ผิงหวูจูงปาดน้ำตาออก "ศิษย์พี่ไม่จากไป ศิษย์พี่จะอยู่ในเมืองหลวงเป็นเพื่อนเจ้า อยู่ในจวนเสนาบดีกั๋วกง เมื่อใดก็ตามที่เจ้าคิดถึงศิษย์พี่ ก็กลับมาจวนเสนาบดีกั๋วกงมาเยี่ยมข้า""เราจะอยู่ด้วย!" เมื่อได้ยินศิษย์พี่สาวรองพูดแบบนั้น ทุกคนก็พูดตามๆ ไปซ่งซีซีซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของศิษย์พี่สาวรอง นานมากแล้วที่นางไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเหมือนตอนนี้เลยนางอยากจะร้องไห้ และอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้พวกเขาไปแต่อาจารย์พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "เจ้าจะอยู่กับนางไปตลอดชีวิตหรือไง? ทุกคนต้องใช้ชีวิตของตัวเอง นอกจากนี้ เมืองหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อยู่ได้อย่างง่ายๆ หรือ ต่อให้มันอยู่ได้ง่าย ก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนของสถาบันว่านซงเหมินของเราจะอยู่อย่างถาวร"เหรินหยางอวิ๋นไม่ชอบเมืองหลวง และเขาก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อผู้คนในราชวงศ์ แต่นิสัยใจคอของเซี่ยหลูโม่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังยึดเขตหนานเจียงกลับมาและทำให้ดินแดนของประเทศได้สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงยอมรับเขา แต่ใจคนจะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น ยังต้องใช้เวลามาพิสูจน์ในตอนนั้น แต่เดิมเซี่ยหลูโม่อยากเป็นลูกศิษย์ของเขา แต่เขาไม่ต้องการยอมรับคนจากราชวงศ์ แต่ไม่รู้ว่
ดวงตาของซ่งซีซีร้อนขึ้นมา อาจารย์ อาจารย์ต้องการพารุ่ยเอ๋อร์กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานงั้นเหรอ?เหรินหยางอวิ๋นมองไปที่รุ่ยเอ๋อร์ และพูดอย่างมีเลศนัยว่า "ทำไมเจ้าถึงอยากฝึกทักษะการต่อสู้ให้ดีล่ะ""ปกป้องท่านอาของข้า" รุ่ยเอ๋อร์พูดเสียงดัง หลังจากหยุดชั่วคราว เขารู้สึกว่าตนเองมองโลกยังไม่ไกล "เช่นเดียวกับท่านปู่และท่านพ่อของข้า เข้าสู่สนามรบเพื่อปกป้องบ้านเมือง และปกป้องอาณาเขต"เหรินหยางอวิ๋นยิ้ม "ดีๆๆ อายุยังเด็ก แต่กลับมีความฝันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่การเป็นวีรบุรุษต้องทนต้องอดทนต่อความยากลำบาก เจ้าทำได้ไหม""ข้าทำได้!" รุ่ยเอ๋อร์ยืดอกของเขาให้ตรงและพูดเสียงดัง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมซือกงถึงถามเช่นนี้ แต่การตอบเสียงดังย่อมไม่ผิดอย่างไรก็ตาม เขาได้อดทนต่อความยากลำบากทุกรูปแบบแล้ว"ถ้าต้องให้เจ้าแยกจากไปกับท่านอาของเจ้าล่ะ เจ้าก็ทำได้ไหม?" เหรินหยางอวิ๋นถาม"ข้าทำได้...อ๊า!" รุ่ยเอ๋อร์ถอยออกไปสองก้าวทันทีและส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ข้าจะไม่ออกไปจากท่านอาของข้า"ซ่งซีซีก็อาลัยอาวรณ์รุ่ยเอ๋อร์ บัดนี้เขาเป็นบุรุษคนเดียวในตระกูลซ่งแล้ว"อาจารย์ หากเขาต้องการเรียน ข้าจะสอนทักษะการต่อส
