Share

บทที่ 240

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นางแย่งเด็กจากอ้อมแขนของเซี่ยหลูโม่ และกอดเขาไว้แน่นในอ้อมแขนของตนเอง

เด็กคนนั้นไม่มีกล้ามเนื้อบนตัว มีเพียงกระดูก และผอมเพรียวอย่างน่าสมเพช

มีกลิ่นเหม็นออกมาจากร่างกายของเขา และผมของเขาติดเป็นชิ้นๆ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นคาวเลือด น้ำมันผม หรืออะไรที่เน่าแล้ว

แต่ซ่งซีซีกอดเขาแบบนี้ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้านงอย่างไม่หยุด

เด็กไม่ได้ดิ้นรน เขาถูกซ่งซีซีกอดไว้เหมือนไก่ตัวน้อย น้ำตาไหลอาบหน้าสกปรกของเขา และเป็นเครื่องหมายสีเหลืองสองเส้น

ความดุร้ายที่เขามีต่อเซี่ยหลูโม่นั้นหายไป เขาเป็นเหมือนของเล่น ที่อยู่นิ่งเฉย แม้ว่าเขากำลังหลั่งน้ำตา แต่ดวงตาของเขากลับเหมือนแข็งตัวไป

เซี่ยหลูโม่เห็นดังนั้น หัวใจที่อยู่กระวนกระวายเป็นเวลานานนั้นก็อยู่นิ่งสักที คือสายเลือดของตระกูลซ่ง

ตระกูลซ่งยังทิ้งสายเลือดไว้อยู่ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเด็กคนนี้หนีไปได้อย่างไรในตอนนั้น และเขามาอยู่ในมือของผู้ค้ามนุษย์เหล่านั้นได้อย่างไรหลังจากหลบหนีไป

ช่วงเวลานี้เขาอยู่ข้างรุ่ยเอ๋อร์ตลอก แต่เขาไม่ได้รู้ข้อมูลใดๆ จากเขาแม้แต่น้อย เขาถูกวางยาพิษจนเป็นใบ้ และเขาจะไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใกล
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Napada
ปัญหาคือ ขัดเกลาภาษาด้วย
goodnovel comment avatar
เอ๋ สุพลดี
เพราะเวลากดไปให้ซื้อเหรียญอย่างเดียวเลย สิทธิ์ที่เคยดูฟรีสิทธิที่เคยเก็บเหรียญได้เยอะๆตอนไม่ได้เติมเงิน ไม่ได้สมัครสมาชิก ดีซะกว่าอย่างนี้ก็ไม่มีใครอยากเสียตังค์หรอก มาซื้อเหรียญเติม พอซื้อเหรียญปุ๊บ เคยดูฟรีก็ไม่ได้ดูแล้ว
goodnovel comment avatar
เอ๋ สุพลดี
เคยดูฟรี วันละ 4-5 ตอนเพียงแต่เสียเวลา แค่ดูโฆษณาเท่านั้น แล้วก็เก็บเหรียญได้วันละ 50 60 เหรียญได้ดูฟรี 4-5 ตอน แต่พอเติมเงินเท่านั้นแหละ ดูฟรีก็ไม่มีเก็บเหรียญก็ได้แค่วันละตอนกว่าๆเอง ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ อีกหน่อยก็ไม่มีใครอยากซื้อหรอกสำหรับพิมพ์แบบนี้ เคยฟรีแบบไหนก็ควรฟรีแบบนั้นไม่ใช่ว่าเติมเงินแล้ว
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 241

