Share

บทที่ 18

Author: แมวเหมียวผู้ขยันหมั่นเพียร
โม่จิงหงพาเฟิ่งชิงหร่านมาถึงร้านค้าที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่ง

ทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน เถ้าแก่กำลังดีดลูกคิดบนโต๊ะ เมื่อเห็นมีคนเข้ามา เขาแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็คิดบัญชีต่อแล้ว

เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ของที่ขายภายในร้านล้วนเป็นอาวุธอาคมระดับหนึ่ง

ร้านค้าที่ขายอาวุธอาคมเช่นนี้มีเยอะมาก แต่ขายแค่อาวุธอาคมระดับล่างกลับไม่มี

และอาวุธอาคมมากมายในร้านล้วนมีฝุ่นเกาะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของร้านไม่ค่อยใส่ใจ

เห็นเพียงโม่จิงหงเดินไปที่หน้าโต๊ะ นิ้วมือที่เรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะอย่างมีจังหวะสามที

เถ้าแก่เงยหน้าขึ้น กวาดมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง แล้วนำป้ายไม้ชิ้นหนึ่งวางบนโต๊ะ “หินวิญญาณระดับสุดยอดคนละหนึ่งก้อน”

โม่จิงหงนำหินวิญญาณสองก้อนวางบนโต๊ะ หยิบป้ายไม้ และยื่นอีกชิ้นให้เฟิ่งชิงหร่าน

เถ้าแก่เก็บหินวิญญาณแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ทุกครั้งที่เข้าไปห้ามเกินสามชั่วยาม หนึ่งเดือนเข้าได้แค่สองครั้ง”

“หลังจากเข้าไปแล้วซื้อขายได้อย่างอิสระ ทางร้านไม่แบกรับความเสี่ยงในการซื้อขาย นอกจากนี้ข้างในห้ามใช้พลังวิญญาณ เมื่อไรที่ใช้พลังวิญญาณ ก็จะมีผู้คุมกฎปรากฏตัว ทำลายป้ายไม้ ขับออกจากตลาดมืด”

เถ้าแก่กล่า
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 19

    เจ้าของแผงกวาดมองเฟิ่งชิงหร่านอีกครั้งชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน กลิ่นอายสูงสง่า ดุจดอกบัวสีฟ้าเพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำให้ผู้พบเห็นต้องตะลึง ด้อยค่าตัวเอง ไม่กล้าสบประมาทเฟิ่งชิงหร่านเห็นเจ้าของแผงเหม่อลอย นางกล่าวเสียงเย็น “ยังมีอะไรอีกหรือ?”เจ้าของแผงหวนคืนสติ สะดุ้งตกใจ รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายของแม่นาง นั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายตามหลังแม่นางใช่หรือไม่?”ดวงตาอันงดงามเฟิ่งชิงหร่านฉายแววสงสัย “เถ้าแก่ถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“แม่นางอย่าเข้าใจผิด ข้าน้อยแค่อยากบอกแม่นางว่า จุดลงจอดของค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นแบบสุ่ม สหายของแม่นางน่าจะถูกส่งไปที่อื่นแล้ว เจ้ารอที่นี่ไม่มีประโยชน์หรอก”มุมปากเฟิ่งชิงหร่านกระตุกเบาๆ เหตุใดโม่จิงหงไม่พูดเรื่องที่สำคัญเช่นนี้?ถ้าบอกว่าโม่จิงหงไม่รู้เรื่องนี้ ตีให้ตายนางก็ไม่เชื่อ!เดิมทีเฟิ่งชิงหร่านอยากรอให้เจ้าของแผงไปก่อนค่อยไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่ต้องแล้ว “ขอบคุณเถ้าแก่ที่บอก”“แม่นางเกรงใจแล้ว แล้วก็ในตลาดมืดใช้ยันต์ส่งเสียงไม่ได้นะ” เจ้าของแผงเห็นเฟิ่งชิงหร่านถ่อมตนมีมารยาท จึงเตือนด้วยความหวังดี “แม้ตลาดมืดแห่งนี้มีผู้ตรวจตรา แต่แม่นางตัวคนเดียว

