Share

บทที่ 122

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีมองดูไฟค่อยๆ ตัดลง จากนั้นจึงเติมฟืนลงไปสองสามฟืน นางมองดูไฟกลืนกินฟืนแห้งอย่างรวดเร็ว ไฟได้รุนแรงขึ้น ภาพที่สะท้อนในดวงตาของนางคือ ภาพที่นางกลับมาบ้านท่านพ่อแม่ของนางจากจวนแม่ทัพ และมองเห็นศพเต็มบ้าน มีเลือดเต็มพื้น

ความเจ็บปวดอันหนักหน่วงจากใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้นางหายใจลำบากด้วย

นางจะไม่อยากให้ยี่ฝางตายได้ยังไง? แต่การปล่อยให้นางตาย อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในแก้แค้น

นางคิดเช่นนั้น ซูลันจีก็คงคิดเช่นนั้นเช่นกัน

ดังนั้น นางคิดว่าซูลันจีจะไม่ฆ่ายี่ฝาง ที่ผู้บังคับบัญชาให้นางนำกองทัพมารออยู่ที่นี่ อาจเพราะซูลันจีได้ส่งคนไปส่งข่าวให้ผู้บังคับบัญชาแล้ว

ผู้บังคับบัญชาเคยบอกว่า ที่เมืองอีลี่มีสายลับของตัวเอง ดังนั้นก็คงมีสายลับที่ซีม่อนเช่นกัน

ปล่อยให้พวกเขารออยู่ที่นี่เป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และยังเป็นความต้องการของซูลันจีด้วย

พอตกดึก ทุกคนต่างก็ทั้งเหนื่อย ง่วงนอน และหิวโหด มันไม่ได้หนาวเพราะมีเชื้อฟืนมากพอที่จะให้กองไฟมีไฟอยู่

คนจากทางด้านหลังส่งอาหารมาให้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ข้าวผัด แต่ก็สามารถให้ทหารอิ่มท้องได้ในสนามรบ ไม่สนว่ามันคืออาหารอะไร กินได้หมดแหละ

แม่ทัพ
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
premjai vungsiriphisal
คำผิดเยอะมากๆ และค่าอ่านแพงมาก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 123

    จ้านเป่ยว่างมองนางอย่างอึ้งๆ เขาไม่ทันพูดอะไรอีก ก็ถูกนางพูดตัดหน้าไปก่อนใช่สิ นางเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย และเป็นแม่ทัพชั้นห้าในราชสำนัก คำพูดที่นางพูดอย่างเบาๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยพลังงานคนที่เขานำมาไม่เยอะเท่าไร เลยหวังว่ากองทัพซวนเจียจะไปกับเขาด้วยผู้คนของเขาเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่กองทัพซวนเจียก็พักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เขาคิดว่าหากพวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพเมืองซีจิงหรือชนเผ่าเร่ร่อน กองทัพซวนเจียก็สามารถต่อสู้ได้เขากระซิบว่า "ข้าต้องการนำกองทัพซวนเจียไปด้วย ถือว่าข้าขอร้องเจ้า ซีซี เมื่อก่อนเป็นข้าที่ทำผิดกับเจ้า เจ้าสามารถลงโทษข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่เรารอมาเกือบสองวันแล้ว ยี่ฝางรอไม่ได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดนาง เมื่อตามหานางเจอ เราสองคนยอมมาขาโทษต่อหน้าเจ้า"ใบหน้าที่ซูบผอมของซ่งซีซีเผยสีหน้าเย็นชา "มันไม่เกี่ยวอะไรกับความแค้นส่วนตัว กองทัพซวนเจียไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว"จ้านเป่ยว่างกำมัดแน่นแล้วพูดว่า "ซ่งซีซี ข้าก้มหน้ามาขอร้องเจ้าแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก"เสิ่นว่านจือเยาะเย้ย "เจ้าก้มหน้าให้แล้วแล้วไงเล่า ท่าทางที่เจ้าขอร้องคนอื่นนี่ดูจริงใจจริงๆ สินะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 124

