หลี่ฮองเฮารีบให้นางหุบปาก“ชิงเฉิง คำพูดเช่นนี้ต่อไปอย่าได้พูดอีก หากไม่ใช่เพราะข้าคิดเผื่อนาง อยากให้นางไปจากที่แห่งความวุ่นวาย แต่งงานไปแคว้นต้าชิ่ง จะตกเป็นที่ครหาได้อย่างไร?”ลู่ชิงเฉิงได้ฟังโมโหมากกว่าเดิม “นางไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณ ไม่รู้จักดูเสียบ้างว่ายามนี้จวนเจิ้นกั๋วกงตกอยู่ในสภาพใด ยังนึกว่าตัวเองเป็นยอดหญิงอัจฉริยะหรือ เป็นถึงคนที่เคยหย่าร้างมาแล้ว ทว่าก็ยังไม่มีสติถึงเพียงนี้”หลี่ฮองเฮาถอนหายใจ แล้วกล่าวขึ้น “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง วันนี้เจ้ามาเพื่อระบายความแค้นหรือ?”ลู่ชิงเฉิงพยักหน้า “หม่อมฉันได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในยามเช้าตอนประชุมเช้า ทำให้ยิ่งโกรธแค้น เสด็จพ่อทำเพื่อเอาใจบุตรสาวไร้ค่าคนหนึ่งของท่านกั๋วกง ถึงขนาดต้องปฏิบัติต่อตระกูลหลี่ด้วยวิธีรุนแรงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”หลี่ฮองเฮามีสติอย่างหาได้ยาก “ครั้งนี้พระองค์แค่หาข้ออ้างมาทำให้เรื่องราวใหญ่โตเท่านั้น ขอเพียงเสด็จพี่ของเจ้ายังไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท ยังไม่ได้ดูแลราชสำนักอย่างเป็นทางการ พระองค์จะคานอำนาจระหว่างโอรสของพระองค์ไม่หยุด อีกทั้งยังเล่นงานตระกูลมารดาของเหล่าองค์ชายซ้ำไปซ้ำมาอีกด้วย ครั้งนี้เร
“ทว่าจวนกั๋วกงของพวกเรามีจำนวนคนมากพอแล้ว อีกทั้งยังปล่อยออกไปบางส่วน ยามนี้ยังต้องรับคนในวังพวกนี้อีก ซึ่งล้วนแต่เป็นคนของฮองเฮา ว่ากล่าวดุด่าไม่ได้ ยิ่งไม่อาจขับไล่ไสส่ง ทำได้เพียงให้พวกนางทำงานแทนคนที่อยู่แต่เดิม ถึงยามนั้นคงต้องวุ่นวายโกลาหลกันยกใหญ่ น้ำใจของฮองเฮาหม่อมฉันขอรับไว้ด้วยใจ ทว่ากงกงกรุณาพาคนเหล่านี้กลับไปเถอะ”เมื่อขันทีได้ยิน สีหน้าดูมีลับลมคมใน“ฮูหยินท่านแม่ทัพ สิ่งพระราชทานจากฮองเฮา ใช่ว่าใครทุกคนจะได้รับ ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ใครก็จะสามารถปฏิเสธได้นะขอรับ”น้ำเสียงของเขา ทั้งตักเตือนและข่มขู่ไปพร้อมกันเหลียงจื่ออวี้มึนงงเล็กน้อย ทว่าที่มากกว่านั้นคือโมโหเป็นเพียงขันที แต่กลับกล้ามาวางอำนาจภายในจวนเจิ้นกั๋วกงเชียวหรือขณะนี้ชุยอันหรูเอ่ยขึ้น “กงกงผู้นี้ไม่ทราบมีนามว่ากระไร?”“ข้าน้อยต่ำต้อย แซ่จินมิสูงส่งขอรับ”“อ้อ จินกงกง ขอถามว่าหากจวนเจิ้นกั๋วกงปฏิเสธนางกำนัลเหล่านี้ ฮองเฮาจะลงพระอาญาพวกเรา หรือลงโทษท่าน?”จินกงกงยิ้มจอมปลอม และคุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้นานแล้ว“เรื่องนี้ข้าน้อยย่อมไม่ทราบ การคาดเดาเจตจำนงของฮองเฮาถือเป็นความผิด...”ชุยอันหรูก้าวไปข้างหน้า