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 20

    เสียงของหยวนเป่าแผ่วเบา “นายหญิง ข้าไม่กล้า ข้าเรียกมัน มันไม่ยอมออกมาแน่นอน”หยวนเป่าไม่กล้าบอกเฟิ่งชิงหร่าน สายเลือดของเจ้าไข่น้อยเผด็จการมาก ถ้าหากมันมีเจตนาร้าย คิดจะแย่งชิงมิตินั้นง่ายนิดเดียวแต่โชคดีตั้งแต่วันแรกที่เจ้าไข่น้อยเข้ามา ก็ได้ทำสัญญาร่วมเป็นร่วมตายกับเฟิ่งชิงหร่านแล้ว จึงไม่เป็นภัยต่อนายหญิงและยังมีบางอย่างที่เฟิ่งชิงหร่านไม่เหมาะที่จะรู้ตอนนี้ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อกันบำเพ็ญเพียรของนาง“ไม่ออกมาหรือ ดีมาก! เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอามงกุฎหยกแล้ว” เฟิ่งชิงหร่านกล่าวข่มขู่ เหมือนกับเด็กที่เอาแต่ใจ“แม่นางน้อย มีตรงไหนที่ไม่พอใจหรือไม่” เจ้าของแผงมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเฟิ่งชิงหราน เริ่มรู้สึกร้อนตัว แม่นางน้อยผู้นี้คงไม่ได้รู้อะไรออกกระมัง?เป็นไปไม่ได้!คนผู้นั้นเคยบอกว่าไอมรณะที่อยู่ข้างในโดนปิดผนึกแล้ว เขาเอาไปขายได้เลย ไม่เป็นอันตรายแน่นอน“มงกุฎหยกนี่ขายอย่างไร?” เฟิ่งชิงหร่านเผยอมุมปากเบาๆ ลูบลูกปัดสีแดงบนมงกุฎหยกทีหนึ่งเป็นไปตามที่คาด มีไข่สีดำใบหนึ่งปรากฏในพื้นที่ที่เฟิ่งชิงหรานสามารถตรวจสอบ บนเปลือกไข่มีอักขระยันต์ที่แปลกประหลาดต่างๆ กะพริบ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 21  

    เฟิ่งชิงหร่านไม่มีเวลาสนใจจ้าวซื่อ สายตาของนางทอดมองไปที่หน้าแผงขายของของจางซาน ที่นั่นมีเด็กสาววัยราวสิบเอ็ดสิบสองปียืนอยู่ เด็กสาวกำลังคุ้ยหาบางสิ่งบนแผงขายของของจางซาน “เถ้าแก่ ที่ท่านยังมีหินอื่นอีกหรือไม่?” “แม่นางชอบสีอะไรหรือ?” จางซานเผยรอยยิ้มสอพลอเต็มใบหน้า วันนี้เขาเงินไหลเข้ามารัว ๆ เลยจริง ๆ “เอาออกมาให้ข้าดูทั้งหมดเลยสิ” เสียงของเด็กสาวนุ่มนวล ใบหน้าก็น่ารักน่าเอ็นดู จางซานยิ้มกว้าง โบกมือหนึ่งที หินแพรวพราวหลากสีสันจำนวนมากถูกวางกองไว้บนแผงขายของ หินแต่ละก้อนล้วนสวยงามและประณีตมาก ซูเยียนหรานเห็นจำนวนของหินเหล่านั้นแล้วแววตาก็เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ในสถานที่แห่งนี้ใช้พลังวิญญาณไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้สัมผัสเทพตรวจสอบไม่ได้อีกด้วย หินจำนวนมากขนาดนี้นางต้องใช้เวลาตรวจสอบไปจนถึงเมื่อใดกัน “แม่นาง ทั้งหมดในคลังสินค้าของข้าน้อยอยู่ที่นี่หมดแล้ว” จางซานพิจารณาซูเยียนหราน ดรุณีท่านนี้มองแล้วรู้สึกคุ้นตา ทว่าดวงตามิได้ดูใสสะอาดเหมือนแม่นางท่านก่อนหน้านั้นเลย อีกทั้งร่างกายยังแผ่ไอพยาบาทออกมา ไม่น่ายุแหย่ นางคงมิใช่สหายที่แม่นางน้อยท่านนั้นกำลังตามหากระมัง? จางซา

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 22  

    เฟิ่งชิงหร่านซ่อนลมปราณ สวมหน้ากาก และเดินตามซูเยียนหรานเข้าไปในโรงรับจำนำ ในตลาดมืดมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพจำแลงเฝ้าอยู่ประจำ นางไม่จำเป็นต้องกลัวผู้บำเพ็ญระดับหลอมเทพคนนั้นที่ตามซูเยียนหรานมา ภายในโรงรับจำนำมีแม่นางจำนวนมาก แต่เมื่อเฟิ่งชิงหร่านเข้าไป ก็ยังมีบ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาต้อนรับ “ไม่ทราบแม่นางต้องการจำนำสิ่งใดขอรับ?” เฟิ่งชิงหร่านไม่เห็นเงาร่างของซูเยียนหราน จึงลองถามหยั่งเชิงว่า “ที่แห่งนี้ทำแค่กิจการรับจำนำเท่านั้นหรือ?” “พวกเราทำการค้าทุกรูปแบบขอรับ ไม่ทราบแม่นางอยากจะทำอะไรหรือขอรับ?” สีหน้าของบ่าวรับใช้เต็มไปด้วยความทะนง แววตาของเฟิ่งชิงหร่านวูบไหวเล็กน้อย นางลองทำท่าปาดคอหยั่งเชิงดู “แล้วไม่ทราบงานแบบนี้รับด้วยหรือไม่?” สีหน้าของบ่าวรับใช้หนุ่มปกติเรียบเฉยเป็นปกติ กวาดตามองรอบด้านแล้ว ก็กดเสียงลงกระซิบว่า “แม่นางตามข้าน้อยมาขอรับ ไปเจรจากันที่ห้องด้านข้างดีกว่า” เฟิ่งชิงหร่านเดินตามบ่าวรับใช้ ครั้นผ่านประตูหลังเข้ามาแล้ว ก็เห็นห้องข้างเรียงรายเป็นแนวยาว ทุกห้องล้วนแต่มีม่านอาคม ตอนที่เดินผ่านหน้าประตูจะไม่สามารถสืบรู้อะไรได้ทั้งสิ้น เฟิ่งชิงหร่านจงใจย่

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 23  

    ซูเยียนหรานครุ่นคิดหน้าหลังครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากกล่าวว่า “คืนแหวนมาให้ข้า เจรจาการค้าคราวนี้เป็นอันยกเลิก” ชายชุดดำคืนแหวนให้ซูเยียนหราน ซูเยียนหรานลุกขึ้นและเดินออกไปนอกห้อง ในขณะที่นางกำลังเปิดประตูออก เสียงแหบพร่าของชายชุดดำก็ดังขึ้น “การทำพันธสัญญากับจิตสำนึกบนแหวนนั่น เกรงว่ามีแค่ที่แห่งนี้เท่านั้นที่สามารถช่วยเจ้าลบล้างได้” ซูเยียนหรานชะงักฝีเท้าเล็กน้อย คนชุดดำเปล่งเสียงอีกครั้ง “หากคนอื่นกล้าสัมผัสแหวนวงนี้ เกรงว่าจะต้องถูกอาคมลึกลับแว้งกัดแน่นอน” “เจ้าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?” ซูเยียนหรานมองออกว่าคนชุดดำต้องมีวัตถุประสงค์บางอย่างแน่ ถึงได้คิดจะเป็นศัตรูกับนางมาตลอด ดวงตาดุจนกเหยี่ยวของชายชุดดำฉายประกายเยือกเย็นคมกริบ “แม่นางจำเป็นต้องตอบคำถามของข้าหนึ่งคำถาม เจ้าของแหวนวงนี้ถูกฝังร่างไว้ที่ใด?” นัยน์ตาที่หลุบลงของซูเยียนหรานมีแววตื่นตระหนก เขารู้จักเจ้าของแหวนวงนี้หรือ? มิเช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงได้คอยแต่ถามนี่ถามนั่นอยู่ตลอด ซูเยียนหรานข่มความหวาดกลัวในใจเอาไว้อย่างสุดกำลัง “ข้าไปจะรู้ได้อย่างไรว่าถูกฝังที่ใด? ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าเขาสักหน่อย” ซูเยียนหรานไม่ทันสังเก

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 24  

    เฟิ่งชิงหร่านชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับมา และแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่เข้าใจ “การแลกเปลี่ยนไม่สำเร็จก็ต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยหรือ?” “เปล่า! แม่นางน้อยเข้าใจผิดแล้ว” คนชุดดำโบกมือ นัยน์ตาเป็นประกาย “ข้าเพียงต้องการถามแม่นางน้อยว่ามีผลแก่นวิญญาณจริงหรือ?” “มีสิ ในมือศิษย์พี่ใหญ่ข้ายังมีอีกตั้งหลายผลเชียว” เฟิ่งชิงหร่านผงกศีรษะอย่างใสซื่อ และในขณะเดียวกัน ณ สำนักหลิงอวิ๋น ยอดเขาชางหลาน หลิ่วชางหลานจามติดกันถึงสามหน เขาพลิกอ่านเคล็ดวิชาระดับสวรรค์แบบทั้งทรมานแต่ก็สุขใจ พลางพึมพำกับตนเอง “ศิษย์น้องหญิงเล็กช่างสรรหายิ่งนัก การแข่งขันในวงการแบบนี้จะขาดไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้การแล้ว! จะให้คนทรมานมีเพียงข้าไม่ได้ ศิษย์สกุลหลิ่วจะต้องมาร่วมแข่งขันด้วย เขาทำมือมุทรา จากนั้นเหยี่ยวตัวหนึ่งก็บินเข้ามา หลิ่วชางหลานหยิบถุงมิติใบหนึ่งออกมา จากนั้นก็ส่งต่อให้เหยี่ยวตัวนั้นไป หลิ่วชางหลานยิ้มอย่างเบิกบาน แววตาอ่อนโยนฉายประกายสว่างวาบออกมา “นำไปที่เรือนสกุลหลิ่ว ส่งให้ผู้นำตระกูลสกุลหลิ่ว และบอกเขาว่า ศิษย์น้องหญิงเล็กวัยสิบเอ็ดขวบที่ท่านอาจารย์เพิ่งรับเข้ามาในสำนัก บัดนี้ถึงระดับฝึกปราณขั้นห้าแล้ว”

