ทิวลิปจึงต้องปรับอารมณ์เป็นยิ้มหวานรับกล้องอย่างช่วยไม่ได้ที่เกิดมา ‘สวย เก๋ ดูดี’ แต่ว่าจะจริงเหรอ? หัวคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นครุ่นคิดเพราะคานทองนิเวศดูเหมือนกำลังเปิดประตูรอรับเธออยู่แล้ว ก็นี่น่ะ 30 ฝนแล้วนี่นา... รถไฟขบวนไหนๆ ก็ไม่ผ่านมาให้เห็น แม้แต่เสียงหวูดเธอก็ยังไม่ได้ยิน
“ว่าไง... จะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาถามอีก พวกแกทั้งสี่คนนั่นแหละ ที่ต้องปรึกษากันเอาเอง เคยๆ กันแล้วทั้งนั้นนี่ ถามอยู่ได้คนไม่เคย”
ทิวลิปบ่นงุบ ดวงตาคมจัดจากการแต่งแต้มเครื่องสำอางกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักแต่คนละอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแหยราวกับสำนึกผิด แต่เธอรู้ว่านั่นน่ะภาพลวงตาชัดๆ เพราะแค่จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นังพวกนี้ไม่สลดหรอก
“โธ่... ทิวลิป พวกฉันขอโทษ ก็เห็นทุกครั้งถามไปแกก็ตอบได้ ฉันก็เลยคิดว่าแกเป็นกูรูผู้รู้จริง ก็ดันตอบได้ทุกครั้งหนิ” ลดาพูดให้สถานการณ์คลายลง เพราะเมื่อสักครู่นั้นเธอยังไม่ได้ทันได้อ้าปาก ทิวลิปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเสียก่อน
“ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องตอบน่ะ สารพัดปัญหาช่างไม่ซ้ำกันเลยจริงจริ๊ง...”
หนังสือปกขาวหลายเล่มถูกหยิบออกมาจากถุงและวางบนโต๊ะตามแรงอารมณ์เจ้าของ พร้อมกับรอยยิ้มเย็นๆ แต่เหี้ยมนักในสายตาของเพื่อนสาวทุกคน ก่อนน้ำเสียงหวานๆ จะสะท้านเข้าไปถึงหัวใจเพื่อน
“เอ้า! ฉันซื้อให้พวกแก คนละเล่ม อ่านกันเข้าไป รับรองถ้าพวกแกเล่นครบทุกท่า ผัวรักผัวหลงแน่นอน ต่อให้สิบนังพวกนั้นก็สู้พวกแกไม่ได้หรอก และอย่ามาถามฉันอีกนะว่าทำไง เอาไปสิ!”
“ทิวลิป!”
เสียง 4 สาวโพล่งขึ้นพร้อมๆ กัน พร้อมกับมองหนังสือตรงหน้าสลับกับมองหน้าสวยเก๋ของทิวลิปไปมา ราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาด ‘Sex secret’ คือชื่อหนังสือที่เพื่อนสาวส่งให้ และเมื่อเห็นสายตาเอาจริงของทิวลิป เหล่าเพื่อนสาวก็เปลี่ยนใจมาคว้าหนังสือเปิดพลิกซ้ายพลิกขวาดูเนื้อหาด้านในทันที และภายในมีทั้งภาพประกอบสมจริงกับคำบรรยายอย่างละเอียด ก็ทำให้ทั้ง 4 สาวต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“มิน่าล่ะ มันถึงชื่อว่า Sex secret อืม... บรรยายได้สมจริงแจ่มแจ๋ว”
“นังยุ!”