    รุ่ยเอ๋อร์นอนจนถึงเที่ยงคืนถึงตื่นขึ้นอย่างเต็มตัว ระหว่างนั้นเขาตื่นขึ้นมาหลายครั้ง แต่ก็อยู่ในสภาพฟื้นไม่เต็มที่อยูา เมื่อเห็นท่าอาอยู่ เขาก็ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้งในตอนกลางคืน แสงไฟสว่างจ้า ในขณะที่เขาหลับอยู่ ซ่งซีซีได้ล้างหน้าให้เขาด้วยน้ำอุ่นแล้ว ใบหน้าเล็กๆ ของเขาดูเหมือนพี่รองไม่มีผิดเลย เพียงแต่เขาผอมเกินไปเขาตื่นขึ้นมาและร้องไห้อีกครั้ง แต่ในขณะร้องไห้เขาก็ยิ้มให้ท่านอาด้วย ลักยิ้มของเขาดูลึกลงไปอีกเนื่องจากเขาผอมลงซ่งซีซีพาเขาไปอาบน้ำ และเด็กน้อยก็แช่ตัวอยู่ในอ่าง ซ่งซีซีช่วยเขาสระผม สระผมช้าๆ ทาน้ำมันหอมหมื่นลี้กับผมเหนียวแล้วล้างออกหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็สวมเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ตามรูปร่างของเด็กวัยเจ็ดขวบ แต่เสื้อผ้ามันใหญ่เกินไปนิดหน่อยแต่ถึงยังไงก็ดูเป็นเด็กที่สะอาดเรียบร้อยดีที่ห้องครัวได้ทำกับข้าวไว้ ดวงตาของเขาก็สว่างเป็นประกาย เขาหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งยัดเข้าปากโดยไม่รู้ตัว หลังจากยัดเข้าไปแล้วเขาก็รีบซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะนี่คือการกระทำในจิตใต้สำนึกของเขา หลังจากซ่อนตัวแล้ว เขาก็สงบลงและค่อยๆ นั่งกลับมาบนเก้าอี้ มองท่านอาของเขาทั้งน้ำตาซ่งซีซีเบือนหน้าออกไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 242

    ตัวอักษรที่บิดเบี้ยวนั้น อ่านอยู่ตั้งนานถึงจะอ่านออกสักทีซ่งซีซีลืมดวงตาที่ทั้งแดงและบวมของนางขึ้น น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอีกครั้ง สามคำนี้ราวกับมีดแทงทะลุหัวใจของนาง ทำให้ร่างกายของนางขดตัวด้วยความเจ็บปวดเมื่อกี่วันก่อนที่ครอบครัวของนางจะถูกสังหารนั้น นางก็เคยกลับไปบ้านพ่อแม่ของนาง และหารือกับท่านแม่เกี่ยวกับสงครามที่ชายแดนเฉิงหลิงท่านแม่เป็นห่วงท่านตามาก โดยกลัวว่าเขาจะเป็นเหมือนท่านพ่อและพี่ชายของนาง หลังจากที่นางปลอบท่านแม่สักพักใหญ่ ก็จากไปด้สนความกังวลใจ นางก็เป็นห่วงท่านตาด้วย แต่ห่วงท่านแม่มากกว่านางพบกับรุ่ยเอ๋อร์อยู่นอกเรือนของท่านแม่ รุ่ยเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นแล้วถามท่านอาว่าอารมณ์เสียหรือเปล่า นางยังลูบผมของเขาด้วยรอยยิ้ม "อาอารมณ์เสียนิดหน่อย แต่อีกเดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง รุ่ยเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล"ตอนนั้นนางยังมีเรื่องกลุ้มใจเก็บไว้ในใจ เลยตอบไปอย่างขอไปทีบางทีรุ่ยเอ๋อร์อาจรู้สึกว่านางไม่สบอารมณ์ เลยคิดที่จะไปซื้อของหวานเพื่อกล่อมนางในช่วงเวลากว่าหนึ่งปีที่นางอยู่บ้านรอออกเรือนหลังจากกลับจากภูเขาเหม่ยชาน นางเล่นกับเด็กๆ เกือบทุกวัน เพื่อกล่อมให้พวกเขามีความสุข และพยายามขจั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 243