บนรถม้า เซี่ยหลูโม่บอกกับซ่งซีซีเรื่องที่ศิษย์พี่สาวพูดกับเขาเมื่อกี้ซ่งซีซีเอาศีรษะพิงไหล่ของเขา กลั้นน้ำตาไว้เป็นเวลานาน แต่สุดท้ายก็ยังอดไม่ได้เซี่ยหลูโม่กอดนาง และวางคางบนหน้าผากของนาง "ศิษย์พี่สาวปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ๆของนางเองจริงๆ""อืม ตอนที่ข้าไปที่สถาบันว่านซงเหมิน ส่วนมากเป็นศิษย์พี่สอนข้า นางเอ็นดูข้า เอ็นดูมากเลย"เซี่ยหลูโม่คิดในใจ มีผู้ใดหรือที่อยู่สถาบันว่านซงเหมินจะไม่เอ็นดูนาง? แม้ว่าตอนที่อาจารย์พูดคุยกับเขาอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง เขาก็กำชับตนเองต้องปฏิบัติต่อซ่งซีซีที่เป็นเด็ดซนอย่างดีอาจารย์แสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจอย่างที่ยากจะเห็น เขาพูดถึงครอบครัวของพ่อตา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความเสียใจทุกคนในโลกนี้ต่างรู้สึกซาบซึ้งกับความทุ่มเทและความเสียสละของบุรุษจากจวนเสนาบดีกั๋วกงที่เพื่อประเทศชาติซ่งซีซีปาดน้ำตาแล้วถามว่า "กุ้นเอ๋อร์จะอยู่ในเมืองหลวงต่อ ท่านมีงานอะไรให้เขาทำบ้างไหม เขาไม่อยากกลับไปอยู่กองทัพ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ง่ายมาก เชื้อพระวงศ์สามารถมีทหารประจำจวนห้าร้อยคน ข้ายังไม่ได้ก่อตั้งหน่วยนี้เลย งั้นให้เขาเป็นผู้นำ แล้วค่อยหาค
ก่อนอื่นนางไปหาหัวหน้าลู่ เพื่อเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์ และการกระทำทางฝั่งร้านจิน หัวหน้าลู่ให้นางวางใจ หัวหน้าจ้าวถูกควบคุมตัวเอาไว้ และร้านจินก็ส่งคนจับตาดูว่ามีใครจะออกไป รายงานข่าวหรือไม่ซ่งซีซีเดินไปยังห้องบัญชีด้วยความวางใจสนมฮุ่ยไทเฟยยังตรวจสอบบัญชีไม่เสร็จ แต่ทุกคนในห้องบัญชีก็คุกเข่าลงด้วยความกลัวพื้นที่ไม่เป็นระเบียบ และทุกสิ่งที่สามารถโยนทิ้งบนโต๊ะก็ถูก นางโยนทิ้งไปหมด ยกเว้นสมุดบัญชี และนางยังทุบถ้วยชาไปสองสามใบด้วยซ้ำผมของสนมฮุ่ยไทเฟยยุ่งเหยิงและใบหน้าของนางซีดเผือด เมื่อนางเห็นซ่งซีซีกลับมา ความคับข้องใจและความอัปยศอดสูของนางก็ถึงจุดสูงสุด จากนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ออกมา "พวกเขารังแกข้า!"ซ่งซีซีเข้าไปแล้วพูดกับทุกคน "พวกเจ้าลุกขึ้นก่อน นอกจากนักบัญชี คนอื่นๆ ก็ออกไปทั้งนั้น รวมถึงแม่นมเกาด้วย"ที่จวนอ๋องมีนักบัญชีหลายคน ยังมีหัวหน้าบัญชีหนึ่งคน ตอนนี้ล้วนคุกเข่าลงบนพื้นพลางตัวสั่น พวกเขาไม่เคยเห็นไทเฟยที่โกรธเกรี้ยวขนาดนี้มาก่อนคนรับใช้ที่เข้ามารับใช้นั้นต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นลุกขึ้นยืนและทำการไหว้ก่อนออกไปหัวหน้าจ้าวที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นนั้น
