เมื่อถึงวันงานเลี้ยงของสนมฮุ่ยไทเฟย สตรีที่มียศถาบรรดาศักดิ์ และอูหยิยของพวกขุนนางต่างๆ พาลูกๆ ของตนเองมาที่จวนเป่ยหมิงอ๋องวันนั้น หิมะไม่ตกเลย แต่ทุกคนก็ได้รับเชิญให้มาร่วมรับชมหิมะ นอกจากนี้ ดอกบ๊วยในสวนยังถูกย้ายไปยังสถานที่ห่างไกลอีกด้วย หลังจากย้ายปลูกแล้ว ดอกบ๊วยในปีนี้ก็ไม่บานบวกกับหลังจากที่เซี่ยหลูโม่กลับมาอย่างมีชัย แม้ว่าเขาจะให้ช่างมาดูแลดอกไม้อย่างดี แต่ดอกไม้ที่สวนก็บานไม่มากนักแต่ไม่ว่าการชมหิมะหรือดอกไม้ล้วนไม่สำคัญ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า สนมฮุ่ยไทเฟยต้องการอวดดีอย่างที่คาดไว้ นางสวมกระโปรงชั้นดีสีม่วงแดงพร้อมรอยดอกบัวขนาดใหญ่ และมีผ้าขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์คลุมไว้ หวีผมเป็นมวย มีผมสีขาวแค่ไม่กี่เส้นเอง และตกแต่งด้วยมงกุฎทองคำฝังด้วยทับทิม ดูเหมือนมีราคาแพงอย่างไม่อาจบอกได้วันนี้ องค์หญิงใหญ่ก็แต่งตัวอย่างดีเหมือนกัน แต่นางไม่หรูหราเท่าสนมฮุ่ยไทเฟย นอกจากนี้นางอยู่ในวังมาหลายปีแล้ว ผิวของไทเฟยยังขาวและสดใส และไม่มีริ้วรอยแถวหางตาเลย แต่ทางกลับกัน ริ้วรอยที่หางตาขององค์หญิงใหญ่เห็นอย่างชัดเจนมาก เมื่ออยู่ในหน้าหนาวผิวของนางก็แห้งด้วย พอทาแป้งแล้วยิ่งดูแก่ขึ้น
เมื่อคนนั้นถามเช่นนี้ ทุกคนก็ตระหนักว่าซ่งซีซีจากจวนเสนาบดีกั๋วกงไม่อยู่ที่นี่นี่ก็แปลก ตามหลักแล้ว นางกำลังจะแต่งเข้ามา วันนี้ไทเฟยจัดงานเลี้ยงหลังจากที่นางย้ายมาอาศัยอยู่ที่จวนอ๋อง นางต่างหากที่เป็นคนควรมาที่สุดในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดอย่างใจเย็น "หาใช่ว่าใครหน้าไหนก็สามารถมาร่วมงานชมหิมะของข้าได้"ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกมา ทุกคนต่างก็เข้าดีแล้วสนมฮุ่ยไทเฟยไม่ชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ก็จริง แม้ว่าซ่งซีซีจะมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี และมีผลงานทางทหารด้วย แต่ถึงยังไงนางก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่เคยหย่ามา เซี่ยหลูโม่เป็นถึงท่านอ๋อง นางไม่คู่ควรมีการอภิปรายกันมากมายด้านล่าง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจากโหวผิงหยางรู้สึกไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินเช่นนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยทำมากเกินไป แม้ว่านางจะไม่ชอบ แต่การแต่งงานก็ถูกกำหนดไว้นานแล้ว อย่างน้อยก็ต้องรักษาความสามัคคีทางภายนอกนางเหลือบมองท่านหญิงเจียอี้ ลูกสะใภ้ของตนเองแวบนึง เมื่อเห็นว่านางกับยัยน้อยจากตระกูลจ้านไม่รู้ว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ นางอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว หลังจากอยู่ด้วยกันตั้งหลายปี จะไม่รู้ได้ยังไงว่านางกำลังวางแผนร้ายอะไ
