Share

บทที่ 12

Author: แมวเหมียวผู้ขยันหมั่นเพียร
หลิ่วชางหลานยิ้มแต่ไม่พูด แววตาสุกใส

อ๊ะ!

เสียงกรีดร้องสายหนึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน จากนั้นก็ได้ยินมู่เชียนเจวี๋ยกล่าวอย่างร้อนใจ “รีบไปตามตาเฒ่ากลับมา ถ้ายังไม่กลับมาลูกศิษย์ของเขาเป็นบ้าแน่”

ทุกคนต่างมีสีหน้าเป็นกังวล เหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มู่เชียนเจวี๋ยร้อนใจเช่นนี้

“ข้าจะส่งเสียงถึงอาจารย์เดี๋ยวนี้ ศิษย์น้องเจ็ดเจ้าไปดูศิษย์น้องสี่ก่อน” หลิ่วชางหลานรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที อาจารย์มักจะหายตัวไปเรื่อย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง จะกลับมาคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน

เป็นดังคาด หลิ่วชางหลานเพิ่งใช้ยันต์ส่งเสียงส่งข่าวให้เย่เวิ่นเทียน ทางนั้นก็ตอบกลับทันที

“ศิษย์เอกเอ๋ย อาจารย์กำลังอยู่ในแดนดิน…เอ่อ…ลับแห่งหนึ่ง กลับไปไม่ได้…เอ่อ เจ้าไปตามจิงหงมาจัดการก่อน”

หลิ่วชางหลานเลิกคิ้ว กลั้นเรอหน่อยเถอะอาจารย์ เขาเกือบจะเชื่อแล้ว!

หลิ่วชางหลานกัดฟัน อธิบายกับคนรอบข้าง “ตอนนี้อาจารย์ยังกลับมาไม่ได้ ศิษย์น้องเจ็ด เจ้าว่าควรทำอย่างไร?”

“ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ชีวิตของศิษย์พี่สี่ไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แค่เขาได้รับเพลิงพิเศษกะทันหัน ยังไม่สามารถควบคุมได้ รอเขาสามารถควบคุมเพลิงพิเศษได้ก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 13

    “ข้าอยากให้ศิษย์พี่สี่เข้าร่วมการแข่งของสำนักในอีกสองปีข้างหน้า” เดิมทีเฟิ่งชิงหร่านอยากให้ทุกคนเข้าร่วมแต่หลังจากอ่านบันทึกเกี่ยวกับการแข่งขัน รู้มาว่าการแข่งขันจะจัดขึ้นทุกสิบปี และผู้ที่เข้าร่วมจะต้องมีอายุไม่เกินสองร้อยปีนี่จึงส่งผลให้ในบันทึกการแข่งขัน ไม่มียอดฝีมือระดับกำเนิดวิญญาณแม้แต่คนเดียวอย่างไรก็ตามยอดฝีมือที่สามารถบรรลุระดับกำเนิดวิญญาณตอนอายุสองร้อยปีนั่นมีน้อยยิ่งกว่าน้อยต่อให้มี อัจฉริยะระดับนี้ก็ไม่ลดตัวลงมาเข้าร่วมกันแข่งขันเช่นนี้อีกทั้งนางตัดสินใจเก็บศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่เจ็ดไว้เป็นอาวุธลับ ก่อนที่สองคนนี้จะทะลวงถึงระดับหลอมเทพ จะแสดงความสามารถไม่ได้เด็ดขาดมู่เชียนเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าตอบตกลงแล้วแม้การแข่งขันเช่นนี้น่าเบื่อ แต่ในเมื่อศิษย์น้องหญิงเล็กอยากไป เขาก็ต้องไปเป็นเพื่อน“ศิษย์น้องหญิงเล็ก ข้าก็จะไปด้วย” ดวงตาหนิงซือเยว่แวววาว เสียงสายดุจกระดิ่ง“ข้าก็จะไป!” ดวงตาที่คล้ายตาจิ้งจอกของไป๋หลี่เหวินเยว่เปล่งประกายความสนใจ คนเยอะสนุกดีหนิงซือเยว่กลอกตาหนึ่งรอบ “ต้องเรียกศิษย์พี่หญิงสามกับศิษย์น้องแปดด้วย พวกเขาอยากไปตั้งนานแล้ว แ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 14