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 25  

    นอกประตู สามคนกำลังแนบหูติดกับบานประตู ทว่ากลับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น “เจ้าห้า เจ้าว่าที่พี่ใหญ่ไล่พวกเราออกมา คงมิใช่เพราะคิดจะฆ่าคนแล้วปล้นเอาสมบัติไปหรอกกระมัง?” เจ้าสามคาดเดา “หา! ไม่กระมัง หากคิดจะทำเช่นนี้จริงแล้วผลแก่นวิญญาณของข้าจะทำอย่างไร?” ใบหน้าของเจ้าหาฉายแววตื่นตระหนกทันที เพียะ! คนชุดดำตบศีรษะของสองคนพร้อมกัน “เจ้าโง่ พี่ใหญ่ดีร้ายอย่างไรก็เป็นระดับเทพจำแลงแล้ว ลงมือกับแม่นางน้อยระดับฝึกปราณคนเดียว นางไม่ต้องการชื่อเสียงเกียรติยศแล้วหรือ?!” เจ้าสามและเจ้าห้าสบตากัน ก่อนจะเอ่ยพร้อมกันเป็นเสียงเดียว “ฆ่าปิดปากเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว เรื่องแบบนี้ก็จะกลายเป็นความลับที่มีแค่ฟ้าดินรู้ เจ้ารู้ และพวกข้ารู้” คนชุดดำสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ข่มอารมณ์อยากชกหน้าคนไว้อย่างยิ่งยวด “เหอะ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดพวกเจ้าสองคนถึงได้ทำภารกิจเดียวอยู่สามสิบปี ที่แท้มิใช่เพราะขาดฝีมือ แต่ขาดสมอง!” ฆ่าปิดปากดูเหมือนง่าย ความจริงรังแต่จะนำพาปัญหาความวุ่นวายนับไม่ถ้วนมาให้ ยิ่งไปกว่านั้นเฟิ่งชิงหร่านวัยเพียงสิบเอ็ดสิบสองเท่านั้น กลับบำเพ็ญเพียรถึงระดับฝึกปราณขั้นห้าได้แล้ว ผู้น้อยที่มี

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 26  

    โรงเตี๊ยมหลิงอวิ๋น ห้องรับรองส่วนตัว “ศิษย์พี่เจ็ด ท่านดูจะว่างมากเลยนะ?” เฟิ่งชิงหร่านมองเด็กหนุ่มที่คิ้วคางงามปานภาพวาดตรงหน้า นางมองบนจนตาขาวแทบจะไปอยู่บนฟ้าแล้ว สรุปง่าย ๆ คือโม่จิงหงไม่ยังไม่ได้เข้าไปในตลาดมืดเลยด้วยซ้ำ หลังจากเขาหลอกให้ตนเองเข้าไปในตลาดมืดแล้ว ก็กลับมาจิบน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่ที่นี่ โม่จิงหงวางชาใสไว้ตรงหน้าเฟิ่งชิงหร่าน “ศิษย์น้องหญิงเล็ก ดื่มน้ำชาถ้วยนี้หมด ก็ควรจะกลับไปฝึกบำเพ็ญเพียรที่สำนักได้แล้ว” เฟิ่งชิงหร่านกำถ้วยชาแน่น ข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้เผลอสาดน้ำชาใส่หน้าโม่จิงหง ไม่ได้! จะสาดไม่ได้! ตอนนี้นางยังสู้เขาไม่ได้ เฟิ่งชิงหร่านดื่มน้ำชาหมดเกลี้ยงในอึกเดียว วางถ้วยชาลง ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที ไม่แม้แต่จะรอโม่จิงหง โม่จิงหงมองเฟิ่งชิงหร่านที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ชงชาอย่างใจเย็น กระทั่งเรียบร้อยจึงลุกขึ้น ...... นอกเมืองจู้จ้าว เฟิ่งชิงหร่านบังเอิญได้พบซูเยียนหรานที่นางพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ความรู้สึกในใจของนางซับซ้อนยิ่งนัก ทางหนึ่งนางมีความคิดอยากสังหารซูเยียนหราน ทว่าอีกทางหนึ่งก็ยังมีเรื่องราว

