สวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางกรุง กลับกลายเป็นปอดธรรมชาติทำหน้าที่ฟอกควันพิษของคนกรุงไปโดยปริยาย ด้วยทิวไม้ใหญ่หลากหลายต้นขึ้นเป็นแนวตลอดสองฝั่งข้างทาง ช่วยทำหน้าที่ฟอกอากาศให้สดชื่นและให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไปด้วย
ร้านอาหารหลากแนวต่างมีธีมตกแต่งตามสไตล์แตกต่างกันไป บ้างดูวินเทจและบ้างก็ดูอินดี้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหญิงชายที่มีออฟฟิศอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ และร้านที่ดูจะเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวมากสุดก็คงไม่พ้นเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูนมสดตัดกับสีน้ำตาลช็อกโกแลต จึงไม่แปลกหากในยามเที่ยงวันอย่างนี้ ภายในร้านจึงมีลูกค้าอยู่หนาแน่น แต่ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ ถ้าจะไม่มีเสียงแปดหลอดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน
“ทิวลิป! แกคิดดู วันๆ มันก็เอาแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิง มันไม่เคยเห็นใจฉันเลย! ฉันน่ะต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานทั้งนอกบ้านทั้งในบ้าน ไหนจะเรื่องบนเตียง ใต้เตียง หรือว่าขอบเตียงมันก็ให้ฉันทำหมดทุกอย่าง แล้วแกดูมัน! มันก็ยังไปเอานังนั่น มันไม่เคยเห็นคุณค่าของฉันเลย ยังไงนะแก ถ้ามันทิ้งฉันจริงๆ อ่ะ แกช่วยฉันคิดหน่อยสิ ทิวลิป...”
‘ทิวลิป’ ที่เพื่อนสาวเอ่ยเรียกนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยเก๋ ผมซอยสั้นทันสมัยในเฉดสีเหลืองมะนาวเปรี้ยวจี๊ด ผิวขาวดูสุขภาพดีส่งผลให้แก้มอิ่มมีสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากกระจับบางเคลือบด้วยสีเชอร์รี่มันวาว โดยเฉพาะดวงตาคมจัดแต่งแต้มอายไลเนอร์เส้นหนาและตวัดหางขึ้นให้สวยเฉี่ยวนั้น ยิ่งทำให้เจ้าของใบหน้านี้ดูเป็นสาวมีกึ๋นทันคนและก็คงจะเป็นกูรูผู้รอบรู้ในสิ่งที่เพื่อนเธอเอ่ยถามอย่างแน่นอนสุด
แต่ว่าองค์ประกอบของเครื่องหน้าสวยเก๋นั้นน่าจะดูดีมากๆ ถ้าริมฝีปากบางกระจับจะไม่เบ้ออกแบบอืมระอากับเรื่องราวของเพื่อนมารุมปรับทุกข์ให้เธอฟังซะก่อน เพราะนี่เป็นรอบที่เท่าไรของเดือนนี้ก็ไม่รู้ ที่ยัยพวกนี้โทรนัดเธอให้มานั่งฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้
‘ไร้สาระสำหรับเรา แต่สำหรับนังพวกนี้กลับเต็มไปด้วยสาระอันล้นพ้น’
นั่นแหละคือความคิดที่ทำให้ต้องอดทนนั่งฟังอย่างหลังขดหลังแข็ง และต้องสรรหาสารพันวิธีการแก้ปัญหาเรื่องผัวเมีย ทั้งศิราณีจำเป็นนี้ไม่เคยมีประสบการณ์จริงเลยสักครั้ง ซึ่งหลังๆ นี้เธอพยายามจะคิดว่า ‘เพื่อนคงลืม’ ว่าเธอยังไม่มีใครสักคน เพื่อนสาวทั้ง 4 จึงขยันมาปรับทุกข์กับเธอกันจัง สุดท้ายเธอเลยกลายเป็นกูรูผู้รู้ลึกรู้จริงไปเสียแล้ว
“ทิวลิปแกจะว่าไง ทำไมแกนั่งเฉยแบบนี้! แกไม่สงสารเพื่อนเลยเหรอไง”
“ใช่! ทิวลิปแกแนะนำมันหน่อยสิ แกน่ะรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว บอกยุมันหน่อยนะ จะให้มันทำยังไง ผัวมันถึงจะกลับบ้าน”
“ใช่! คราวที่แล้วที่แกแนะนำฉัน ฉันยังใช้ได้ผลเลย แกน่ะรู้ดีไปหมด แนะนำยุมันหน่อยเถอะน่า...”
