เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนสิ่งใดในจวนอ๋องเยี่ยนนี้ แม้ว่าจะมีก็อาจเป็นการติดต่อสื่อสารทางจดหมาย แต่สิ่งสำคัญจะต้องถูกซ่อนหรือทำลาย มันจะไม่ง่ายเลยที่จะเข้าสู่ห้องหนังสือ และทะเลาะหรือต่อยกันก็ไม่ได้พวกเขาเชิญว่านจือมาที่นี่ ย่อมมีจุดประสงค์แอบแฝง ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วก่อนมาที่นี่ เดิมทีวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ดีครั้งนี้เพื่อตรวจสอบดูว่ามีคนถนัดเรื่องศิลปะการต่อสู้ที่จวนอ๋องมีมากเท่าไร มีนักรบสิ้นหวังซ่อนอยู่จวนอ๋องหรือไม่ และหากไม่มีนักรบสิ้นหวังซ่อนตัวอยู่ในจวน งั้นก็สามารถให้ว่านจือมาอีกครั้งแต่ตอนนี้พอรู้แล้วว่าอ๋องเยี่ยนกำลังคิดอะไรอยู่ ซ่งซีซีจะไม่ปล่อยให้เสิ่นว่านจือไปเสี่ยงอีก การมองนั้นมันลามกเกินไป แค่คิดดูก็ทำให้ซ่งซีซีรู้สึกขยะแขยงเหล่าสาวใช้เดินทยอยเข้าไปและวางขนมไว้บนโต๊ะ จู่ๆ ซ่งซีซีก็ลุกขึ้นเดินไปที่สาวใช้ที่ถือขนมพุทราคนหนึ่งโดยไม่ขยับตัว ไม่ถอยหลัง และไม่กระพริบตาด้วยซ้ำชายารองจินมองอย่างตื่นตัว งและเห็นซ่งซีซีชี้ไปที่ขนมพุทราแล้วพูดกับสาวใช้ "ขนมพุทรานี้เป็นของโปรดของท่านอ๋อง เจ้าไปส่งให้ท่านอ๋องที่ห้องโถงหลักเลย"
เมื่อกลับมาถึงจวนเป่ยหมิงอ๋อง เสิ่นว่านจือก็ลงจากรถม้าและกระโดดหน้าประตูพระจวนสองสามครั้งเพื่อสลัดสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกายของนาง นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ "ไอ้หน้าด้าน กล้าหวังกับข้าเหรอ ลูกชายก็มีอายุมากกว่าจ้าอีก ไอ้แก่ที่หน้าไม่อายจริงๆ"ขณะที่หัวหน้าลู่เดินเข้ามาและได้ยินคำพูดของเสิ่นว่านจือ เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และรู้สึกงุนงง ทำไมคนแก่จะหน้าไม่อายเล่าซ่งซีซีก็โมโหมากและดึงนางเข้าไปในจวน "ต่อไปอย่าไปจวนอ๋องเยี่ยนอีก เขากวาดมองเจ้าจากหัวจรดเท้า แค่นี้ข้าก็รู้สึกทำให้เจ้าได้เสียหาย น่ารังเกียจจริงๆ"นางไม่รู้ว่าอ๋องเยี่ยนที่เห็นคืนนี้ยังคงเป็นอ๋องเยี่ยน ผู้ทะเยอทะยานคนเดิมหรือไม่ ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นคนละคนแค่คนหื่นกามชัดๆเมื่อเข้าไปในห้องประชุม เซี่ยหลูโม่บอกกับอาจารย์หยูว่าอ๋องเยี่ยนมีใจกับเสิ่นว่านจือ หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อาจารย์หยูก็สับสนเล็กน้อย "ไม่กระมัง ชัดเจนมากเหรอ?""แสดงออกได้ชัดเจนมาก ข้าถึงกับสงสัยว่าเขาแกล้งทำเช่นนั้นหรือเปล่า" ในระหว่างทางกลับมา เซี่ยหลูโม่ก็สับสนบนรถม้าเช่นกัน จากการสอบสวนครั้งก่อน เขาไม่แยแสเรื่องผู้หญิงเลย ไม่ว่าผู้หญิงจะสวยแค่ไหนในสายตาของเขาก
