื่องเล็กน้อย โดยเล่าว่าชาวบ้านที่มอบโจ๊กเดิมทีเป็นคนเร่ร่อนชานเมืองหลวงที่อดอยากจนเกือบตาย ดื่มโจ๊กที่โรงทานหลายวันติดต่อกัน และก่อนออกจากเมืองหลวง โรงทานยังมอบเสบียงให้เขาห่อหนึ่งแม้ปัจจุบันชีวิตของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นนัก แต่เมื่อได้ยินว่าผู้มีพระคุณของเขาประสบเคราะห์ เขาจึงรีบเดินทางมาที่เมืองหลวงและซื้อโจ๊กอุ่นๆ สองหม้อมาส่งที่เรือนจำ พร้อมร้องขอให้นำไปให้ผู้มีพระคุณเซี่ยหรูหลิงซึ่งดูแลเรือนจำ เ
นางถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หงเชวี่ยตอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอาการยังพอรับได้ แต่ถ้าหวังชิงหลูไข้สูงไม่ลด ก็อาจเป็นอันตรายได้ นางเครียดเกินไป ตอนที่พบนาง นางจับมือข้าไว้แน่น ถามว่าตัวเองจะตายหรือไม่ พูดแต่เรื่องเพ้อเจ้อ เดี๋ยวโทษคนนั้น เดี๋ยวโทษคนนี้ บางครั้งก็โทษตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาดหลายอย่าง”ซ่งซีซีไม่ได้พูดอะไร นางไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของผู้อื่น เพียงแต่หวังว่านางจะไม่ทำให้ฮูหยินจีลำบากไปกว่านี้หากหวังชิงหลูเสียชีวิตในเรือนจำ จะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในตระกูลหวัง ซึ่งจะเพิ่มภาระทางจิตใจให้กับฮูหยินจีอย่างแน่นอน“หงเชวี่ย อีกสองวันเจ้าไปดูพวกเขาอีกทีนะ”หงเชวี่ยพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อีกสองวันเจ้าไป ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”นางอยากพูดคุยกับฮูหยินจีตามลำพัง เพราะในที่สิ้นหวังเช่นเรือนจำนั้น หากไม่มีแม้แต่คนพูดคุย มีเพียงเสียงร้องไห้ที่ไม่สิ้นสุด วันเวลาก็จะยืดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ เนื่องจากฝ่าบาททรงพระประชวรและงดราชกิจ นางจึงต้องไปพบเสนาบดีมู่เพื่อแจ้งเรื่องจินชางหมิงเปล
เนื่องจากฝ่าบาททรงส่งชีกุ้ยไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก งานดูแลเรือนจำจึงถูกมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของหอต้าหลี่ดูแล และผู้ที่รับหน้าที่นี้คือเซี่ยหรูหลิงไม่นานนัก เซี่ยหรูหลิงก็เดินทางมาที่จวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อพบซ่งซีซี บอกว่ามีเรื่องที่เขาตัดสินใจไม่ได้ และขอให้ซ่งซีซีช่วยแนะนำซ่งซีซีรีบกินข้าวเพียงสองสามคำแล้วออกมาพบเขา เพราะกังวลว่าอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮูหยินจีและเด็กๆแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซี่ยหรูหลิงกล่าว นางก็พบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูทั้งสองคนหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก็วิตกกังวลทุกวัน อีกทั้งอาหารยังแย่ยิ่งกว่าอาหารที่เคยให้สุนัขกิน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มอาเจียนและท้องเสียก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีเคยให้ยากับฮูหยินจี ซึ่งรวมถึงยาสำหรับอาการท้องเสียและปวดท้องเพราะไม่ชินสภาพแวดล้อม ยาทำให้อาการดีขึ้น แต่เพราะต้องกินอาหารแบบนั้นต่อไป อาการจึงกลับมาแย่ลงอีก และหวังชิงหลูก็มีไข้สูงฮูหยินผู้เฒ่าร้องขออย่างน่าสงสารให้ช่วยหาหมอ เซี่ยหรูหลิงไม่กล้าตัดสินใจ จึงออกมาขอคำปรึกษาจากซ่งซีซีซ่งซีซีถามว่า “แล้วคนอื่นล่ะ? มีอาการเหมือนกันหรือไม่?”“เดิมที
