Share

บทที่ 1015

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
อ๋องเยี่ยนกลับไปที่ห้องหนังสือ อู๋เซี่ยงวางหนังสือในมือลงแล้วลุกขึ้นถามว่า "ท่านอ๋อง เสิ่นว่านจือมาทำอะไร? พระชายาได้คุยกับนางหรือเปล่า"

อ๋องเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา "ไอ้สวะชัดๆ กลับไปติดต่อกับเจียอี้ลับหลัง ยังช่วยเจียอี้ต่อสู้กับซ่งซีซีด้วย"

อู๋เซี่ยงส่ายหัว "ท่านอ๋อง การแต่งงานกับนางถือเป็นความผิดพลาดอยู่แล้ว นางไม่มีความสำคัญต่อตระกูลเสิ่น หัวหน้าตระกูลเสิ่นไม่ยอมมาสุงสิงกับท่านมากขึ้นเพื่อนาง งั้นประโยชน์อื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดเลย"

"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรนางโง่มากขนาดนี้? ต่างเป็นลูกสาวตระกูลเสิ่น และเสิ่นว่านจือก็เก่งกว่านางเป็นหมื่นเท่า" อ๋องเยี่ยนนั่งลงและหรี่ตาลงพร้อมกับแสงมืดที่น่ากลัวและเจ้าเล่ห์ในดวงตาเขา "เมื่อกี้เสิ่นว่านจือมาถึงที่ตบหน้าไปฉาดหนึ่งฝห้นาง จากนั้นเตือนต่อหน้าประโยดหนึ่งก็จากไปแล้ว ทั้งเด็ดขาดและตรงไปตรงมา ข้ามองนางด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง ถ้าข้าแต่งงานกับนาง ไม่เพียงแต่ได้รับเความช่วยเหลือจากตระกูลเสิ่นอย่างต็มที่ แต่ยังได้รับเความช่วยเหลือจากนางด้วย เสิ่นว่านจือคนหนึ่งจะมีค่ามากกว่าคนของข้าตั้งเท่าไร"

อู๋เซี่ยงกล่าวว่า "ท่านอ๋อง ตอนนี้มีคนมุ่งร้ายอยู่ล้อมรอบ ดัง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1016

    อ๋องเยี่ยนดูใจร้อนเล็กน้อย "กู้ชิงหวู่กลายเป็นคนโปรดของหวังเบียวแล้ว แต่หวังเบียวยังไม่ชนะใจของพวกทหาร ดังนั้นนี่จึงเร่งไม่ได้ ส่วนทางซีจิงก็จะวางแผนอยู่ ต้องรอ เราไม่สามารถไม่ทำอะไรเลยนี่นะ เสิ่นว่านหงไร้ประโยชน์งั้นก็เปลี่ยนเสิ่นว่านจือแทน ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่คุณชายพูดไม่สมเหตุสมผล เสิ่นว่านหงและซ่งซีซีต่างเป็นพระชายาทั้งคู่ ข้าไม่เชื่อว่าเสิ่นว่านจือไม่มีความคิดกับตำแหน่งพระชายา ผู้หญิงที่หยิ่งเช่นนาง นางยิ่งต้องการแต่งงานกับคู่ครองมีฐานะสูง ผู้ชายธรรมดาๆคงไม่เข้าตานาง"อู๋เซี่ยงพยายามโน้มน้าว แต่เขาไม่ยอมฟัง และจมอยู่กับแผนการของเขาเอง ผู้หญิงจะไม่สนใจความบริสุทธิ์ของตนเองได้อย่างไร ถ้ามอบตัวให้เขา ยังกล้าฉีกหน้าเขาหรือไง?เมื่อถึงเวลามอบตำแหน่งพระชายาให้ นางคงจะมีความสุขมากกว่าใครๆ ทั้งนั้นซ่งซีซีกลับจวนอ๋องตั้งนานแล้ว เมื่อหงเซียวมารายงานว่าเสิ่นว่านจือไปที่ จวนอ๋องเยี่ยน นางกำลังหารือเรื่องต่างๆ กับลู่เจิน หลังจากหารือเสร็จ นางก็กลับจวนโดยตรงเสิ่นว่านจือกลับจวนแล้ว หลังจากตบหน้าเสร็จ นางก็รู้สึกสะใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็เริ่มกังวลทันทีไม่ใช่ว่ากังวลเกี่ยวกับตัวเอง แต่นาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1017