จ้านเส้าฮวนคุกเข่าลงด้วยใบหน้าโศกเศร้าเพื่อกล่าวขอบคุณ จากนั้นมองไปที่ท่านหญิงเจียอี้เพื่อขอความช่วยเหลือท่านหญิงเจียอี้มีสีหน้าบึ้งตึง ผู้หญิงไร้สมองคนนี้ วันนี้เป็นอะไรกัน? กลับทำให้นางหน้าแตกฉากนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะอย่างลับๆ สนมฮุ่ยไทเฟยหลอกได้ง่ายมาก แค่สรรเสริญเยินยอนางสักหน่อย ก็สามารถให้นางทุ่มเทความจริงใจได้มันง่ายที่จะทำให้นางมีความสุข และจะหลอกลวงนางก็ง่ายมากเช่นกัน แต่นางมักจะภูมิใจในตัวลูกชายของตนเองมาโดยตลอด ใครก็ตามที่วางแผนกับเป่ยหมิงอ๋อง จะไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอนท่านหญิงเจียอี้ระงับความโกรธของนางไว้ ได้แต่ทำหน้ามืดทะมึนและไม่พูดอะไรในทางกลับกัน องค์หญิงใหญ่กลับยิ้ม ก่อนหยิบน้ำชาดื่มช้าๆ และพูดว่า "แค่ล้อเล่นเฉยๆ จะเอาจริงเอาจังได้อย่างไร? พระชายายังไม่ได้แต่งเข้ามาเลย จะวางแผนเรื่องชายารองได้ยังไง เจียอี้ก็ใจดีเกินไป ยัยเด้กน้อยจากตระกูลจ้านคนนั้นแค่บอกว่ามีใจให้โม่เอ๋อ และหลั่งน้ำตาเล็กน้อย เจ้าก็สงสารนาง และพูดแทนนางต่อหน้าไทเฟย ไทเฟยจะตัดสินเรื่องในจวนเป่ยหมิงอ๋องได้ยังไงล่ะ อย่าว่าแต่ชายารองเลย ต่อให้เป็นอนุภรรยาที่คอยรับใช้นั้น หากไม่ได้รับความยินยอมจ
คำพูดที่เรียบๆ ขององค์หญิงใหญ่ ถือว่ายืนยันคำพูดของท่านหญิงเจียอี้อย่างไม่ต้องสงสัย"ไม่น่าแปลกใจเลยที่สนมฮุ่ยไทเฟยจะไม่ชอบนาง ที่แท้ว่านางใช้ลูกไม้นี้""อุตส่าห์ที่นางยังคงเป็นบุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกง การใช้ลูกไม้ที่สกปรกเช่นนี้ ทำให้คนน่ารังเกียจจริงๆ""พระชายาอ๋องฮวย บัดนี้ข้าถึงเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านถึงไม่สุงสิงกับนาง ปรากฎว่ามีเหตุผลเช่นนี้"พระชายาอ๋องฮวยถือถ้วยชาไว้ และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อองค์หญิงใหญ่เหลือบมองนางด้วยสีหน้าเย็นชา นางก็ต้องยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะจิบชาคำนึง และสุดท้ายก็ไม่พูดอะไรเลยสนมฮุ่ยไทเฟยรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก ที่งานนี้ไม่เรียกซ่งซีซีมา ก็เพื่อวางอำนาจนาง ให้นางสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้าง อย่าคิดว่าหลังจะแต่งเข้ามาจะมาอยู่เหนือกว่านางอย่างไรก็ตาม นางเป็นว่าที่พระชายาของโม่เอ๋อนี่เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้ นางเองก็ไม่อยากให้ซ่งซีซีถูกกล่าวหาเช่นนี้แต่คำพูดนี้องค์หญิงใหญ่เป็นคนพูดเอง และนางห็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เมื่อเห็นนางพูดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ตนเองก็โต้แย้งไม่ได้ ได้แต่จิบชาอย่างไม่พอใจก็เท่านั้น"แหม ทำไมทุกคนมาเร็วจ