Latest chapter

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 40

    หูอวิ๋นเสียงรู้ดีว่าตนเองเป็นฝ่ายไม่มีเหตุผล แต่เขาต้องเอากระดานค่ายกลกลับคืนมาให้ได้ “ข้าไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสำนักของท่านไม่ใช่หรือ? ข้าศึกษาค่ายกลที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของท่านไม่ได้หรือไร? ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณอย่างท่านควรอับอายที่ถือสากับระดับสร้างฐานปราณอย่างข้าใช่หรือไม่?” “ข้าไม่ถือสาเจ้า ย่อมมีคนถือสาเจ้า” ตั้งแต่ต้นจนจบหลิ่วชางหลานเอาแต่จดจ่ออยู่กับมู่เชียนเจวี๋ยที่อยู่ในค่ายกล เมื่อเห็นลมปราณของอีกฝ่ายมั่นคงก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก“ข้ามีพลังบำเพ็ญเพียรแค่ระดับสร้างฐานปราณเท่านั้น พวกท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการรังแกผู้อื่นหรือ?” หูอวิ๋นเสียงรู้ว่าทำเช่นนี้จะยั่วโทสะหลิ่วชางหลานได้แต่กระดานค่ายกลก็คือชีวิตของเขา เขาต้องเอากลับมาให้ได้กลิ่นอายของหลิ่วชางหลานเย็นยะเยือกลงโดยสิ้นเชิง “เมื่อเจอคนที่อ่อนแอกว่าเจ้า ก็เรียกร้องว่าผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า ก็เรียกความยุติธรรมอีก”องครักษ์เอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “คุณชายอย่าเอ่ยอีกเลยขอรับ ท่านอยากให้ทุกคนตายไปพร้อมกับท่านหรือ?”ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นกลัวหูอวิ๋นเสียงยั่วโทสะหลิ่วชางหลานเช

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 39

    “สหายเต๋า หากข้าบอกว่าข้าแค่เดินผ่านมาเท่านั้น ท่านจะเชื่อหรือไม่?” หูอวิ๋นเสียงพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“หากเดินผ่านมาจำเป็นต้องหยิบกระดานค่ายกลระดับห้ามาทำลายค่ายกลด้วยหรือ?” นัยน์ตาอ่อนโยนของหลิ่วชางหลานฉายแววเย็นชา เสียงทุ้มต่ำลง หูอวิ๋นเสียงทำหน้าหวาดหวั่น หลิ่วชางหลานก็เป็นผู้ใช้ค่ายกลด้วยเหมือนกัน!ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพจำแลงลงไป มองระดับของกระดานค่ายกลออกในแวบเดียวจะต้องเป็นผู้ใช้ค่ายกลอย่างแน่นอน“สหายเต๋า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดทั้งนั้น ให้โอกาสข้าเถิด ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” หูอวิ๋นเสียงอยากหลบหนีไปมาก ๆ แต่ก็ไม่กล้าผู้คนประหลาดใจกับผู้ใช้ค่ายกลอย่างหูอวิ๋นเสียง คิดไม่ถึงว่าจะหวาดกลัวต่อการปรากฏตัวของผู้บำเพ็ญเพียรสายกระบี่“กระดานค่ายกลนี้เป็นกระดานค่ายกลระดับห้าจริง ๆ หรือ?” มีคนที่อยู่ทางด้านข้างพูดคุยกันเสียงเบาทุกคนต่างรู้ว่าระดับของกระดานค่ายกลคล้ายคลึงกับระดับของอาวุธอาคม แบ่งออกเป็น ระดับหนึ่งถึงสิบ ระดับเซียน ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับจักรพรรดิ และระดับเทวะปัจจุบันนี้วิชาค่ายกลตกต่ำลง วิชาที่เกี่ยวข้องกับค่ายกลและอาวุธอ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 38