    ในห้องโถงด้านข้าง เสิ่นว่านจือมองดูพระชายาอ๋องเยี่ยนที่กำลังขอโทษตนเองอย่างจริงใจด้วยสีหน้าเย็นชา หากนางไม่รู้จักลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดีนัก นางก็คงจะเชื่อนางจริงๆ"จริงๆ เลย เจ้าเชื่อพี่นะ เป็นเพราะเจียอี้มาหาข้าและขอร้องให้ข้าช่วยนางแสวงหาความยุติธรรม ข้าใจอ่อนไปเลยยอมช่วยนาง หลังจากที่เจ้าจากไปเมื่อวาน ท่านอ๋องก็ด่าข้าอยู่นาน โดยบอกว่าสร้างโรงงานเพื่อประโยชน์ของผู้หญิง ข้าไม่ควรใส่ร้าย ข้าสำนึกผิดแล้ว เจ้ายกโทษให้พี่ได้ไหม"เสิ่นว่านจือไม่เชื่อแม้แต่คำเดียวเลยไม่เชื่อว่านางใจอ่อนเลยไปช่วยเหลือเจียอี้สักหน่อย และยิ่งไม่เชื่อว่าอ๋องเยี่ยนจะพูดว่า "การสร้างโรงงานเพื่อประโยชน์ของผู้หญิง"ท่านป้าของซีซี อดีตพระชายาอ๋องเยี่ยนได้ตายอย่างไรเล่า คนอื่นอาจไม่รู้ แล้วนางจะไม่รู้ได้อย่างไร?เสิ่นว่านจือฟังนางพูดอย่างใจเย็น แล้วเห็นน้ำตาแห่งความเสียใจของนางไหลออกมาไม่หยุด นางรู้สึกว่าหลังจากลูกพี่ลูกน้องคนนี้เป็นพระชายาอ๋องเยี่ยนแล้ว เรื่องอื่นนางไม่ได้เรียนแต่ทักษะการแสดงกลับเก่งมากทีเดียว ดูท่าว่าในปกติต้องดูการแสดงไม่น้อยเลย"พูดได้ดีมากนะ แต่วันนี้มาเพื่อขอโทษ ทำไมไม่ส่งจดหมายขอพนเล่า แล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1018

    หลังจากการประชุมยามเช้าเสร็จ เซี่ยหลูโม่นำคดีที่ได้รับกาทบทวนเมื่อเร็วๆ นี้ไปที่ห้องทรงพระอักษรเพื่อไปพบฝ่าบาท และรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีกบฏตามปกติคดีกบฏยังไม่จบ ดังนั้นหอต้าหลี่จึงยังคงสืบสวนอยู่ และจะมีการรายงานทุกๆ สักพัก มันก็ทำงานตามกฏ ขณะนี้มุ่งความสงสัยไปที่อ๋องเยี่ยน แต่ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้หอต้าหลี่ทำการตรวจสอบ ถึงขนาดยังไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย แม้ว่าเซี่ยหลูโม่จะชี้แจงอย่างชัดเจน แต่เขาก็เงียบตลอดจักรพรรดิ์ซูชิงอ่านเอกสารบันทึกคดีคร่าวๆ ฟังเขาพูดถึงความคืบหน้าของคดีกบฏ และกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความคืบหน้าที่แท้จริง"มีความคืบหน้าได้ แต่ท่านต้องสั่งสิ!จักรพรรดิ์ซูชิงวางเอกสารบันทึกคดีไว้ข้างๆ และตรัสว่า "งั้นก็สอบสวนกันต่อไป""พะย่ะค่ะ!" เซี่ยหลูโม่ตอบรับเมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่ยอมจากไป จักรพรรดิ์ซูชิงจึงถามว่า "มีอะไรอีกหรือ"เซี่ยหลูโม่ยิ้มและพูดว่า "มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เสด็จอาเยี่ยมชวนกระหม่อม และครอบครัวของกระหม่อมไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ย้านในคืนนี้"จักรพรรดิ์ซูชิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย แล้วยิ้ม "จะว่าไปแล้ว เสด็จอากลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1019