    หลังจากที่เขาเขียนแค่นี้เสร็จ เขาก็เหนื่อยมากจนไม่ไหวแล้วซ่งซีซีให้เขาไปพักผ่อน เมื่อเห็นเขาหลับไป ซ่งซีซีก็ไม่อยากจะจากไปนางกลัวว่าหากตนเองอยู่ห่างจากรุ่ยเอ๋อร์แม้แต่ครึ่งก้าว ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้านางจะพังทลายลงราวกับความฝัน และเมื่อนางกลับสู่ความเป็นจริง จะไม่มีรุ่ยเอ๋อร์แล้วนางรู้สึกทุกข์ใจมากที่เด็กคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย และการเห็นเขาเดินกะโผลกกะเผลกก็เหมือนกับเข็มเหล็กแทงทะลุหัวใจของนางทีละเข็มเซี่ยหลูโม่กำลังเตรียมการที่จะกลับไปยังเมืองหลวง อาการของรุ่ยเอ๋อร์ยังคงต้องได้รับการรักษาโดยหมอมหัศจรรย์ดันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่สามารถชักช้าได้เด็กอายุเจ็ดขวบสูงพอๆ กับเด็กอายุห้าขวบ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สูงขึ้นเลยในช่วงสองปีที่ผ่านมาตั้งแต่เขาจากไป ไม่รู้ว่าเขาได้กินยาพิษชนิดใดอีก หากไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน มักจะไม่สบายใจเซี่ยหลูโม่ยังให้นายอำเภอหลิงโจวส่งจดหมายด่วนถึงฮ่องเต้ในนามของเขา เพื่ออธิบายสถานการณ์อย่างชัดเจนตระกูลซ่งมีเลือดเนื้อเหลือไว้อยู่ เชื่อว่าทั้งฮ่องเต้และเขุนนางต่างในราชสำนักล้วนจะมีความสุขมากส่วนตระกูลขง เด็กคนนี้ก็เป็นผู้ช่วยให้รอดแก่ตระก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 244

    หลังจากที่รุ่ยเอ๋อร์หลับไป นางก็ไปหาเซี่ยหลูโม่ และแสดงกระดาษที่เขียนโดยรุ่ยเอ๋อร์ให้เขาดูหลังจากอ่านดูแล้ว เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกในใจซับซ้อนมาก เขาดูเหมือนกับพวกผู้ค้ามนุษย์ที่ทำร้ายเขามากหรือ?อาจกระมัง หลังจากที่จมอยู่ในสนามรบมานานหลายปี เขาก็มีรัศมีแห่งความเย็นชาอย่างหนักถอนหายใจช้าๆ "ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ ข้าจะพยายามทำตัวให้ดูอ่อนโยนหน่อย และยิ้มกับเขาให้มากๆ"เด็กต้องการการรักษาทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย"ตลอดทางนี้ ลำบากท่านแล้ว ขอบคุณเจ้าคะ" ความซาบซึ้งที่ซ่งซีซีมีต่อเซี่ยหลูโม่ ไม่สามารถสรุปได้เพียงประโยคเดียวเท่านั้นแต่มีเรื่องหนึ่งที่นางควรบอกเขาอย่างชัดเจนนางดึงปิ่นปักผมออก แล้วยกไส้ตะเกียงขึ้น เปลวไฟริบหรี่และห้องก็สว่างขึ้น ส่องแสงถึงแก้มบางๆ และริมฝีปากซีดของนางนางพูดช้าๆ "อาการของรุ่ยเอ๋อร์ จะห่างจากข้าไม่ได้อย่างน้อยสองสามปี หากการแต่งงานของเรายังคงดำเนินการต่อ ข้าคงต้องนำเขาให้ติดตามข้าแต่งเข้าจวนอ๋อง ข้าไม่สามารถทิ้งเขาไว้ตามลำพังในจวนเสนาบดีกั๋วกง"ใบหน้าหล่อเหลาของเซี่ยหลูโม่มีสีหน้าสงบนิ่ง และดวงตาสีเข้มของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสว่าง "การแต่งงานของเราจะดำเน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 245