เพื่อนสาวทั้ง 4 ร้องขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้ยุรนายิ้มแหยพลางรีบเก็บหนังสือใส่กระเป๋าตามผองเพื่อนที่ต่างก็รีบเก็บเช่นกัน เพราะเริ่มกลัวกับสายตาโต๊ะข้างๆ มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ และกลัวสุดก็คือทิวลิปจะเปลี่ยนใจเอาคืนเสียก่อน
“แหะๆ ลืมตัว ว่าแต่ทิวลิป แกจะบ้าเหรอ ซื้อมาทำไมตั้งสี่เล่ม ถามจริงแกมีเอี่ยวกับนักเขียนหรือไง กะซื้อให้เขารวยเลยมั้ง” อัมราถาม สายตาจับจ้องมองใบหน้าเพื่อนสาวโสดคนเดียวในกลุ่ม เพราะคิดภาพไม่ออกยามทิวลิปหอบหนังสือหลายเล่มนี้ไปให้พนักงานขายคิดเงิน เพื่อนเธอควรจะอายหรือพนักงานขายควรจะอายกันแน่
“ก็ฉันรำคาญเวลาพวกแกถามไง เลยตัดใจซื้อซะเลย แกจะได้เลิกถามฉันกันสักที ไปศึกษาด้วยตัวเองบ้าง เพราะพวกแกน่ะมีที่ทดลอง ไม่ใช่อะไรๆ ก็ถามแต่ฉัน ถามตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ และฉันจะบอกให้ว่านี่ไม่ใช่แค่สี่ แต่ยังมีอีกเพียบ”
ทิวลิปยกถุงผ้าใส่หนังสือขึ้นมาวางบนโต๊ะ ยิ้มเมื่อเพื่อนสาวทำหน้าเหวอ
“แม่เจ้า! ทิวลิป นี่แกจะบ้ารึไง ใจคอแกจะซื้อไปแปะข้างฝาบ้านแทนวอลเปเปอร์เลยเรอะ”
อัมราส่งเสียงขึ้นในทันทีที่เห็นหนังสือปกขาวมองคร่าวๆ มากกว่า 5 เล่มเรียงกันอยู่ในถุง เพราะทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเล่มเดียวกับตำรารักลับๆ ที่พวกเธอพากันยัดใส่กระเป๋าไปเมื่อครู่
“ฉันซื้อมาหนึ่งโหล สำหรับพวกแกและบรรดาพี่ๆ น้องๆ ที่บริษัท ตลอดจนคุณลูกค้าทั้งหลายที่คิดว่าฉันเป็นกูรูผู้รอบรู้อย่างที่พวกแกเข้าใจ ได้ครบทุกคน ต่อไปนี้จะได้ไม่มีใครมาถามฉันเรื่องนี้อีก ฉันเซ็ง! ฉันเบื่อ!”
“โอเค โอเค... ต่อไปนี้พวกฉันจะไม่กวนใจแกเรื่องนี้อีกแล้วนะ แกน่ะโชคดีแล้วนะทิวลิปที่อยู่เป็นโสด อย่ามีเล้ย... ครอบครัว แต่อย่างว่าล่ะนะเรื่องแบบนี้ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ฉันคงห้ามแกไม่ได้หรอกว่ะ”
“นุจแกไม่ต้องมาบอก ชาตินี้ฉันก็ไม่คิดจะมีคู่อยู่แล้ว ถ้ามีแล้วต้องเจออย่างพวกแก สู้ฉันอยู่คนเดียวให้แห้งเหี่ยวอย่างนี้จะดีกว่า” พูดด้วยใบหน้ามั่นใจ แต่แววตานั้นกลับหมองไปด้วยความอ้างว้าง เมื่อมองไปทางไหนใครๆ ก็มีคู่ มาเป็นคู่ เดินเป็นคู่ แม้แต่นังพวกนี้ก็มีคู่ ถึงจะลุ่มๆ ดอนๆ ก็เหอะ ส่วนเธอล่ะ ‘อยู่คนเดียว... เปลี่ยวใจจุงเบย’
“นุจแกก็พูดเกินไป บางทีทิวลิปอาจจะไม่เจอเหมือนพวกเราก็ได้”
“เออใช่เนอะ มันก็ไม่ได้เจอแต่เรื่องแย่ๆ เสมอไปซะเมื่อไหร่ ไม่เชื่อเย็นนี้แกลองเปิดใช้สักบทสองบทสิ รับรองเรื่องดีๆ มีมาแน่นอน”
นุจรีและลดาพูดเย้าแหย่กันไปมา เพราะวันนี้ไม่ใช่คิวของเธอทั้งสองปรับทุกข์ แต่เป็นยุรนาที่สามีไปติดพันนักร้องห้องอาหาร เลยทำให้ทั้งสามนางที่เหลือดูจะยิ้มแย้มกันได้อยู่ ไม่เหมือนเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนที่ทั้งสามสาวก็มีสภาพไม่ต่างไปจากยุรนาสักเท่าไร
ทิวลิปมองเพื่อนสาวของเธอพูดกันไปเถียงกันไป เรื่องทั้งหมดนั้นสร้างความชาชินให้กับเธอ เริ่มตั้งแต่พี่สาวทะเลาะตบตีกับพี่เขยไม่เว้นแต่ละวัน ตลอดจนพี่ป้าน้าอาญาติพี่น้องทั้งหลาย บางครอบครัวก็แยกกันอยู่ บางครอบครัวที่ยังอยู่ด้วยกันแต่ก็มีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันได้ตลอด จนเธอชาชินและไม่คิดจะมีคู่ เพราะไม่เห็นใครสักคนจะมีความสุขที่จีรังนั้น เหมือนจะเข้าตำรา ‘ความสุขไม่จีรัง แต่ความทุกข์สิยั่งยืน’
“ทิวลิป เฮ้ย! ทิวลิป นี่แกฟังพวกฉันอยู่หรือเปล่า”
