“ฮะ! ว่าไงนะ” เมื่อตื่นจากภวังค์ก็หันมาสนใจเพื่อนตามเดิม และคำถามต่อมาของลดาก็ทำให้ทิวลิปยิ้มๆ เย้ยๆ ให้ตัวเอง
“ฉันถามว่าแกไม่คิดจะมีผอสระอัวจริงๆ น่ะเหรอ”
“ไม่อ่ะ สงสัยเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมั้งแก”
“เสียดายความสวยของแกว่ะ แกจะปล่อยให้มันร่วงโรยเหี่ยวแห้งไปจริงๆ เหรอ นี่ก็สามสิบฝนแล้วนะแก ลองเปิดใจคบใครดูบ้างมั้ย เผื่อบางทีชีวิตมันจะได้ชุ่มชื่นกว่านี้”
“อื้อ! จะกี่ฝนกี่หนาวฉันก็ไม่ว่ะ ฉันถือคติ ‘จะอยู่ให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น’ เป็นไงแก วลีฉันเด็ดมั้ย”
“ดะ... เด็ดมากอ่ะแก โอว... ว้าว... หล่ออ่ะ ว้าว...”
อัมราอ้าปากค้างแต่สายตาส่งตรงไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าของร้าน รวมทั้งเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็มีอาการอึ้งๆ ไม่แพ้กัน ทำให้ทิวลิปต้องหันมองตาม
“อะไรของแกวะนังอัม พวกแกด้วย ผัวมีเมียน้อยจนเพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย”
และความอึ้งทึ่งเสียวก็มาเยือนเธอเข้าจนได้ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่นั้นสะกดทุกสายตาของคนในร้านได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะหากคนมองนั้นเป็นผู้หญิงก็คงจะอยู่ในอาการไม่ต่างจากที่เธอกำลังเป็นอยู่นี้
มนุษย์ผู้ชายสูงกว่า 180 เซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ชุดธรรมดากลับดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลยเมื่อคนสวมใส่เป็นเขา เพราะใบหน้าหล่อจัด ไม่สิ... เรียกว่าสวยจัดนั่นต่างหาก
ดวงตาคมล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนหนารับกลับจมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบสีแดงระเรื่อ จะขัดกันก็ตรงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ชวนจินตนาการ และไรเคราเขียวอ่อนที่มองออกว่าเพิ่งโกนมาหมาดๆ นั้น ทำให้หัวใจของเธอเต้นถี่อย่างไม่เคยเกิดกับใครมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากบางเฉียบนั้นเหมือนจะคลี่ยิ้มให้เธอเพียงนิด พร้อมกับก้มศีรษะทักทาย ก่อนเจ้าของร่างสูงหล่อเสียจนทำให้เธอละเมอจะเดินหายเข้าไปในโซนด้านหลังของร้าน
“ผู้ชายอะไรวะแก ว้าว... หล่อลากดิน หล่อระเบิดระเบ้อ หล่อไม่บันยะบันยัง หล่อไม่แบ่งปันเพื่อนฝูง ล้อหล่ออ่ะ... หล่อขนาด”
ดวงตาคมเฉี่ยวเป็นประกายแพรวพราวยามพรรณนาถึงรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม พร้อมคำเปรียบเปรยดูเหมือนละเมอพูด ทำให้เหล่าเพื่อนสาวพากันมองทิวลิปอย่างอึ้งๆ ปนขำ
“สงสัยเนื้อคู่ไอ้ทิวลิปจะมาเกิดแล้วว่ะ ดูดิ ถึงกับละเมอ ลองเรียกดิ จะรู้ตัวมั้ยเนี่ย ทิวลิป... ทิวลิป!”
“อะไรของแกนังอัม! อยู่ใกล้กันแค่นี้แกจะตะโกนทำไม หูจะแตก”
“อย่ามา อย่ามา แกเจอเนื้อคู่แล้วใช่มั้ย ทิวลิป ฉันอยากให้แกเห็นหน้าตัวเองตอนนี้ว่ะ นุจแกเอากระจกมาให้มันดูดิ มันจะได้รู้ว่าหน้ามันทั้งแดงแจ๋ ทั้งเหวอขนาดไหน”
ทิวลิปหน้าเหวอพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเมื่อเพื่อนๆ ต่างมารุมล้อม เพราะไอ้อาการทั้งหมดนั้นฟ้องได้จากความรู้สึกวูบวาบไปทั้งใบหน้าและหัวใจเต้นรัวเร็วอย่างกับจังหวะร็อคแอนด์โรล ซึ่งหากทำได้ก้อนเนื้อเต้นรัวนี้ก็คงอยากจะแล่นตามเขาเข้าไปหลังร้านแล้วล่ะ
“แกจะเอายังไงทิวลิป มหานครเที่ยวสุดท้ายของแกแล้วนะโว้ย!”