นางยังคงเงียบ และให้คนเตรียมอาหารให้นางกินก่อนหลังจากที่นางกินเสร็จ ซ่งซีซีกล่าวว่า "หาหนังสือข้อตกลงให้ข้าดูสักหน่อย กลัวว่าจะมีกับดักอะไร หากมีจริงๆ เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าก่อน"นางกระพริบตาที่น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง "หากมีกับดักจะเตรียมตัวได้อย่างไรอีก""มีทางออก ไปเอามาให้ข้าดูก่อน" ซ่งซีซีไม่มองนาง โดยเฉพาะเวลานางหลั่งน้ำตา และหันไปหาแม่นมเกา สั่งให้แม่นมเกาไปหาหนังสือข้อตกลงแม่นมเการู้ว่าสิ่งเหล่านี้ถูกวางไว้ที่ไหน และในไม่ช้าก็พบพวกมันและส่งมอบให้กับซ่งซีซีซ่งซีซีอ่านหนังสือข้อตกลงอย่างละเอียดมาสามครั้งตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่พบปัญหาใดๆ ข้อตกลงนั้นยุติธรรมมากในส่วนของผู้ถือหุ้น ทางฝั่งสนมฮุ่ยไทเฟยใช้ชื่อแม่นมเกา เกากุ้ยเฟินท่านหญิงเจียอี้ใช้ชื่อของหัวหน้าจ้าว หัวหน้าจ้าวคนนี้กลับเป็นคนใช้ของนางหากฮูหยินจากตระกูลใหญ่จะทำธุรกิจนอกบ้าน นางจะไม่ใช้ชื่อของตัวเองในการทำ เพราะต้องผ่านกระบวนของรัฐมากมาย อีกอย่างมีความเป็นไปได้ต้องออกมาเพ่นพ่านให้ใครเห็นหน้าค่าตาด้วยซ้ำดังนั้น ไม่ใช้ในนามของผู้นำครอบครัวที่เป็นบุรุษ หรือไม่ก็ลูกชายของตนเอง ไม่งั้นก็คนใช้ที่ตนเองไว้ใจได้ เพราะถ
ซ่งซีซีครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และสั่งนำตัวหัวหน้าจ้าวมาสอบปากคำมีเตาถ่านอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง และมีแท่งไฟกำลังเผาบนเตาถ่าน หลังจากเผาไปสักพัก แท่งไฟครึ่งหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อหัวหน้าจ้าวเห็นฉากเช่นนั้น เขาตกใจมากจนแทบจะฉี่รดกางเกงก่อนคุกเข่าลง "พระชายาท่านอ๋องโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย พระชายาท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตให้ข้าน้อยด้วยขอรับ"ซ่งซีซีนั่งตัวตรงและขมวดคิ้ว "ข้าจะเอาชีวิจเจ้าไปทำอะไร แค่ถามเจ้าสักหน่อย เจ้าตอบตามความจริง"หัวหน้าจ้าวพยักหน้าหนัก "ข้าน้อยจะบอกทุกเรื่องที่รู้ขอรับ"ซ่งซีซีหยิบสมุดบัญชีของสินค้าที่ซื้อมาไว้ในมือ "ซื้อสินค้าราคาถูกและหยาบเหล่านี้ ท่านหญิงเจียอี้รู้เรื่องหรือไม่""รู้ขอรับ รู้ขอรับ นางเป็นคนสั่งเองขอรับ""เจ้าได้บอกนางหรือเปล่าว่าวัสดุที่ใช้ในเครื่องประดับทองนั้นหากไม่บริสุทธิ์ และเกิดปัญหาได้ง่าย"หัวหน้าจ้าวกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า "ข้าน้อยได้บอกแล้ว แต่ท่านหญิงบอกว่าไม่เป็นไร หากเกิดปัญหาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตอนนั้นร้านของเราก็ปิดไปแล้ว"ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "คือจะปิดร้านหรือจะโยนความผิดทั้งหมดใหสนมฮุ่ยไทเฟย?"หัวหน้าจ้าวเงียบไป "นี่...