    สีหน้าของจ้านเป่ยว่างเปลี่ยนไปทันที "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาอยู่บนภูเขา? พวกเขาต้องการคำอธิบายอะไรกัน"ซ่งซีซีเดินออกไปสองสามก้าว จ้านเป่ยว่างเดินตามนางไปอย่างง่อยๆ เมื่อซ่งซีซียืนนิ่ง เขาก็มองดูนางอย่างเงียบๆลมพัดเสียงดัง และเสียงของซ่งซีซีก็เบามาก "ถ้าเจ้าสงบสติอารมณ์แล้วค่อยตั้งใจฟังดู เจ้าจะได้ยินเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงลม"จ้านเป่ยว่างสงบลงเพื่อตั้งใจฟัง แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงลมทักษะการต่อสู้ของเขาสู้ซ่งซีซีไม่ได้ และความแข็งแกร่งภายในกำลังยิ่งต้อยกว่า จะได้ยินการเคลื่อนไหวบนภูเขาได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลมพัดแรงเช่นนี้ ต้องฟังเสียงหายใจของคนเกือบแสนคนด้วยเขารู้สึกว่าซ่งซีซีกำลังเล่นฝีมืออะไรอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธ "บอกข้าสิ พวกเขาต้องการคำอธิบายอะไร""ใช้สมองของเจ้าไปคิดดูสิ ทำไมผู้คนตั้งหนึ่งแสนคนอยู่บนภูเขาไม่ยอมล่าถอย ทำไมพวกเขาถึงต้องจับยี่ฝาง แล้วทำไมพวกเขาถึงไปสนามรบเขตหนานเจียงหลังจากทำสัญญาสันติภาพแล้วล่ะ"หลังจากซ่งซีซีพูดจบ นางก็เดินกลับโดยปล่อยให้จ้านเป่ยว่างยืนอยู่ที่นั่นตามลำพังด้วยใบหน้าซีดเซียวพระอาทิตย์อัสดงสะท้อนใบหน้าที่มืดมนและห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 125

    เมื่อฟ้ามืด กองทัพก็ลงมาจากภูเขาทันทีที่กองทัพเริ่มเคลื่อนไหว พวกซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็รู้เรื่องแล้ว จากนั้นมองหน้ากันซ่งซีซียืนขึ้นและออกคำสั่งว่า "กองทัพทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม และต้องเก็บอาวุธไว้ในมือ"กองทัพซวนเจียทั้งหมดยืนขึ้น ถือโล่และอาวุธไว้ในมือ จากนั้นตั้งแถวอย่างรวดเร็วทหารของเมืองซีจิงเดินทัพอย่างรวดเร็ว กลุ่มทหารลงมาจากภูเขาและแบ่งออกเป็นสามแถว เดินเคียงข้างกันคนข้างหน้าถือคบเพลิง ห่างทุกๆ สิบคนก็มีคนถือคบเพลิงเพื่อส่องสว่างถนนบนภูเขามีน้ำแข็ง ตามหลักแล้ว หากเดินเร็วจะลื่นล้มได้ง่าย พอมีคนลื่นต้องทำให้ทั้งกลุ่มต้องลื่นไปด้วยแต่พวกเขากลับเดินอย่างมั่นคง เห็นได้ชัดว่ารองเท้าของพวกเขาทำมาเป็นพิเศษประเทศเมืองซีจิงร่ำรวยและทรงเจริญ ความแข็งแกร่งทางการเงินก็เผยให้เห็นอย่างดีในขณะนี้พวกเขาใช้การกระทำเพื่อให้ชาวซางเห็นว่าหากมีสงครามขนาดใหญ่กับเมืองซีจิง ชาวซางจะไม่ได้เป้นฝ่ายได้เปรียบแน่ในไม่ช้า ทหารของเมืองซีจิงตั้งหนึ่งแสนนายก็ยืนอยู่บนทุ่งหญ้าและเผชิญหน้ากับกองทัพซวนเจียแต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยืนนิ่งๆจ้านเป่ยว่างรีบวิ่งเข้าไปตะโกนว่า "พวกเจ้าพายี่ฝางไปที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 126