    อู๋เซี่ยงถอนหายใจเล็กน้อย "หากเป็นผู้หญิงคนอื่นมาใช้ยาของท่านอ๋องก็ไม่เป็นไร แต่คนๆ นี้คือเสิ่นว่านจือ ดังนั้นยาธรรมดาจึงไม่สามารถจัดการกับนางได้"อ๋องเยี่ยนถามว่า "ผลของยาเหล่านี้ก็ล้วนกระตุ้นอารมณ์ไม่ใช่หรือ ยาของเจ้าแตกต่างกันอย่างไรหรือ"อู๋เซี่ยงกล่าวว่า "เอาจริงๆ ว่ายาของท่านอ๋องไม่ได้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่แค่ให้เกิดความปรารถนา ยาของข้าคือยาชนิดหนึ่งของพิษเหมียว สารพิษจะทำให้สมองเป็นอัมพาต ทำให้นางเกิดอารมณ์เราร้อนและรักใคร่กับบุคคลนั้นหลังจากมีเพศสัมพันธ์"อ๋องเยี่ยนดีใจมาก "ด้วยยาวิเศษเช่นนี้ ทำไมคุณชายไม่เอามาให้ตั้งแต่แรกเล่า หากนางมีใจให้ข้า งั้นสิ่งที่ข้าต้องการก็กลายเป็นสิ่งที่นางต้องการสินะ"อู๋เซี่ยงยิ้มอย่างขมขื่น "ท่านอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าความรักใคร่นี้ขัดต่อเจตจำนงของผู้คน ดังนั้นจึงสามารถคงอยู่ได้เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น""จะอยู่ได้นานแค่ไหน" อ๋องเยี่ยนถาม"สิบวันถึงครึ่งเดือน"อ๋องเยี่ยนรับขวดยา และมีแสงสีเข้มแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา "จะเป็นอย่างไรบ้างถ้ายาหมดฤทธิ์แล้วเราก็ให้กินยาต่ออีก? มันไม่เท่ากับว่าจะยื้อเวลาให้มีความรู้สึกแบบนี้ตลอดเหรอ?"อู๋เซี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1020

    ยามโย รถม้าสองคันจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาถึงประตูจวนอ๋องเยี่ยนตรงเวลาเมื่อรถม้ามาถึง ผู้ดูแลประตูก็รีบไปรายงาน ทางจวนอ๋องเยี่ยนเปิดประตูกลางเพื่อต้อนรับเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญมากเพียงใดนางเสิ่นและชายารองจินนำอวี้ชิงและอวี้หยินสองคนรอต้อนรับที่หน้าประตู เนื่องจากเสิ่นว่านจือเป็นผู้หญิง เซี่ยหรูเฉาและเซี่ยหรูหลิงจึงไม่ออกมาต้อนรับด้วยเมื่อเห็นรถม้าสองคัน หัวใจของชายารองจินก็เต้นรัว นางรู้ดีถึงแผนการของอ๋องเยี่ยน คืนนี้น่าจะมีเสิ่นว่านจือคนเดียว แล้วทำไมถึงต้องการรถม้าสองคัน?เมื่อเห็นเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีลงจากรถม้า ชายารองจินก็ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง และรอยยิ้มที่เรียบร้อยบนใบหน้าของนางก็แข็งทื่อทันที ทำไมพวกเขาก็มาด้วยล่ะ"ไหนบอกว่าชวนแค่เสิ่นว่านจือไม่ใช่เหรอ เจ้าเชิญชวนนางยังไงกัน" ชายารองจินกัดฟันกรอดและถามนางเสิ่นที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงต่ำนางเสิ่นมีความสุขมาก เดิมทีท่านอ๋องแค่ให้นางไปเชิญเสิ่นว่านจือ แต่ตอนนี้ทั้งเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีต่างก็มาด้วย งั้นท่านอ๋องก็ต้องดีใจมากทีเดียวเมื่อนางกำลังอารมณ์ดีนั้นกลับได้ยินน้ำเสียงที่ถามจี้จากชายารองจิน และนางก็ทำหน้าบึ้งตึงทันท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1021

    อู๋เซี่ยงไม่ไว้ใจจึงชักชวนต่อไป "ท่านอ๋อง หากท่านประสบความสำเร็จ ท่านจะหาผู้หญิงแบบไหนก็ได้หมด เมื่อถึงตอนนั้นท่านจะคิดว่าเสิ่นว่านจือก็ธรรมดาทีเดียว""เอาล่ะ" สีหน้าของอ๋องเยี่ยนค่อนข้างไม่าู้ดี หลังจากพูดว่า "เอาล่ะ" เขาก็รู้สึกถึงความคับข้องใจในใจ เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ ความคับข้องใจนี้เกิดขึ้นราวกับพายุแรงที่พุ่งเข้ามา ทำให้เขาระเบิดออกมาในชั่วขณะหนึ่ง "ที่ผ่านมาข้าถือว่าจิตใจผ่องแผ้วบริสุทธิ์มากแล้ว ทุกๆ วันก็ใช้ชีวิตอย่างเข้มงวด ระงับความต้องการของตนเอง และไม่กล้าเดิกข้อผิดพลาดใดๆ หาใช่ว่าข้าไม่มีคนที่ถูกใจ แต่ข้าต่างก็ไม่สนใจ เพราะข้ารู้ว่าหากมกมุ่นอยู่กับความสุกจะมีแต่เป็นผลเสียกับแผนการของตนเอง แต่เสิ่นว่านจือแตกต่างออกไป นางคือคนแรกที่ทำให้ข้าถูกตาต้องใจ ในขณะเดียวกันก็ช่วยข้าได้ นางเป็นตัวเลือกที่เป็นพระชายาอ๋องเยี่ยนที่ดีที่สุดคำพูดเหล่านี้ทำให้อู๋เซี่ยงรู้สึกหวาดกลัวและโกรธด้วย เป็นครั้งแรกที่เขาตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจังมาก "ที่ท่านอ๋องบอกว่าถูกใจ หมายความว่ามีใจให้เสิ่นว่านจือเหรอ ชอบนางใช่ไหม หากท่านคิดเช่นนั้น ข้าจะบอกอะไรท่านว่ามันไม่ใช่ นี่เป็นเพียงข้อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1022

