Share

บทที่ 231

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าจากโหวผิงหยางเห็นดวงตาที่ไม่แสดงแววความเกรงกลัวของนาง ก็รู้วว่าคำพูดที่นางพูดนั้นจากจริงใจ และนางไม่ได้โทษจวนโหวผิงหยางในเรื่องนี้

นางค่อยโล่งใจ

มองออกไปไกลๆ จวนโหวผิงหยางก็ไม่ต้องการสร้างศัตรูโดยไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเป่ยหมิงอ๋องหรือจวนเสนาบดีกั๋วกงซ่ง นางต่างก็ไม่อยากทำให้พวกเขาเป็นศัตรู

อย่างน้อยเมื่อพิจารณาจากการสร้างผลงานทางทหารของพวกเขา พวกเขาล้วนเป็นคนน่านับถือ ที่จวนโหวผิงหยางควรผูกมิตรกับคนแระเทภนี้ แทนที่จะมีความขัดแย้งหรือมีปัญหากับพวกเขา

ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ "คุณหนูซ่งเป็นคนมีเหตุผลรู้ความ ข้านี่รู้สึกละอายใจจริงๆ ถ้ามิใช่หัวหน้าสำนักหอดูดาวหลวงออกมาชี้แจง เกรงว่าคุณหนูจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญู ไม่ว่าสำหรับใครมันก็เป็นหายนะ"

ซ่งซีซีกลับส่ายหัวเล็กน้อย "ฮูหยินผู้เฒ่า สำหรับข้าแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเลย เป็นแค่คำนินทาเล็กน้อยก็เท่านั้น"

นี่ยังไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเหรอ?

ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่ซ่งซีซีด้วยความเหลือเชื่อ โดยคิดว่านางจงใจพูดอย่างให้เรื่องจบๆ ไปอย่างสบายๆ แต่เมื่อมองดูสีหน้าที่สงบนิ่งของน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 232

    ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางกล่าวว่า "เจ้าก็พูดถูก หากความจริงเป็นเช่นนี้หล่ะก็ แม้ว่าวันนั้นท่านแม่ของเจ้าจับสร้อยข้อมือไว้ไม่อยากปล่อย แต่ด้วยการโต้แย้งของข้าอย่างมีเหตุผล นางก็มอบมันให้ข้า ร้านจินจิงคืนเงินให้นาง เหตุการณ์นี้มาจัดการเช่นนี้ก็ถือว่าเรียบร้อบดี"เมื่อซ่งซีซีได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้ว่าเรื่องยังไม่จบ เลยไม่ได้ถามอะไร รอให้นางพูดต่อฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก "หลังจากที่ข้านำสร้อยข้อมือกลับจวนแล้ว ข้าพบว่าสร้อยข้อมือที่ข้าสั่งทำนั้นมีอัญมณีห้าเม็ด และชิ้นนี้มีหกเม็ด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อันที่ข้าสั่ง ข้าเลยส่งคนไปที่ร้านจินจิงเพื่อสอบถามดู ถึงจะรู้ว่าท่างชองที่รับผิดชอบในการทำสร้อยข้อมือให้ข้าได้กระทำความผิดและหนีไปโดยนำสร้อยข้อมือของข้าติดตัวไปด้วย ส่วนชิ้นนี้ มันเป็นของที่ท่านแม่ของเจ้าสั่งทำไว้จริงๆ เป็นสินเดิมที่จะมอบให้เจ้า แต่ทางร้านจินจิงไม่ได้บอกตอนนั้น เพราะมีแขกคนอื่นอยู่ด้วย และไม่สะดวกที่จะอธิบายว่าเป็นเพราะช่างทองนำของหนีออกไป เดิมทีวางแผนว่าจะมาให้คำอธิบายวันถัดไป แต่ข้าพบข้อผิดพลาดก่อนก็ส่งคนไปถาม จากนั้นถึงรู้ความจริง"ซ่งซีซีตกใจเล็กน้อย ท่านแม่วางแผน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 233

    ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางยืนกรานที่จะเรียกเก็บเงินเพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น ไม่ว่าซ่งซีซีจะว่ายังไง นางก็ไม่ยอมรับเงินมากกว่านั้นอีกเลยซ่งซีซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความน้ำใจนี้ไว้ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางกล่าวก่อนจะจากไป "ข้ามีวาสนากับคุณหนู หากคุณหนูมีเวลาว่าก็ขอเชิญไปเที่ยวจวนของข้าสักหน่อย หรือว่า ข้าจะมาจวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อมาคุยเล่นกับคุณหนูสักหน่อย"ซึ่งหมายความว่าทั้งสองครอบครัวจะไปมาหาสู่กันในอนาคตแน่นอนว่าซ่งซีซีรู้ดีว่ามันไม่ใช่มาจะประจบประแจง ชื่อเสียงของโหวผิงหยางนางก็ได้ยินมาบ้าง พวกเขาไม่จำเป็นต้องประจบประแจงใครเลย เพราะพวกเขาเป็นครอบครัวที่มีอายุร่วมศตวรรษและลูกหลานในตระกูลนั้นมีไม่น้อยที่ทำงานในราชสำนัก และบุคคลสำคัญที่มีอำนาจใหญ่ก็ไม่น้อยด้วยไม่ว่าจะยังไง มีเพื่อนเพิ่มมาคนนึงมันก็ดีกว่าเพิ่งศัตรูให้ และยังมีวาสนาที่ผูกมัดกับสร้อยข้อมือเส้นนี้อีกด้วยซ่งซีซียิ้มและก้มศีรษะ จากนั้นค่อยส่งนางออกจากจวนด้วยตนเอง "ข้ามีวาสนากับฮูหยินผู้เฒ่า ย่อมหาได้ยากเลย"หลังจากมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจากไป ซ่งซีซีไปที่ห้องโถงหมิงเซ่อของท่านแม่ และนั่งบนเก้าอี้นุ่นที่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 234

    ท่านหญิงเจียอี้กลับมาอาศัยที่จวนองค์หญิง และแม่ลูกสองคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการด่าทอ ตอนที่ชาวบ้านชาวเมืองด่าซ่งซีซีนั้น พวกนางจะรู้สึกสะใจมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ฃโกรธมากแค่นั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับอนุภรรยาของจวนองค์หญิงถูกแพร่กระจาย องค์หญิงใหญ่ไม่เพียงแต่โกรธ แต่ยังเริ่มสงสัยคนสนิทข้างกายของนาง ได้เผยแพร่ข้อมูลใดๆ รั่วไหลออกไปหรือไม่การสอบสวนทีละคนแบบนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้จวนองค์หญิงวุ่นวายได้ระยะหนึ่ง บวกกับท่านหญิงเจียอี้กำลังมีปัญหากับครอบรัวสามี นางกำลังอารมณ์หดหู่ วันๆ เอาแต่ใส่อาารมณ์ทำไม่ดีกับสาวใช้ที่จวนองค์หญิงเดิมที นางคิดว่าหลังจากกลับไปพักอาศัยที่บ้านพ่อแม่ของตนเองสักระยะนึง โหวผิงหยางจะมารับนางกลับ แต่ใครจะไปรู้ว่าไม่เพียงแต่โหวผิงหยางไม่ไปรับเท่านั้น แม้แต่คนรับใช้จากจวนโหวก็ไม่ได้ไปตามหานาง แต่กลับได้ยินข่าวว่าแม่สามีของนางไปที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อขอโทษซ่งซีซีนางโกรธเกี้ยวในใจ ดูเหมือนว่าตราบใดที่หญิงชราจะมีชีวิตอยู่ นางก็ไม่มีทางกุมอำนาจได้ ยิ่งไม่มีสถานะใดๆ ในครอบครัวของสามีตนเองด้วยเพียงแต่ความคิดชั่วร้ายเคยเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีประโย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 235

    เมื่อถึงกลางเดือนสิงหาคม ก็ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เซี่ยหลูโม่ยังไม่กลับมาไปตั้งเดือนกว่า และซ่งซีซีรู้สึกแปลกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าแค่ไปรายงานสักหน่อยเดี๋ยวก็กลับเหรอ?ใช้เวลาไปภูเขาเหม่ยชานเพียงสองสามวันก็พอ ถ้านับกับต้องพักที่นั่นต่ออีกกี่วัน สิบวันก็เพียงพอที่ไปกลับแล้วหรือว่าเกิดเรื่องที่ภูเขาเหม่ยชานแล้วหรือ?เป็นเวลาพอดีเลยที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นว่านจือ ในจดหมายของเสิ่นว่านจือได้เขียนมาหลายหน้า ล้วนเป็นเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นในภูเขาเหม่ยชาน ยังบอกว่ากุ้นเอ๋อร์ได้ซื้อเครื่องสำอางกลับไป แล้วถูกอาจารย์ขังบริเวณ แต่ไม่ได้ถูกทุบตีซ่งซีซียิ้มในจดหมายยังแสดงถึงความยินดีให้กับนางที่จะแต่งงาน และบอกว่าเมื่อนางแต่งงาน เพื่อนๆ ที่ภูเขาเหม่ยชานจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้นางข่าวงานแต่งงานของนางแพร่กระจายในภูเขาเหม่ยชาน ซึ่งหมายความว่า เซี่ยหลูโม่เคยไปที่ภูเขาเหม่ยชาน และสถาบันว่านซงเหมินด้วย ดูเหมือนว่าอาจารย์จะชอบเซี่ยหลูโม่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการแต่งงานของนางในภูเขาเหม่ยชานเสิ่นว่านจือยังกล่าวอีกว่าตอนนี้ทั้งสถาบันกำลังเตรียมสินเดิมให้นาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 236

    มื้อเที่ยงเบาๆ ซ่งซีซีดื่มแค่โจ๊กไก่หนึ่งชามเท่านั้น จากนั้นก็ไปสักการะที่ศาลเจ้าตระกูลซ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่โตและมีห้องโถงของบรรพบุรุษ ป้ายวิญญาณของพ่อแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ประดิษฐานอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในห้องโถงของบรรพบุรุษเพื่อสักการะได้ และทำได้เพียงการโค้งคำนับข้างนอกประตูเท่านั้นวิธีเดียวที่ผู้หญิงจะเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตไป แล้วนำป้ายวิญญาณเข้าไป อีกอย่างซ่งซีซีไม่สามารถถูกนำเข้าไปได้เพราะ นางเป็นลูกสาว และมีเพียงสะใภ้ของตระกูลซ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ดังนั้นหลังจากที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิตในสงคราม ท่านแม่จึงสร้างศาลเจ้าที่บ้าน และจัดวางป้ายวิญญาณของท่านพ่อและพี่ชายเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการสักการะในช่วงเทศกาลหลังจากที่ครอบครัวถูกสังหารหมด ซ่งซีซีได้จัดป้ายวิญญาณของท่านแม่ พี่สะใภ้ หลานๆ ของนางทั้งหมดวางไว้ที่นั่นด้วยลุงฟูได้เตรียมเครื่องสังเวยไว้แล้ว ทั้งไก่ ขนมไหว้พระจันทร์ และผลไม้สด นางเข้าไปจุดธูป ผู้คนที่เคยอยู่กันเป็นๆ ต่อหน้าต่อตา ทว่าปัจจุบันกลายเป็นป้ายวิญญาณสี่เหลี่ยมไปหมดหลังจากจุดธู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 237

    จางต้าจ้วงสะอึกในขณะที่เขาพูด และเล่าเรื่องติดๆ ขัดๆเมื่อกลุ่มขอทานตัวน้อยกระจัดกระจายออกไป เซี่ยหลูโม่ก็เงยหน้าเห็นขอทานตัวน้อยคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับซ่งรุ่ย ลูกชายของพี่ชายรองมากขอทานตัวน้อยคนนั้นเป็นง่อยขาเดียว และวิ่งช้ามาก ในขณะที่เซี่ยหลูโม่ต้องการเข้าไปจับเขา มีคนผลักเกวียนล้มมา บังเอิญชนเข้ากับหลายๆ คน เซี่ยหลูโม่ได้แต่ช่วยชีวิตคนก่อนเมื่อเขาช่วยเหลือผู้คนอยู่นั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองขอทานตัวน้อยคนนั้นแวบนึง ขอทานตัวน้อยกำลังเดินอย่างง่อยๆ ในไม่ช้า เขาก็ถูกจับตัวขึ้นโดยชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่งและขึ้นไปเกวียนวัวคันนึง เขาตะโกนโดยไม่รู้ตัวว่า "รุ่ยเอ๋อร์" ขอทานตัวน้อยคนนั้นที่กำลังก้มหน้านั้นได้เงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อเซี่ยหลูโม่ลุกขึ้นและไล่ตามไปทันที แต่เกวียนก็เข้ามาขวางทางอีกครั้ง เซี่ยหลูโม่กระโดดขึ้นเพื่อไล่ตามรถวัวคันนั้น เมื่อเขาตามรถวัวทันเขาก็พบว่าชายผู้แข็งแกร่งและขอทานตัวน้อยก็หายไปหมดแล้วถนนในอำเภอเย่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายและปะปนไปด้วยถนนด้านข้างและตรอกซอกซอยทุกที่ และไม่แน่ว่าพวกเขาไปในทิศทางใดเนื่องจากการเดินทางครั้งนี้เซี่ยหลูโม่แค่พาจางต้าจ้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 238

    ตอนที่เป่าจูยื่นสัมภาระให้นาง มือของนางสั่นไม่หยุดเลยไม่มีใครกล้าเชื่อว่าข่าวนี้เป็นความจริง เพราะจำนวนคนที่นับในขณะนั้นครบพอดีโดยเฉพาะเด็กๆ เด็กน้อยจากคนรับใช้ คุณชายน้อยและคุณหนูน้อยในจวนต่างอยู่กันครบเลยซ่งซีซีปากบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในใจของนางยังคงมีความหวังริบหรี่อยู่แต่เมื่อนึกถึงฉากนั้น นอกจากศีรษะแล้ว ยังมีเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาด้วย แม้ว่าพวกมันจะเปื้อนเลือด แต่นางก็จำได้ว่ามันเป็นของรุ่ยเอ๋อร์ เพราะนางสั่งให้คนทำเสื้อผ้าชุดนั้นให้กับรุ่ย เอ่อตอนนั้น ตอนที่นางกลับบ้านพ่อแม่ และนางสั่งตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับหลานๆ ทุกคนซ่งซีซีรับสัมภาระ ดวงตาของนางว่างเปล่า และเอาแต่พึมพำ "เป่าจู ข้าแค่ไปดูสักหน่อย ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ ข้าไม่ได้มีความหวังอะไรด้วย แต่... แต่เจ้าไปที่เรือนซุยหลานหยิบของเล่นที่รุ่ยเอ๋อร์ชอบที่สุดชิ้นหนึ่ง ก็คือเครื่องยิงนั้น ชิ้นที่ข้าทำให้เขา ได้สลักชื่อในเครื่องด้วย แท่งไม้นั้นข้ายังทดสี...""เจ้าคะ รับทราบเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปหยิบเดี๋ยวนี้" เป่าจูรีบวิ่งออกไปอีกครั้ง เมื่อนางลงบันไดหิน ขาของนางเริ่มอ่อนแรงและล้มลงไปตรงๆ ทว่านางไม่ได้หยุดฝีเท้าก่อนรีบลุดขึ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 239

    ห้าวันต่อมา ถึงหลิงโจวหลังเที่ยงวันพอดีแม้ว่าระหว่างทางซ่งซีซีได้เข้าพักโรงเตี้ยม แต่นางก็กินอาหารไม่ลง และไม่กล้าดื่มน้ำเยอะไป เพราะกลัวว่าการทำธุระส่วนตัวจะเสียเวลาเพียงห้าวัน นางก็ผอมลงได้มากตามที่อยู่ที่จางต้าจ้วงให้ไว้ นางจูงม้าในขณะถามทาง และพบเลขที่ 13 ถนนชิงหลี่นี่คือทรัพย์สินที่นายอำเภอแห่งหลิงโจวซื้อไว้ จางต้าจ้วงบอกว่า ท่านอ๋องและเด็กๆ อาศัยอยู่ที่นี่ซ่งซีซียืนอยู่นอกประตูด้วยริมฝีปากแห้ง บ้านตั้งอยู่ในตรอกซึ่งค่อนข้างกว้างขวางมีคนนึงเฝ้าประตูอยู่ ดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นผู้คนทำงานให้สำนักรัฐ น่าจะเป็นเซี่ยหลูโม่ยืมเจ้าหน้าที่จากสำนักรัฐมาเฝ้าประตูให้เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งจูงม้าหยุดอยู่ แต่ไม่กล้าเคาะประตูนั้น เขาจึงถามอย่างหยั่งเชิงว่า "ใช่คุณหนูซ่งหรือเปล่า"ซ่งซีซีพยักหน้า ไม่สามารถส่งเสียงจากปากได้ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างปิดคอและหน้าอกของนางไว้เมื่อเห็นนางพยักหน้า เจ้าหน้าที่ก็เคาะประตูแล้วพูดว่า "ท่านขอรับ คุณหนูซ่งถึงแล้วขอรับ"หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน และเป็นเซี่ยหลูโม่ที่สวมเสื้อผ้าสีเขียวแต่ดูซีดเซียวเล็กน้อยเห็นไ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status