ทันใดนั้นสีหน้าขององค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ก็ไม่น่ามองมากองค์หญิงใหญ่เป็นคนชอบทำตัวเหมือนมีความรู้เยอะเพื่อให้ตนเองดูดี เดือบจะได้ภาพวาดดอกบ๊วยเย็นของคุณชายเสิ่นชิงเหอ แต่มันก็ถูกฉีกออก และยังถูกหัวเราะเยาะด้วยการถูกขายหน้าเพราะเหตุการณ์ภาพวาดดอกบ๊วยเย็น ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจกับเสิ่นชิงเหอด้วย ถึงยังไงนางแค่เสแสร้งว่าทำงานศิลปะพวกนี้ ไม่ได้ชอบรับชมภาพกวาดจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชื่นชมจิตรกรเลยจ้านเส้าฮวนหาที่นั่งให้ตนเองนั่งลงโดยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป แต่ในใจของนางยังคงโกรธมาก ทำไมซ่งซีซีถึงมีศิษย์พี่ที่มีชื่อเสียงดังเช่นนี้องค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ต่างก็พูดไม่ออก คำวิจารณ์ที่มีต่อซ่งซีซีในเมื่อกี้ ราวกับเป็นแค่เรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้นแม้แต่ฮ่องเต้และเสนาบดีก็ไปที่นั่นด้วยตนเอง แต่พวกนางกลับอยู่ที่นี่และหัวเราะเยาะซ่งซีซี ทั้งตระหนี่และไม่เป็นเรื่องจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดใส่ร้ายขององค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ ตนอเองยังคงช่วยใส่สีตีไข่ให้ เป็นคนชั่วจริงๆใบหน้าของพระชายาอ๋องฮวยยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ เดี๋ยวก็เผยสีหน้าเขินอาย เดี๋ยวก็หัวเราะเยาะ เดี๋ย
คำพูดของฮูหยินโหวผิงหยางทำให้สนมฮุ่ยไทเฟยทั้งภาคภูมิใจและมีความผิดเล็กน้อยวันนี้ที่นางจงใจไม่เรียกซ่งซีซีมา ก็เพื่อวางอำนาจนาง โดยไม่คาดคิดว่านางไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด แถมยังมอบผลงานชิ้นเอกของศิษย์พี่ของนางแก่ตนเองด้วยซ้ำจากมุมมองนี้ ซ่งซีซีไม่เพียงแต่เป็นคนรู้ความ แต่ยังใจกว้างอีกด้วยเปรียบเทียบดูแล้ว มันทำให้เห็นว่าตนเองเป็นคนค่อนข้างใจแคบไปหน่อยนางเห็นความอิจฉาและความริษยาในสายตาของเหล่าไทเฟยอื่นๆ อืม ความชอบที่มีต่อซ่งซีซีมากขึ้นเล็กน้อย แต่แค่เล็กน้อยเท่านั้น มากกว่านั้นไม่ได้แล้วแม่ลูกขององค์หญิงใหญ่เข้าไปดูแวบึงเช่นกัน น่ามหัศจรรย์จริงๆ แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่ของของตนเอง เลยต้องเหยียดหยันสักหน่อยองค์หญิงใหญ่ไม่คำนึงถึงสถานะหรือมารยาทที่ดีที่นางแสร้งทำเป็นในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า "เสิ่นชิงเหอถนัดวาดภาพดอกบ๊วย หากมีใจอยากมบอบให้เจ้า ก็ควรมอบภาพดอกบ๊วยสิ การให้ภาพภูเขาหิมะก็แค่ทำอะไรไม่จริงใจแหละ"หากคนอื่นได้ยินคำพูดนี้อาจจะไม่พอใจได้ทว่าสนมฮุ่ยไทเฟยไม่หรอก นางพูดว่า "ข้าไม่ชอบดอกบ๊วยมากที่สุด"องค์หญิงใหญ่ราวกับชกสำลี และทำได้แค่จ้องมองทั้งอย่างนั้น นังโง่คนนี้จะไปรู้อะ
