공유

บทที่ 122

작가: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีมองดูไฟค่อยๆ ตัดลง จากนั้นจึงเติมฟืนลงไปสองสามฟืน นางมองดูไฟกลืนกินฟืนแห้งอย่างรวดเร็ว ไฟได้รุนแรงขึ้น ภาพที่สะท้อนในดวงตาของนางคือ ภาพที่นางกลับมาบ้านท่านพ่อแม่ของนางจากจวนแม่ทัพ และมองเห็นศพเต็มบ้าน มีเลือดเต็มพื้น

ความเจ็บปวดอันหนักหน่วงจากใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้นางหายใจลำบากด้วย

นางจะไม่อยากให้ยี่ฝางตายได้ยังไง? แต่การปล่อยให้นางตาย อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในแก้แค้น

นางคิดเช่นนั้น ซูลันจีก็คงคิดเช่นนั้นเช่นกัน

ดังนั้น นางคิดว่าซูลันจีจะไม่ฆ่ายี่ฝาง ที่ผู้บังคับบัญชาให้นางนำกองทัพมารออยู่ที่นี่ อาจเพราะซูลันจีได้ส่งคนไปส่งข่าวให้ผู้บังคับบัญชาแล้ว

ผู้บังคับบัญชาเคยบอกว่า ที่เมืองอีลี่มีสายลับของตัวเอง ดังนั้นก็คงมีสายลับที่ซีม่อนเช่นกัน

ปล่อยให้พวกเขารออยู่ที่นี่เป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และยังเป็นความต้องการของซูลันจีด้วย

พอตกดึก ทุกคนต่างก็ทั้งเหนื่อย ง่วงนอน และหิวโหด มันไม่ได้หนาวเพราะมีเชื้อฟืนมากพอที่จะให้กองไฟมีไฟอยู่

คนจากทางด้านหลังส่งอาหารมาให้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ข้าวผัด แต่ก็สามารถให้ทหารอิ่มท้องได้ในสนามรบ ไม่สนว่ามันคืออาหารอะไร กินได้หมดแหละ

แม่ทัพ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
premjai vungsiriphisal
คำผิดเยอะมากๆ และค่าอ่านแพงมาก
댓글 모두 보기

관련 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 123

    จ้านเป่ยว่างมองนางอย่างอึ้งๆ เขาไม่ทันพูดอะไรอีก ก็ถูกนางพูดตัดหน้าไปก่อนใช่สิ นางเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย และเป็นแม่ทัพชั้นห้าในราชสำนัก คำพูดที่นางพูดอย่างเบาๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยพลังงานคนที่เขานำมาไม่เยอะเท่าไร เลยหวังว่ากองทัพซวนเจียจะไปกับเขาด้วยผู้คนของเขาเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่กองทัพซวนเจียก็พักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เขาคิดว่าหากพวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพเมืองซีจิงหรือชนเผ่าเร่ร่อน กองทัพซวนเจียก็สามารถต่อสู้ได้เขากระซิบว่า "ข้าต้องการนำกองทัพซวนเจียไปด้วย ถือว่าข้าขอร้องเจ้า ซีซี เมื่อก่อนเป็นข้าที่ทำผิดกับเจ้า เจ้าสามารถลงโทษข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่เรารอมาเกือบสองวันแล้ว ยี่ฝางรอไม่ได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดนาง เมื่อตามหานางเจอ เราสองคนยอมมาขาโทษต่อหน้าเจ้า"ใบหน้าที่ซูบผอมของซ่งซีซีเผยสีหน้าเย็นชา "มันไม่เกี่ยวอะไรกับความแค้นส่วนตัว กองทัพซวนเจียไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว"จ้านเป่ยว่างกำมัดแน่นแล้วพูดว่า "ซ่งซีซี ข้าก้มหน้ามาขอร้องเจ้าแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก"เสิ่นว่านจือเยาะเย้ย "เจ้าก้มหน้าให้แล้วแล้วไงเล่า ท่าทางที่เจ้าขอร้องคนอื่นนี่ดูจริงใจจริงๆ สินะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 124