จินกงกงถูกตอบโต้จนพูดไม่ออก เมื่อครู่ฝ่ามือที่ฟาดลงมาสองครั้งทำให้เขาเคียดแค้นชุยอันหรูทว่าชุยอันหรูไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสโต้แย้ง นางเอ่ยถามต่อไป “คงไม่ใช่ว่าหากวันนี้ข้าไม่รับตัวนางกำนัลเหล่านี้เอาไว้ หลังจากกลับไปฮองเฮาจะโทษว่าพวกนางไม่มีแรงดึงดูดสั่งประหารทันที หรือผ่านไปอีกสักระยะก็หาข้ออ้างทำให้พวกนางหายไปทีละคนสองคนกระมัง?”จินกงกงตกตะลึงพรึงเพริด หากคำพูดเหล่านี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงฮองเฮาไม่ป่นปี้หรอกหรือ?“ท่านอย่าพูดเหลวไหล...”เขาอยากเสียงดัง กลับกลัวฝ่ามือชุยอันหรูจึงไม่กล้าตะโกนแววตาชุยอันหรูดูทรงพลัง “จินกงกง เดิมทีข้าคิดว่าท่านเป็นคนที่ฮองเฮาส่งมา ยังให้เกียรติท่านอยู่บ้าง กระทั่งรู้สึกว่าท่านเป็นตัวแทนของฮองเฮา จึงยิ่งให้ความเคารพท่าน แต่น่าเสียดายท่านกลับผิดต่อความไว้พระทัยของฮองเฮา ปล่อยปละความผิดของตน บิดเบือนความหวังดีของฮองเฮา แปดเปื้อนน้ำพระทัยของฮองเฮา การเก็บคนเยี่ยงท่านไว้ข้างกายให้โอกาสท่านมาตลอด ก็เพียงพอทำให้เห็นว่าฮองเฮามีพระเมตตามากโดยแท้...”คำพูดทั้งหมดของจินกงกงถูกนางตอกกลับไป ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสอธิบาย“หากวันนี้กงกงมาเพื่ออ่านราชโองการ จวน
“ครอบครัวของนางกำนัลเหล่านี้ต้องตกอยู่ในมือฮองเฮาแน่นอน เกิดวันใดมีนางกำนัลตายอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกง หรือวางยาพิษหลางเอ๋อร์แล้วฆ่าตัวตาย พวกเราจะทำอย่างไร?”เมื่อเหลียงจื่ออวี้ได้ยินรู้สึกกลัวไม่น้อยนางปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไร พลางคิดว่าต่อไปต้องระวังตัว“อันหรู เจ้ายอมรับผิดครั้งแล้วครั้งเล่า บีบบังคับฮ่องเต้กับฮองเฮาให้คำอธิบายแก่เจ้า ไม้นี้คงใช้ตลอดไปไม่ได้กระมัง?”เหลียงจื่ออวี้นึกถึงหนังสือยอมรับผิดของชุยอันหรูฉบับนั้น“ถูกต้อง ตั้งแต่ท่านพ่อกับพี่ชายจากไป ก่อนที่จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเราจะร้องขอสิ่งใด ล้วนต้องรับผิดก่อน เพราะเมื่อไม่มีท่านพ่อกับพี่ชายแล้ว ผลงานในอดีตถือว่าตายไปแล้ว หากไม่มีวิธียืนยันความพิเศษในการดำรงอยู่ของพวกเรา ต่อให้ชีวิตอยู่อย่างรัดกุม อย่างไรก็ต้องถูกพวกที่เพ่งเล็งเล่นงาน ฝ่าบาทเองก็ทำได้เพียงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้น”ชุยอันหรูไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขั้นที่ตอนนี้ก็ยังฝากความหวังไว้กับฮ่องเต้เหลียงจื่ออวี้ไม่พูดไม่จาสักพัก เรื่องมองการณ์ไกลนางสู้ชุยอันหรูไม่ได้ข้อดีที่สุดของนาง คือเชื่อใจคนตระกูลชุยอย่างที่สุดที่ผ่านมาเชื่อใจบิดามารดาสามี เชื่อใจสามี ต