    “ปรมาจารย์เชียนจี! เจ้าแน่ใจนะว่าเขาอยู่เขตหั่วหลิง?” ที่มู่เชียนเจวี๋ยยอมเข้าสำนักหลิงอวิ๋นก็เพราะเย่เวิ่นเทียนบอกเขาว่า สามารถพาเขาไปพบปรมาจารย์เชียนจีแต่ปรากฏว่าหลังจากเขาเข้าสำนักหลิงอวิ๋นหลายสิบปี อย่าว่าแต่ได้พบปรมาจารย์เชียนจีเลยแค่จำนวนครั้งที่ได้พบเย่เวิ่นเทียนก็สามารถนับด้วยนิ้วมือ……ขณะเดียวกันเย่เวิ่นเทียนที่อยู่เขตหั่วหลิงจามติดต่อกันหลายครั้งฉับพลัน เขากล่าวอย่างมึนเมา “เชียนจี เจ้าเรียกข้ามากระทันหันมีเรื่องอะไร?”“เจ้าได้ทำตามสัญญา ไม่รับลูกศิษย์ภายในเวลาหนึ่งร้อยปีหรือไม่?” ชายสวมชุดสีขาวที่อยู่ด้านข้างกล่าว ดวงตาของเขาแจ่มใส ไม่มีความสุขหรือเศร้า ราวกับว่าสามารถมองทะลุทุกสรรพสิ่ง“เอ่อ…สัญญา? ข้ารักษาสัญญาอยู่แล้ว” เย่เวิ่นเทียนกล่าวพลางกรอกสุราเข้าปากอีกคำ มีความหนาวเย็นที่ไม่สามารถสังเกตเห็นแลบผ่านแววตาฉู่เชียนจี ราวกับหิมะอุ่นที่ยังไม่ละลายในฤดูใบไม้ผลิ “แล้วเฟิ่งชิงหร่านเป็นใคร?”เย่เวิ่นเทียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ลูกศิษย์คนที่เก้าของข้า”“เวิ่นเทียน สัญญาณร้อยปียังไม่ถึง เหตุใดต้องรับลูกศิษย์?”“แต่ข้าไม่ได้รับเฟิ่งชิงหร่านในงานชุมนุมใหญ่ประจำสำนั

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 15

    เขตชิงอวิ๋น เมืองจู้จ้าวเคร้ง เคร้ง เคร้ง!สามารถได้ยินเสียงเคาะตีทั่วทั้งเมือง“ศิษย์น้องหญิงเล็ก คนที่พวกเราตามหาจะปรากฏตัวเมื่อใด?” หน้าตาโม่จิงหงหล่อเหลาอย่างอธิบายไม่ถูก ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแสดงถึงความสูงศักดิ์เขาในชุดสีเงิน สะอาดไร้มลทินท่ามกลางเมืองจู้จ้าวที่มีถ่านไฟลุกโชน “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว” ดวงตาที่สุกใสราวกับผลึกแก้วของเฟิ่งชิงหร่านกวาดมองโดยรอบ“ถ้าหากข้าจำไม่ผิด เมื่อสามวันก่อนศิษย์น้องหญิงเล็กก็พูดเช่นนี้”เฟิ่งชิงหร่านร้อนตัวเล็กน้อย นางก็ไม่รู้ว่าจะเจอประมุขหอคุนเซวียนวันไหนกันแน่แต่จำได้ว่าคร่าวๆ ว่าช่วงนี้แหละ เฟิ่งชิงหร่านกับซูเยียนหรานมาเที่ยวเมืองจู้จ้าวด้วยกันทั้งสองพบกับชายชราคนหนึ่งบนถนน เฟิ่งชิงหร่านพบว่าบนมือขวาของชายชรามีเส้นสีแดงแปลกๆ ซึ่งคล้ายกับลักษณะของการถูกพิษชนิดหนึ่งที่ได้อธิบายไว้ในตำราโบราณเฟิ่งชิงหร่านจะเข้าไปบอกชายชรา กลับโดนซูเยียนหรานดึงไว้ ไม่ให้นางไปยุ่งเรื่องของผู้อื่นรอหลังจากทั้งสองกลับถึงสำนักกระบี่สวรรค์ ซูเยียนหรานก็แอบกลับไปหาชายชราที่เมืองจู้จ้าว เล่าเรื่องที่เขาถูกพิษ และบอกว่าสามารถรักษาเขาซูเยียนหรานเอาสูตรยาที่เฟ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 16