    จ้านเป่ยว่างรู้สึกขนลุกเมื่อถูกเขาจ้องมองอย่างนั้น และก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่า ซูลันจีไม่ต้องการคุยกับเขาเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงหน้าซ่งซีซี ก่อนที่เขาจะพูด สีหน้าของเขาดูซับซ้อนมาก "แม่ทัพซ่ง สายลับจากเมืองซีจิงสังหารตระกูลซ่งทั้งหมดของเจ้า มันไม่ใช่คำสั่งของข้า เป็นเพราะพวกเขาได้รู้ว่าที่เมืองลู่เปินเอ่อร์มีหมู่บ้านหลายแห่งถูกยี่ฝางนำกองทัพสังหารหมู่ มีผู้ถูกจับถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม ดังนั้นหัวหน้าของสายลับเลยออกคำสั่งเอง ฝ่าบาทจาดเมืองซีจิงของเรายังคงยืนกรานปฏิบัติตามข้อตกลงที่ว่า ปัญหาชายแดนย่อมไม่ส่งผลต่อชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่สังหารหมู่พลเรือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสังหารหมู่ทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็กๆ แม้ว่าครั้งนี้เป็นแม่ทัพของฝ่ายเจ้าเป็นคนละเมิดกฏ ได้สร้างปัญหาไว้ก่อน แต่ข้าอยากจะขอโทษเจ้าสำหรับสิ่งที่สายลับของเมืองซีจิงทำลงไป"จ้านเป่ยว่างตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่า "เจ้า... เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร?"ซูลันจีไม่สนใจเขา และพูดกับซ่งซีซีต่อไป "ฝ่าบาทของเราจนกระทั่งขุนนางต่างๆ ของประเทศเราต่างก็ชื่นชมผู้บังคับบัญชาซ่งฮวยอันเป็นอย่างมาก เขาเคยนำกองทัพไปต่อสู้ก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 127

    ซูลันจีและองค์ชายสามจากไปพร้อมกับทหารเมืองซีจิงหนึ่งแสนคน ซ่งซีซีพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า "ถ้าเจ้าต้องการช่วยยี่ฝาง แค่พาคนสนิทของเจ้าขึ้นไปบนภูเขาก็พอ"การที่ซ่งซีซีพูดแบบนี้ ได้ช่วยรักษาหน้าให้จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางเอาไว้แล้วจริงๆหากความอัปยศอดสูของรัชทายาทของเมืองซีจิงเกิดขึ้นซ้ำกับพวกเขา งั้นสิ่งที่พวกเขาเห็นก็ต้องเป็นสภาพไม่น่าดูแต่จ้านเป่ยว่างคงกังวลว่ายังมีแองทัพของเมืองซีจิงอยู่บนภูเขาที่ไม่ได้ล่าถอย เขาจึงขอให้ซ่งซีซียืมกองทัพซวนเจียเพื่อขึ้นไปบนภูเขาด้วยกันซ่งซีซีมองเขาครู่หนึ่งแล้วถามว่า "เจ้าแน่ใจเหรอ?"เมื่อเห็นนางมองเขาแบบนั้น หัวใจของจ้านเป่ยว่างก็สั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ได้ "เจ้าสามารถบอกข้าได้ไหมว่า ที่ยี่ฝางสังหารหมู่หมู่บ้านเป็นเรื่องจริงหรือไม่?""เมื่อกี้เจ้าควรจะถามซูลันจี" ซ่งซีซีพูดอย่างเรียบเฉย "หรือเมื่อเจ้าพบกับยี่ฝางแล้ว เจ้าถามนางด้วยตนเอง ซูลันจีไม่น่าจะฆ่า นาง"จ้านเป่ยว่างไม่อยากจะเชื่อว่ายี่ฝางจะทำสิ่งนั้นเขานึกถึงสิ่งที่ซูลันจีพูดเมื่อกี้ เขาพูดในลักษณะที่คลุมเครืออย่างยิ่ง การสังหารหมู่ที่หมู่บ้านเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เขาเล่าเรื่องเพียงไม่กี่ปร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 128

    ยี่ฝางหมดสติไปแล้ว นางถูกซูลันจีบีบคอไม่หยุด สลับสภาพระหว่างความตายกับยังมีหายใจหลงเหลืออยู่ไปมา มีรอยขีดข่วนบนร่างกายและใบหน้าของนาง หูข้างหนึ่งของนางถูกตัดออกดังนั้น เมื่อจ้านเป่ยว่างอุ้มนางขึ้นมา นางยังไม่รู้ตัวว่านางได้รับการช่วยเหลือแล้ว และยังอยู่ในอาการหมดสติอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาอุ้มนางเช่นนี้ออกไป ทุกคนเห็นหมด และรู้ว่ายี่ฝางไม่ได้สวมกางเกงยิ่งไปกว่านั้น หลายคนได้เห็นกองเลือดอยู่ใต้ขาของนางเมื่อ นางนอนอยู่ที่นั่นเห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางใบหน้าของจ้านเป่ยว่างหน้าเขียวคล้ำถมึงทึงจนน่ากลัว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมซ่งซีซีจึงให้เขาพาแค่คนสนิทของเขาขึ้นไปบนภูเขาก็พอเขาจ้องเขม็งที่ซ่งซีซีออย่างดุร้ายแวบหนึ่ง มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาจะไม่เชื่อคำพูดของซูลันจี จนกว่ายี่ฝางจะบอกเขาด้วยตัวเองดังนั้น เขาจึงไม่อยากจะเชื่อว่ายี่ฝางมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ครอบครัวของซ่งซีซีถูกสังหารหมู่ซ่งซีซีเห็นคำว่าขี้ขลาดในดวงตาของเขา และเพิกเฉยต่อเขาและสั่งให้เข้าไปช่วยเหลือผู้คนทหารเข้าไปหามผู้ถูกจับที่ยังเหลืออยู่ออกมา มีไฟถ่านอยู่ในบ้านไม้ แต่ก็ถูกดับลงก่อนที่ชาวซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 129

    เขามองดูยี่ฝางราวกับมองกูคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างไปจากยี่ฝางที่เขารักอย่างสิ้นเชิง นางช่างโหดร้ายและเลือดเย็นราวกับปีศาจชั่วร้ายเขามอบผลงานทางทหารทั้งหมดเพื่อนาง ขนาดทำผิดต่อซ่งซีซีเขาเป็นคนโง่ที่สุดในโลกนี้แต่ความภักดีที่นางพูดเต็มปาก และผู้หญิงไม่ควรถูกขังอยู่ในหลังบ้าน แต่ควรแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องครอบครัวและประเทศชาตินั้น มันช่างน่าเกรงขามมาก ในเวลานั้นดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความสดใสจ้านเป่ยว่างล้มลงกับพื้น สีหน้าของเขาไม่น่าาดูมาก จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนี้ทำให้ยี่ฝางตกใจ นางอดทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นยืน ก่อนมองเขาด้วยความประหลาดใจ "พี่จ้าน... เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้ข้ากลัวเลย"จ้านเป่ยว่างหัวเราะจนน้ำตาไหล เขาเอามือปิดหน้า ไหล่กระตุก และน้ำตาก็ไหลออกมาจากระหว่างนิ้วของเขาทันใดนั้น เขาก็ปล่อยมือที่ปิดหน้าไว้ และจ้องมองไปที่ยี่ฝางอย่างดุเดือด "เจ้าเป็นคนฆ่าทั้งครอบครัวของซีซี ครอบครัวของซีซีถูกสังหารหมู่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าทำร้ายผู้ถูกจับและสังหารหมู่ชาวบ้าน"ยี่ฝ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 130

    เมื่อเห็นจ้านเป่ยว่างเงียบ ยี่ฝางก็เริ่มวิตกกังวล นางไม่สนใจความเจ็บปวดทางกายแล้วพูดด้วยความโกรธ "พวกเขาได้ทำให้ข้าบาดเจ็บก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้ข่มขืนข้า สิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงทั้งนั้น หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถไปถามพวกเขาได้"จ้านเป่ยว่างทีสีหน้าบึ้งตึง "จะถามเพื่ออะไร ยังอับอายไม่พอหรือไง?"เมื่อยี่ฝางได้ยินเช่นนี้ นางรู้สึกเจ็บปวดใจมาก นางตัวแข็งทื่อ "เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?"จ้านเป่ยว่างยิ้มเศร้าๆ "เชื่อเจ้างั้นเหรอ เจ้าเคยบอกความจริงกับข้าครั้งนึงหรือไม่ เมื่อข้าถามเจ้าเรื่องชายแดนเฉิงหลิง เจ้าจะใช้ข้ออ้างว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังจะเข้าสู่สนสมรบมาแก้ต่างทุกครั้ง เพราะงั้นที่ซูลันจียอมล่าถอยทหารและทำสัญญากับเจ้า ขนาดเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้เจ้ายังปกปิดข้า จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้ยังไงอีก""ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ชอบ ระหว่างทางนี้" ยี่ฝางดูหงุดหงิดมากและนางก็คลั่งไคล้ขึ้นมา "ระหว่างทางนี้เจ้าเอาแต่บอกข้าว่าอย่าทำร้ายประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่ข้าเห็นชัดเจนว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านชาวบ้าน ในเมื่อเรายึดเมืองลู่เปินเอ่อร์แล้ว เราจะต้องได้รับอะไร ข้าแค่ฆ่าชาวบ้านไปไม่กี่

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1411

    ในตำหนักฉางชุน ฮองเฮายังไม่ได้ปลดปิ่นปักผมและเครื่องประดับออกจากร่าง ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ดวงตาฉายแววคาดหวัง วันนี้มีข่าวจากหน้าพระที่นั่งส่งมาบอกว่า ฝ่าบาทจะเสด็จมายังวังหลังในคืนนี้ นางรออยู่นานแต่ไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทเลือกสนมคนใด ในใจก็พลันยินดี เพราะการไม่เลือกหมายถึงฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักกลาง "หลานเจี่ยน ไปดูหน่อยสิว่าฝ่าบาทมาแล้วหรือยัง?" นางเร่งเร้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามของคืนนี้แล้ว หลานเจี่ยนกูกูที่ยืนรับใช้อยู่ด้านข้างยิ้มพลางกล่าว "พระนางโปรดอย่ารีบร้อนเลยเพคะ หากฝ่าบาทจะเสด็จมา แน่นอนว่าต้องมีคนมาบอกล่วงหน้า เพื่อให้พระนางเตรียมตัวรับเสด็จ" "จริงด้วย จริงด้วย ฝ่าบาทไม่ได้มาที่ตำหนักฉางชุนนานจนข้าแทบจะลืมเสียแล้ว" ฮองเฮาใช้นิ้วลูบไปที่ปอยผมข้างใบหู พลางยิ้มอย่างอ่อนหวาน "ข้ากับฝ่าบาทถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยา สามีภรรยาที่ไหนจะมีความแค้นข้ามคืนกันได้? ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็มีความก้าวหน้า ฝ่าบาทย่อมใจอ่อนลงบ้างแล้ว" "เมื่อฝ่าบาทเสด็จมา พระนางค่อยๆ พูดเถิด อย่ารีบร้อนที่จะพูดเรื่องให้องค์ชายใหญ่กลับมา" หลานเจี่ยนกูกูเตือนด้วยความนอบน้อม ฮองเฮาพยักหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1410

    ในห้องทรงพระอักษรในพระราชวัง ยังไม่มีการจุดเตาใต้พื้น ความเย็นแทรกซึมเข้ามาทีละน้อยฎีกาถูกพิจารณาเสร็จสิ้นนานแล้ว แต่จักรพรรดิ์ซูชิงกลับยังไม่เลือกสนม เพียงนั่งนิ่งมองแสงตะเกียงที่ริบหรี่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเขาได้อ่านจดหมายจากเซี่ยหลูโม่ที่เขียนถึงซ่งซีซี ในนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้น และความรู้สึกในใจที่ถ่ายทอดไม่หมด ราวกับพวกเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ช่างหวานชื่นจนยากจะพรากจากกันนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้อ่านจดหมายของพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้จะมีเนื้อความที่กล่าวถึงความคิดถึงอยู่บ้าง แต่กลับไม่ถึงขั้น "เปิดเผยและห้าวหาญ" เช่นครั้งนี้คำเหล่านี้ แค่พูดออกมาก็รู้สึกน่าอายอยู่แล้ว หากเขียนลงในจดหมายไม่ยิ่งน่าอายกว่าหรือ?เขาคิดว่าพระอนุชาเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสม ฉาบฉวยเกินไปวิธีเอาใจสตรีนั้นมีมากมาย ไยต้องทำถึงเพียงนี้?เขาคิดเช่นนั้น แต่ในใจกลับเหมือนมีกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งตกลงไป ทำให้ผิวน้ำในจิตใจเป็นระลอกคลื่นวนไปมาอย่างไม่อาจสงบได้เขาไม่รู้เลยว่า การเป็นฮ่องเต้เช่นนี้ เขาสูญเสียไปมากเพียงใด...เรื่องความรักระหว่างชายหญิงนั้น จักรพรรดิไม่เคยกล้าคิดถึง แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่หวั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1409