    “ข้ามั่นใจมากว่านี่คือไม้การบูรทองคำ ตระกูลของเราเคยซื้อมาทำหอเก็บสมบัติ เกือบถลุงสมบัติทั้งตระกูลจนหมดเกลี้ยงแล้ว!”เมื่อได้ยินน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของคนผู้นี้ ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ก็มองหน้ากัน จากนั้นก็มองรั้วไม้การบูรทองคำสุดลูกหูลูกตา แล้วอุทานด้วยความตกตะลึง นี่ลงทุนมากเพียงใดกัน? มีคนผู้หนึ่งมองด้วยแววตาสำรวจ “เหตุใดสำนักหลิงอวิ๋นถึงใช้ไม้การบูรทองคำได้? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินชื่อสำนักหลิงอวิ๋นมาก่อนเลย? ยิ่งไม่เคยเห็นคนของสำนักหลิงอวิ๋นในงานชุมนุมใหญ่ประจำสำนักด้วย?” “มีแค่ข้าคนเดียวหรือที่สงสัยว่าเหตุใดสำนักหลิงอวิ๋นถึงไม่กลัวว่าไม้การบูรทองคำจะถูกขโมย?” หูอวิ๋นเสียงที่ยืนอยู่ข้างรั้วถือไม้การบูรทองคำชิ้นหนึ่งไว้ในมือผู้คนเบิกตาโตมองหูอวิ๋นเสียง คนผู้นี้โง่เง่าไปแล้วกระมัง!ไม้การบูรทองคำเหล่านี้มีรอยตราของผู้แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด และสาเหตุที่ไม้การบูรทองคำล้ำค่าถึงเพียงนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือรอยตราบนตัวมันลบได้เฉพาะผู้ที่ประทับตราเท่านั้น หากสูญหายย่อมตามหาคืนได้ง่ายอย่างยิ่งดังนั้นจึงไม่มีคนโง่ไปขโมยไม้การบูรทองคำ มีแต่เลือกซื้อจากในมือเจ้าของเท่านั้น

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 37

    “ศิษย์พี่เจ็ด เรื่องสำคัญเช่นนนี้ เหตุใดท่านไม่บอกข้าเลยเจ้าคะ?” เมื่อเฟิ่งชิงหร่านคิดว่าหลวนจิ่นกินหมูร้อยตัวต่อหนึ่งมื้อ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยหดหู่ใจ หลวนจิ่นคงไม่หิวจัดจนกลืนนางลงไปด้วยหรอกใช่หรือไม่? “ศิษย์น้องเล็ก ไม่เคยถามเลยนี่นา”เมื่อได้ยินคำตอบตามหลักเหตุผลของโม่จิงหง ศีรษะของเฟิ่งชิงหร่านก็เต็มไปด้วยขีดดำ ของแบบนี้จำเป็นต้องถามก่อนถึงจะบอกได้หรือ?“ศิษย์น้องเล็กวางใจได้ หลวนจิ่นกินอาหารเพียงเดือนละครั้ง ไม่มีทางเอาเจ้าเข้าปากหรอก” “ศิษย์พี่เจ็ด การวางกลอุบายของท่านยาวไกลยิ่งกว่าเส้นทางบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนเสียอีก!” เฟิ่งชิงหร่านตระหนักได้ในบัดดลว่าไม่อาจโดนดวงหน้าหล่อเหลาหาใดเทียมของศิษย์พี่เจ็ดมาหลอกลวงได้แล้วจริง ๆอาจารย์ให้ศิษย์พี่เจ็ดดูแลสำนัก ช่างเหมาะสมยิ่งนัก บุรุษผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายอย่างแท้จริง!โชคดีที่ศิษย์พี่เจ็ดไม่ใช่ศัตรูของนาง ไม่อย่างนั้นนางคงต้องหาถ้ำสักแห่งเพื่ออยู่เอาตัวรอดไปวัน ๆ ไม่ออกมาอีกเลย!โม่จิงหงสบตากับเฟิ่งชิงหร่านที่โกรธกระฟัดกระเฟียด ไอเย็นเยียบบนร่างเลือนหายไปอีกไม่น้อย ก่อนจะลูบศีรษะนาง “ไม่บอกเจ้าก็เพราะหวังดีกับเจ้านะ วางใจได้ห