    หลังจากซูเยียนหรานชนคน นางยัดหินวิญญาณระดับต่ำใส่มือชายชราหนึ่งก้อนก็จะไปเมื่อชายชราเห็นหินวิญญาณ บนใบหน้าที่ไร้อารมณ์แสดงความประหลาดใจ พลันคว้าไหล่ของซูเยียนหราน “นางหนู นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”ทว่าชายชราไม่ทันได้พูดอะไร ซูเยียนหรานชิงกล่าวก่อน “หนึ่งก้อนยังไม่พออีกหรือ? เช่นนั้นข้าให้เจ้าอีกห้าก้อน เลิกยุ่งข้าค่าเสียที”สีหน้าซูเยียนหรานเต็มไปด้วยความรำคาญ อยู่ในสำนักกระบี่สวรรค์ต้องอดกลั้นเซิ่งซือเข่อ พอออกมาข้างนอกยังต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้อีกซวยจริงๆ!“นางหนู เจ้าชนคนไม่ขอโทษ กลับเอาหินวิญญาณมาดูหมิ่นผู้อื่น” ชายชรากำหมัดเล็กน้อยสีหน้าซูเยียนหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย คนผู้นี้ช่างไม่รู้จักดีชั่วจริงๆ “เจ้าต่างหากที่พุ่งเข้ามาชนข้ากะทันหัน”ขณะเดียวกัน ซูเยียนหรานก็เริ่มกวาดมองชายชราอย่างละเอียด นางพบว่าบนตัวเขาไม่มีคลื่นพลังวิญญาณเลย อีกทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูเก่ามากมีความดูถูกแลบผ่านแววตานาง มั่นใจแล้วว่าชายชราจงใจหาเรื่องนางขว้างหินวิญญาณระดับกลางไปตกที่เท้าชายชราหนึ่งก้อน จากนั้นกล่าวเย้ยหยัน “ก็แค่อยากได้หินวิญญาณเพิ่มไม่ใช่หรือ! เก็บเองเลย”“นางหนูอวดดีนัก!” ชาย

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 17

    “พวกเจ้าเป็นคนช่วยข้าหรือ?” ลมหายใจของชายชรายังอ่อนเล็กน้อย แต่หน้าตาและสีหน้าดูดีขึ้นมาก“ไม่ นางเป็นคนช่วยท่าน” โม่จิงหงกล่าวด้วยสายตาเฉยเมยชายชราลุกขึ้นนั่ง เฟิ่งชิงหร่านเข้าไปประคองเขาลุกขึ้นยืน การโจมตีของซูเยียนหรานไม่ได้โดนจุดอันตรายของชายชรา ก่อนหน้านี้ที่เขาล้มลง ที่จริงเป็นเพราะพิษในร่างกายเขากำเริบชายชราถอยหลังหนึ่งก้าว คำนับขอบคุณเฟิ่งชิงหร่านด้วยมารยาทสูงสุด “ขอบคุณบุญคุณช่วยชีวิตของแม่นาง รบกวนแม่นางบอกที่อยู่ให้หน่อย ไว้วันหลังจะส่งของขวัญขอบคุณไปให้แน่นอน”“ไม่ต้องวันหลัง วันนี้เลย” ชายชรายังไม่เข้าใจ เฟิ่งชิงหร่านก็กล่าวต่อแล้ว “แค่ท่านช่วยไขข้อสงสัยบางอย่างให้ข้า ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนแล้ว”“แม่นางถามมาได้”“เหตุใดท่านกินโอสถห้ามเลือดล่วงหน้า?” นี่คือคำถามแรกของเฟิ่งชิงหร่านชายชราถอนหายใจ แล้วกล่าวช้าๆ “ข้าถูกพิษกลืนวิญญาณ ตอนที่พิษกำเริบ เส้นเลือดทั้งร่างจะเดือดพล่าน เลือดกระเซ็นไปทั่ว ข้ากลัวว่าเลือดพิษจะไปทำร้ายผู้อื่น”เฟิ่งชิงหร่านพยักหน้า หันไปมองโม่จิงหงแวบหนึ่ง เพื่อบอกให้เขาถามต่อดวงตาดุจดวงดาวของโม่จิงหงเป็นประกาย เขายิ้มแต่ไม่พูดเฟิ่งชิงหร่านอ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 18