    สีหน้าของจ้านเป่ยว่างเปลี่ยนไปทันที "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาอยู่บนภูเขา? พวกเขาต้องการคำอธิบายอะไรกัน"ซ่งซีซีเดินออกไปสองสามก้าว จ้านเป่ยว่างเดินตามนางไปอย่างง่อยๆ เมื่อซ่งซีซียืนนิ่ง เขาก็มองดูนางอย่างเงียบๆลมพัดเสียงดัง และเสียงของซ่งซีซีก็เบามาก "ถ้าเจ้าสงบสติอารมณ์แล้วค่อยตั้งใจฟังดู เจ้าจะได้ยินเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงลม"จ้านเป่ยว่างสงบลงเพื่อตั้งใจฟัง แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงลมทักษะการต่อสู้ของเขาสู้ซ่งซีซีไม่ได้ และความแข็งแกร่งภายในกำลังยิ่งต้อยกว่า จะได้ยินการเคลื่อนไหวบนภูเขาได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลมพัดแรงเช่นนี้ ต้องฟังเสียงหายใจของคนเกือบแสนคนด้วยเขารู้สึกว่าซ่งซีซีกำลังเล่นฝีมืออะไรอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธ "บอกข้าสิ พวกเขาต้องการคำอธิบายอะไร""ใช้สมองของเจ้าไปคิดดูสิ ทำไมผู้คนตั้งหนึ่งแสนคนอยู่บนภูเขาไม่ยอมล่าถอย ทำไมพวกเขาถึงต้องจับยี่ฝาง แล้วทำไมพวกเขาถึงไปสนามรบเขตหนานเจียงหลังจากทำสัญญาสันติภาพแล้วล่ะ"หลังจากซ่งซีซีพูดจบ นางก็เดินกลับโดยปล่อยให้จ้านเป่ยว่างยืนอยู่ที่นั่นตามลำพังด้วยใบหน้าซีดเซียวพระอาทิตย์อัสดงสะท้อนใบหน้าที่มืดมนและห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 125

    เมื่อฟ้ามืด กองทัพก็ลงมาจากภูเขาทันทีที่กองทัพเริ่มเคลื่อนไหว พวกซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็รู้เรื่องแล้ว จากนั้นมองหน้ากันซ่งซีซียืนขึ้นและออกคำสั่งว่า "กองทัพทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม และต้องเก็บอาวุธไว้ในมือ"กองทัพซวนเจียทั้งหมดยืนขึ้น ถือโล่และอาวุธไว้ในมือ จากนั้นตั้งแถวอย่างรวดเร็วทหารของเมืองซีจิงเดินทัพอย่างรวดเร็ว กลุ่มทหารลงมาจากภูเขาและแบ่งออกเป็นสามแถว เดินเคียงข้างกันคนข้างหน้าถือคบเพลิง ห่างทุกๆ สิบคนก็มีคนถือคบเพลิงเพื่อส่องสว่างถนนบนภูเขามีน้ำแข็ง ตามหลักแล้ว หากเดินเร็วจะลื่นล้มได้ง่าย พอมีคนลื่นต้องทำให้ทั้งกลุ่มต้องลื่นไปด้วยแต่พวกเขากลับเดินอย่างมั่นคง เห็นได้ชัดว่ารองเท้าของพวกเขาทำมาเป็นพิเศษประเทศเมืองซีจิงร่ำรวยและทรงเจริญ ความแข็งแกร่งทางการเงินก็เผยให้เห็นอย่างดีในขณะนี้พวกเขาใช้การกระทำเพื่อให้ชาวซางเห็นว่าหากมีสงครามขนาดใหญ่กับเมืองซีจิง ชาวซางจะไม่ได้เป้นฝ่ายได้เปรียบแน่ในไม่ช้า ทหารของเมืองซีจิงตั้งหนึ่งแสนนายก็ยืนอยู่บนทุ่งหญ้าและเผชิญหน้ากับกองทัพซวนเจียแต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยืนนิ่งๆจ้านเป่ยว่างรีบวิ่งเข้าไปตะโกนว่า "พวกเจ้าพายี่ฝางไปที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 126