องค์หญิงใหญ่โดนโต้แย้งจนพูดไม่ออก โกรธอยู่นานก่อนที่นางจะลุกขึ้นและเยาะเย้ยว่า "เจ้ารับชมภาพวาดไม่เป็น กลับใช้หัวข้อนี้พูดไปไกล ดูท่าว่าข้ากับฮูหยินโหวผิงหยางพูดไม่เข้าใจกัน ขอกลับก่อน"หลังจากที่นางพูดจบ ก็จ้องเข็มงสนมฮุ่ยไทเฟย สนมฮุ่ยไทเฟยตกตะลึง ไอ้แก่คนนี้เป็นอะไรกันเนี่ย คนที่ทำให้นางขุ่นเคืองคือฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยาง ทำไมถึงจ้องนางล่ะ?แต่สุดท้ายแล้วเป็นเพราะนางโดนอีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด และบวกกับมีความร่วมมือทางธุรกิจด้วย ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับนาง และถามว่า "องค์หญิงจะไม่รับชมต่ออีกสักหน่อยหรือ"องค์หญิงใหญ่เดินเข้าไปหานาง แล้วกระซิบข้างขู่เบาๆ แต่มีแฝงไปด้วยน้ำเสียงขู่ว่า "แน่นอนว่าต้องรับชม หลังจากที่ทุกคนชมเสร็จ เจ้าเอาภาพวาดนี้ไปส่งที่จวนของข้า จัดส่งภายในวันนี้"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็พาท่านหญิงเจียอี้ออกไปเมื่อเห็นเช่นนี้ จ้านเส้าฮวนจึงรีบติดตามไปเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกฮูหยินที่สนิทกับองค์หญิงใหญ่ก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนยืนขึ้นและกล่าวลาจากไปแต่ยังมีคนจำนวนมากที่อยู่ต่อ โดยเฉพาะคุณหนูหยานหรูอวี้ หลานสาวของครอบครัวหยานไท่ฟู่ นางมองภาพแต่ละภาพอย่างจริ
เมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ฮ่องเต้ เสนาบดีและขุนนางอื่นๆ ต่างก็อยู่ด้วย แม้แต่ลูกชายของตนเองก็ยังพูดคุยกับชายหนุ่มรูปงามที่สวมชุดสีน้ำเงินเมื่อเห็นนางมา ทุกคนรวมทั้งฮ่องเต้ก็ยืนขึ้นและทำความเคารพนางอารมณ์ของสนมฮุ่ยไทเฟยดีขึ้นทันที เป็นเรื่องปกติที่นางจะได้รับความเคารพและยกย่องจากเหล่าฮูหยิน แต่นางแทบไม่ได้ไปมาหาสู่กับฝ่ายราชสำนัก เมื่อบัดนี้พวกเขาต้องแสดงความเคารพต่อนางทีละคน ความทระนงในตัวของนางก็ถึงจุดสูงสุดทันใดนั้น นางก็ลืมสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในรถม้า และหลังจากเห็นทุกคนคารวะเสร็จ ก็ถูกเชิญให้นั่งตำแหน่งหลักว้าว แม้ว่านางจะมีความรุ่งโรจน์และมีเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของนาง แต่นางก็ไม่เคยได้รับการไหว้จากพวกขุนนางราชสำนักและคุณชายเสิ่นชิงเหอบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้ และนางยังนั่งที่หนักหลัก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่นางไม่เคยมีมาในชีวิตจริงๆแย่แล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อซ่งซีซีดูเหมือนจะเพิ่งขึ้นอีกหลังจากที่คนรับใช้เติมน้ำชาแล้ว เสิ่นชิงเหอก็เดินไปหาซ่งซีซี และกระซิบเบาๆ ว่า "การยกย่องคนใดคนนึงถือว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จัดการคนๆ นั้น"ซ่งซีซีหัวเราะออกมา ใครบอกว่าศิษย์พี่ไม่เ