    โม่จิงหงพาเฟิ่งชิงหร่านมาถึงร้านค้าที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน เถ้าแก่กำลังดีดลูกคิดบนโต๊ะ เมื่อเห็นมีคนเข้ามา เขาแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็คิดบัญชีต่อแล้วเฟิ่งชิงหร่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ของที่ขายภายในร้านล้วนเป็นอาวุธอาคมระดับหนึ่ง ร้านค้าที่ขายอาวุธอาคมเช่นนี้มีเยอะมาก แต่ขายแค่อาวุธอาคมระดับล่างกลับไม่มีและอาวุธอาคมมากมายในร้านล้วนมีฝุ่นเกาะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของร้านไม่ค่อยใส่ใจเห็นเพียงโม่จิงหงเดินไปที่หน้าโต๊ะ นิ้วมือที่เรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะอย่างมีจังหวะสามทีเถ้าแก่เงยหน้าขึ้น กวาดมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง แล้วนำป้ายไม้ชิ้นหนึ่งวางบนโต๊ะ “หินวิญญาณระดับสุดยอดคนละหนึ่งก้อน”โม่จิงหงนำหินวิญญาณสองก้อนวางบนโต๊ะ หยิบป้ายไม้ และยื่นอีกชิ้นให้เฟิ่งชิงหร่านเถ้าแก่เก็บหินวิญญาณแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ทุกครั้งที่เข้าไปห้ามเกินสามชั่วยาม หนึ่งเดือนเข้าได้แค่สองครั้ง”“หลังจากเข้าไปแล้วซื้อขายได้อย่างอิสระ ทางร้านไม่แบกรับความเสี่ยงในการซื้อขาย นอกจากนี้ข้างในห้ามใช้พลังวิญญาณ เมื่อไรที่ใช้พลังวิญญาณ ก็จะมีผู้คุมกฎปรากฏตัว ทำลายป้ายไม้ ขับออกจากตลาดมืด”เถ้าแก่กล่า

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 19

    เจ้าของแผงกวาดมองเฟิ่งชิงหร่านอีกครั้งชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน กลิ่นอายสูงสง่า ดุจดอกบัวสีฟ้าเพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำให้ผู้พบเห็นต้องตะลึง ด้อยค่าตัวเอง ไม่กล้าสบประมาทเฟิ่งชิงหร่านเห็นเจ้าของแผงเหม่อลอย นางกล่าวเสียงเย็น “ยังมีอะไรอีกหรือ?”เจ้าของแผงหวนคืนสติ สะดุ้งตกใจ รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายของแม่นาง นั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายตามหลังแม่นางใช่หรือไม่?”ดวงตาอันงดงามเฟิ่งชิงหร่านฉายแววสงสัย “เถ้าแก่ถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“แม่นางอย่าเข้าใจผิด ข้าน้อยแค่อยากบอกแม่นางว่า จุดลงจอดของค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นแบบสุ่ม สหายของแม่นางน่าจะถูกส่งไปที่อื่นแล้ว เจ้ารอที่นี่ไม่มีประโยชน์หรอก”มุมปากเฟิ่งชิงหร่านกระตุกเบาๆ เหตุใดโม่จิงหงไม่พูดเรื่องที่สำคัญเช่นนี้?ถ้าบอกว่าโม่จิงหงไม่รู้เรื่องนี้ ตีให้ตายนางก็ไม่เชื่อ!เดิมทีเฟิ่งชิงหร่านอยากรอให้เจ้าของแผงไปก่อนค่อยไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่ต้องแล้ว “ขอบคุณเถ้าแก่ที่บอก”“แม่นางเกรงใจแล้ว แล้วก็ในตลาดมืดใช้ยันต์ส่งเสียงไม่ได้นะ” เจ้าของแผงเห็นเฟิ่งชิงหร่านถ่อมตนมีมารยาท จึงเตือนด้วยความหวังดี “แม้ตลาดมืดแห่งนี้มีผู้ตรวจตรา แต่แม่นางตัวคนเดียว

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 20

    เสียงของหยวนเป่าแผ่วเบา “นายหญิง ข้าไม่กล้า ข้าเรียกมัน มันไม่ยอมออกมาแน่นอน”หยวนเป่าไม่กล้าบอกเฟิ่งชิงหร่าน สายเลือดของเจ้าไข่น้อยเผด็จการมาก ถ้าหากมันมีเจตนาร้าย คิดจะแย่งชิงมิตินั้นง่ายนิดเดียวแต่โชคดีตั้งแต่วันแรกที่เจ้าไข่น้อยเข้ามา ก็ได้ทำสัญญาร่วมเป็นร่วมตายกับเฟิ่งชิงหร่านแล้ว จึงไม่เป็นภัยต่อนายหญิงและยังมีบางอย่างที่เฟิ่งชิงหร่านไม่เหมาะที่จะรู้ตอนนี้ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อกันบำเพ็ญเพียรของนาง“ไม่ออกมาหรือ ดีมาก! เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอามงกุฎหยกแล้ว” เฟิ่งชิงหร่านกล่าวข่มขู่ เหมือนกับเด็กที่เอาแต่ใจ“แม่นางน้อย มีตรงไหนที่ไม่พอใจหรือไม่” เจ้าของแผงมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเฟิ่งชิงหราน เริ่มรู้สึกร้อนตัว แม่นางน้อยผู้นี้คงไม่ได้รู้อะไรออกกระมัง?เป็นไปไม่ได้!คนผู้นั้นเคยบอกว่าไอมรณะที่อยู่ข้างในโดนปิดผนึกแล้ว เขาเอาไปขายได้เลย ไม่เป็นอันตรายแน่นอน“มงกุฎหยกนี่ขายอย่างไร?” เฟิ่งชิงหร่านเผยอมุมปากเบาๆ ลูบลูกปัดสีแดงบนมงกุฎหยกทีหนึ่งเป็นไปตามที่คาด มีไข่สีดำใบหนึ่งปรากฏในพื้นที่ที่เฟิ่งชิงหรานสามารถตรวจสอบ บนเปลือกไข่มีอักขระยันต์ที่แปลกประหลาดต่างๆ กะพริบ

Latest chapter

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 40

    หูอวิ๋นเสียงรู้ดีว่าตนเองเป็นฝ่ายไม่มีเหตุผล แต่เขาต้องเอากระดานค่ายกลกลับคืนมาให้ได้ “ข้าไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสำนักของท่านไม่ใช่หรือ? ข้าศึกษาค่ายกลที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของท่านไม่ได้หรือไร? ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณอย่างท่านควรอับอายที่ถือสากับระดับสร้างฐานปราณอย่างข้าใช่หรือไม่?” “ข้าไม่ถือสาเจ้า ย่อมมีคนถือสาเจ้า” ตั้งแต่ต้นจนจบหลิ่วชางหลานเอาแต่จดจ่ออยู่กับมู่เชียนเจวี๋ยที่อยู่ในค่ายกล เมื่อเห็นลมปราณของอีกฝ่ายมั่นคงก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก“ข้ามีพลังบำเพ็ญเพียรแค่ระดับสร้างฐานปราณเท่านั้น พวกท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการรังแกผู้อื่นหรือ?” หูอวิ๋นเสียงรู้ว่าทำเช่นนี้จะยั่วโทสะหลิ่วชางหลานได้แต่กระดานค่ายกลก็คือชีวิตของเขา เขาต้องเอากลับมาให้ได้กลิ่นอายของหลิ่วชางหลานเย็นยะเยือกลงโดยสิ้นเชิง “เมื่อเจอคนที่อ่อนแอกว่าเจ้า ก็เรียกร้องว่าผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า ก็เรียกความยุติธรรมอีก”องครักษ์เอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “คุณชายอย่าเอ่ยอีกเลยขอรับ ท่านอยากให้ทุกคนตายไปพร้อมกับท่านหรือ?”ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นกลัวหูอวิ๋นเสียงยั่วโทสะหลิ่วชางหลานเช

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 39

    “สหายเต๋า หากข้าบอกว่าข้าแค่เดินผ่านมาเท่านั้น ท่านจะเชื่อหรือไม่?” หูอวิ๋นเสียงพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“หากเดินผ่านมาจำเป็นต้องหยิบกระดานค่ายกลระดับห้ามาทำลายค่ายกลด้วยหรือ?” นัยน์ตาอ่อนโยนของหลิ่วชางหลานฉายแววเย็นชา เสียงทุ้มต่ำลง หูอวิ๋นเสียงทำหน้าหวาดหวั่น หลิ่วชางหลานก็เป็นผู้ใช้ค่ายกลด้วยเหมือนกัน!ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพจำแลงลงไป มองระดับของกระดานค่ายกลออกในแวบเดียวจะต้องเป็นผู้ใช้ค่ายกลอย่างแน่นอน“สหายเต๋า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดทั้งนั้น ให้โอกาสข้าเถิด ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” หูอวิ๋นเสียงอยากหลบหนีไปมาก ๆ แต่ก็ไม่กล้าผู้คนประหลาดใจกับผู้ใช้ค่ายกลอย่างหูอวิ๋นเสียง คิดไม่ถึงว่าจะหวาดกลัวต่อการปรากฏตัวของผู้บำเพ็ญเพียรสายกระบี่“กระดานค่ายกลนี้เป็นกระดานค่ายกลระดับห้าจริง ๆ หรือ?” มีคนที่อยู่ทางด้านข้างพูดคุยกันเสียงเบาทุกคนต่างรู้ว่าระดับของกระดานค่ายกลคล้ายคลึงกับระดับของอาวุธอาคม แบ่งออกเป็น ระดับหนึ่งถึงสิบ ระดับเซียน ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับจักรพรรดิ และระดับเทวะปัจจุบันนี้วิชาค่ายกลตกต่ำลง วิชาที่เกี่ยวข้องกับค่ายกลและอาวุธอ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 38

    “ข้ามั่นใจมากว่านี่คือไม้การบูรทองคำ ตระกูลของเราเคยซื้อมาทำหอเก็บสมบัติ เกือบถลุงสมบัติทั้งตระกูลจนหมดเกลี้ยงแล้ว!”เมื่อได้ยินน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของคนผู้นี้ ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ก็มองหน้ากัน จากนั้นก็มองรั้วไม้การบูรทองคำสุดลูกหูลูกตา แล้วอุทานด้วยความตกตะลึง นี่ลงทุนมากเพียงใดกัน? มีคนผู้หนึ่งมองด้วยแววตาสำรวจ “เหตุใดสำนักหลิงอวิ๋นถึงใช้ไม้การบูรทองคำได้? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินชื่อสำนักหลิงอวิ๋นมาก่อนเลย? ยิ่งไม่เคยเห็นคนของสำนักหลิงอวิ๋นในงานชุมนุมใหญ่ประจำสำนักด้วย?” “มีแค่ข้าคนเดียวหรือที่สงสัยว่าเหตุใดสำนักหลิงอวิ๋นถึงไม่กลัวว่าไม้การบูรทองคำจะถูกขโมย?” หูอวิ๋นเสียงที่ยืนอยู่ข้างรั้วถือไม้การบูรทองคำชิ้นหนึ่งไว้ในมือผู้คนเบิกตาโตมองหูอวิ๋นเสียง คนผู้นี้โง่เง่าไปแล้วกระมัง!ไม้การบูรทองคำเหล่านี้มีรอยตราของผู้แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด และสาเหตุที่ไม้การบูรทองคำล้ำค่าถึงเพียงนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือรอยตราบนตัวมันลบได้เฉพาะผู้ที่ประทับตราเท่านั้น หากสูญหายย่อมตามหาคืนได้ง่ายอย่างยิ่งดังนั้นจึงไม่มีคนโง่ไปขโมยไม้การบูรทองคำ มีแต่เลือกซื้อจากในมือเจ้าของเท่านั้น

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 37

    “ศิษย์พี่เจ็ด เรื่องสำคัญเช่นนนี้ เหตุใดท่านไม่บอกข้าเลยเจ้าคะ?” เมื่อเฟิ่งชิงหร่านคิดว่าหลวนจิ่นกินหมูร้อยตัวต่อหนึ่งมื้อ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยหดหู่ใจ หลวนจิ่นคงไม่หิวจัดจนกลืนนางลงไปด้วยหรอกใช่หรือไม่? “ศิษย์น้องเล็ก ไม่เคยถามเลยนี่นา”เมื่อได้ยินคำตอบตามหลักเหตุผลของโม่จิงหง ศีรษะของเฟิ่งชิงหร่านก็เต็มไปด้วยขีดดำ ของแบบนี้จำเป็นต้องถามก่อนถึงจะบอกได้หรือ?“ศิษย์น้องเล็กวางใจได้ หลวนจิ่นกินอาหารเพียงเดือนละครั้ง ไม่มีทางเอาเจ้าเข้าปากหรอก” “ศิษย์พี่เจ็ด การวางกลอุบายของท่านยาวไกลยิ่งกว่าเส้นทางบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนเสียอีก!” เฟิ่งชิงหร่านตระหนักได้ในบัดดลว่าไม่อาจโดนดวงหน้าหล่อเหลาหาใดเทียมของศิษย์พี่เจ็ดมาหลอกลวงได้แล้วจริง ๆอาจารย์ให้ศิษย์พี่เจ็ดดูแลสำนัก ช่างเหมาะสมยิ่งนัก บุรุษผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายอย่างแท้จริง!โชคดีที่ศิษย์พี่เจ็ดไม่ใช่ศัตรูของนาง ไม่อย่างนั้นนางคงต้องหาถ้ำสักแห่งเพื่ออยู่เอาตัวรอดไปวัน ๆ ไม่ออกมาอีกเลย!โม่จิงหงสบตากับเฟิ่งชิงหร่านที่โกรธกระฟัดกระเฟียด ไอเย็นเยียบบนร่างเลือนหายไปอีกไม่น้อย ก่อนจะลูบศีรษะนาง “ไม่บอกเจ้าก็เพราะหวังดีกับเจ้านะ วางใจได้ห

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 36

    บรรยากาศในสำนักหลิงอวิ๋นนั้นดีมาก ไม่เคยเกิดเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันเลยแต่ผู้บำเพ็ญเพียรก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เมื่อเป็นมนุษย์ก็จะมีความโปรดปราน ภายในสำนักหลิงอวิ๋ง ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่สี่จะสนิทสนมกันมากกว่า ศิษย์พี่หญิงสามกับศิษย์พี่หญิงห้าก็สนิทกันราวกับพี่สาวน้องสาว พูดคุยกันได้ทุกเรื่องศิษย์พี่หกชอบเกาะติดศิษย์พี่หญิงห้ากับศิษย์พี่แปด ศิษย์พี่รองไปไหนมาไหนคนเดียว มักจะหาตัวไม่เจออยู่เป็นประจำ มีเพียงโม่จิงหงเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับทุกคน แต่เขากลับคอยรักษาระยะห่างกับทุกคนเสียเองโม่จิงหงดีกับทุกคนในสำนักมาก แหวนสุเมรุบนมือของทุกคนล้วนเป็นสิ่งที่เขาหลอมขึ้นมา รวมถึงอาวุธป้องกันตัวและยาลูกกลอนต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เขามอบให้โดยอาศัยนามของเย่เวิ่นเทียนอีกทั้งชาที่เตรียมไว้ให้แต่ละคนล้วนแตกต่างกันออกไปหากไม่ใช่เพราะโม่จิงหง นางสงสัยว่าสำนักหลิงอวิ๋นคงจะแยกตัวกันไปนานแล้ว อย่างไรเสียอาจารย์ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือมากเกินไป! สองปีแล้ว อย่าว่าแต่อาจารย์ไม่เคยกลับมาที่สำนักหลิงอวิ๋นเลย ยังไม่มีข่าวคราวอีกด้วยเฟิ่งชิงหร่านคิดได้ดังนั้นก็อดรู้สึกปวดใจแทนโม่จิงหงนิดหน่อยไ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 35

    หลังจากที่เฟิ่งชิงหร่านรู้จากหยวนเป่าว่ากำไลวิญญาณคู่ไม่สามารถต้านทานอัสนีบาตได้ นางก็อดรู้สึกท้อแท้ใจนิดหน่อยไม่ได้อัสนีบาตสายที่สามผ่าลงมา ยันต์อาคมด้านหลังฉินหานเยียนหลุดออกอีกหนึ่งแผ่นฉินหานเยียนกัดฟัน ปรับลมหายใจที่ปั่นป่วน ใบหน้าของนางไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อย เนื้อหนังภายใต้ชุดนักพรตปรากฎรอยปริแตกเป็นสาย ๆ ความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ส่งมาจากทั่วทั้งร่างฉินหานเยียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจากในอัสนีบาตสวรรค์ ราวกับว่าอัสนีบาตรสวรรค์ทุกสายต้องการคร่าชีวิตนางให้ดับสิ้นโดยไม่มีความปรานีเลยสักนิดเดียวศิษย์น้องเจ็ดพูดถูกต้องมาก อัสนีบาตสวรรค์ผิดปกติจริง ๆ ด้วยตามบันทึกในตำราโบราณ หลังจากที่อัสนีบาตสวรรค์ผ่าลงมาแล้ว จะช่วยชำระล้างร่างกายให้ผู้บำเพ็ญเพียร ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้นางรู้สึกแค่ว่าอัสนีบาตสวรรค์ต้องการทำลายนางเท่านั้น ไม่ได้ชำระล้างเส้นเอ็นให้นางเลยด่านเคราะห์อัสนีระดับกำเนิดวิญญาณสิบแปดสาย สายแรกชำระล้างร่างกาย สายที่สองซ่อมแซมกล้ามเนื้อเส้นเอ็นขยายเส้นลมปราณ สายที่สามเพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูก สายที่สี่ชำระล้างรากวิญญาณ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 34

    หนิงซือเยว่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่สนใจไป๋หลี่เหวินเยว่เวลานี้ฉินหานเยียนสวมชุดบางเบา ชุดกระโปรงพลิ้วไปตามสายลม ไม่รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวเลยสักนิดเดียว หนิงซือเยว่เดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะแปะยันต์อาคมหลายแผ่นไว้ที่แผ่นหลังของฉินหานเยียนจากนั้นก็ขี่กระบี่จากไปอย่างรวดเร็ว แล้วร่อนลงมาเบื้องหน้าไป๋หลี่เหวินเยว่หนิงซือเยว่เดินเข้ามาคว้าหูของไป๋หลี่เหวินเยว่ ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ที่เจ้าตะโกนเมื่อครู่นี้เกือบทำให้ข้าตกใจตายแล้ว!”“เจ็บ ๆๆ ศิษย์พี่หญิงห้า รีบปล่อยมือเถิด ข้าผิดไปแล้ว” ไป๋หลี่เหวินเยว่ไม่กล้าขัดขืน ทำได้เพียงอ้อนวอนไม่หยุด “ฮึ!” หนิงซือเยว่แค่นเสียงเย็น แล้วปล่อยหูไป๋หลี่เหวินเยว่“ข้ามาช้าก็เพราะยันต์อาคมหลายใบนั้น มีพวกมันอยู่ สามารถต้านด่านเคราะห์อัสนีถึงแก่ชีวิตแทนศิษย์พี่หญิงสามได้ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าเสี่ยงชีวิตไปติดยันต์ ปรากฏว่าเจ้าดันทำให้ข้าตกใจ หากข้ามือสั่นจนยันต์พังขึ้นมาจะทำอย่างไร?”เมื่อได้ยินหนิงซือเยว่เอ่ยเช่นนี้ ไป๋หลี่เหวินเยว่ถึงค่อยตระหนักได้ว่าตนทำความผิดมากเพียงใด เฟิ่งชิงหร่านที่อยู่ทางด้านข้างนึกดีใจ ยังดีที่เมื่อค