    เซี่ยหลูโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "เสด็จอาจะคิดว่าหลานโกรธกับท่านได้ยังไง หรือว่าเสด็จอาได้ทำอะไรไม่ดีกับหลานเหรอ"อ๋องเยี่ยนหัวเราะและโบกนิ้วต่อหน้าเขา "ชอบเล่นลิ้นเอาเสีย!"เขาเดินไปที่ที่นั่งหลัก ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง "ทุกคนนั่งเถอะ อย่ามัวแต่ยืนอยู่"เขาสวมเสื้อผ้าผ้าไหมชั้นดีที่ปักด้วยลวดลายนกกระเรียนบินด้วยด้ายสีทอง ริมฝีปากดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยสีเล็กน้อย ทำให้ดูแดง รู้สึกมีความมั่นใจมาก เสิ่นว่านจือเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ไม่รู้ทำไมดูเขาเหมือนนกยูงตัวผู้ที่กำลังรำแพนหางหลังจากที่ทุกคนนั่งแล้ว อู๋เซี่ยงก็เข้ามาพร้อมกับเซี่ยหรูหลิงและเซี่ยหรูเฉา พี่น้องสองคนแต่เดิมก็ชอบซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่มาก แต่ตอนนี้กลับดูเหินห่างเล็กน้อย พวกเขาก็นั่งลงก่อนคารวะ ทั้งสองมีสีหน้าแปลกๆ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตามองเซี่ยหลูโม่ตรงๆเซี่ยหลูโม่มองไปที่อู๋เซี่ยง และรู้ว่าเขาเป็นที่ปรึกษาที่อยู่เบื้องหลังคอยให้คำแนะนำแกอ๋องเยี่ยน ไม่รู้ว่าเป็นเขาที่มองผิดหรือเปล่า มักจะรู้สึกว่าเขาได้ทะเลาะกับอ๋องเยี่ยนมายิ่งไปกว่านั้น การทะเลาะกันครั้งนี้ไม่ได้จยลงด้วยดี ดสงตาของทั้งสองยัหลงเหลือความโกรธอยู่ ความโกรธกลายเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1023

    แต่เดิมอวี้ชิงยังคงกลัวซ่งซีซีอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากได้ยินคำพูดนี้ นางก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความโกรธจัดทันที "ซ่งซีซี เจ้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ทำลายชื่อเสียงของข้า มันจะมีประโยชน์อะไรต่อเจ้า"ฃกุ้นเอ๋อร์ตะโกนอย่างแรง "ช่างบังอาจ เสี้ยนจู่ที่ต่ำต้อยยังกล้าเรียกพระชายาด้วยชื่อจริงตรงๆ เหรอ?"ซ่งซีซียกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กุ้นเอ๋อร์ออกไป จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิง และพูดประชดว่า "จ้าเห็นเจ้าก็ปากร้ายนี่ ทำไมตอนที่เสด็จแม่ของเจ้าถูกรังแกนั้น เจ้าไม่ออกหน้าช่วยพูดให้นางเล่า หากไม่กล้าพูด ก็คอยดูแลนางอยู่ข้างกายก็ได้ ไม่เสียแรงที่นางให้กำเนิดพวกเจ้า"อวี้ชิงปรี๊ดแตก แต่เมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเซี่ยหลูโม่มองเข้ามา ทำเอานางรู้สึกหนาวสั่นในใจ และไม่กล้าที่จะอ้าปากไปสาปแช่งอีก แต่พูดอย่างไม่พอใจ "เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เจ้าเก่งมากนักก็ไปดูแลเองสิ ดีแต่ปาก ทำไมไม่ทำเองเล่า เจ้าก็เรียกนางว่าท่านป้าด้วยนะ"ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "สิ่งที่เจ้าพูดนั้นสมเหตุสมผลจริงๆ ที่แท้ถ้าตนเองอกตัญญูก็สามารถไปหาว่าคนอื่นไม่ช่วยให้ ข้าต้องจดจำเอาไว้ เดี๋ยวหาเวลาไปบอกมู่ฮูหยิน เพื่อให้มู่ฮูหยินช่วยเจ้าประกาศสักหน่อย