เมื่ออาจารย์หยูเห็นว่ากุ้นเอ๋อร์พูดไม่ตรงเรื่อง จึงรีบพูดขึ้นว่า "ท่านเมิ่ง ไม่สามารถยกท่านอ๋องขึ้นมาเป็นตัวอย่างได้ แน่นอนว่ามีผู้ชายแบบนี้อยู่ด้วย แต่วันนี้เราไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว"แต่กุ้นเอ๋อร์กลับมีท่าทางเห็นอกเห็นใจและจริงใจ และพูดขึ้นต่อว่า "จือจือ บอกว่าจะไม่แต่งงาน ข้าก็เห็นด้วย ไม่แต่งงานก็ไม่ต้องเจ็บปวด ความรักของคนหนุ่มสาวร้อนแรงมากแค่ไหน เมื่อเวลาผ่านไปมันก็น่าขยะแขยง ผิวเหล็กเคลือบทองก็สามารถหลุด เหล็กก็ยังเป็นสนิม บังเอิญมาก หนุ่มสาวที่มีความรักให้กันก็ยังเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โจรเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างอ๋องเยี่ยนที่ไม่เคยลิ้มรสความหวานของรักมาก่อน เมื่อมีผู้หญิงอย่างจือจือเข้ามาในชีวิตของเขา ไม่เพียงสามารถบรรเทาจิตใจที่แห้งเหี่ยวของเขา นางยังมีความสามารถช่วยเหลือเขา เขาก็เป็นเหมือนสุนัขตัวผู้ที่กำลังมีความรัก ท่าทางน่าเกลียดทุกแบบก็แสดงออกมาทั้งหมด"อาจารย์หยูฟังจนงงแล้ว ครู่หนึ่งถึงจะถามขึ้นว่า "นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของเจ้าพูดเช่นกันใช่ไหม? "ถ้าไม่เพราะเชียนเคยผ่านมาแล้ว เขาจะพูดถ้อยคำแห่งความผันผวนของชีวิตเช่นนี้ออกมาได้ยังไง? กุ้นเอ๋อร์ก็พูดไม่ออกแล้วจริง ๆ"ใช
เช้าวันต่อมาเซี่ยหลูโม่ก็เข้าวัง ได้รับคดีที่ได้พิจารณาแล้วกลับมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า "ได้ยินซีซีพูดว่า กล้วยไม้ในจวนอ๋องเยี่ยนกำลังบานสะพรั่ง และมีหลากหลายพันธุ์ ในจวนก็มีคนมีความสามารถมากมาย บ่าวแต่ละคนก็มีวรยุทธติดกาย"จักรพรรดิ์ซูชิงตกตะลึง อู๋เยว่ได้แอบสืบจวนอ๋องเยี่ยนมาเป็นเวลานานแล้ว แม้แต่คนที่อ๋องเยี่ยนซ่อนไว้ในเมืองหลวงนานขนาดนี้สืบไม่เจอ แต่พวกเขาไปครั้งเดียวก็สามารถสืบได้แล้วหรือ?อู๋เยว่เพียงพูดว่า ไม่พบองครักษ์อะไรในจวนอ๋องเยี่ยนเลย เขากังวลว่านักรบสิ้นหวังเหล่านั้นจะซุ่มซ่อนอยู่รอบๆ อู๋เยว่คิดว่าวรยุทธของนักรบสิ้นหวังเหล่านั้นเก่งกล้า ดังนั้นจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปจักรพรรดิ์ซูชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง "นักรบสิ้นหวัง? "เมื่อคำถามนี้ถูกพูดออกมา เซี่ยหลูโม่ยิ้มให้ "ไม่ใช่"จักรพรรดิ์ซูชิงมองเขา และพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า : "เจ้าหัวเราะอะไร? สนุกอะไร? "รอยยิ้มของเซี่ยหลูโม่ยิ่งสะดุดตามากขึ้น "ช่วงนี้กระหม่อมชอบยิ้มโดยไม่มีความหมาย"จักรพรรดิ์ซูชิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วยิ้ม "บ้า"สองพี่น้องมองหน้ากัน จากนั้นก็หันกลับมายิ้ม รอยยิ้มนี้มีพลังที่บอกไม่ถูก ทำให้กำแพงป้อง