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 33

    สองปีต่อมาเมฆดำแผ่คลุมท้องฟ้าเหนือสำนักหลิงอวิ๋น ครืน!ครืน!กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักหลิงอวิ๋น ทำให้ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่กำลังปิดด่านฝึกตนตื่นตกใจทั่วทั้งเขตชิงอวิ๋น ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับหลอมเทพขึ้นไปล้วนรู้สึกได้ว่าเมฆเขาสั่นไหว แผ่นดินภูเขาโยกคลอนเฟิ่งชิงหร่านเพิ่งจะคงระดับพลังให้มีเสถียรภาพเสร็จ เมื่อเดินออกจากถ้ำก็ตกใจกับเสียงฟ้าร้องจนสะดุ้งโหยง ดูเหมือนนางยังไม่ถึงเวลาที่จะทะลวงระดับไม่ใช่หรือ? “ศิษย์น้องหญิงเล็ก ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเสียที รีบตามข้ามาเร็ว!” บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลยืนอยู่บนกระเรียนเหาะเข้ามา รูปร่างดูสง่างามราวกับต้นไผ่ ดูโดดเด่นมีราศี ดวงหน้าแฝงไปด้วยความหยิ่งทระนง “ศิษย์พี่หก คงไม่ได้เจอปัญหาตอนบำเพ็ญเพียรหรอกกระมัง?” เฟิ่งชิงหร่านถามพลางยิ้มจนดวงตาโค้งไป๋หลี่เหวินเยว่หน้าแข็งทื่อ ช่วงเวลาสองปีมานี้ เขาฝืนบีบคั้นตนเองให้เลื่อนจากระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางไปอยู่ขั้นปลาย เพื่อไม่ให้ด้อยกว่าคนอื่นในสำนัก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาสามารถใช้เวลาเพียงแปดปีเลื่อนจากระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางไปอยู่ระดับแก่นปราณทองคำขั

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 32

    เขตชิงอวิ๋น เมืองหลักของเขตสำนักประมูลซูม่อ สาขาหลักบุรุษชุดดำเดินเจอไป๋หลี่เยวียนม่อแล้วก็ยื่นกล่องวิจิตรงดงามให้สองกล่องมือขาวเนียนราวหยกของไป๋หลี่เยวียนม่อรับกล่องไว้ จากนั้นเสียงที่ชวนให้หลงใหลก็ดึงขึ้นว่า “คราวนี้เป็นของดีอันใดหรือ? ถึงกับทำให้รองผู้ดูแลต้องลำบากมาด้วยตนเอง?”เสียงเย้ายวนใจลอดเข้ามาในหู บุรุษชุดดำใจสั่นสะท้าน เขารีบตั้งสติทันที “ท่านเจ้าหอกำชับว่า ครั้งนี้นางต้องการส่วนแบ่งร้อนละเก้าสิเก้า”ไป๋หลี่เยวียนม่ออึ้งไปเล็กน้อย ดวงหน้างดงามราวกับหยกประดับกวนฉายแววสนใจขึ้นมา นัยน์ตาสีม่วงพราวเสน่ห์ ความสว่างและความมืดร้อยเรียงเข้าด้วยกัน แสงเงาไหลเวียนเป็นกระแสไป๋หลี่เยวียนม่อยกมือขึ้นไปปลดยันต์ผนึกบนกล่อง อยากจะเปิดออกบุรุษชุดดำรีบส่งเสียงว่า “ท่านประมุข ไม่ได้นะขอรับ กางเขตอาคมเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดความปั่นป่วนได้” ขุมกำลังในเมืองหลักของเขตสลับซับซ้อนมาก อีกทั้งยังมีสำนักใหญ่หลายแห่ง ยอดฝีมือระดับหลอมเทพก็มีอยู่ไม่น้อย เมื่อกลิ่นอายของผลแก่นวิญญาณหลุดรอดออกไปก็จะนำปัญหามาได้นัยน์ตาสีม่วงของไป๋หลี่เยวียนม่อดำทะมึนขึ้นมาแวบหนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว “

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status