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 36

    บรรยากาศในสำนักหลิงอวิ๋นนั้นดีมาก ไม่เคยเกิดเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันเลยแต่ผู้บำเพ็ญเพียรก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เมื่อเป็นมนุษย์ก็จะมีความโปรดปราน ภายในสำนักหลิงอวิ๋ง ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่สี่จะสนิทสนมกันมากกว่า ศิษย์พี่หญิงสามกับศิษย์พี่หญิงห้าก็สนิทกันราวกับพี่สาวน้องสาว พูดคุยกันได้ทุกเรื่องศิษย์พี่หกชอบเกาะติดศิษย์พี่หญิงห้ากับศิษย์พี่แปด ศิษย์พี่รองไปไหนมาไหนคนเดียว มักจะหาตัวไม่เจออยู่เป็นประจำ มีเพียงโม่จิงหงเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับทุกคน แต่เขากลับคอยรักษาระยะห่างกับทุกคนเสียเองโม่จิงหงดีกับทุกคนในสำนักมาก แหวนสุเมรุบนมือของทุกคนล้วนเป็นสิ่งที่เขาหลอมขึ้นมา รวมถึงอาวุธป้องกันตัวและยาลูกกลอนต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เขามอบให้โดยอาศัยนามของเย่เวิ่นเทียนอีกทั้งชาที่เตรียมไว้ให้แต่ละคนล้วนแตกต่างกันออกไปหากไม่ใช่เพราะโม่จิงหง นางสงสัยว่าสำนักหลิงอวิ๋นคงจะแยกตัวกันไปนานแล้ว อย่างไรเสียอาจารย์ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือมากเกินไป! สองปีแล้ว อย่าว่าแต่อาจารย์ไม่เคยกลับมาที่สำนักหลิงอวิ๋นเลย ยังไม่มีข่าวคราวอีกด้วยเฟิ่งชิงหร่านคิดได้ดังนั้นก็อดรู้สึกปวดใจแทนโม่จิงหงนิดหน่อยไ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 35

    หลังจากที่เฟิ่งชิงหร่านรู้จากหยวนเป่าว่ากำไลวิญญาณคู่ไม่สามารถต้านทานอัสนีบาตได้ นางก็อดรู้สึกท้อแท้ใจนิดหน่อยไม่ได้อัสนีบาตสายที่สามผ่าลงมา ยันต์อาคมด้านหลังฉินหานเยียนหลุดออกอีกหนึ่งแผ่นฉินหานเยียนกัดฟัน ปรับลมหายใจที่ปั่นป่วน ใบหน้าของนางไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อย เนื้อหนังภายใต้ชุดนักพรตปรากฎรอยปริแตกเป็นสาย ๆ ความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ส่งมาจากทั่วทั้งร่างฉินหานเยียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจากในอัสนีบาตสวรรค์ ราวกับว่าอัสนีบาตรสวรรค์ทุกสายต้องการคร่าชีวิตนางให้ดับสิ้นโดยไม่มีความปรานีเลยสักนิดเดียวศิษย์น้องเจ็ดพูดถูกต้องมาก อัสนีบาตสวรรค์ผิดปกติจริง ๆ ด้วยตามบันทึกในตำราโบราณ หลังจากที่อัสนีบาตสวรรค์ผ่าลงมาแล้ว จะช่วยชำระล้างร่างกายให้ผู้บำเพ็ญเพียร ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้นางรู้สึกแค่ว่าอัสนีบาตสวรรค์ต้องการทำลายนางเท่านั้น ไม่ได้ชำระล้างเส้นเอ็นให้นางเลยด่านเคราะห์อัสนีระดับกำเนิดวิญญาณสิบแปดสาย สายแรกชำระล้างร่างกาย สายที่สองซ่อมแซมกล้ามเนื้อเส้นเอ็นขยายเส้นลมปราณ สายที่สามเพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูก สายที่สี่ชำระล้างรากวิญญาณ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 34

    หนิงซือเยว่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่สนใจไป๋หลี่เหวินเยว่เวลานี้ฉินหานเยียนสวมชุดบางเบา ชุดกระโปรงพลิ้วไปตามสายลม ไม่รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวเลยสักนิดเดียว หนิงซือเยว่เดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะแปะยันต์อาคมหลายแผ่นไว้ที่แผ่นหลังของฉินหานเยียนจากนั้นก็ขี่กระบี่จากไปอย่างรวดเร็ว แล้วร่อนลงมาเบื้องหน้าไป๋หลี่เหวินเยว่หนิงซือเยว่เดินเข้ามาคว้าหูของไป๋หลี่เหวินเยว่ ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ที่เจ้าตะโกนเมื่อครู่นี้เกือบทำให้ข้าตกใจตายแล้ว!”“เจ็บ ๆๆ ศิษย์พี่หญิงห้า รีบปล่อยมือเถิด ข้าผิดไปแล้ว” ไป๋หลี่เหวินเยว่ไม่กล้าขัดขืน ทำได้เพียงอ้อนวอนไม่หยุด “ฮึ!” หนิงซือเยว่แค่นเสียงเย็น แล้วปล่อยหูไป๋หลี่เหวินเยว่“ข้ามาช้าก็เพราะยันต์อาคมหลายใบนั้น มีพวกมันอยู่ สามารถต้านด่านเคราะห์อัสนีถึงแก่ชีวิตแทนศิษย์พี่หญิงสามได้ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าเสี่ยงชีวิตไปติดยันต์ ปรากฏว่าเจ้าดันทำให้ข้าตกใจ หากข้ามือสั่นจนยันต์พังขึ้นมาจะทำอย่างไร?”เมื่อได้ยินหนิงซือเยว่เอ่ยเช่นนี้ ไป๋หลี่เหวินเยว่ถึงค่อยตระหนักได้ว่าตนทำความผิดมากเพียงใด เฟิ่งชิงหร่านที่อยู่ทางด้านข้างนึกดีใจ ยังดีที่เมื่อค