    จ้านเป่ยว่างรู้สึกขนลุกเมื่อถูกเขาจ้องมองอย่างนั้น และก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่า ซูลันจีไม่ต้องการคุยกับเขาเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงหน้าซ่งซีซี ก่อนที่เขาจะพูด สีหน้าของเขาดูซับซ้อนมาก "แม่ทัพซ่ง สายลับจากเมืองซีจิงสังหารตระกูลซ่งทั้งหมดของเจ้า มันไม่ใช่คำสั่งของข้า เป็นเพราะพวกเขาได้รู้ว่าที่เมืองลู่เปินเอ่อร์มีหมู่บ้านหลายแห่งถูกยี่ฝางนำกองทัพสังหารหมู่ มีผู้ถูกจับถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม ดังนั้นหัวหน้าของสายลับเลยออกคำสั่งเอง ฝ่าบาทจาดเมืองซีจิงของเรายังคงยืนกรานปฏิบัติตามข้อตกลงที่ว่า ปัญหาชายแดนย่อมไม่ส่งผลต่อชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่สังหารหมู่พลเรือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสังหารหมู่ทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็กๆ แม้ว่าครั้งนี้เป็นแม่ทัพของฝ่ายเจ้าเป็นคนละเมิดกฏ ได้สร้างปัญหาไว้ก่อน แต่ข้าอยากจะขอโทษเจ้าสำหรับสิ่งที่สายลับของเมืองซีจิงทำลงไป"จ้านเป่ยว่างตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่า "เจ้า... เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร?"ซูลันจีไม่สนใจเขา และพูดกับซ่งซีซีต่อไป "ฝ่าบาทของเราจนกระทั่งขุนนางต่างๆ ของประเทศเราต่างก็ชื่นชมผู้บังคับบัญชาซ่งฮวยอันเป็นอย่างมาก เขาเคยนำกองทัพไปต่อสู้ก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 127

    ซูลันจีและองค์ชายสามจากไปพร้อมกับทหารเมืองซีจิงหนึ่งแสนคน ซ่งซีซีพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า "ถ้าเจ้าต้องการช่วยยี่ฝาง แค่พาคนสนิทของเจ้าขึ้นไปบนภูเขาก็พอ"การที่ซ่งซีซีพูดแบบนี้ ได้ช่วยรักษาหน้าให้จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางเอาไว้แล้วจริงๆหากความอัปยศอดสูของรัชทายาทของเมืองซีจิงเกิดขึ้นซ้ำกับพวกเขา งั้นสิ่งที่พวกเขาเห็นก็ต้องเป็นสภาพไม่น่าดูแต่จ้านเป่ยว่างคงกังวลว่ายังมีแองทัพของเมืองซีจิงอยู่บนภูเขาที่ไม่ได้ล่าถอย เขาจึงขอให้ซ่งซีซียืมกองทัพซวนเจียเพื่อขึ้นไปบนภูเขาด้วยกันซ่งซีซีมองเขาครู่หนึ่งแล้วถามว่า "เจ้าแน่ใจเหรอ?"เมื่อเห็นนางมองเขาแบบนั้น หัวใจของจ้านเป่ยว่างก็สั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ได้ "เจ้าสามารถบอกข้าได้ไหมว่า ที่ยี่ฝางสังหารหมู่หมู่บ้านเป็นเรื่องจริงหรือไม่?""เมื่อกี้เจ้าควรจะถามซูลันจี" ซ่งซีซีพูดอย่างเรียบเฉย "หรือเมื่อเจ้าพบกับยี่ฝางแล้ว เจ้าถามนางด้วยตนเอง ซูลันจีไม่น่าจะฆ่า นาง"จ้านเป่ยว่างไม่อยากจะเชื่อว่ายี่ฝางจะทำสิ่งนั้นเขานึกถึงสิ่งที่ซูลันจีพูดเมื่อกี้ เขาพูดในลักษณะที่คลุมเครืออย่างยิ่ง การสังหารหมู่ที่หมู่บ้านเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เขาเล่าเรื่องเพียงไม่กี่ปร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 128