    ในที่สุด ในคืนนั้นที่จะพักที่โรงเตี้ยม หลังจากที่เซี่ยหลูโม่เอื้อมมือออกไปเพื่อช่วยพยุงซ่งซีซีลงจากรถม้ารุ่ยเอ๋อร์ก็รวบรวมความกล้าที่จะลงออกจากรถม้า จากนั้นยืนอยู่ระหว่างคนทั้งสองด้วยร่างกายที่สั่นเทาของเขา เขาอ้าแขนออกไปเพื่อปกป้องท่านอาอยู่ด้านหลัง เขาจ้องมองเซี่ยหลูโม่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเขากลัวมากจนขาที่ผอมแห้งราวกับแท่งไม้ของเขายังคงสั่น ริมฝีปากของเขาก็สั่นเทาเช่นกัน จากนั้นก็ส่งเสียงครวญครางเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมองหน้ากันด้วยความตกใจ เกิดอะไรขึ้น? ไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล จะเกิดผลข้างเคียงอย่างนั้นหรือ?"อ๊า!"ซ่งซีซีตบศีษะตนเองเบาๆ และตระหนักถึงเหตุผล รุ่ยเอ๋อร์ไม่รู้ว่านางไม่ใช่ฮูหยินของจ้านเป่ยว่างอีกแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่านางกำลังจะแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่คืนนั้น อาหลานสองคนคุยกันตั้งนานเลยไม่สามารถปฏิบัติกับรุ่ยเอ๋อร์เหมือนเป็นเด็กน้อยได้อีกต่อไป เขาขอทานในตลาดต่างๆ มาสองปีแล้ว เรื่องต่างๆ แค่บอกกับเขา เขาก็จะเข้าใจอีกอย่างเขารู้เกี่ยวกับครอบครัวที่ถูกสังหารจากชาวบ้านชาวเมืองที่พูดคุยกัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไงเขายังไม่รู้เขาอายุเจ็ดขวบแล้ว เรื่องบางเรื่องเขาต้องรู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 246

    วันรุ่งขึ้น คนขับรถเซี่ยหลูโม่รู้สึกสดชื่นแต่รอยคล้ำใต้ตาของเขาดำมากทีเดียวซ่งซีซีประหลาดใจมากว่าเขาทำได้ยังไง ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าเขานอนหลับไม่ดีแต่กลับมีชีวิตชีวาเช่นนี้ยกเว้นรอยคล้ำใต้ตาของเขาแล้ว ใบหน้าและดวงตาของเขาเป็นประกายจริงๆหลังจากพูดคุยกับรุ่ยเอ๋อร์เมื่อคืน รุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่ได้กลัวและระแวดระวังกับเซี่ยหลูโม่มากขนาดนั้นอีก บางครั้งเขายังเปิดม่านเพื่อแอบมองที่แผนหลังของเขาด้วยเขาเป็นคนอย่างกับท่านปู่ของเขางั้นเหรอ? งั้นเขาก็จะเป็นผู้ที่สุดยอดมาก เขาแค่ฆ่าศัตรูเท่านั้น ไม่ทำร้ายประชาชนดังนั้นไม่ต้องกลัวเขาเลยรุ่ยเอ๋อร์บอกกับตัวเองในใจเช่นนี้ตลอด บอกว่าตลอดทาง จากนั้น ในสายตาของเขา เซี่ยหลูโม่ก็กลายเป็นคนที่เหมือนกับท่านปู่และท่านพ่อของเขาเข้า ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะเป็นอาเขยของตนเอง และเป็นญาติสนิทของเขาในอนาคตเมื่อมาถึงอำเภอเย่ รุ่ยเอ๋อร์ได้ริเริ่มทำท่าด้วยมือให้กับเซี่ยหลูโม่ แล้ว และยังกล้าให้เซี่ยหลูโม่จับมือของเขาเพื่อซื้อขนมอบอีกด้วยซ่งซีซีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสภาพเช่นนี้ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่นั้น รุ่ยเอ๋อร์ดูเหมือนจะเชื่อใจท่านอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 247