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 33

    สองปีต่อมาเมฆดำแผ่คลุมท้องฟ้าเหนือสำนักหลิงอวิ๋น ครืน!ครืน!กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักหลิงอวิ๋น ทำให้ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่กำลังปิดด่านฝึกตนตื่นตกใจทั่วทั้งเขตชิงอวิ๋น ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับหลอมเทพขึ้นไปล้วนรู้สึกได้ว่าเมฆเขาสั่นไหว แผ่นดินภูเขาโยกคลอนเฟิ่งชิงหร่านเพิ่งจะคงระดับพลังให้มีเสถียรภาพเสร็จ เมื่อเดินออกจากถ้ำก็ตกใจกับเสียงฟ้าร้องจนสะดุ้งโหยง ดูเหมือนนางยังไม่ถึงเวลาที่จะทะลวงระดับไม่ใช่หรือ? “ศิษย์น้องหญิงเล็ก ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเสียที รีบตามข้ามาเร็ว!” บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลยืนอยู่บนกระเรียนเหาะเข้ามา รูปร่างดูสง่างามราวกับต้นไผ่ ดูโดดเด่นมีราศี ดวงหน้าแฝงไปด้วยความหยิ่งทระนง “ศิษย์พี่หก คงไม่ได้เจอปัญหาตอนบำเพ็ญเพียรหรอกกระมัง?” เฟิ่งชิงหร่านถามพลางยิ้มจนดวงตาโค้งไป๋หลี่เหวินเยว่หน้าแข็งทื่อ ช่วงเวลาสองปีมานี้ เขาฝืนบีบคั้นตนเองให้เลื่อนจากระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางไปอยู่ขั้นปลาย เพื่อไม่ให้ด้อยกว่าคนอื่นในสำนัก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาสามารถใช้เวลาเพียงแปดปีเลื่อนจากระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางไปอยู่ระดับแก่นปราณทองคำขั

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 32

    เขตชิงอวิ๋น เมืองหลักของเขตสำนักประมูลซูม่อ สาขาหลักบุรุษชุดดำเดินเจอไป๋หลี่เยวียนม่อแล้วก็ยื่นกล่องวิจิตรงดงามให้สองกล่องมือขาวเนียนราวหยกของไป๋หลี่เยวียนม่อรับกล่องไว้ จากนั้นเสียงที่ชวนให้หลงใหลก็ดึงขึ้นว่า “คราวนี้เป็นของดีอันใดหรือ? ถึงกับทำให้รองผู้ดูแลต้องลำบากมาด้วยตนเอง?”เสียงเย้ายวนใจลอดเข้ามาในหู บุรุษชุดดำใจสั่นสะท้าน เขารีบตั้งสติทันที “ท่านเจ้าหอกำชับว่า ครั้งนี้นางต้องการส่วนแบ่งร้อนละเก้าสิเก้า”ไป๋หลี่เยวียนม่ออึ้งไปเล็กน้อย ดวงหน้างดงามราวกับหยกประดับกวนฉายแววสนใจขึ้นมา นัยน์ตาสีม่วงพราวเสน่ห์ ความสว่างและความมืดร้อยเรียงเข้าด้วยกัน แสงเงาไหลเวียนเป็นกระแสไป๋หลี่เยวียนม่อยกมือขึ้นไปปลดยันต์ผนึกบนกล่อง อยากจะเปิดออกบุรุษชุดดำรีบส่งเสียงว่า “ท่านประมุข ไม่ได้นะขอรับ กางเขตอาคมเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดความปั่นป่วนได้” ขุมกำลังในเมืองหลักของเขตสลับซับซ้อนมาก อีกทั้งยังมีสำนักใหญ่หลายแห่ง ยอดฝีมือระดับหลอมเทพก็มีอยู่ไม่น้อย เมื่อกลิ่นอายของผลแก่นวิญญาณหลุดรอดออกไปก็จะนำปัญหามาได้นัยน์ตาสีม่วงของไป๋หลี่เยวียนม่อดำทะมึนขึ้นมาแวบหนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว “

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status