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1586

    ลูกพี่ลูกน้องกับสาวใช้กลับมาตามหาข้า ข้าก็ให้สาวใช้นับเงินสามร้อยอีแปะมอบให้เขา เขายิ้มพลางกล่าวคำขอบคุณข้าเคยคิดว่าเป็นเพียงการพบกันโดยบังเอิญ ไม่อาจเกี่ยวข้องกันอีก คาดไม่ถึงว่าผ่านไปหนึ่งเดือน วันฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านย่า ครอบครัวจัดงานเลี้ยงรับรอง ผู้ดูแลสถาบันขงจื้อก็นำศิษย์คนโปรดของตนมาร่วมงานด้วย...เขาก็อยู่ในกลุ่มนั้นกฎเกณฑ์ธรรมเนียมแห่งเจียงหนานนั้นไม่เคร่งครัดเหมือนเมืองหลวง ยามจัดงานเลี้ยง สตรีก็สามารถออกไปที่เรือนหน้าได้เขาเห็นได้ชัดว่าไม่จำข้าได้...ตอนนั้นข้าคลุมหน้าด้วยผ้าบาง เหลือเพียงดวงตาให้เห็น ไม่จำได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกทว่า เขามิได้อยู่ร่วมงานเลี้ยง เพียงนำภาพหมากู๋ถวายพรอายุวัฒนะมามอบให้ท่านย่า แล้วกล่าวว่ามีธุระที่บ้าน จากนั้นก็ขอลาไปหลังจากเขาไปแล้ว ผู้ดูแลสถาบันก็กล่าวถึงเขาด้วยน้ำเสียงแฝงความเสียดายว่า “เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่น่าเสียดายที่ไม่มุ่งมั่นใฝ่ดี ดื้อรั้นจะลาออกจากสำนัก ข้าคิดจะพาเขามาวันนี้ให้รู้จักกับคนดีมีปัญญา เขากลับไม่เห็นคุณค่า น่าผิดหวังนัก ช่างเถอะ หากอยากลาออกก็ให้ลาไปเถอะ”บิดาข้าปลอบว่า “อย่าได้โกรธเลย ท่านมีศิษย์มากมาย ขาดเขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1585

    ข้ามีนามว่าเสิ่นอี๋ ผู้ใดที่รู้จักข้า เมื่อเอ่ยถึงข้าก็มักจะแสดงสีหน้าเหยียดหยาม แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้จักข้า เมื่อได้ยินเรื่องของข้า ก็ยังต้อง แค่นเสียงเหอะ แล้วพูดว่า “ไร้ยางอายนัก”ทุกคนต่างรู้ดีว่าหนีตามบุรุษนั้น เป็นเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าฆ่าคนวางเพลิงเสียอีกหลายคนเคยถามข้าด้วยคำถามหนึ่ง...เสียใจหรือไม่?ข้ามิได้เสียใจที่แต่งงานกับเขา แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ในใจ ท้ายที่สุดแล้ว เพราะข้าคนเดียว ทำให้ตระกูลเสิ่นต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง พี่น้อง หลานชายหลานสาวของข้าก็พลอยลำบากในการหาคู่แต่งงานในฐานะบุตรีตระกูลเสิ่น ตั้งแต่แรกเกิด ข้าก็เติบโตมาในความทะนุถนอมเปี่ยมด้วยความรัก กินแต่อาหารเลิศรส สวมเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง พ่อแม่รักใคร่ พี่ชายเอ็นดูแต่ข้ากลับมีตำหนิ กระทั่งอายุสิบสี่ปีแล้ว ประจำเดือนยังไม่มา เคยเชิญหมอมากี่คนแล้วก็ไม่อาจนับได้ ยาแต่ละชามดื่มเข้าไปทั้งกลางวันกลางคืน ก็ยังไร้ผลสิ้นดีมารดาบอกข้าว่าเป็นเพราะร่างกายข้าเย็น ประจำเดือนจึงมาช้า เพียงบำรุงไปเรื่อยๆ ก็จะดีขึ้นเองแต่ข้าดันแอบได้ยินสิ่งที่หมอพูดกับบิดามารดาว่า มิใช่เพราะร่างกายเย็น หากแต่ตำแหน่งที่ควรให้กำเนิดบุตรข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1584