“อะไรวะมหานคร...” ลดาถามสีหน้าไม่รับมุกของนุจรี
“ก็รถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายของทิวลิปมันไง คิดหน่อยสิเพื่อน... คิดหน่อย”
นุจรีเฉลยคำตอบให้ลดาซึ่งยังคงทำสีหน้างงๆ ก่อนจะร้องอ๋อเพราะเพิ่งเข้าใจ จากนั้นทั้ง 4 สาวก็พร้อมใจกันหันไปนั่งจ้องหน้า ทิวลิปเพื่อเค้นเอาคำตอบ เพื่อนเลิฟต้องกลายเป็นจำเลยให้ทนายแหววอย่างพวกเธอซักฟอกจนใสสะอาด
“จะเอายังไงบอกมา เขาอยู่หลังร้าน ต้องรู้จักพี่ทิพย์แน่ๆ ไม่งั้นไม่ตรงเข้าไปอย่างนั้นหรอก ถ้าแกไม่เอา ฉันเอานะ” ยุรนาเปลี่ยนอารมณ์เศร้าเมื่อครู่มาเป็นคุณทนายซักจำเลยที่ยังนั่งหน้าแดง
“เอา! ฉันเอา”
“เฮ้อ! ก็แค่นั้นแหละ อ้ำอึ้งอยู่ได้”
คำตอบรัวเร็วทำให้เพื่อนสาวทั้ง 4 ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะร้องออกมาพร้อมๆ กันเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำตอบนั้นหมายความว่ายังไง
“ฮะ! ทิวลิปแกว่าไงนะ”
“ฉันจะเอาอ่ะแก แล้วฉันก็จะเอาให้ได้”
น้ำเสียงเบาๆ เอ่ยตอบ ทว่าดวงตาคมเฉี่ยวกลับเปลี่ยนเป็นหวานหยาดเยิ้มชวนฝัน ดูท่าหัวใจคงลอยตามคนหล่อนั้นไปอย่างกู่ไม่กลับเสียแล้ว
“ทิวลิป โอ๊ย! ฉันดีใจ ฉันไม่อยากให้แกขึ้นคาน จริงๆ นะเพื่อน โอ๋... เพื่อนเลิฟของฉัน ต่อไปนี้แกจะได้ให้คำปรึกษาพวกฉันอย่างรู้ลึกรู้จริงเสียที ไม่ต้องไปพึ่งมันแล้ว ทั้งหนังสือทั้งอินเทอร์เน็ตนี่อ่ะ เนอะ! พวกแกเนอะ”
“ใช่ๆๆ ลุยเลยแก เข้าไปเลย เข้าไปชวนพี่ทิพย์คุยอะไรก็ได้ แกต้องเจอเขาแน่ๆ ไปสิ ไปเลย”
ทิวลิปยิ้มเอียงอาย ดูท่าว่าครั้งนี้เธอจะไม่เลือกมากอีกต่อไปแล้ว เพราะก็คงจะเป็นรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายของเธอแล้วจริงๆ และเมื่อถูกเพื่อนสาวทั้งหลายเชียร์มากๆ เข้า ทิวลิปกล้าจนเกินงามอยู่แล้วก็ทำท่าจะลุกไป แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงนั่งลงอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนทุกคนที่ผ่านมา อะไรบางอย่างในหัวใจบอกแบบนั้น จังหวะการเต้นของหัวใจในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหน เพราะหัวใจร่ำร้องแต่เขา... เขา... และเขาอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ
‘รักแรกพบ... ความรู้สึกนี้คือ รักแรกพบใช่มั้ย’
คำถามที่หัวใจตั้งให้เธอตอบ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนสาวเร้าหรือให้เธอรีบเร่ง
“ไปสิ! ทิวลิป แกจะรออะไร เดี๋ยวแกก็อดหรอก”
“ฉันว่าไม่หรอกว่ะแก ดูนั่นเด่ะ”
ยุรนาพยักพเยิดให้เพื่อนสาวมองตามยกเว้นแค่เพียงทิวลิปเท่านั้นที่เธอไม่ต้องบอก เพราะเจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยวเปลี่ยนเป็นสวยหวานในพริบตานั้น ทอดสายตามองตรงไปยังคนหล่อลากดินตาไม่กะพริบเลยทีเดียว เพราะคนหล่อนั้นมีผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลคาดอยู่ที่เอว ในมือมีสมุดเล่มเล็กไว้จดรายการอาหารและเดินตรงไปยังโต๊ะที่เข้ามาใหม่อย่างรู้หน้าที่
“คุณคะ! รับออร์เดอร์โต๊ะนี้ด้วยค่ะ” เขาคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับก้มศีรษะให้กับกลุ่มของเธอ โดยแม่นุจรีตัวดีนั้นถึงกับกัดฟันกรี๊ดเพราะเป็นฝีมือของเธอเอง ก่อนทั้ง 4 สาวจะพยักหน้าให้กันและกันดูทิวลิปที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมอยู่อย่างนั้น “สวัสดีครับ จะรับอะไรเพิ่มดีครับ” ‘ศิลากานต์’ ก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม เพราะ 5 สาวโต๊ะนี้เรียกเขามาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนอกจากยิ้ม