วันที่สองหลังจากเจียอี้เข้ามาอยู่ในโรงงานเย็บปัก ทั่วทั้งเมืองหลวงก็มีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เจียอี้ถูกหย่า เล่าลือว่าวางแผนฆ่าทายาทของจวนโหวผิงหยาง ไม่ยอมรับอนุ ผลักอนุตกน้ำเพื่อจะเอาชีวิตนางเมื่อเล่าลือไปเรื่อยๆ ก็มีคนพูดเรื่องที่นางปล่อยเงินดอกเบี้ยสูงออกมาคนที่ชั่วร้ายเช่นนี้ จวนโหวผิงหยางกลับไม่ส่งนางให้กับทางการ แต่เพียงจัดการง่ายๆ แค่ไล่นางออกไปจากจวน และโรงงานเย็บปักซู่เจินก็ยิ่งกว่า กล้ารับคนแบบนั้นกลับไป แล้วยังจัดหาที่พักอาหารให้นางอีกซ่งซีซีได้เริ่มเก็บกวาดภารกิจตรวจสอบค่ายลาดตระเวนแล้ว นางไม่รู้เรื่องที่โรงงานเย็บปักซู่เจินถูกด่าอีกครั้งจนไม่เหลือดีด้วยซ้ำนางเพิ่งรู้เรื่องนี้ในวันที่เก็บกวาดภารกิจตรวจสอบวันสุดท้าย เมื่อกลับไปถามเสิ่นว่านจือ เสิ่นว่านจือก็ร้อนใจมากเช่นกัน นางพูดขึ้นว่า "หงเซียวได้ไปสืบมาแล้ว ไม่ใช่ข่าวที่นางเสิ่นเผยแพร่ออกมา ข้าดูจากจวนโหวผิงหยางแล้ว เพราะเจียอี้ถูกหย่า จวนโหวผิงหยางไม่ได้พูดออกไป มีเพียงคนที่รู้ในจวนโหวผิงหยางที่พูดออกไป คนๆ นี้ต้องการฆ่าเจียอี้ให้ตาย"ซ่งซีซีพูดขึ้นว่า : "ทำแบบนี้ไม่เพียงฆ่าเจียอี้เท่า
เนื่องจากจวนโหวผิงหยางกำลังจัดงานศพ ซ่งซีซีไม่สามารถส่งจดหมายขอพบอีก เพียงแต่ข่าวลือข้างนอกได้สร้างกระแสรุนแรงมาก นางต้องการยุติมันแต่ไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นอย่างไรจึงไม่สามารถชี้แจงให้จึงทำอะไรไม่ได้ทางหงเซียวสอบสวนกลับมา โดยบอกว่าข่าวดังกล่าวมาจากจวนโหวผิงหยางจริงๆ หงเซียวได้สอบสวนอย่างรอบคอบ ค้นหาอย่างละเอียด แถมยัใช้เงินเพื่อสอบถามด้วย จากนั้นก็พบแหล่งที่มาของข่าวเหล่านั้นคือคนรับใช้ของจวนโหวผิงหยางเนื่องจากเจียอี้เคยใจจืดใจดำและโหดร้ายกับคนรับใช้มาก่อน พวกเขาจึงต้องการแก้แค้นเจียอี้ฃผู้เล่าเรื่องยังกล่าวก็มีท่าทีโกรธเกรี้ยว โดยบอกว่าหลังจากทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เขาจะต้องเผยแพร่ข่าวออกไปอย่างกว้างขวางเพื่อให้ผู้คนทราบเกี่ยวกับความชั่วร้ายของเจียอี้ให้เยอะๆหงเซียวยังถามพวกเขาว่า "ในเมื่อเล่าเรื่องเพื่อคืนความยุติธรรม แล้วพวกเจ้าแน่ใจหรือว่ามันคือความจริง"นักเล่าเรื่องหลายคนมองดูนางด้วยความประหลาดใจ "มันย่อมเป็นความจริงสิ นางคือผู้ใด นางเป็นลูกสาวของเซี่ยอวี้น ถูกฝ่าบาทปลดออกจากตำแหน่งท่านหญิง เห็นได้ชัดว่านางต้องมีความเกี่ยวข้องกับคดีกบฏ กล้าก่อกบฏ งั้นทำร้ายคนในเรือนไม่
เสิ่นว่านจือยืนกรานในความคิดของตนเอง "แต่ถ้าขับไล่เจียอี้ออกไป เราจะไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเนเรื่องวุ่นวายนี้อีกเลย""แล้วอนาคตล่ะ หากอนาคตจะเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อีกล่ะ จริงๆ แล้วข้าคิดว่าเหตุการณ์ของเจียอี้นี้ก็ดีเช่นกัน มันจะให้โอกาสเราฝึกซ้อมก่อน หากเจอเรื่องเดียวกันในอนาคตก็มีประสบการณ์กฎเกณฑ์ด้วย ควรจะทิ้งอคติไปก่อนและสอบสวนมันให้ชัดเจน ถ้าเป็นจริงก็ไล่นางออก ถ้าไม่ก็ให้โอกาสนาง เป็นไง"นางกล่าวเสริมว่า "จือจือ การทิ้งอคติมันสำคัญมาก เพราะผู้หญิงทุกคนที่ถูกหย่านั้นอาจถูกตั้งข้อหาต่างๆ ถ้าเราตัดสินคนอื่นด้วยคำพูดภายนอกงั้นก็ไม่มีใครจะมา"เสิ่นว่านจือกล่าวอย่างหดหู่ "ข้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผล หากมองจากมุมมองของโรงงานเราจำเป็นต้องทำเช่นนี้ แต่โดยส่วนตัวข้าแล้ว มันยากสำหรับข้าที่จะยอมรับเจียอี้ อีกอย่างนางเรื่องไม่ดีมาเยอะจริงๆ ให้ไล่ออกไปตรงๆ จะไม่ดีหรือ หรือว่าเจ้าไม่เกลียดเจียอี้เหรอ?""เกลียด" ซ่งซีซีตอบอย่างเด็ดขาด"งั้นเกลียดก็จบเรื่องแล้วนี่ ขนาดตนเองก็เกลียด แล้วทำไมโรงงานต้องไปรับนางเล่า ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดถึงสถานการณ์โดยรวมและอยากจะตรวจสอบเรื่องทั้งหมดนี
เป่าจูไม่ได้คิดลึกซึ้งมากนัก แค่คิดว่าด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้พวกนางทั้งสองเกิดความบาดหมางขึ้นมามันจะไม่คุ้มเอาเสีย "ข้าน้อยแค่คิดว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าท่านจะทำอะไรคุณหนูเสิ่นก็สนับสนุนท่านตลอด ข้าน้อยรู้สึกว่าไม่งั้นก็ทำตามที่นางบอกสักครั้งหนึ่งจะดีไหม ซ้ำยังไม่มีหลักฐานได้พิสูจน์ว่านอกจากคนรับใช้ของจวนโหวผิงหยางแล้วยังมีคนอื่นสร้างปัญหาให้นี่เจ้าคะ""เรื่องบางเรื่องเราต้องกันไว้ดีกว่าแก้นะ เป่าจู ข้ารู้ว่าตนเองทำอะไรอยู่ เจ้าไม่ต้องห่วง" ซ่งซีซีเท้าคาง แล้วครุ่นคิด "อีกหน่อยเดี๋ยวข้าไปจะโรงงาน"หงเซียวก็ยืนอยู่ข้างๆ ยังไม่ได้ออกไป จริงๆ แล้วนางเห็นด้วยกับความคิดของพระชายา เพิ่งจะก่อตั้งแรกๆ ก็เกิดวุ่นวายเช่นนี้ โรงงานต้องมีกฎเกณฑ์ของมันถึงจะถูก "พระชายา ให้ข้าไปเป็นเพื่อนท่านเถอะ"ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมองหงเซียว แล้วพูดว่า "หงเซียว เจ้าไม่จำเป็นต้องไปกับข้า เจ้าตรวจสอบต่อไปและดูว่าเป็นเพราะมีใครถูกจ้างให้เผยแพร่ข่าวลือหรือไม่""เจ้าค่ะ!" หงเซียวรับคำสั่งแล้วออกไปซ่งซีซีเชิญหัวหน้าลู่เข้ามาและขอให้เขาไปถามไถ่กับพ่อบ้านเฟินดูว่าคนใช้ที่โดนเจียอี้ทรมานนั้นมีเท่าไร คนที่ก่อกวนอย่างรุนแรงนั้