    ฤดูหนาวอันเหน็บหนาว หิมะโปรยปราย ชายแดนเฉิงหลิงถูกขังไว้ด้วยสีขาวโพลน ราวกับทั้งโลกใบนี้บริสุทธิ์หมดจดตลอดหลายปีมานี้ ข้าสวมจีวรเก่าเก็บ ถือบาตรออกเดินทาง บิณฑบาตตามหนทาง พบวัดใดก็ขออาศัยค้างแรมสองคืน กราบพระไถ่บาปแท้จริงแล้ว ข้าสามารถพำนักอยู่ในวัดเดิมตลอดไป แม้ไม่เรียกว่าสุขสบาย แต่ก็ไม่ต้องทนลำบากหนาวเหน็บหิวโหยเช่นนี้ทว่าข้ารู้ดี หากยังอยู่ในสถานที่อบอุ่นเช่นนั้น ชาตินี้ข้าย่อมลบล้างบาปของตนไม่หมดสิ้นมีเพียงการอยู่บนหนทางเสมอ รับทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง ใจของข้าถึงจะสงบข้ามาถึงชายแดนเฉิงหลิง รองเท้าหญ้าฟางของข้าขาดนานแล้ว ฝ่าเท้ามีแต่ตาปลาหนานหนา แม้ไม่สวมรองเท้า ข้าก็ยังเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยกรวดหินได้แม้จะสวมเสื้อผ้าทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว ก็ยังไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บได้ทว่าข้าก็คุ้นชินแล้ว คนชั่วมักอายุยืน ข้าเองก็ตายไม่ลงเช่นกันชายแดนเฉิงหลิงมีวัดแห่งหนึ่งนามว่าวัดกั่นเอิน ข้าเดินต้านลมและหิมะมุ่งหน้าไปเพียงแต่ตลอดหลายปีมานี้ ข้าไม่เคยหยุดเดิน ความอ่อนล้าแทรกซึมถึงกระดูก ลมและหิมะทำให้โรคกำเริบหนัก อีกทั้งข้าหิวโหยไม่ได้กินอะไรมาสองวัน สุดท้ายก็เป็นลมล้มลงบนท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1583

    เมื่อคราวล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิ เสด็จพี่ใหญ่ถูกเสด็จพ่อกริ้วตำหนิ เมื่อกลับมาก็ล้มป่วยไปพักหนึ่งเวลานั้นข้ากับพี่รุ่ยเอ่อร์ต่างกังวลเป็นอย่างยิ่ง ตรงกันข้าม เสด็จแม่กลับดีพระทัยนัก ตรัสว่าครานี้ผ่านไป เสด็จพ่อต้องเบื่อหน่ายในตัวเสด็จพี่ใหญ่แน่พระนางอุ้มข้าไว้ในอ้อมแขน กำชับข้าให้ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจฟังคำของไทฟู่และเสด็จอา ต้องเรียนรู้ให้เหนือกว่าผู้อื่นทั้งหมด ต้องได้รับคำชมจากไทฟู่และเสด็จอา จึงจะกดเสด็จพี่ใหญ่ให้ต่ำลงได้ในใจข้านั้นสับสนยิ่งนัก แม้เสด็จแม่จะพร่ำบอกถึงข้อดีของการเป็นองค์รัชทายาทและฮ่องเต้ ข้าก็รู้สึกหวั่นไหว ทว่าเรื่องนั้นก็ยังเลือนลางนักเวลานี้ข้าสนิทสนมกับเสด็จพี่ใหญ่ พี่รุ่ยเอ่อร์ และน้องสามยิ่งนัก ข้าไม่อาจเกลียดเสด็จพี่ใหญ่ลงเลยอยู่แต่ละวันด้วยความขัดแย้งเช่นนั้น กลับทำให้การเรียนรู้ของข้ายิ่งย่ำแย่ ยามฝึกขี่ม้าก็พลาดพลั้งอยู่บ่อยครั้งน่าแปลกนัก เสด็จแม่กลับไม่ตำหนิข้า ยังทรงอนุญาตให้ข้าขี้เกียจไปอีกหลายวัน และในช่วงนั้นพระนางก็มักพาข้าไปเยี่ยมฟูเหนียงเหนียง ในตำหนักของพระนางฝู มักจะพบกับเสด็จพ่อเสมอเพียงไปอยู่ไม่กี่วัน เสด็จแม่ก็นิ่งตึง ตรัสว่าจะไม่ไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1582