“ฮะ! ว่าไงนะ” เมื่อตื่นจากภวังค์ก็หันมาสนใจเพื่อนตามเดิม และคำถามต่อมาของลดาก็ทำให้ทิวลิปยิ้มๆ เย้ยๆ ให้ตัวเอง“ฉันถามว่าแกไม่คิดจะมีผอสระอัวจริงๆ น่ะเหรอ”“ไม่อ่ะ สงสัยเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมั้งแก”“เสียดายความสวยของแกว่ะ แกจะปล่อยให้มันร่วงโรยเหี่ยวแห้งไปจริงๆ เหรอ นี่ก็สามสิบฝนแล้วนะแก ลองเปิดใจคบใครดูบ้างมั้ย เผื่อบางทีชีวิตมันจะได้ชุ่มชื่นกว่านี้”“อื้อ! จะกี่ฝนกี่หนาวฉันก็ไม่ว่ะ ฉันถือคติ ‘จะอยู่ให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น’ เป็นไงแก วลีฉันเด็ดมั้ย”“ดะ... เด็ดมากอ่ะแก โอว... ว้าว... หล่ออ่ะ ว้าว...”อัมราอ้าปากค้างแต่สายตาส่งตรงไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าของร้าน รวมทั้งเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็มีอาการอึ้งๆ ไม่แพ้กัน ทำให้ทิวลิปต้องหันมองตาม“อะไรของแกวะนังอัม พวกแกด้วย ผัวมีเมียน้อยจนเพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย”และความอึ้งทึ่งเสียวก็มาเยือนเธอเข้าจนได้ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่นั้นสะกดทุกสายตาของคนในร้านได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะหากคนมองนั้นเป็นผู้หญิงก็คงจะอยู่ในอาการไม่ต่างจากที่เธอกำลังเป็นอยู่นี้มนุษย์ผู้ชายสูงกว่า 180 เซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ชุดธรรมดากลับดูไม
“คุณคะ! รับออร์เดอร์โต๊ะนี้ด้วยค่ะ” เขาคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับก้มศีรษะให้กับกลุ่มของเธอ โดยแม่นุจรีตัวดีนั้นถึงกับกัดฟันกรี๊ดเพราะเป็นฝีมือของเธอเอง ก่อนทั้ง 4 สาวจะพยักหน้าให้กันและกันดูทิวลิปที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมอยู่อย่างนั้น “สวัสดีครับ จะรับอะไรเพิ่มดีครับ” ‘ศิลากานต์’ ก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม เพราะ 5 สาวโต๊ะนี้เรียกเขามาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนอกจากยิ้ม ยิ้มและก็ยิ้มเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘เธอ’ ที่นั่งจ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านจนถึงเวลานี้ ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่กลับแต่งแต้มใบหน้ามากมายเสียจนเขาคิดว่า หากวาดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ ที่ขอบตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มอีกนิด ใบหน้าสวยมากอยู่แล้วก็คงจะสวยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวๆ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกกลัวกับสายตาคมกริบจ้องเขมิบของเธอแบบนี้ “ครับ... จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ กาแฟ โกโก้ หรือว่าอาหารดี” “เอ่อ... ค่ะ อืม... ฉันเอา...” ทั้ง 4 สาวแข่งกันสั่งอาหารจนเขาจดแทบไม่ทัน จนต้องทวนรายการซ้ำๆ พร้อมกับพูดโต้ตอบกับทั้ง 4 สาวไปมา แต่
ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ “ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ “โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ” “สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย” “อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ” ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้ “อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ” “เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองส
สวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางกรุง กลับกลายเป็นปอดธรรมชาติทำหน้าที่ฟอกควันพิษของคนกรุงไปโดยปริยาย ด้วยทิวไม้ใหญ่หลากหลายต้นขึ้นเป็นแนวตลอดสองฝั่งข้างทาง ช่วยทำหน้าที่ฟอกอากาศให้สดชื่นและให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไปด้วย ร้านอาหารหลากแนวต่างมีธีมตกแต่งตามสไตล์แตกต่างกันไป บ้างดูวินเทจและบ้างก็ดูอินดี้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหญิงชายที่มีออฟฟิศอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ และร้านที่ดูจะเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวมากสุดก็คงไม่พ้นเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูนมสดตัดกับสีน้ำตาลช็อกโกแลต จึงไม่แปลกหากในยามเที่ยงวันอย่างนี้ ภายในร้านจึงมีลูกค้าอยู่หนาแน่น แต่ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ ถ้าจะไม่มีเสียงแปดหลอดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน “ทิวลิป! แกคิดดู วันๆ มันก็เอาแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิง มันไม่เคยเห็นใจฉันเลย! ฉันน่ะต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานทั้งนอกบ้านทั้งในบ้าน ไหนจะเรื่องบนเตียง ใต้เตียง หรือว่าขอบเตียงมันก็ให้ฉันทำหมดทุกอย่าง แล้วแกดูมัน! มันก็ยังไปเอานังนั่น มันไม่เคยเห็นคุณค่าของฉั
ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ “ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ “โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ” “สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย” “อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ” ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้ “อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ” “เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองส
“คุณคะ! รับออร์เดอร์โต๊ะนี้ด้วยค่ะ” เขาคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับก้มศีรษะให้กับกลุ่มของเธอ โดยแม่นุจรีตัวดีนั้นถึงกับกัดฟันกรี๊ดเพราะเป็นฝีมือของเธอเอง ก่อนทั้ง 4 สาวจะพยักหน้าให้กันและกันดูทิวลิปที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมอยู่อย่างนั้น “สวัสดีครับ จะรับอะไรเพิ่มดีครับ” ‘ศิลากานต์’ ก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม เพราะ 5 สาวโต๊ะนี้เรียกเขามาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนอกจากยิ้ม ยิ้มและก็ยิ้มเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘เธอ’ ที่นั่งจ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านจนถึงเวลานี้ ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่กลับแต่งแต้มใบหน้ามากมายเสียจนเขาคิดว่า หากวาดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ ที่ขอบตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มอีกนิด ใบหน้าสวยมากอยู่แล้วก็คงจะสวยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวๆ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกกลัวกับสายตาคมกริบจ้องเขมิบของเธอแบบนี้ “ครับ... จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ กาแฟ โกโก้ หรือว่าอาหารดี” “เอ่อ... ค่ะ อืม... ฉันเอา...” ทั้ง 4 สาวแข่งกันสั่งอาหารจนเขาจดแทบไม่ทัน จนต้องทวนรายการซ้ำๆ พร้อมกับพูดโต้ตอบกับทั้ง 4 สาวไปมา แต่
“ฮะ! ว่าไงนะ” เมื่อตื่นจากภวังค์ก็หันมาสนใจเพื่อนตามเดิม และคำถามต่อมาของลดาก็ทำให้ทิวลิปยิ้มๆ เย้ยๆ ให้ตัวเอง“ฉันถามว่าแกไม่คิดจะมีผอสระอัวจริงๆ น่ะเหรอ”“ไม่อ่ะ สงสัยเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมั้งแก”“เสียดายความสวยของแกว่ะ แกจะปล่อยให้มันร่วงโรยเหี่ยวแห้งไปจริงๆ เหรอ นี่ก็สามสิบฝนแล้วนะแก ลองเปิดใจคบใครดูบ้างมั้ย เผื่อบางทีชีวิตมันจะได้ชุ่มชื่นกว่านี้”“อื้อ! จะกี่ฝนกี่หนาวฉันก็ไม่ว่ะ ฉันถือคติ ‘จะอยู่ให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น’ เป็นไงแก วลีฉันเด็ดมั้ย”“ดะ... เด็ดมากอ่ะแก โอว... ว้าว... หล่ออ่ะ ว้าว...”