ยิ้มและก็ยิ้มเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘เธอ’ ที่นั่งจ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านจนถึงเวลานี้ ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่กลับแต่งแต้มใบหน้ามากมายเสียจนเขาคิดว่า หากวาดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ ที่ขอบตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มอีกนิด ใบหน้าสวยมากอยู่แล้วก็คงจะสวยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวๆ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกกลัวกับสายตาคมกริบจ้องเขมิบของเธอแบบนี้ “ครับ... จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ กาแฟ โกโก้ หรือว่าอาหารดี” “เอ่อ... ค่ะ อืม... ฉันเอา...” ทั้ง 4 สาวแข่งกันสั่งอาหารจนเขาจดแทบไม่ทัน จนต้องทวนรายการซ้ำๆ พร้อมกับพูดโต้ตอบกับทั้ง 4 สาวไปมา แต่
ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ “ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ “โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ” “สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย” “อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ” ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้ “อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ” “เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองส
สวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางกรุง กลับกลายเป็นปอดธรรมชาติทำหน้าที่ฟอกควันพิษของคนกรุงไปโดยปริยาย ด้วยทิวไม้ใหญ่หลากหลายต้นขึ้นเป็นแนวตลอดสองฝั่งข้างทาง ช่วยทำหน้าที่ฟอกอากาศให้สดชื่นและให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไปด้วย ร้านอาหารหลากแนวต่างมีธีมตกแต่งตามสไตล์แตกต่างกันไป บ้างดูวินเทจและบ้างก็ดูอินดี้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหญิงชายที่มีออฟฟิศอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ และร้านที่ดูจะเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวมากสุดก็คงไม่พ้นเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูนมสดตัดกับสีน้ำตาลช็อกโกแลต จึงไม่แปลกหากในยามเที่ยงวันอย่างนี้ ภายในร้านจึงมีลูกค้าอยู่หนาแน่น แต่ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ ถ้าจะไม่มีเสียงแปดหลอดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน “ทิวลิป! แกคิดดู วันๆ มันก็เอาแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิง มันไม่เคยเห็นใจฉันเลย! ฉันน่ะต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานทั้งนอกบ้านทั้งในบ้าน ไหนจะเรื่องบนเตียง ใต้เตียง หรือว่าขอบเตียงมันก็ให้ฉันทำหมดทุกอย่าง แล้วแกดูมัน! มันก็ยังไปเอานังนั่น มันไม่เคยเห็นคุณค่าของฉั
ทิวลิปจึงต้องปรับอารมณ์เป็นยิ้มหวานรับกล้องอย่างช่วยไม่ได้ที่เกิดมา ‘สวย เก๋ ดูดี’ แต่ว่าจะจริงเหรอ? หัวคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นครุ่นคิดเพราะคานทองนิเวศดูเหมือนกำลังเปิดประตูรอรับเธออยู่แล้ว ก็นี่น่ะ 30 ฝนแล้วนี่นา... รถไฟขบวนไหนๆ ก็ไม่ผ่านมาให้เห็น แม้แต่เสียงหวูดเธอก็ยังไม่ได้ยิน “ว่าไง... จะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาถามอีก พวกแกทั้งสี่คนนั่นแหละ ที่ต้องปรึกษากันเอาเอง เคยๆ กันแล้วทั้งนั้นนี่ ถามอยู่ได้คนไม่เคย” ทิวลิปบ่นงุบ ดวงตาคมจัดจากการแต่งแต้มเครื่องสำอางกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักแต่คนละอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแหยราวกับสำนึกผิด แต่เธอรู้ว่านั่นน่ะภาพลวงตาชัดๆ เพราะแค่จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นังพวกนี้ไม่สลดหรอก “โธ่... ทิวลิป พวกฉันขอโทษ ก็เห็นทุกครั้งถามไปแกก็ตอบได้ ฉันก็เลยคิดว่าแกเป็นกูรูผู้รู้จริง ก็ดันตอบได้ทุกครั้งหนิ” ลดาพูดให้สถานการณ์คลายลง เพราะเมื่อสักครู่นั้นเธอยังไม่ได้ทันได้อ้าปาก ทิวลิปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเสียก่อน “ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องตอบน่ะ สารพัดปัญหาช่างไม่ซ้ำกันเลยจริงจริ๊ง...”หนังสือปกขาวหลายเล่มถูกหยิบออกม
ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ “ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ “โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ” “สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย” “อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ” ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้ “อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ” “เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองส
“คุณคะ! รับออร์เดอร์โต๊ะนี้ด้วยค่ะ” เขาคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับก้มศีรษะให้กับกลุ่มของเธอ โดยแม่นุจรีตัวดีนั้นถึงกับกัดฟันกรี๊ดเพราะเป็นฝีมือของเธอเอง ก่อนทั้ง 4 สาวจะพยักหน้าให้กันและกันดูทิวลิปที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมอยู่อย่างนั้น “สวัสดีครับ จะรับอะไรเพิ่มดีครับ” ‘ศิลากานต์’ ก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม เพราะ 5 สาวโต๊ะนี้เรียกเขามาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนอกจากยิ้ม ยิ้มและก็ยิ้มเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘เธอ’ ที่นั่งจ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านจนถึงเวลานี้ ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่กลับแต่งแต้มใบหน้ามากมายเสียจนเขาคิดว่า หากวาดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ ที่ขอบตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มอีกนิด ใบหน้าสวยมากอยู่แล้วก็คงจะสวยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวๆ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกกลัวกับสายตาคมกริบจ้องเขมิบของเธอแบบนี้ “ครับ... จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ กาแฟ โกโก้ หรือว่าอาหารดี” “เอ่อ... ค่ะ อืม... ฉันเอา...” ทั้ง 4 สาวแข่งกันสั่งอาหารจนเขาจดแทบไม่ทัน จนต้องทวนรายการซ้ำๆ พร้อมกับพูดโต้ตอบกับทั้ง 4 สาวไปมา แต่
“ฮะ! ว่าไงนะ” เมื่อตื่นจากภวังค์ก็หันมาสนใจเพื่อนตามเดิม และคำถามต่อมาของลดาก็ทำให้ทิวลิปยิ้มๆ เย้ยๆ ให้ตัวเอง“ฉันถามว่าแกไม่คิดจะมีผอสระอัวจริงๆ น่ะเหรอ”“ไม่อ่ะ สงสัยเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมั้งแก”“เสียดายความสวยของแกว่ะ แกจะปล่อยให้มันร่วงโรยเหี่ยวแห้งไปจริงๆ เหรอ นี่ก็สามสิบฝนแล้วนะแก ลองเปิดใจคบใครดูบ้างมั้ย เผื่อบางทีชีวิตมันจะได้ชุ่มชื่นกว่านี้”“อื้อ! จะกี่ฝนกี่หนาวฉันก็ไม่ว่ะ ฉันถือคติ ‘จะอยู่ให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น’ เป็นไงแก วลีฉันเด็ดมั้ย”“ดะ... เด็ดมากอ่ะแก โอว... ว้าว... หล่ออ่ะ ว้าว...”อัมราอ้าปากค้างแต่สายตาส่งตรงไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าของร้าน รวมทั้งเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็มีอาการอึ้งๆ ไม่แพ้กัน ทำให้ทิวลิปต้องหันมองตาม“อะไรของแกวะนังอัม พวกแกด้วย ผัวมีเมียน้อยจนเพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย”และความอึ้งทึ่งเสียวก็มาเยือนเธอเข้าจนได้ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่นั้นสะกดทุกสายตาของคนในร้านได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะหากคนมองนั้นเป็นผู้หญิงก็คงจะอยู่ในอาการไม่ต่างจากที่เธอกำลังเป็นอยู่นี้มนุษย์ผู้ชายสูงกว่า 180 เซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ชุดธรรมดากลับดูไม
ทิวลิปจึงต้องปรับอารมณ์เป็นยิ้มหวานรับกล้องอย่างช่วยไม่ได้ที่เกิดมา ‘สวย เก๋ ดูดี’ แต่ว่าจะจริงเหรอ? หัวคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นครุ่นคิดเพราะคานทองนิเวศดูเหมือนกำลังเปิดประตูรอรับเธออยู่แล้ว ก็นี่น่ะ 30 ฝนแล้วนี่นา... รถไฟขบวนไหนๆ ก็ไม่ผ่านมาให้เห็น แม้แต่เสียงหวูดเธอก็ยังไม่ได้ยิน “ว่าไง... จะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาถามอีก พวกแกทั้งสี่คนนั่นแหละ ที่ต้องปรึกษากันเอาเอง เคยๆ กันแล้วทั้งนั้นนี่ ถามอยู่ได้คนไม่เคย” ทิวลิปบ่นงุบ ดวงตาคมจัดจากการแต่งแต้มเครื่องสำอางกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักแต่คนละอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแหยราวกับสำนึกผิด แต่เธอรู้ว่านั่นน่ะภาพลวงตาชัดๆ เพราะแค่จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นังพวกนี้ไม่สลดหรอก “โธ่... ทิวลิป พวกฉันขอโทษ ก็เห็นทุกครั้งถามไปแกก็ตอบได้ ฉันก็เลยคิดว่าแกเป็นกูรูผู้รู้จริง ก็ดันตอบได้ทุกครั้งหนิ” ลดาพูดให้สถานการณ์คลายลง เพราะเมื่อสักครู่นั้นเธอยังไม่ได้ทันได้อ้าปาก ทิวลิปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเสียก่อน “ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องตอบน่ะ สารพัดปัญหาช่างไม่ซ้ำกันเลยจริงจริ๊ง...”หนังสือปกขาวหลายเล่มถูกหยิบออกม
สวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางกรุง กลับกลายเป็นปอดธรรมชาติทำหน้าที่ฟอกควันพิษของคนกรุงไปโดยปริยาย ด้วยทิวไม้ใหญ่หลากหลายต้นขึ้นเป็นแนวตลอดสองฝั่งข้างทาง ช่วยทำหน้าที่ฟอกอากาศให้สดชื่นและให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไปด้วย ร้านอาหารหลากแนวต่างมีธีมตกแต่งตามสไตล์แตกต่างกันไป บ้างดูวินเทจและบ้างก็ดูอินดี้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหญิงชายที่มีออฟฟิศอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ และร้านที่ดูจะเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวมากสุดก็คงไม่พ้นเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูนมสดตัดกับสีน้ำตาลช็อกโกแลต จึงไม่แปลกหากในยามเที่ยงวันอย่างนี้ ภายในร้านจึงมีลูกค้าอยู่หนาแน่น แต่ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ ถ้าจะไม่มีเสียงแปดหลอดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน “ทิวลิป! แกคิดดู วันๆ มันก็เอาแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิง มันไม่เคยเห็นใจฉันเลย! ฉันน่ะต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานทั้งนอกบ้านทั้งในบ้าน ไหนจะเรื่องบนเตียง ใต้เตียง หรือว่าขอบเตียงมันก็ให้ฉันทำหมดทุกอย่าง แล้วแกดูมัน! มันก็ยังไปเอานังนั่น มันไม่เคยเห็นคุณค่าของฉั