    เส้าปู้เข้ามาในเมืองพร้อมกับคนเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน มีมีดโค้งคาดอยู่ที่เอว ดูท่าทางน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าสงคราม แต่เมื่อได้นั่งดื่มสุรากินเนื้อ ใบหน้าสีเข้มของพวกเขากลับเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หลางจู่เส้าปู่อายุห้าสิบกว่าปี ผิวสีเข้มเป็นประกายเหมือนพวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยพลังและความคมกล้า เขาเป็นคนฉลาดเป็นพิเศษและมีจิตใจรอบคอบ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาระแวงอยู่เสมอและไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้เป่ยหมิงอ๋องอย่างเต็มที่ เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือการร่วมมือกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากขับไล่คนของแคว้นซาได้สำเร็จ พวกเขาต้องถอนกำลังออกจากทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว และห้ามเข้าสู่เขตหลักของทุ่งหญ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เซี่ยหลูโม่ตอบรับข้อเรียกร้องและลงนามในข้อตกลงทันที หลังจากลงนามในข้อตกลง พวกเขาก็ไม่รั้งรอและจากไปทันที ชนเผ่าทุ่งหญ้าไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อแคว้นซางนัก เพราะสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีล้วนส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าทุ่งหญ้ามีหลายเผ่าและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่สามารถต่อต้านทั้งแคว้นซางหรือแคว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1408

    หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องจากงานเลี้ยงที่ครึกครื้น ซ่งซีซีรู้สึกว่าลานเหมยฮวานั้นเงียบเหงาเป็นพิเศษ นางคิดถึงศิษย์น้อง แต่เขาอยู่ไกลถึงหนานเจียง แม้จะไม่ได้คำนวณวันเวลาที่แยกจากกัน แต่นางรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อนางคิดจะออกไปยังตึกว่างจิงเพื่อหาอาจารย์เหมือนเดิม นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ได้กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานแล้ว หัวใจของนางรู้สึกเหงาหงอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางคิดถึงหยานหรูอวี้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้เข้าใจว่าหญิงสาวในยามแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความคาดหวัง และความเขินอายจนความสุขล้นเอ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับตัวนาง การแต่งงานทั้งสองครั้งกลับเงียบสงบเกินไป หลังจากที่เป่าจูช่วยนางล้างเครื่องสำอางและเตรียมน้ำสำหรับอาบ ซ่งซีซีก็ส่ายหน้าและดึงนางให้นั่งลงข้างกัน "เป่าจู ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าควรจะเริ่มพูดคุยกันแล้ว เจ้าพอจะมีคนที่ชอบหรือยัง?" เป่าจูมองนางแวบหนึ่งและกล่าว "คุณหนูไปกินเลี้ยงแต่งงานแล้วติดใจหรือเจ้าคะ ถึงได้รีบเร่งให้มีอีกงาน?" ซ่งซีซีหัวเราะ "ข้าเป็นคนตะกละขนาดนั้นหรือ? ข้าทำเพื่อเจ้านะ ถ้ายังอยู่แบบนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1407

    งานแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางกับหยานหรูอวี้ที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เลือกวันมงคลจัดขึ้น งานแต่งไม่ได้จัดอย่างเอิกเกริก แต่เมื่อเป็นหลานสาวของไท่ฟู่ สิ่งที่สมควรมีเพื่อความสง่างามก็จัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน ไทเฮาทรงเป็นผู้นำในการมอบของขวัญ ตามด้วยบรรดามเหสีที่ต่างมอบรางวัลและเพิ่มสินเดิมให้หยานหรูอวี้ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีหย่าจวินต่างพากันทำของขวัญแสดงความยินดีด้วยมือของพวกนางเองให้กับหยานหรูอวี้ นักเรียนหญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครอบครัวชาวบ้านธรรมดา แม้ของขวัญจะไม่ล้ำค่า แต่สิ่งที่พวกนางปักเย็บหรือทำด้วยมือเอง ล้วนแสดงถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่สุด ชุดเจ้าสาวของหยานหรูอวี้ถูกสั่งทำล่วงหน้าโดยโม่เหนียงจื่อจากโรงงานฝีมือ ชุดนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงในร้านผ้าปักของโรงงานมาก่อน ทำให้หญิงสาวที่กำลังรอแต่งงานหลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันอยากสวมชุดสวยเช่นนี้ในวันแต่งงานของพวกนาง โม่เหนียงจื่อที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อหลานสาวของไท่ฟู่ยังสวมชุดเจ้าสาวที่นางทำ จะมีใครอีกที่คิดว่าอดีตของนางเป็นเรื่องโชคร้าย? ในเวลาไม่นาน ร้านผ้าปักของโรงงานก็คึกคักจนประตูแทบทรุดจากการเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1406

    จักรพรรดิ์ซูชิงได้เรียกตัวหัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าเฝ้าในวังหลวง หัวหน้าตระกูลเสิ่นเตรียมตัวมาอย่างดี แม้ในครั้งนี้เขาจะนำคนในคุ้มภัยและทหารองครักษ์เข้าปราบปรามกบฏ แต่เพราะตระกูลเสิ่นสาขาย่อยมีความเกี่ยวข้องกับหนิงจวิ้นอ๋อง แม้ว่าฮ่องเต้จะกล่าวว่าให้ชดเชยความผิดด้วยความชอบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบล้างไปได้ง่ายๆ จักรพรรดิ์ซูชิงปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน และยังชมเขาด้วยว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติ เป็นดั่งลักษณะของบิดาในอดีต หัวหน้าตระกูลคนก่อนมีความเอื้อเฟื้อต่อราชสำนักมาก และในช่วงสงครามก็ได้บริจาคเงินจำนวนไม่น้อย หัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าใจสถานการณ์ จึงกล่าวทันทีว่า หนานเจียงและชายแดนเฉิงหลิงยังคงมีสงครามอยู่ ตระกูลเสิ่นยินดีที่จะบริจาคเงินจำนวนสองแสนตำลึงเพื่อช่วยจัดหาเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวและปรับปรุงอาหารสำหรับทหาร จักรพรรดิ์ซูชิงแสดงความพอใจอย่างมาก พลางยิ้มและกล่าวว่า "ดี ด้วยเงินบริจาคสามแสนตำลึงจากหัวหน้าตระกูลเสิ่น ข้าเชื่อว่าทหารชายแดนของเราจะสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ และเร่งรัดให้สงครามยุติลงโดยเร็ว" หัวหน้าตระกูลเสิ่นรีบตอบรับอย่างราบรื่น "ฮ่องเต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1405

    เหรินหยางอวิ๋นอยู่ที่เมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก่อนเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าอาวุธเทพเจ้า ไม่มีเวลาว่าง บัดนี้เมื่อมีเวลาว่าง เขาจึงอ้างว่าธุรกิจในเมืองหลวงยังไม่เรียบร้อย อยากอยู่ต่ออีกสักระยะ ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือซ่งซีซี เมื่อครั้งที่เขาวิจัยอาวุธเทพเจ้า เขายังส่งคนไปยังเป่ยถังเพื่อขอคำชี้แนะและเก็บสูตรลับ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะหนานเจียง เพราะซ่งหวยอัน และสุดท้ายก็เพราะเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี ในฐานะอาจารย์ เขารู้ว่าลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่ต้องเดิน เขาไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ ทำได้เพียงช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถและเป็นเบื้องหลังที่คอยสนับสนุน เหรินหยางอวิ๋นมักพูดเสมอว่าเขาไม่เก่งในการเป็นอาจารย์ แต่ศิษย์ทุกคนของเขาล้วนยอดเยี่ยม ทั้งความสามารถและคุณธรรม ไม่มีใครที่เขาต้องเป็นห่วง ยกเว้นลูกศิษย์คนเล็กอย่างซ่งซีซี นางชอบเล่นซนและสนุกสนาน แต่กลับสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์จนถึงขั้นล้ำเลิศ เป็นเครื่องยืนยันถึงพรสวรรค์อันสูงส่งของนาง ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสและไร้กังวลบนใบหน้าของนาง เหรินหยางอวิ๋นก็รู้สึกมีความสุขในใจ แต่หลังจากนั้น นางถูก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1404