อัมราอ้าปากค้างแต่สายตาส่งตรงไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าของร้าน รวมทั้งเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็มีอาการอึ้งๆ ไม่แพ้กัน ทำให้ทิวลิปต้องหันมองตาม“อะไรของแกวะนังอัม พวกแกด้วย ผัวมีเมียน้อยจนเพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย”และความอึ้งทึ่งเสียวก็มาเยือนเธอเข้าจนได้ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่นั้นสะกดทุกสายตาของคนในร้านได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะหากคนมองนั้นเป็นผู้หญิงก็คงจะอยู่ในอาการไม่ต่างจากที่เธอกำลังเป็นอยู่นี้มนุษย์ผู้ชายสูงกว่า 180 เซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ชุดธรรมดากลับดูไม
ทิวลิปจึงต้องปรับอารมณ์เป็นยิ้มหวานรับกล้องอย่างช่วยไม่ได้ที่เกิดมา ‘สวย เก๋ ดูดี’ แต่ว่าจะจริงเหรอ? หัวคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นครุ่นคิดเพราะคานทองนิเวศดูเหมือนกำลังเปิดประตูรอรับเธออยู่แล้ว ก็นี่น่ะ 30 ฝนแล้วนี่นา... รถไฟขบวนไหนๆ ก็ไม่ผ่านมาให้เห็น แม้แต่เสียงหวูดเธอก็ยังไม่ได้ยิน “ว่าไง... จะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาถามอีก พวกแกทั้งสี่คนนั่นแหละ ที่ต้องปรึกษากันเอาเอง เคยๆ กันแล้วทั้งนั้นนี่ ถามอยู่ได้คนไม่เคย” ทิวลิปบ่นงุบ ดวงตาคมจัดจากการแต่งแต้มเครื่องสำอางกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักแต่คนละอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแหยราวกับสำนึกผิด แต่เธอรู้ว่านั่นน่ะภาพลวงตาชัดๆ เพราะแค่จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นังพวกนี้ไม่สลดหรอก “โธ่... ทิวลิป พวกฉันขอโทษ ก็เห็นทุกครั้งถามไปแกก็ตอบได้ ฉันก็เลยคิดว่าแกเป็นกูรูผู้รู้จริง ก็ดันตอบได้ทุกครั้งหนิ” ลดาพูดให้สถานการณ์คลายลง เพราะเมื่อสักครู่นั้นเธอยังไม่ได้ทันได้อ้าปาก ทิวลิปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเสียก่อน “ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องตอบน่ะ สารพัดปัญหาช่างไม่ซ้ำกันเลยจริงจริ๊ง...”หนังสือปกขาวหลายเล่มถูกหยิบออกม
สวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางกรุง กลับกลายเป็นปอดธรรมชาติทำหน้าที่ฟอกควันพิษของคนกรุงไปโดยปริยาย ด้วยทิวไม้ใหญ่หลากหลายต้นขึ้นเป็นแนวตลอดสองฝั่งข้างทาง ช่วยทำหน้าที่ฟอกอากาศให้สดชื่นและให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไปด้วย ร้านอาหารหลากแนวต่างมีธีมตกแต่งตามสไตล์แตกต่างกันไป บ้างดูวินเทจและบ้างก็ดูอินดี้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหญิงชายที่มีออฟฟิศอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ และร้านที่ดูจะเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวมากสุดก็คงไม่พ้นเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูนมสดตัดกับสีน้ำตาลช็อกโกแลต จึงไม่แปลกหากในยามเที่ยงวันอย่างนี้ ภายในร้านจึงมีลูกค้าอยู่หนาแน่น แต่ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ ถ้าจะไม่มีเสียงแปดหลอดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน “ทิวลิป! แกคิดดู วันๆ มันก็เอาแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิง มันไม่เคยเห็นใจฉันเลย! ฉันน่ะต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานทั้งนอกบ้านทั้งในบ้าน ไหนจะเรื่องบนเตียง ใต้เตียง หรือว่าขอบเตียงมันก็ให้ฉันทำหมดทุกอย่าง แล้วแกดูมัน! มันก็ยังไปเอานังนั่น มันไม่เคยเห็นคุณค่าของฉั