แต่ครั้งนี้เมื่อเข้าไปในวัง กลับไม่ได้พบฝ่าบาท อู๋ต้าปั้นออกมาแจ้งข่าวว่า วันนี้ฝ่าบาทไอจนมีเลือดปนและเกือบหมดสติ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาซ่งซีซีรีบถาม “เป็นเพราะพระวรกายอ่อนแอ หรือถูกลอบวางยาพิษ?”คำถามนี้ชัดเจนว่าแฝงด้วยความระแวง หากเป็นสถานการณ์ปกติหรือคนอื่น ซ่งซีซีคงไม่กล้าถามแต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป อีกทั้งคนที่นางเผชิญหน้าอยู่คืออู๋ต้าปั้น นางจึงถามอู๋ต้าปั้นถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “หมอหลวงวินิจฉัยว่าไม่ได้ถูกวางยาพิษ แต่เพราะฝ่าบาททรงวิตกกังวลอย่างหนัก พักผ่อนน้อยและเบื่ออาหาร อีกทั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ทรงติดเชื้อและไอมาแล้วหลายวัน แม้จะดื่มยามาหลายวันแต่ไม่ได้ผล วันนี้ไอไม่หยุดจนกระทั่งมีเลือดปนและแทบหายใจไม่ออก”เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่การวางยาพิษ ซ่งซีซีก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย หากเป็นการวางยาพิษ ก็หมายความว่ามีคนแฝงตัวเข้ามาในวังแล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยากลำบากยิ่งขึ้นการไอเป็นเลือดอาจเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ได้ ซ่งซีซีจึงยังไม่จากไป แต่เฝ้ารออยู่ด้านนอกเพื่อรอหมอหลวงออกมาแจ้งสถานการณ์นอกจากซ่งซีซีแล้ว ยังมีขุนนางอีกหลายคนที่รอเพื่อกราบทูลเรื่อ
ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ
หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สองวัน ซ่งซีซีตัดสินใจลงมือกับเกาหมิงอวี้ รองหัวหน้ากรมจัดการแม่น้ำเกาหมิงอวี้อายุสามสิบห้าปี รับราชการในกรมโยธามาแล้วห้าปี เขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา เมื่อยังเยาว์วัยพ่อแม่เสียชีวิต เพื่อให้เขาได้เรียนในสำนักที่ดีที่สุด เขาดูดทรัพย์สมบัติของพี่น้องจนหมดสิ้นหลังสอบจอหงวนได้ เขาเข้ารับราชการ และกลายเป็นคนโลภเงินอย่างที่สุด ขี้เหนียวอย่างยิ่งยวด ทอดทิ้งพี่น้องที่เคยเลี้ยงดูเขาไปเหมือนของไร้ค่า และไม่ติดต่อพวกเขาอีกเลยยังไม่หมดแค่นั้น เขาอ้างความหึงหวงเป็นเหตุผลในการหย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งงานกับบุตรสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคืออธิการสำนักไป๋หยุน ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของอาจารย์แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเขาคือคนไร้ค่าและทรยศทว่าคนไร้ค่าเช่นนี้กลับใช้งานได้ดี เพราะความโลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัวของเขา มีจุดอ่อนที่สามารถกดดันจนยอมพูดทุกอย่างคืนนั้น ซ่งซีซีสั่งให้กุ้นเอ๋อร์จับตัวเขามายังเรือนทางตะวันตกของเมือง ขังเขาไว้หนึ่งคืน ให้เขาหวาดกลัวและหิวโหย จากนั้นค่อยสอบสวนในวันถัดไปเกาห
จักรพรรดิซูชิงมีราชโองการให้อู๋เยว่พาคนไปควบคุมงานโดยตรง ทว่า จินชางหมิงรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว พาอู๋เยว่ไปตรวจสอบผลสำเร็จด้วยตนเองหลังจากเริ่มงานมาเป็นเวลานาน อ่างเก็บน้ำก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์คุณภาพของอ่างเก็บน้ำนั้นยอดเยี่ยม เขื่อนที่สร้างขึ้นมั่นคงดั่งกำแพงทองหลังจากตรวจสอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ก็ไปตรวจสอบทางน้ำ ทุกพื้นที่ได้ขุดลอกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเขื่อนที่เสียหายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงแล้วอู๋เยว่ยังส่งคนไปพูดคุยกับคนงานก่อสร้างทางน้ำ ชายฉกรรจ์แต่ละคนที่ผิวคล้ำแดด ดูซื่อๆ ขัดเขินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขุนนางส่วนใหญ่ถามอะไรก็ตอบสิ่งนั้น หากให้พวกเขาบอกความไม่พอใจอะไร พวกเขามักลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่าอาหารสามารถปรับปรุงได้ไหม โดยเฉพาะเพิ่มหมูติดมันให้หน่อยอู๋เยว่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีความเคียดแค้นในแววตาเขายังพาคนไปดูที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้และกระท่อมหญ้าแฝก ภายในมีเพียงที่นอนใหญ่ที่รองรับคนได้เจ็ดแปดคน ดูรกเล็กน้อยในกระท่อมไม่มีอาวุธ เครื่องมือที่ต้องใช้ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในค