Share

บทที่ 1266

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เซี่ยหลูโม่และจางต้าจ้วงตามกลุ่มส่งอาหารออกไป เนื่องจากคนที่นี่ไม่มีการปิดบังใบหน้า จู่ๆ มีคนสองคนที่ไม่รู้จักเดินเข้ามา พวกเขารู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้ถามอะไร

บางที อาจเป็นคนมาใหม่ เมื่อครู่ก็อยู่ข้างหลังตลอด

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในหมู่บ้านต้าสือแล้ว กลุ่มคนของเซี่ยทิงหลานนั้นไม่เป็นระเบียบจริงๆ

อูโซเว่ยกับซ่งซีซีก็กลับไปตามทางที่เข้ามา โดยรักษาระยะห่างไว้ เซี่ยหลูโม่รู้ส่าข้างหน้ามีคน แต่ถึงฝันละเมอก็ไม่กล้าคิดว่าคนเหล่านั้นจะเป็นซ่งซีซีและอาจารย์

เขาคิดว่าคนที่นำกลุ่มเป็นหัวหน้า มีหน้าที่ตรวจตรา เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาแอบขโมยเสบียงอาหาร เพราะคนเหล่านี้ดูเหมือนคนที่มาทำงานหนักชั่วคราว

ซ่งซีซีมองย้อนกลับไปหลายครั้ง แต่นางไม่เห็นเซี่ยหลูโม่ เพราะมีคนมากเกินไป เห็นแต่หัวดำๆ เต็มไปหมด และระยะห่างระหว่างพวกเขาค่อนข้างไกล

นางหันกลับไปมองตลอด เพราะได้ยินเพียงเสียงของจางต้าจ้วง ไม่ใช่เสียงของเขา

เสิ่นว่านจือกระซิบข้างหูของนาง “วางใจเถอะ ตอนนั้นที่เกิดความวุ่นวาย มีคนสองคนแอบเข้ามาในกลุ่มของเรา แม้ว่าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่พวกเขาก็น่าจะเป็นท่านอ๋องกับจางต้าจ้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1267

    ในหมู่บ้านถูกคนของพวกเขายึดครองหมดแล้ว ต้องการน้ำอุ่นก็มีน้ำอุ่น ต้องการเสื้อผ้าก็มีเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ค่อนข้างสั้น อูโซเว่ยไม่ยอมให้เขาดูไม่ดี สั่งให้คนไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่มา เลือกขนาดที่พอดีกับตัวเขาเซี่ยหลูโม่แช่ตัวในอ่าง ส่วนซ่งซีซีช่วยเช็ดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายและสระผมที่ยุ่งเหยิงของเขาเซี่ยทิงหลานเป็นคนที่รู้จักเพลิดเพลินกับความสำราญ น้ำยาสระผมกลิ่นหอมที่เขาใช้สระผมนั้นดีเป็นพิเศษ หลังจากขัดและสระผมสักพักหนึ่ง ผมของเขาก็นุ่มขึ้นเพียงว่ามันสกปรกเกินไป เขาจึงต้องเปลี่ยนน้ำสามครั้ง ถึงอาบสะอาด ซ่งซีซีค่อยๆ ช่วยเขาโกนเครา เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาดังเดิมในทางกลับกัน เซี่ยหลูโม่รู้สึกใจสลายเมื่อมองดูใบหน้าที่ซูบเซียวของนาง หลายวันมานี้นางกลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้ารู้แต่แรกก็คงจะส่งจดหมายหานางสักฉบับ นางจะได้ไม่เป็นห่วงขนาดนี้ยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ากลับมา จำต้องสวมเสื้อผ้าของเซี่ยทิงหลานก่อน มันสั้นเกินไปนิดหน่อย เมื่อสวมถุงเท้าจึงดูเรียบร้อยขึ้นสองสามีภรรยากอดกันแน่น น้ำเสียงของเขาก็แหบห้าว “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะมา ไม่คิดว่าศิษย์พี่เสิ่นจะคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1268

    ในหลูโจวมีร้านแห่งหนึ่งชื่อตึกหย่งเล่อ ตั้งตระหง่านริมแม่น้ำหลูโจว ผู้ที่มาใช้จ่ายที่ถนนหย่งเล่อล้วนมีแต่คนร่ำรวยหรือไม่ก็ผุ้สูงศักดิ์แต่มุมซ้ายของถนนหย่งเล่อ หันหน้าไปทางท่าเรือ มีสถานที่ว่างๆ รกๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงขายของทุกวันมีทั้งคนขายข้าว คนขายขนมงา และคนขายเกี๊ยว ของที่นี่ถูกและดี ที่มาหาอาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดาและคนงานรับจ้างที่ท่าเรือด้านนอกแต่ละแผงมีโต๊ะเตี้ยๆ ตั้งอยู่ไม่กี่ตัว และมีม้านั่งเล็กๆ หลายตัวไว้ให้ผู้มารับประทานอาหารสามารถนั่งกินอาหารได้ที่นี่พลุกพล่านมาก ผู้คนพูดถึงทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องกิจการบ้านเมือง สำหรับคนธรรมดา สิ่งนั้นอยู่ไกลเกินไปในหมู่พวกเขามีสองคนนั่งอยู่หน้าแผงขายเกี๊ยว เสื้อผ้าของพวกเขาค่อนข้างเรียบง่ายและธรรมดา หนึ่งในนั้นสวมเสื้อบุผ้าฝ้ายสีเทาและหมวกสีขาวชายอีกคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปี สวมเสื้อผ้าผ้าหยาบสีเขียว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หนาวเย็น เสื้อผ้าของเขาดูค่อนข้างบางเล็กน้อย แต่หลังจากกินเกี๊ยวไปหนึ่งชาม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาหลังจากกินอาหารเสร็จวางชามลง ชายในเสื้อบุผ้าฝ้ายสีเทาก็พูดว่า “แบบนี้ ไม่สน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1269

    การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถูกประกาศว่าเป็นการปราบปรามโจรก่อนมีการเคลื่อนไหว พวกเขานั่งคุยกันหารือกัน การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เป็นอันตราย ภารกิจก็ไม่ยาก อย่างไรก็ตามสามารถมั่นใจได้ว่าคนจากหมู่บ้านต้าสือในหลูโจว ไม่ใช่อดีตทหารส่วนตัวของอำเภอหยงดังนั้น คนของอ๋องเยี่ยนย้ายไปอยู่ที่ไหน?เซียหรูหลิงกล่าวก่อนหน้านี้ว่ามีฐานที่มั่นแบบเดียวกันนี้ในหลายอำเภอหลายเมือง เขาคิดว่า มันน่าจะใหญ่เท่ากับหมู่บ้านต้าสือหลายพันคน จะบอกว่ามากก็ไม่มาก จะบอกว่าน้อยก็ไม่น้อยในสถานที่ที่ไม่มีกองทหารรักษาการณ์ อาศัยเพียงทางการท้องถิ่นเพียงลำพังไม่สามารถทำลายล้างคนห้าพันคนได้ ในทางกลับกัน กลับเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกตอบโต้และเข้ายึดครองถ้าหลายแห่งเกิดเรื่องขึ้นพร้อมกัน จะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประชาชน เมื่อกองทัพมาถึง ก็ไม่รู้ว่าถูกยึดครองไปกี่แห่งแล้วดังนั้นการทำลายล้างทหารส่วนตัวของหลูโจวในครั้งนี้จึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่จะตามมาทีหลังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสงครามในเขตหนานเจียง อ๋องเยี่ยนยังคงขยายอำนาจตลอด ราชสำนักยังไม่ได้เตรียมการป้องกันเขาเลย แม้ว่าเขาจะถูกควบคุมได้หลังจากชัยช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1270

    ปฏิบัติการฉับพลัน คนกลุ่มหนึ่งตรงไปที่ถนนทางทิศเหนือของหมู่บ้านต้าสือ ซึ่งเป็นทางเข้าไปในหมู่บ้านแต่แน่นอนว่าก่อนที่กลุ่มนี้จะเคลื่อนไหว กลุ่มอื่นๆ ได้เข้าสู่ภูเขาแล้ว โดยโจมตีจากด้านหน้า ซ้ายและขวา ซึ่งได้วางแผนล้อมจับพวกเขาไว้ทุกด้านแล้วอย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อสู้เนื่องจากพท้นที่กว้างขวาง ศัตรูคุ้นเคยกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขามากกว่า โชคดีที่อูโซเว่ยพาคนล่วงหน้ามาปิดกั้นทางเข้าเส้นทางลับในหมู่บ้านต้าสือ บังคับให้พวกเขาต่อสู้ต่อไปจางต้าจ้วงยังแวะช่วยสองคนก่อนหน้านี้ที่ถูกจับมัดด้วย ให้เขาช่วยตามหาคนเหล่านั้น และเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาออกจากหมู่บ้านต้าสือโดยไม่มีอาวุธทั้งสองคนนั้นในที่สุดก็ได้รับการช่วยเหลือ พวกเขาทั้งหนาวทั้งหิว เมื่อรู้ว่ามีการต่อสู้กันข้างนอก พวกเขาจึงรีบลนลานไปพบคนที่อาศัยอยู่บนภูเขา พาพวกเขาอพยพออกไปแต่พวกที่ทำงานหนักเหล่านี้เป็นคนจำนวนน้อยเสมอ จริงๆ แล้วที่นี่มีทหารส่วนตัวถึงห้าพันคน ดังนั้นการต่อสู้จึงค่อนข้างยากไม่กี่ชั่วยามต่อมา กลุ่มที่สองได้ยึดครองหมู่บ้านต้าสือ ตัดเสบียงอาหาร บังคับพวกเขาขึ้นภูเขา ตราบใดที่ยึดอาหารได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1271

    เมื่อข่าวไปถึงเยี่ยนโจว ทุกอย่างในจวนอ๋องเยี่ยนก็ล้มระเนระนาดอ๋องเยี่ยนโกรธมาก ทุบทุกอย่างจนในบ้านเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องแตก “พวกสวะ ทหารส่วนตัวห้าพันคนถูกฆ่าตายในคราวเดียว แต่ไม่มีใครมารายงาน เซี่ยทิงหลานไปทำบ้าอะไร? คนมากมายไปถึงหลูโจว เขากลับไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ เลย แถมไม่ได้ส่งใครมารายงานข่าวด้วยซ้ำ”ใบหน้าของเขาดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวมาก แม้แต่อ๋องฮวยก็ยังยืนเฉยๆ ไม่กล้าพูดอะไรเหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเขาไม่ทันระวังจริงๆความสนใจของพวกเขา อยู่ที่ทหารส่วนตัวที่ย้ายมาจากอำเภอหยงเท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดปัญหาในหลูโจวหมู่บ้านต้าสือในหลูโจว ถูกซ่อนไว้อย่างดี จะถูกค้นพบได้อย่างไร?หลูโจวไม่ควรอยู่ในสายตาพวกเขาตั้งแต่แรกสิที่นั่นภูมิประเทศดีมาก นอกจากมีอุโมงค์อยู่หนาแน่นแล้ว ยังมีหมู่บ้านต้าสือ ที่มีภูเขาสามด้านโอบล้อม เขาคิดว่าถ้าล้มเหลวก็ถอยกลับไปที่หมู่บ้านต้าสือ สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้หลายปี จากนั้นค่อยสำรวจอุโมงค์ลับภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ป้องกันง่าย แต่โจมตียาก แต่กลับถูกเลือกจัดการก่อนเช่นนี้อู๋เซียงดูเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง โกรธไปก็เปล่าประโยชน์ ตัดสินใจตั้งแต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1272

    ในห้องหนังสือของจวนอ๋องเยี่ยน แสงไฟไม่ดับลงเลยตลอดทั้งคืนอ๋องเยี่ยนได้เรียกเหล่ากุนซือมาร่วมประชุมหารือกัน เขาหวังว่าจะมีใครสักคนเห็นด้วยกับเขาเพราะเขาเชื่อจริง ๆ ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม การเคลื่อนไหวใด ๆ จะมีแต่พาไปสู่ความตายเท่านั้นตราบใดที่สังหารเซี่ยทิงหลานได้ ก็จะไม่มีพยานหลักฐานที่จะกล่าวหาเขาในข้อหากบฏได้ทว่ากุนซือทั้งหมด รวมถึงขุนนางในเยี่ยนโจวที่ร่วมแผนการณ์กับเขา ต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะสังหาร เซี่ยทิงหลาน กองกำลังห้าพันที่ถูกกำราบจนพ่ายแพ้ และคุมตัวเซี่ยทิงหลานกลับเมืองหลวงนั้น จะสังหารพวกเขาได้อย่างไร? แทนที่จะเทกำลังทั้งหมดไปสังหารเซี่ยทิงหลาน พวกเขาควรลุกขึ้นก่อการโดยตรงจะดีกว่า เฮ้อซวงจื้อ…ผู้ว่าการเยี่ยนโจวกล่าว “ท่านอ๋อง หากพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป บัดนี้การเลี้ยงกองทัพก็สิ้นเปลืองทรัพย์สินไปมากมาย อีกทั้งไม่มีเงินจากเมืองหลวงมาสนับสนุน หากยังถ่วงเวลาไปอีก เกรงว่าคงจะไม่อาจคงอยู่ได้ และจิตใจผู้คนก็จะระส่ำระสายไปด้วย” เฮ้อซวงจื้อเคยเป็นอดีตรองเสนาบดีกรมคลัง แต่เพราะทำความผิดเล็กน้อยจนถูกจักรพรรดิองค์ก่อนเนรเทศไปยังเฉีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1273

    เช้าวันต่อมา คนในจวนอ๋องเยี่ยนดูหนาแน่นขึ้น มีทั้งเหล่าขุนนางจากตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองเจียงหนานเข้ามาร่วมด้วย ตามหลักแล้ว ตระกูลขุนนางเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ปรารถนาให้เกิดความวุ่นวาย เพราะในยามบ้านเมืองสงบสุขเท่านั้นที่พวกเขาจะได้เสวยสุขอย่างมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ตระกูลขุนนางที่ผ่านไปหลายทศวรรษย่อมรู้สึกกังวล เมื่อยศฐาบรรดาศักดิ์จาก ‘กง’ ลดลงเป็น ‘ป๋อ’ หรือแม้แต่กำลังจะหมดสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ ความกังวลนั้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ เพราะอย่างไรพวกเขาก็เคยรุ่งโรจน์มาก่อนแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกตระกูลจะเข้าร่วมกับอ๋องเยี่ยน ยังมีบางคนที่หวังจะอยู่สงบสุขในมุมเล็ก ๆ ของตนเอง คนเหล่านี้อาจรู้ถึงแผนการของอ๋องเยี่ยน แต่ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการไม่สร้างศัตรู จึงเลือกทำเหมือนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากวันนี้ผู้คนยังมารวมตัวกันไม่ครบ อ๋องเยี่ยนจึงเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีกครั้ง กล่าวว่ารอให้ทุกคนมาพร้อมหน้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คำพูดของอู๋เซี่ยงที่ว่าเขากำลังลังเลใจระหว่างการลุกขึ้นก่อกบฏกับการยอมจำนนดูมีน้ำหนักขึ้นทางด้านหลูโจว เซี่ยหลูโม่ได้ส่งม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1274

    เซี่ยหลูโม่ตั้งใจจะบอกว่ามีคนอยู่เบื้องหลังอ๋องเยี่ยน แต่คิดว่าหากพูดไปอาจทำให้มู่ฉงกุยเดาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ จึงกล่าวว่า “ตอนนั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัด หากลงมือสังหารโดยไม่มีเหตุผล ฮ่องเต้ย่อมถูกตราหน้าว่าเป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยม ฆ่าพระปิตุลาโดยไร้เหตุผล ซึ่งจะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้พวกเขาก่อกบฏได้ง่ายขึ้น อีกอย่าง การก่อกบฏไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะทำได้ ต้องมีผู้สนับสนุน ยิ่งอ๋องเยี่ยนขยายอิทธิพลได้ขนาดนี้ หากมีคนชูธงนำกบฏขึ้นมา ย่อมเกิดความวุ่นวายเป็นวงกว้าง ส่วนเรื่องที่ปล่อยให้เขากลับเยี่ยนโจวก็เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเชื่อมโยงกับคนที่เคยเกี่ยวข้องกับเซี่ยอวิ้นในอดีตอีก”มู่ฉงกุยฟังแล้วพยักหน้ารับ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาจะหาข้ออ้างในท้องถิ่นเพื่อเริ่มก่อความวุ่นวาย เมื่อบ้านเมืองเกิดโกลาหล พวกเขาจะรวบรวมกำลังทหารขึ้นมาอ้างว่าปราบกบฏ ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่สงครามในท้ายที่สุด ดังนั้นแม่ทัพมู่ต้องระวังตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตเจียงหนานเป็นแหล่งข้าวและศูนย์กลางการค้าของแคว้น หากพื้นที่นี้เสียหาย จะส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพของบ้านเมืองได้” เซี่ยหลูโม่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status