นักบัญชีคำนวณยอดออกมา และส่งมอบให้กับซ่งซีซีหลังจากที่ซ่งซีซีอ่านเสร็จแล้ว นางก็มอบให้สนมฮุ่ยไทเฟยด้วยเสียงนุ่มนวล "เสด็จแม่ตรวจดูว่ายอดถูกหรือไม่"สนมฮุ่ยไทเฟยรับมันมาด้วยสีหน้าไม่ยอมและมองดูมันอย่างระมัดระวัง นางพร้อมที่จะต่อสู้แต่เมื่อนางมอบดูรายงานบัญชีนั้นก็ตกตะลึง "หลายปีมานี้ ข้าออกเงินเยอะขนาดนี้เลยหรือ?"รวมกับเงินทุนแล้ว นางออกเงินรวมทั้งหมดหนึ่งแสนสามหมื่นหกพันตำลึงถ้วนตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้ว่านางจะจดทุกยอดรายจ่าย แต่ตอนที่ตนเองบันทึกนั้นไม่ได้รู้สึกเยอะอะไร พอคำนวณดูแล้วกลับเป็นเงินมากขนาดนี้หนึ่งแสนสามหมื่นหกพันตำลึง ถ้ามิใช่ซ่งซีซีนำนางไปดูสักหน่อย แล้วนำคนกลับมาสอบสวน นางก็คงจะคิดว่ามันเป็นการขาดทุนมาโดยตลอด และยังคงออกเงินให้อีกเพื่อแข่งขันกับเต๋อกุ้ยไทเฟยเงินหนึ่งแสนสามหมื่นหกพันตำลึงเป็นต้นทุน กำไรบวกกับกำไรรวมปีนี้อยู่ที่หนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันห้าร้อยสามสิบตำลึงจากส่วนแบ่งที่นางควรมี นางสามารถได้กำไรจากยอดนี้เป็นเงินหนึ่งแสนสามหมื่นห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดตำลึงรวมกำไรแล้ว ครั้งนี้นางต้องการทวงให้ท่านหญิงเจียอี้คืนเงินสองแสนหกหมื่นหกพันห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดตำลึง
องค์หญิงใหญ่รู้สึกรำคาญมากและพูดว่า "เรียกพวกนางเข้ามาและรอที่ห้องโถงด้านข้างสักพัก ไม่จำเป็นต้องให้พวกนางไปที่ห้องโถงหลัก ข้าทานอาหารเย็นเสร็จเดี๋ยวจะออกไปพบพวกนาง"พ่อบ้านไปดูแลพวกเขาด้วยตนเอง และกลับเห็นว่าพวกนางสั่งคนให้ยกของเข้ามา ซึ่งมันดูไม่เหมือนของขวัญเลย จึงถามว่า "ไม่ทราบว่าไทเฟยส่งอะไรมาให้เหรอขอรับ"ขณะที่สนมฮุ่ยไทเฟยกำลังจะโพล่งออกว่าเป็นสมุดบัญชี ซ่งซีซี แย่งพูดก่อนว่า "งานต้นฉบับเก่าๆ เพื่อให้องค์หญิงใหญ่ตรวจดู"ดวงตาของพ่อบ้านเป็นประกาย งานต้นฉบับเหรอ? หรือว่าเป็นงานต้นฉบับของคุณชายเสิ่นชิงเหอหรือเปล่า?เขาสั่งให้คนใช้ยกน้ำชาและขนมดีๆ ไปบริการ คอยดูแลไว้ก่อน จากนั้นไปรายงานองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้"งานต้นฉบับเหรอ? เป็นของเสิ่นชิงเหอเหรอ?" องค์หญิงใหญ่ถามอย่างใจเย็น"ไม่ทราบขอรับ นางไม่ได้บอก และข้าน้อยก็ไม่กล้าถามมากความ" พ่อบ้านพูดพร้อมกับโค้งคำนับเรื่องไข่มุกตงจูและเงินสามพันตำลึง ท่านหญิงเจียอี้เพิ่งรู้หลังๆ หลังจากได้ยินแล้วก็โกรธมากเมื่อเห็นพวกนางยกงานต้นฉบับมาถึงที่ นางก็เยาะเย้ย "สนมฮุ่ยไทเฟยอาจรู้สึกว่าการที่นางขอไข่มุกตงจูคืนทำให้ท่านแม่ไม่พอใจ