    เสนาบดีมู่ปาดน้ำตาแล้วกล่าวว่า "แค่มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ดีแล้วนะ"เขายืนขึ้นและโค้งคำนับ "กระหม่อมเสียท่าไป หวังว่าฝ่าบาททรงอย่าถือสาพะยะค่ะ""ข้าก็เกือบเสียท่าเช่นกัน ไม่โทษเจ้า ผู้ใดที่รู้เรื่องนี้จะไม่ดีใจด้วยล่ะ" ฮ่องเต้ยิ้มอย่างสดใสและคิดบางสิ่งขึ้นมา เขารีบสั่ง "อู๋ต้าปั้น เจ้าไปตระกูลขงด้วยตนเองไป หรือไปสำนักเขตจิงจ้าวเพื่อตามหาใต้เท้าขง บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้และทำให้พวกเขาดีใจสักหน่อย"อู๋ต้าปั้นกำลังปาดน้ำตาที่ด้านข้าง เมื่อได้ยินคำสั่งจากฮ่องเต้ เขาจึงรีบตอบว่า "พะยะค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้"อู๋ต้าปั้นจากไปอย่างมีความสุข ตระกูลซ่งมีทายาทสืบตระกูลอู๋ต้าปั้นรู้สึกมีความสุขจริงๆ ซ่งฮูหยินมีบุญกับเขา เขาอย่างให้ตระกูลซ่งเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าผู้ใดเสียอีกเสนาบดีมู่มองดูอู๋ต้าปั้นออกไปพร้อมกับความคิดในใจมากมาย แม้ว่าเขาจะยังมีงานราชการที่ต้องทำมากมาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะกลับไปสำนักเร็วเช่นนี้"ฝ่าบาท สงครามที่ชายแดนเฉิงหลิงเป็นเรื่องที่น่าละอายสำหรับแคว้นซางของเรามาโดยตลอด เรื่องนี้ถูกปกปิดไว้ เมืองซีจิงไม่ยอมที่จะเปิดเผยในตอนนี้ แต่รัชทายาทของเมืองซีจิงก็จากไปแล้ว และการต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 248

    เสนาบดีมู่ตอบปากรับคำกับงานนี้แทนฮูหยิน ในใจของเขารู้สึกสับสนมากเป็นพิเศษเมื่อนึกถึงจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางในตอนนั้น มีคนนับถือชื่นชมนับไม่ถ้วน ได้รับการสดุดี มีขุนนางมากแค่ไหนที่ราชสำนักมีความหวังสูงกับทั้งสองคนแม้แต่ประชาชนยังชื่นชมความรักของพวกเขา และยังรู้สึกสงสารและนับถือยี่ฝาง เห็นได้ชัดว่านางเป็นแม่ทัพหญิงที่สร้างผลงานทางทหารยิ่งใหญ่ กลับยอมเป็นแค่ภรรยาที่เท่าเทียมกันยิ่งมีคนยกย่องจ้านเป่ยว่างว่า แม้ว่าเขากับยี่ฝางมีใจให้กันและกัน แต่เขาก็ไม่เคยลืมภรรยาเอกที่บ้าน เพียงเพื่อให้ยี่ฝางสามารถดำรงตำแหน่งเป็นภรรยาที่เท่าเทียมกันเท่านั้นชัยชนะที่ชายแดนเฉิงหลิง ทำให้ทุกคนดีใจจนเสียสติ ให้ผู้คนร่วมฉลองอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นหลังจากร่วมฉลองเสร็จ ถึงค่อยๆ กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และพบว่ามีสิ่งสกปรกมากมายซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่ดูสวยงามเหล่านั้นในท้ายที่สุดได้พบว่าภรรยาเอกคนนั้นกลับโด่ดเด่นกว่ายี่ฝางเสียอีก และทุกคนก็จำได้ว่าตระกูลซ่งเคยสร้างผลงานมากมายให้กับแคว้นซาง และนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสงสารของตระกูลซ่งแต่ไหนแต่ไรมา คุณหนูซ่งไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากความคิด

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status