    ระหว่างถูกพาเดินประจานรอบเมือง หนิงจวิ้นอ๋องถึงกับเสียสติอย่างสิ้นเชิง เขาสบถด่าชาวบ้านว่าโง่เขลา ถูกทางราชสำนักหลอกลวง เข้าใจผิดว่าฮ่องเต้ผู้โง่เขลาเป็นฮ่องเต้ผู้ทรงคุณธรรม และย้ำว่าตัวเขา เซี่ยทิงเหยียน จะเป็นจักรพรรดิ์ที่แท้จริง เสียงแหบแห้งของเขาถูกกลบด้วยเสียงสาปแช่งของชาวบ้าน ทุกคนตะโกนให้เขาตาย และกล่าวว่าการประหารครึ่งตัวนั้นยังน้อยไป เขาควรถูกประหารด้วยวิธีเชือดเนื้อเป็นพันครั้งและทรมานจนตาย ถึงจะสมกับความเลวของเขา อ๋องเยี่ยนเงียบตลอดทาง แต่ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเกลียดชังต่อเซี่ยทิงเหยียน เขาเชื่อว่าหากเซี่ยทิงเหยียนไม่หักหลังและยุยงคนของเขา เขาก็คงประสบความสำเร็จไปแล้ว เซี่ยทิงเหยียนเปรียบเสมือนงูพิษ แฝงตัวอยู่ในความมืด และเมื่อเขาไม่ทันระวัง เซี่ยทิงเหยียนก็โผล่ออกมากัดเขา และกัดนั้นถึงตาย เพราะเซี่ยทิงเหยียน เขาไม่เพียงแต่เป็นกบฏ ยังเป็นกบฏที่โง่เขลา สิ่งที่เขาบากบั่นสร้างมาด้วยความยากลำบากกลับถูกส่งมอบให้คนอื่น และคนของเขาที่ถูกยุยงยังจับเขามัดส่งให้กองทัพหลวง ในอนาคต เมื่อถูกบันทึกในพงศาวดาร ชื่อเสียงของเขาจะไม่เพียงแต่ถูกสาปแช่ง แต่ยังกลายเป็นที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1403

    ผู้คนมาพร้อมกันแล้ว การสะสางครั้งใหญ่จึงเริ่มต้นขึ้นในที่สุด หลังจากการสืบสวนร่วมกันระหว่างหอต้าหลี่และกรมอาญาแห่งเมืองหลวง การกบฏนำโดยอ๋องเยี่ยนและหนิงจวิ้นอ๋องถูกยืนยันว่าเป็นความจริง ความผิดได้รับการยืนยันแน่นอนแล้ว การรอคอยที่ผ่านมาเพื่อจัดเรียงข้อกล่าวหาทั้งหมดของพวกเขา เพื่อประกาศให้โลกรู้ ทั้งครอบครัวของอ๋องเยี่ยน ถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง ยกเว้นเซี่ยหรูหลิงที่ให้เบาะแสสำคัญ ชื่อของเซี่ยหรูหลิงถูกลบออกจากทะเบียนราชวงศ์ แม้ว่าเขาจะยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคุกในหอต้าหลี่ แต่ในสิบปีนี้คงไม่มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง เฉินยีให้เขาหยุดพักงานชั่วคราว และให้กลับมาหลังจากเรื่องนี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เฉินยีมีความหวังดี จึงกำชับเขาว่าหากยังต้องการทำงานนี้ต่อ ก็อย่าเข้าใกล้คุกหลวง และให้อยู่บ้านพักฟื้นและทบทวนตัวเอง เฉินยีคิดว่าเขาค่อนข้างซื่อ แต่ข้อดีคือเชื่อฟังและเริ่มมีความคิดเป็นของตนเองมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้นเฉินยีจึงยังยินดีดูแลเขา เฉินยีเคยพูดถึงเซี่ยหรูหลิงกับซ่งซีซี ซึ่งซ่งซีซีกล่าวว่าเขาเติบโตมาด้วยนิสัยขี้ขลาด ไม่กล้าต่อต้านเมื่อเผชิญป

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status