อัมรา นุจรี และลดา ต่างช่วยกันพูดให้เธอแนะนำวิธีที่ดี สำหรับให้ยุรนานำไปใช้ผูกมัดสามีให้กลับมาบ้านหลังจากทั้งสามสาวก็ต่างผลัดกันมาขอคำปรึกษาจากเธอ และดูเหมือนในทุกคราวที่นัดจะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหาจนต้องเรียกร้องศิราณีไฮเทคอย่างเธอมาแก้ไขให้
“นะแก ทิวลิปช่วยฉันหน่อยเถอะ คราวที่แล้วที่แกบอกให้ฉันลองที่ขอบเตียง มันก็ใช้ได้ผลนะแก แต่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง มันก็อดจะกลับไปหานังนั่นไม่ได้ ไม่รู้นังนั่นมันใช้ท่าไหนจับผัวฉันไว้ แกช่วยสอนฉันหน่อยสิ ได้มั้ย ทิวลิป” ยุรนากระชับท่อนแขนของทิวลิปอย่างเว้าวอนอ้อนขอ เพราะนี่แหละที่พึ่งพาสุดท้ายของเธอ
“ช่วยยุมันเถอะนะทิวลิป” อัมราสนับสนุน ช่วยอ้อนวอนอีกคน
“นะทิวลิป นะ” นุจรีก็ไม่น้อยหน้าเพราะมองสีหน้าของยุรนาแล้วเธอก็สงสารเพื่อนเหลือเกิน
สีหน้าท่าทางของเพื่อนๆ ช่วยกันสื่อช่วยกันพูดทำให้ทิวลิป กลอกตามองทิวไม้ด้านบนอย่างเหลืออด ก่อนจะแผดเสียงลั่นเพราะยั้งระเบิดอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว
“โอ๊ย! พวกแก! หยุดได้แล้ว ฉันจะบ้าตาย หยุดพูดเดี๋ยวนี้!”
เสียงหวานตวาดแว้ดจนทำให้ลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามาและนั่งอยู่ก่อนแล้วต่างหันมามองเธอเป็นจุดเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่ง ‘ทิพยุพา’ เจ้าของร้านสาวสวยต้องออกมายืนใช้สายตาปรามๆ ส่งตรงมาทางนี้ จนทิวลิปต้องหดหัวอย่างแหยงๆ พลางก้มศีรษะขอโทษขอโพยทั้งแขกมาใหม่และเก่า ก่อนเจ้าหล่อนจะหันไปใช้สายตาปรามๆ เพื่อนสาวทั้ง 4 เป็นการเอาคืนเหมือนกัน ที่ทำให้เธอสติแตกในสถานที่ไม่สมควรเข้าแล้ว เพราะนี่น่ะ ‘ร้านสีชมพู’ ของ ‘พี่ทิพย์’
ทิพยุพาเป็นรุ่นพี่สาวสวยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและเป็นพี่รหัสของเธอด้วย เธอและผองเพื่อนจึงใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่สิงสถิตทุกครั้งที่เกิดปัญหา ตั้งแต่เรียนจนจบเข้าทำงานและจนต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว การนัดพบกันทุกครั้งก็ไม่พ้นจะเป็นที่นี่ เพราะไม่ใช่แค่ชื่อที่ตั้งได้กิ๊บเก๋โดนใจ แต่เป็นเพราะธีมตกแต่งร้านใช้สีน้ำตาล สีขาว และสีชมพูเป็นโทนหลักทำให้ร้านดูหวานปนแกร่งได้อย่างน่าทึ่ง ทิวลิปหันไปยิ้มแหยให้กับทิพยุพาเป็นเชิงขอโทษขอโพยอีกครั้งก่อนจะหันมามองเพื่อนสาวด้วยแววดุๆ เพราะเรื่องจะไม่เกิดถ้า...