    ก่อนที่ข้าจะออกบวช ข้ามีนามว่าเซี่ยฟ่านตั้งแต่เล็ก ข้ามักได้ยินผู้คนกล่าวถึงข้าว่าเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ปราดเปรื่องยิ่งนัก เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่โอรสทั้งสามพระองค์ได้ฟังคำกล่าวเช่นนี้บ่อยครั้ง ข้าก็เริ่มเชื่อเสียเอง และบางครั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจแต่ทุกครั้งที่ข้ารู้สึกปลาบปลื้มในคำสรรเสริญเหล่านั้น เสด็จแม่ก็จะดึงข้าลงจากฟ้าในบัดดล พระนางจะทอดพระเนตรมาที่ข้า ดวงเนตรเต็มไปด้วยความเวทนาและความรู้สึกสลับซับซ้อน แล้วทอดถอนพระทัยตรัสว่า “น่าเสียดายนักที่เจ้ามาเกิดในครรภ์ของแม่ ถูกเจ้าคนโง่นั่นกดไว้เสียหนึ่งช่วงตัว เจ้านั่นแค่ดวงดีเท่านั้น”เจ้าคนโง่นั่น ข้าก็ได้ยินเสด็จแม่เรียกอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็กเสด็จแม่ไม่เคยตรัสเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่น มีเพียงยามอยู่ตามลำพังกับข้าเท่านั้นเมื่อยังเยาว์ ข้ารู้สึกประหลาดใจนัก เสด็จแม่ชัดเจนว่าส่งเสริมให้เกลียดเสด็จพี่ใหญ่ ทว่าเวลาที่พบเสด็จพี่ใหญ่ พระนางกลับแสดงสายตาอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา ตรัสคำชมเชยกับเขามากมาย ทั้งที่เขาออกจะโง่เขลา แต่ยังตรัสว่าเขาฉลาดข้าไม่เข้าใจ จึงแอบไปถามชิงหลันกูกู ชิงหลันกูกูก็เพียงทอดถอนใจ ลูบศีรษะข้าแล้วกล่าวว่า “องค์ชา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1581

    เพื่อนรักวัยเยาว์ทั้งสอง ต่างก็มุ่งมั่นสุดกำลังในเส้นทางของตน ซิวเช่อเริ่มต้นจากการเรียนรู้เรื่องสมุนไพร จากสมุนไพรสู่แพทย์ นั่นกลายเป็นที่พึ่งพิงทั้งชีวิตของเขาในสำนักเทพโอสถ แต่เดิม เขาใช้มันเป็นที่พึ่ง เพราะรู้ดีว่าตนไม่อาจลงเขาไปเปิดสถานรักษา รักษาผู้คนได้จริง กระทั่งซ่งรุ่ยมาเยือน และทิ้งท้ายด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง ทำให้เขาเริ่มมีความหวังว่าจะได้ลงเขาอีกครั้ง นับแต่นั้น เขาจึงยิ่งทุ่มเทฝึกฝนไม่พักไม่ผ่อน เขาผ่านความเจ็บปวดแสนสาหัส จึงเน้นศึกษาการรักษาอาการบาดเจ็บและอาการเจ็บปวดโดยเฉพาะ แน่นอนว่า การแพทย์คือศาสตร์ที่ต้องรู้รอบด้าน เขาจึงไม่ละเลยสาขาอื่น ในใจเขามีเปลวไฟดวงหนึ่ง เป็นเปลวไฟที่ไม่เคยลุกโชนเลยในหลายปีที่ผ่านมา นับแต่วันที่ถูกส่งมายังสำนักเทพโอสถ เขารู้ตัวดีว่า แม้จะมีชีวิตรอด แต่ชีวิตนี้ก็คงมีเพียงเท่านี้ ทว่าบัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขามีโอกาสเปลี่ยนตัวตน เปลี่ยนใบหน้า นำสิ่งที่เรียนรู้ติดตัวลงจากเขาไป เขาจะเป็นคนที่มีประโยชน์ เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตในแสงตะวัน ไม่ใช่เต่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือก เขาตื่นเต้นถึงขั้นหลายคืนติดกันขลุกอยู่ในโรงปรุงยา ทั้งกินทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1580

    "เซี่ยจิ้งเหยียน ปากเจ้าหยุดได้บ้างหรือไม่?" ซ่งซีซีขมวดคิ้ว มองดูบุตรสาวที่กำลังพันแข้งพันขาพี่รุ่ยเอ่อร์ด้วยคำถามไม่หยุดไม่หย่อนใบหน้าเล็กๆ แดงจัดจากแดด เผ้าผมยุ่งเหยิงราวกับรังนก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านมานับแต่พี่รุ่ยเอ่อร์กลับจากการเดินทาง เข้าประตูมา เด็กน้อยก็ไม่หยุดเจื้อยแจ้ว ถามเรื่องสนุกต่างๆ ที่พี่ชายพบเจอระหว่างท่องเที่ยว"เสด็จแม่เจ้าคะ" เซี่ยจิ้งเหยียนเบิกตากลมโต มองมาด้วยท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา ใบหน้าราวกับเก็บเอาส่วนดีจากทั้งบิดาและมารดามาไว้ครบถ้วน "ข้ามิได้พบพี่รุ่ยเอ่อร์มานาน วันเดียวไม่ได้เจอ เหมือนห่างกันสามปี นี่ไม่รู้เลยว่าห่างกันมากี่เดือนกี่ปีแล้ว ข้าย่อมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับพี่เขาเจ้าค่ะ""วันเดียวไม่เจอเหมือนห่างกันสามปี ใครสอนเจ้าพูดเช่นนี้?" ซ่งซีซีขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิมเซี่ยจิ้งเหยียนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ "อาจารย์ลุงหวังพูดกับท่านน้าเสิ่นอย่างนี้ ตอนก่อนเขากลับไปเขาเหม่ยซานไม่กี่วัน พอกลับมาก็กอดท่านน้าเสิ่นแล้วพูดประโยคนี้ล่ะเจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือรีบก้มหน้าลงทันที หลบเลี่ยงสายตาคมกริบดั่งมีดของซ่งซีซี ใครจะรู้เล่าว่าตอนนั้นจิ้งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1579