    ยี่ฝางหมดสติไปแล้ว นางถูกซูลันจีบีบคอไม่หยุด สลับสภาพระหว่างความตายกับยังมีหายใจหลงเหลืออยู่ไปมา มีรอยขีดข่วนบนร่างกายและใบหน้าของนาง หูข้างหนึ่งของนางถูกตัดออกดังนั้น เมื่อจ้านเป่ยว่างอุ้มนางขึ้นมา นางยังไม่รู้ตัวว่านางได้รับการช่วยเหลือแล้ว และยังอยู่ในอาการหมดสติอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาอุ้มนางเช่นนี้ออกไป ทุกคนเห็นหมด และรู้ว่ายี่ฝางไม่ได้สวมกางเกงยิ่งไปกว่านั้น หลายคนได้เห็นกองเลือดอยู่ใต้ขาของนางเมื่อ นางนอนอยู่ที่นั่นเห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางใบหน้าของจ้านเป่ยว่างหน้าเขียวคล้ำถมึงทึงจนน่ากลัว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมซ่งซีซีจึงให้เขาพาแค่คนสนิทของเขาขึ้นไปบนภูเขาก็พอเขาจ้องเขม็งที่ซ่งซีซีออย่างดุร้ายแวบหนึ่ง มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาจะไม่เชื่อคำพูดของซูลันจี จนกว่ายี่ฝางจะบอกเขาด้วยตัวเองดังนั้น เขาจึงไม่อยากจะเชื่อว่ายี่ฝางมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ครอบครัวของซ่งซีซีถูกสังหารหมู่ซ่งซีซีเห็นคำว่าขี้ขลาดในดวงตาของเขา และเพิกเฉยต่อเขาและสั่งให้เข้าไปช่วยเหลือผู้คนทหารเข้าไปหามผู้ถูกจับที่ยังเหลืออยู่ออกมา มีไฟถ่านอยู่ในบ้านไม้ แต่ก็ถูกดับลงก่อนที่ชาวซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 129

    เขามองดูยี่ฝางราวกับมองกูคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างไปจากยี่ฝางที่เขารักอย่างสิ้นเชิง นางช่างโหดร้ายและเลือดเย็นราวกับปีศาจชั่วร้ายเขามอบผลงานทางทหารทั้งหมดเพื่อนาง ขนาดทำผิดต่อซ่งซีซีเขาเป็นคนโง่ที่สุดในโลกนี้แต่ความภักดีที่นางพูดเต็มปาก และผู้หญิงไม่ควรถูกขังอยู่ในหลังบ้าน แต่ควรแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องครอบครัวและประเทศชาตินั้น มันช่างน่าเกรงขามมาก ในเวลานั้นดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความสดใสจ้านเป่ยว่างล้มลงกับพื้น สีหน้าของเขาไม่น่าาดูมาก จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนี้ทำให้ยี่ฝางตกใจ นางอดทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นยืน ก่อนมองเขาด้วยความประหลาดใจ "พี่จ้าน... เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้ข้ากลัวเลย"จ้านเป่ยว่างหัวเราะจนน้ำตาไหล เขาเอามือปิดหน้า ไหล่กระตุก และน้ำตาก็ไหลออกมาจากระหว่างนิ้วของเขาทันใดนั้น เขาก็ปล่อยมือที่ปิดหน้าไว้ และจ้องมองไปที่ยี่ฝางอย่างดุเดือด "เจ้าเป็นคนฆ่าทั้งครอบครัวของซีซี ครอบครัวของซีซีถูกสังหารหมู่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าทำร้ายผู้ถูกจับและสังหารหมู่ชาวบ้าน"ยี่ฝ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 130

    เมื่อเห็นจ้านเป่ยว่างเงียบ ยี่ฝางก็เริ่มวิตกกังวล นางไม่สนใจความเจ็บปวดทางกายแล้วพูดด้วยความโกรธ "พวกเขาได้ทำให้ข้าบาดเจ็บก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้ข่มขืนข้า สิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงทั้งนั้น หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถไปถามพวกเขาได้"จ้านเป่ยว่างทีสีหน้าบึ้งตึง "จะถามเพื่ออะไร ยังอับอายไม่พอหรือไง?"เมื่อยี่ฝางได้ยินเช่นนี้ นางรู้สึกเจ็บปวดใจมาก นางตัวแข็งทื่อ "เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?"จ้านเป่ยว่างยิ้มเศร้าๆ "เชื่อเจ้างั้นเหรอ เจ้าเคยบอกความจริงกับข้าครั้งนึงหรือไม่ เมื่อข้าถามเจ้าเรื่องชายแดนเฉิงหลิง เจ้าจะใช้ข้ออ้างว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังจะเข้าสู่สนสมรบมาแก้ต่างทุกครั้ง เพราะงั้นที่ซูลันจียอมล่าถอยทหารและทำสัญญากับเจ้า ขนาดเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้เจ้ายังปกปิดข้า จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้ยังไงอีก""ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ชอบ ระหว่างทางนี้" ยี่ฝางดูหงุดหงิดมากและนางก็คลั่งไคล้ขึ้นมา "ระหว่างทางนี้เจ้าเอาแต่บอกข้าว่าอย่าทำร้ายประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่ข้าเห็นชัดเจนว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านชาวบ้าน ในเมื่อเรายึดเมืองลู่เปินเอ่อร์แล้ว เราจะต้องได้รับอะไร ข้าแค่ฆ่าชาวบ้านไปไม่กี่

최신 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1593

    ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1592

    ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1591

    ซ่งซีซีหยุดฝีเท้า หันกลับมากล่าวว่า “คนในครอบครัวของนางปฏิบัติต่อนางค่อนข้างดี เพียงแต่ตอนที่หลานสาวของนางจะออกเรือน เกิดเรื่องสะดุดอยู่บ้าง โชคดีที่ท้ายที่สุดก็แต่งกับบุรุษที่ดี นางคงกลัวว่าตนเป็นหญิงโสดสูงวัย เคยแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง จะถูกผู้คนติฉินนินทา พลอยทำให้หลานๆ เดือดร้อน และไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่ของนางเป็นกังวลด้วย”ข้าตอบรับในลำคอ พลางนึกถึงฮูหยินจีผู้เด็ดเดี่ยวแต่จิตใจดีงามฮูหยินจีมีบุตรชายหนึ่ง บุตรหญิงหนึ่ง ด้านหลังยังมีลูกอนุอีกหลายคน เรือนรองก็เช่นกัน บัดนี้คงยังมีบางคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนข้านึกถึงตอนที่ฮูหยินจีจะต้องไปเจรจาสู่ขอให้พวกเขา คงยากลำบากไม่น้อย ต้องเผชิญกับเสียงนินทานานัปการจากภายนอกข้าเห็นนางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยใจจริง และรู้สึกสงสารในสิ่งที่นางต้องพบเจอ“เจ้าลองคิดดูเถิด” ซ่งซีซีกล่าวข้าพยักหน้า แล้วเหลือบมองภายนอก เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถบนั้น จึงอดถามไม่ได้ว่า “เจ้ามาอยู่กับข้าสองต่อสองเช่นนี้ มิกลัวเนี่ยเจิ้งอ๋องหึงหรือ? เขาไม่รู้หรือไร?”ซ่งซีซีมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนนึกไม่ถึงว่าข้าจะถามเรื่องเช่นนี้นางอาจไม่คิดจะตอบ เพราะนางก้าวเท้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1590

    เมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวได้ฉลองวันเกิดอายุครบแปดสิบปี ข้าก็ได้พบกับซ่งซีซีอีกครั้งก่อนหน้านี้ ข้าก็เคยพบนางหลายครั้ง นางเคยมาที่ชายแดนเฉิงหลิงข้ากับนางดูเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีการพูดคุยกัน เพียงแต่ทุกครั้งที่นางจากไปจากชายแดนเฉิงหลิง ข้าก็มักจะแอบตามส่งนางอยู่ห่างๆใจลึกๆ ที่ทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อสิ่งใดข้ามักรู้สึกผิดกับนางอยู่เสมอกับยี่ฝางและหวังชิงหรู ข้าก็มีสิ่งที่รู้สึกผิดอยู่เช่นกัน แต่ระหว่างข้ากับพวกนางต่างฝ่ายต่างบาดหมาง โต้เถียงกัน พวกนางเคยทำร้ายข้า ข้าก็เคยทำร้ายพวกนางแต่กับซ่งซีซี มีเพียงข้ากับคนในครอบครัวที่ทำร้ายนาง นางไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายพวกเราเลยสักครั้ง แม้แต่หลังจากหย่าขาดกันแล้ว นางจะไม่สนใจอาการป่วยของท่านแม่ก็ได้ แต่นางกลับสอนพี่สะใภ้ใหญ่ให้รู้วิธีขอยาดันเสวี่ยเมื่อข้าได้พบกับนางในงานฉลองวันเกิดแปดสิบปีของแม่ทัพใหญ่เซียว นางได้กลายเป็นพระชายาของเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว เรื่องราวในราชสำนักนั้น พวกทหารชายแดนอย่างพวกข้าไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ครบครัน แม้แต่เงินเดือนที่เราได้รับก็เพิ่มขึ้น นี่คือผลประโยชน์ที่เห็นได้ชัด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1589

    หลายปีที่ข้าประจำการอยู่ชายแดนเฉิงหลิง ข้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งถึงสองครั้ง บัดนี้ข้ามียศเป็นแม่ทัพ ดูแลทหารนับพันนายข้าไม่เคยกลับเมืองหลวงอีกเลย เมื่อประจำอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง หากไม่มีพระราชโองการ ย่อมมิอาจกลับได้ตามอำเภอใจข้ายังคงโดดเดี่ยว ไร้ภรรยา ไม่มีใครอยู่เคียงข้างลมทรายแห่งเฉิงหลิงพัดผ่านปีแล้วปีเล่า ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าข้า จนข้าดูแก่กว่าอายุจริงไปหลายปีข้าเป็นโรคนอนไม่หลับมาหลายปี ต้องพึ่งยาเพื่อระงับจิตใจจึงจะหลับได้บางครั้ง ข้าก็อดไม่ได้ที่จะคิด...หากวันนั้นข้าไม่ก่อเรื่องกับยี่ฝาง ชีวิตของข้าในวันนี้จะเป็นเช่นไร?ข้ากับซ่งซีซี อาจได้เป็นสามีภรรยาที่เปี่ยมด้วยความรัก เป็นที่อิจฉาของผู้คนกระมัง?พวกเราอาจมีลูกที่น่ารัก ข้าทุ่มเทอยู่ในกองทัพ ส่วนซีซีก็ดูแลบ้าน เฝ้ารับใช้พ่อแม่ ดูแลลูกๆ แม้ว่าข้าจะไม่เจริญก้าวหน้าในตำแหน่ง คงเป็นเพียงแม่ทัพชั้นผู้น้อยตลอดชีวิต...แต่นางก็คงจะไม่จากข้าไปแต่ก่อน ข้าไม่รู้เลยว่านางคืออินทรีที่โผบินบนฟากฟ้า ทว่าเต็มใจหักปีกเพื่อข้าคนเดียว คอยดูแลมารดาที่ป่วยหนัก จัดการทุกเรื่องจุกจิกในจวนแม่ทัพของข้าเมื่อข้ารู้ตัว...ข้าจะเสียใจหรื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1588

    ข้าขอร้องท่านแม่ไม่สำเร็จ ก็หันไปพึ่งท่านพ่อ แต่กลับได้รับการตำหนิที่รุนแรงยิ่งกว่ามิใช่เพียงเท่านั้น พวกท่านเห็นว่าข้าคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ เพราะยังไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกับเหลียงจือชุน จึงตัดสินใจให้เขาพาข้าออกไปเที่ยว เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นข้าไม่เต็มใจจะไป แต่ก็ถูกคุณนางข้างกายท่านแม่บังคับให้ขึ้นรถม้าไป อีกทั้งยังกำชับสาวใช้ให้จับตาข้าไว้ อย่าให้พูดจาเสียหายเหลียงจือชุนหน้าตามันเยิ้ม ตอนแรกก็แสดงความเคารพต่อข้าบ้างเล็กน้อยแต่ไม่นานก็เผยนิสัยแท้ วิจารณ์หน้าตาข้าอย่างไร้มารยาท บอกว่าหากข้ามิใช่หญิงงามเช่นนี้ และมิใช่บุตรีตระกูลเสิ่น เขาคงไม่ยอมรับข้าเป็นภรรยาแน่นอนท่าทางอวดดีของเขาทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง หากมีแค่เพียงเท่านี้ ข้าอาจไม่ถึงขั้นคิดทำสิ่งร้ายแรงนักแต่ระหว่างทางกลับ เขาอ้างว่าจะช่วยพาข้าขึ้นรถ แล้วแอบหยิกก้นข้าเข้าอย่างหนึ่งในขณะนั้น เลือดทั้งร่างข้าพุ่งขึ้นหัวเมื่อสบตากับสายตาหยอกล้อของเขา น้ำตาข้าก็พรั่งพรูออกมา ความอัปยศทำให้ข้าทั้งตัวสั่นเทิ้ม เอ่ยวาจาใดไม่ออกเลยสักคำสาวใช้กับสารถีไม่เห็นเหตุการณ์นั้น กลับคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1587

    ข้าสะดุ้งเฮือก หันหลังกลับไปทันที ก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักใต้เงาไม้ เขาสวมเสื้อผ้าผ้าหยาบสีขาวทั้งชุด ผอมแห้งทรุดโทรม ดวงตายังมีรอยคล้ำอยู่ใต้เบ้าตาเป็นเขา...บัณฑิตที่ขายภาพวาดอยู่ริมสะพานในวันนั้น คนเดียวกับที่ผู้ดูแลสถาบันขงจื้อว่าเป็นศิษย์ที่ไม่เอาถ่าน เลี้ยงหญิงคณิกาแล้วขอลาออกจากสำนัก“เจ้าพูดมั่วแล้ว” ข้าถลึงตาใส่เขา คิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ ใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้ “ข้าไม่เคยได้ยินว่าทะเลสาบนี้มีผี เจ้าหลอกข้า!”ข้าไม่กลัวตาย แต่ข้ากลัวผี ยิ่งกลัวการถูกจมอยู่ใต้โคลนเลนนั่น“ข้ามิได้หลอกเจ้า” เขาเดินออกมา ในลมหนาวทำให้เขาดูบอบบางยิ่งขึ้น “เจ้าดูสิ บริเวณริมทะเลสาบนี้ไม่มีใครเลย มิแปลกหรือ? ทั้งที่ทิวทัศน์ดีถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่มีใครมา?”“นั่นเพราะคนที่มาวัดล้วนมาสักการะ มิใช่มาชมทิวทัศน์ พวกเขากราบพระเสร็จก็จากไป” ข้ากล่าว แต่พลางถอยไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกเหมือนในทะเลสาบลึกนั้นมีบางสิ่งซ่อนอยู่เขาหยุดยืน กล่าวว่า “ผู้ที่มีใจสักการะ ล้วนเคารพฟ้าดินและธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ใยจะไม่มาชมเล่า? ที่แห่งนี้สมควรจะเปี่ยมด้วยพลังแห่งสวรรค์ กลับกลาย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1586

    ลูกพี่ลูกน้องกับสาวใช้กลับมาตามหาข้า ข้าก็ให้สาวใช้นับเงินสามร้อยอีแปะมอบให้เขา เขายิ้มพลางกล่าวคำขอบคุณข้าเคยคิดว่าเป็นเพียงการพบกันโดยบังเอิญ ไม่อาจเกี่ยวข้องกันอีก คาดไม่ถึงว่าผ่านไปหนึ่งเดือน วันฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านย่า ครอบครัวจัดงานเลี้ยงรับรอง ผู้ดูแลสถาบันขงจื้อก็นำศิษย์คนโปรดของตนมาร่วมงานด้วย...เขาก็อยู่ในกลุ่มนั้นกฎเกณฑ์ธรรมเนียมแห่งเจียงหนานนั้นไม่เคร่งครัดเหมือนเมืองหลวง ยามจัดงานเลี้ยง สตรีก็สามารถออกไปที่เรือนหน้าได้เขาเห็นได้ชัดว่าไม่จำข้าได้...ตอนนั้นข้าคลุมหน้าด้วยผ้าบาง เหลือเพียงดวงตาให้เห็น ไม่จำได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกทว่า เขามิได้อยู่ร่วมงานเลี้ยง เพียงนำภาพหมากู๋ถวายพรอายุวัฒนะมามอบให้ท่านย่า แล้วกล่าวว่ามีธุระที่บ้าน จากนั้นก็ขอลาไปหลังจากเขาไปแล้ว ผู้ดูแลสถาบันก็กล่าวถึงเขาด้วยน้ำเสียงแฝงความเสียดายว่า “เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่น่าเสียดายที่ไม่มุ่งมั่นใฝ่ดี ดื้อรั้นจะลาออกจากสำนัก ข้าคิดจะพาเขามาวันนี้ให้รู้จักกับคนดีมีปัญญา เขากลับไม่เห็นคุณค่า น่าผิดหวังนัก ช่างเถอะ หากอยากลาออกก็ให้ลาไปเถอะ”บิดาข้าปลอบว่า “อย่าได้โกรธเลย ท่านมีศิษย์มากมาย ขาดเขา

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status