“นี่พวกแก! ที่ถามน่ะ แน่ใจนะว่าตั้งใจมาถามฉันจริงๆ พวกแกรู้บ้างมั้ยว่า ฉันต้องอดทนอดกลั้นกับพวกแกมากขนาดไหน นังพวกบ้า! สารพันคำถามร้อยแปด ถามจริง! พวกแกลืมไปรึไงว่าฉัน... ฉันยังไม่มี ผอสระอัว ผัวน่ะ ลืมกันหรือไง”
น้ำเสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพยายามพูดให้เบาที่สุด ทว่าความกราดเกรี้ยวก็ยังทำให้น้ำเสียงเล็ดลอดไปจนลูกค้าโต๊ะข้างเคียงให้ได้ยิ้มกับคำถามของเจ้าหล่อน โดยเฉพาะเหล่าผองเพื่อนทั้ง 4 นั่งอึ้งไปอย่างไม่คาดคิด ก็ยิ่งทำให้สาวขี้วีนดูน่ารักกับคำถามโพล่งๆ ของเธอ จนลูกค้าโต๊ะข้างๆ ลุกขึ้นมาขอถ่ายรูปคู่กับเธอไปซะงั้น
ทิวลิปจึงต้องปรับอารมณ์เป็นยิ้มหวานรับกล้องอย่างช่วยไม่ได้ที่เกิดมา ‘สวย เก๋ ดูดี’ แต่ว่าจะจริงเหรอ? หัวคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นครุ่นคิดเพราะคานทองนิเวศดูเหมือนกำลังเปิดประตูรอรับเธออยู่แล้ว ก็นี่น่ะ 30 ฝนแล้วนี่นา... รถไฟขบวนไหนๆ ก็ไม่ผ่านมาให้เห็น แม้แต่เสียงหวูดเธอก็ยังไม่ได้ยิน “ว่าไง... จะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาถามอีก พวกแกทั้งสี่คนนั่นแหละ ที่ต้องปรึกษากันเอาเอง เคยๆ กันแล้วทั้งนั้นนี่ ถามอยู่ได้คนไม่เคย” ทิวลิปบ่นงุบ ดวงตาคมจัดจากการแต่งแต้มเครื่องสำอางกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักแต่คนละอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแหยราวกับสำนึกผิด แต่เธอรู้ว่านั่นน่ะภาพลวงตาชัดๆ เพราะแค่จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นังพวกนี้ไม่สลดหรอก “โธ่... ทิวลิป พวกฉันขอโทษ ก็เห็นทุกครั้งถามไปแกก็ตอบได้ ฉันก็เลยคิดว่าแกเป็นกูรูผู้รู้จริง ก็ดันตอบได้ทุกครั้งหนิ” ลดาพูดให้สถานการณ์คลายลง เพราะเมื่อสักครู่นั้นเธอยังไม่ได้ทันได้อ้าปาก ทิวลิปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเสียก่อน “ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องตอบน่ะ สารพัดปัญหาช่างไม่ซ้ำกันเลยจริงจริ๊ง...”หนังสือปกขาวหลายเล่มถูกหยิบออกม
“ฮะ! ว่าไงนะ” เมื่อตื่นจากภวังค์ก็หันมาสนใจเพื่อนตามเดิม และคำถามต่อมาของลดาก็ทำให้ทิวลิปยิ้มๆ เย้ยๆ ให้ตัวเอง“ฉันถามว่าแกไม่คิดจะมีผอสระอัวจริงๆ น่ะเหรอ”“ไม่อ่ะ สงสัยเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมั้งแก”“เสียดายความสวยของแกว่ะ แกจะปล่อยให้มันร่วงโรยเหี่ยวแห้งไปจริงๆ เหรอ นี่ก็สามสิบฝนแล้วนะแก ลองเปิดใจคบใครดูบ้างมั้ย เผื่อบางทีชีวิตมันจะได้ชุ่มชื่นกว่านี้”“อื้อ! จะกี่ฝนกี่หนาวฉันก็ไม่ว่ะ ฉันถือคติ ‘จะอยู่ให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น’ เป็นไงแก วลีฉันเด็ดมั้ย”“ดะ... เด็ดมากอ่ะแก โอว... ว้าว... หล่ออ่ะ ว้าว...”อัมราอ้าปากค้างแต่สายตาส่งตรงไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าของร้าน รวมทั้งเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็มีอาการอึ้งๆ ไม่แพ้กัน ทำให้ทิวลิปต้องหันมองตาม“อะไรของแกวะนังอัม พวกแกด้วย ผัวมีเมียน้อยจนเพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย”และความอึ้งทึ่งเสียวก็มาเยือนเธอเข้าจนได้ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่นั้นสะกดทุกสายตาของคนในร้านได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะหากคนมองนั้นเป็นผู้หญิงก็คงจะอยู่ในอาการไม่ต่างจากที่เธอกำลังเป็นอยู่นี้มนุษย์ผู้ชายสูงกว่า 180 เซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ชุดธรรมดากลับดูไม
“คุณคะ! รับออร์เดอร์โต๊ะนี้ด้วยค่ะ” เขาคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับก้มศีรษะให้กับกลุ่มของเธอ โดยแม่นุจรีตัวดีนั้นถึงกับกัดฟันกรี๊ดเพราะเป็นฝีมือของเธอเอง ก่อนทั้ง 4 สาวจะพยักหน้าให้กันและกันดูทิวลิปที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมอยู่อย่างนั้น “สวัสดีครับ จะรับอะไรเพิ่มดีครับ” ‘ศิลากานต์’ ก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม เพราะ 5 สาวโต๊ะนี้เรียกเขามาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนอกจากยิ้ม ยิ้มและก็ยิ้มเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘เธอ’ ที่นั่งจ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านจนถึงเวลานี้ ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่กลับแต่งแต้มใบหน้ามากมายเสียจนเขาคิดว่า หากวาดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ ที่ขอบตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มอีกนิด ใบหน้าสวยมากอยู่แล้วก็คงจะสวยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวๆ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกกลัวกับสายตาคมกริบจ้องเขมิบของเธอแบบนี้ “ครับ... จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ กาแฟ โกโก้ หรือว่าอาหารดี” “เอ่อ... ค่ะ อืม... ฉันเอา...” ทั้ง 4 สาวแข่งกันสั่งอาหารจนเขาจดแทบไม่ทัน จนต้องทวนรายการซ้ำๆ พร้อมกับพูดโต้ตอบกับทั้ง 4 สาวไปมา แต่
ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ “ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ “โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ” “สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย” “อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ” ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้ “อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ” “เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองส
ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ “ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ “โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ” “สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย” “อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ” ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้ “อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ” “เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองส
“คุณคะ! รับออร์เดอร์โต๊ะนี้ด้วยค่ะ” เขาคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับก้มศีรษะให้กับกลุ่มของเธอ โดยแม่นุจรีตัวดีนั้นถึงกับกัดฟันกรี๊ดเพราะเป็นฝีมือของเธอเอง ก่อนทั้ง 4 สาวจะพยักหน้าให้กันและกันดูทิวลิปที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมอยู่อย่างนั้น “สวัสดีครับ จะรับอะไรเพิ่มดีครับ” ‘ศิลากานต์’ ก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม เพราะ 5 สาวโต๊ะนี้เรียกเขามาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนอกจากยิ้ม ยิ้มและก็ยิ้มเท่านั้น โดยเฉพาะ ‘เธอ’ ที่นั่งจ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านจนถึงเวลานี้ ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่กลับแต่งแต้มใบหน้ามากมายเสียจนเขาคิดว่า หากวาดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ ที่ขอบตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มอีกนิด ใบหน้าสวยมากอยู่แล้วก็คงจะสวยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวๆ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกกลัวกับสายตาคมกริบจ้องเขมิบของเธอแบบนี้ “ครับ... จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ กาแฟ โกโก้ หรือว่าอาหารดี” “เอ่อ... ค่ะ อืม... ฉันเอา...” ทั้ง 4 สาวแข่งกันสั่งอาหารจนเขาจดแทบไม่ทัน จนต้องทวนรายการซ้ำๆ พร้อมกับพูดโต้ตอบกับทั้ง 4 สาวไปมา แต่