    การออกจากเมืองครั้งนี้ของซ่งรุ่ย เขาแจ้งกับฮ่องเต้ว่าออกไปท่องเที่ยว แต่เขามิได้อยู่ที่สำนักเทพโอสถนานนัก เพียงเจ็ดวันก็ออกเดินทางต่อ แล้วมุ่งหน้าไปยังสถาบันว่านซงเหมินแต่เดิมตั้งใจจะกลับเมืองหลวงไปหาท่านอาหงเซียว ทว่าคิดไปคิดมา สู้ไปหาศิษย์อาผิงหวูจูงโดยตรงดีกว่า ขอให้นางเป็นผู้สอนวิชาแปลงโฉมด้วยตนเอง วิชาแปลงโฉมไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากต้องการให้ถึงขั้นแยบยล แปลงแล้วไร้ผู้ใดมองออก เช่นนั้นก็ไม่อาจสำเร็จได้ในเวลาเดือนสองเดือน วิชาแปลงโฉมอย่างง่ายนั้น สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสริมอะไรเพิ่มเติมไปจากใบหน้าตนเอง จะเป็นการแต่งเติมหรือแต่งหน้าเท่านั้น แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา แม้แต่ฝนตกเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ความลับถูกเปิดเผย เพราะฉะนั้น ไม่อาจเรียนเพียงวิชาเบื้องต้นเช่นนี้ได้ อีกแขนงหนึ่งของวิชาแปลงโฉม คือการสร้าง “ใบหน้าเทียม” ขึ้นมา ทว่าใบหน้าเทียมทั่วไปนั้นมีความหนา อึดอัด หากสวมใส่นานจะทำร้ายผิวหน้าของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังต้องใช้ยาพิเศษในการติดกับผิวหน้า พอถึงเวลาพักผ่อน จะต้องลอกออก ซึ่งอาจดึงเอาผิวหน้าเดิมติดออกมาด้วย ในสำนักหออวิ๋นอี้ แม้จะมีการใช้ใบหน้าเทีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1578

    ยามค่ำ ทั้งสองนั่งสนทนาใต้แสงเทียน เรื่องราวในราชสำนักไม่มีการเอ่ยถึงแม้แต่น้อย ซิวเช่อเพียงรู้ว่าแผ่นดินสงบสุขร่มเย็น เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว เขามิใช่องค์ชายใหญ่คนเดิมอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องแบกรับ มีเพียงชีวิตของตน ส่วนอื่นนั้น ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว การเข้าไปเกี่ยวข้องกับราชสำนักนั้นเป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่ง ทางที่ดีคือต้องไม่เอ่ยถึงเลยจะปลอดภัยที่สุด เมื่อยังเยาว์ เขายังไม่เข้าใจนักว่าทำไมเขาถึง “ต้องตาย” จนกระทั่งท่านปรมาจารย์ดันค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ รวมถึงอาจารย์ของเขาก็เคยพูดถึงผลได้ผลเสียเหล่านี้ให้ฟัง ระหว่างเขากับน้องสาม แม้จะไม่ไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ทว่า หากจะใช้ความสัมพันธ์นั้นไปเดิมพันกับชีวิต เดิมพันกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ก็มิใช่เรื่องดีสำหรับผู้ใดเลย เขาจึงยอมรับความจริง ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และต้องมีชีวิตที่ดีในแต่ละวัน ยิ่งกว่าวันพรุ่งนี้ถึงจะไม่เสียเปล่าที่ได้เกิดมา ซ่งรุ่ยถามถึงขาของเขา “ตอนข้ามา ท่านอาบอกข้าว่า ขาของเจ้าลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเดินได้บ้างเล่า?” ซิวเช่อตอบว่า “ปีที่เสด็จพ่อสวรรคต มีคนอยู่เพียงไม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status