“ฮะ! ว่าไงนะ” เมื่อตื่นจากภวังค์ก็หันมาสนใจเพื่อนตามเดิม และคำถามต่อมาของลดาก็ทำให้ทิวลิปยิ้มๆ เย้ยๆ ให้ตัวเอง“ฉันถามว่าแกไม่คิดจะมีผอสระอัวจริงๆ น่ะเหรอ”“ไม่อ่ะ สงสัยเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมั้งแก”“เสียดายความสวยของแกว่ะ แกจะปล่อยให้มันร่วงโรยเหี่ยวแห้งไปจริงๆ เหรอ นี่ก็สามสิบฝนแล้วนะแก ลองเปิดใจคบใครดูบ้างมั้ย เผื่อบางทีชีวิตมันจะได้ชุ่มชื่นกว่านี้”“อื้อ! จะกี่ฝนกี่หนาวฉันก็ไม่ว่ะ ฉันถือคติ ‘จะอยู่ให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น’ เป็นไงแก วลีฉันเด็ดมั้ย”“ดะ... เด็ดมากอ่ะแก โอว... ว้าว... หล่ออ่ะ ว้าว...”อัมราอ้าปากค้างแต่สายตาส่งตรงไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าของร้าน รวมทั้งเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็มีอาการอึ้งๆ ไม่แพ้กัน ทำให้ทิวลิปต้องหันมองตาม“อะไรของแกวะนังอัม พวกแกด้วย ผัวมีเมียน้อยจนเพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย”และความอึ้งทึ่งเสียวก็มาเยือนเธอเข้าจนได้ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่นั้นสะกดทุกสายตาของคนในร้านได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะหากคนมองนั้นเป็นผู้หญิงก็คงจะอยู่ในอาการไม่ต่างจากที่เธอกำลังเป็นอยู่นี้มนุษย์ผู้ชายสูงกว่า 180 เซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ชุดธรรมดากลับดูไม
ทิวลิปจึงต้องปรับอารมณ์เป็นยิ้มหวานรับกล้องอย่างช่วยไม่ได้ที่เกิดมา ‘สวย เก๋ ดูดี’ แต่ว่าจะจริงเหรอ? หัวคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นครุ่นคิดเพราะคานทองนิเวศดูเหมือนกำลังเปิดประตูรอรับเธออยู่แล้ว ก็นี่น่ะ 30 ฝนแล้วนี่นา... รถไฟขบวนไหนๆ ก็ไม่ผ่านมาให้เห็น แม้แต่เสียงหวูดเธอก็ยังไม่ได้ยิน “ว่าไง... จะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาถามอีก พวกแกทั้งสี่คนนั่นแหละ ที่ต้องปรึกษากันเอาเอง เคยๆ กันแล้วทั้งนั้นนี่ ถามอยู่ได้คนไม่เคย” ทิวลิปบ่นงุบ ดวงตาคมจัดจากการแต่งแต้มเครื่องสำอางกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักแต่คนละอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแหยราวกับสำนึกผิด แต่เธอรู้ว่านั่นน่ะภาพลวงตาชัดๆ เพราะแค่จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นังพวกนี้ไม่สลดหรอก “โธ่... ทิวลิป พวกฉันขอโทษ ก็เห็นทุกครั้งถามไปแกก็ตอบได้ ฉันก็เลยคิดว่าแกเป็นกูรูผู้รู้จริง ก็ดันตอบได้ทุกครั้งหนิ” ลดาพูดให้สถานการณ์คลายลง เพราะเมื่อสักครู่นั้นเธอยังไม่ได้ทันได้อ้าปาก ทิวลิปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเสียก่อน “ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องตอบน่ะ สารพัดปัญหาช่างไม่ซ้ำกันเลยจริงจริ๊ง...”หนังสือปกขาวหลายเล่มถูกหยิบออกม
สวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางกรุง กลับกลายเป็นปอดธรรมชาติทำหน้าที่ฟอกควันพิษของคนกรุงไปโดยปริยาย ด้วยทิวไม้ใหญ่หลากหลายต้นขึ้นเป็นแนวตลอดสองฝั่งข้างทาง ช่วยทำหน้าที่ฟอกอากาศให้สดชื่นและให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไปด้วย ร้านอาหารหลากแนวต่างมีธีมตกแต่งตามสไตล์แตกต่างกันไป บ้างดูวินเทจและบ้างก็ดูอินดี้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหญิงชายที่มีออฟฟิศอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ และร้านที่ดูจะเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวมากสุดก็คงไม่พ้นเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูนมสดตัดกับสีน้ำตาลช็อกโกแลต จึงไม่แปลกหากในยามเที่ยงวันอย่างนี้ ภายในร้านจึงมีลูกค้าอยู่หนาแน่น แต่ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ ถ้าจะไม่มีเสียงแปดหลอดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน “ทิวลิป! แกคิดดู วันๆ มันก็เอาแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิง มันไม่เคยเห็นใจฉันเลย! ฉันน่ะต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานทั้งนอกบ้านทั้งในบ้าน ไหนจะเรื่องบนเตียง ใต้เตียง หรือว่าขอบเตียงมันก็ให้ฉันทำหมดทุกอย่าง แล้วแกดูมัน! มันก็ยังไปเอานังนั่น มันไม่เคยเห็นคุณค่าของฉั