ใบไม้ใบหนึ่งภายในสวนบินวนเป็นเส้นโค้งที่ไร้ระเบียบ จนกระทั่งหล่นลงบนพุ่มดอกไม้“อาจารย์ทำสิ่งใดมักมีเหตุผลของท่านเสมอ ท่านไม่บอก พวกเราย่อมไม่จำเป็นต้องถาม ส่วนเรื่องที่จะให้ข้ารักษาคนตระกูลเวิน ใช่ว่าจะทำไม่ได้ คนที่เกลียดที่สุด กลายเป็นคนเดียวที่ช่วยชีวิตพวกเขาได้ น่าสนใจดีไม่ใช่หรือ?”การมองโลกในแง่ดีของชุยอันหรู ทำให้เหลียงจื่ออวี้มองเห็นความหวัง“อันหรู วันนั้นข้าเคยถามเจ้า การสร้างศัตรูเช่นนี้ ภายหน้าจวนเจิ้นกั๋วกงจะอยู่ได้อย่างไร ข้ายังจำคำตอบของเจ้าได้ พวกเรากล้ำกลืนฝืนทน พวกเขายังคงเป็นฝูงหมาป่า การหลบหลีกอ่อนแอไม่ใช่วิธีที่ดี หากสวรรค์กำหนดให้พวกเราต้องตาย ไฉนไม่เป็นตัวเองให้เต็มที่ไปเลย? ต่อให้จวนเจิ้นกั๋วกงไม่มีท่านพ่อกับท่านพี่แล้ว ใช่ว่าจะปล่อยให้พวกหมาจรจัดมากัดกินได้”น้ำเสียงของเหลียงจื่ออวี้ หนักแน่นมากชุยอันหรูไม่ได้พูดสิ่งใดอีก ทุกอย่างล้วนอยู่ในความเงียบขอเพียงน้องสามีพี่สะใภ้อย่างพวกนางร่วมใจ แผนการในวังเหล่านั้น รับมือได้ง่ายมาก“อันหรู...”เหลียงจื่ออวี้นึกถึงเรื่องบางอย่าง แต่กลับลังเลเล็กน้อย“พี่สะใภ้ มีอะไรหรือ?”“ท่านพ่อกับท่านพี่เคยบอกข้าเอาไว้
นางกระทั่งรู้สึกน่าขัน สองปีก่อนตอนบิดาและพี่ชายออกรบกับพวกเซียวรั่ง กรมคลังบอกว่าไม่มีเงิน เสบียงของทางชายแดนนางแทบจะเป็นคนออกทั้งหมดทว่าสุดท้าย หลินจืออินที่ทำเรื่องบัดสีกับเซียวรั่งกลับได้รับคำชื่นชมจากคนทั่วหล้าในสายตาของพวกชนชั้นสูงหรือปัญญาชน แต่เดิมเงินของพ่อค้าก็ได้มาจากราษฎร หนำซ้ำยังได้มาจากกำไรที่สูงลิบ ไม่ว่าจะใช้ไปมากเท่าใด พวกเขาก็ไม่เสียดาย ยิ่งไม่จำเป็นต้องยกย่องให้เกียรติพ่อค้าสามารถให้พ่อค้าทำเงินได้ต่อไป นั่นคือรางวัลยิ่งใหญ่จากพวกเขาแล้ว“พวกเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น ต้องคิดว่าตอนนี้เจ้ามั่งคั่งร่ำรวยอย่างมาก...” เหลียงจื่ออวี้รู้สึกเศร้าใจพวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่ที่นั่น ตันไป๋เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนสามารถทำให้ตันไป๋ที่สุขุมแสดงสีหน้าเช่นนี้ได้ แสดงว่าเป็นเรื่องใหญ่“ฮูหยิน ท่านหญิง ซื่อจื่อน้อยโดนทำร้ายเจ้าค่ะ”เหลียงจื่ออวี้ลุกพรวดขึ้นมาทันที“อยู่ไหน? ใครลงมือ?”แม้ในใจชุยอันหรูจะร้อนรน แต่อย่างไรก็สุขุมกว่า“ที่สำนักศึกษาเจ้าค่ะ อาจารย์ไม่อนุญาตให้พวกบ่าวรับใช้เข้าไป ข้างในวุ่นวายไปหมด พวกบ่าวไม่สนใจบุกเข้าไป ถึงได้พบว่าซื่อจื่อน้อยถูกเด็กหลายคนกดอยู่บ
เหลียงจื่ออวี้ก็คิดเหมือนกัน ทำไมพวกนางต้องกล้ำกลืนฝืนทนด้วย ต่อให้ตระกูลหลี่เป็นตระกูลของฮองเฮาแล้วอย่างไร? ตระกูลเวินมีมหาราชครูกับอัครมหาเสนาบดีแล้วอย่างไร?พวกนางกระทั่งไม่ได้นั่งรถม้า แต่เดินไปตลอดทางเมื่อเห็นท่าทางของพวกนาง มีคนที่อัธยาศัยดีเข้าไปสอบถาม “ฮูหยินท่านแม่ทัพ ท่านหญิง ซื่อจื่อน้อยเป็นอะไรหรือ?”ชุยอันหรูพูดอย่างจริงใจ “ไม่มีอะไร แค่ถูกคนของตระกูลฮองเฮากับลูกหลานตระกูลเวินนำเด็กคนอื่นทำร้าย คนมากเกินไป หลางเอ๋อร์สู้ไม่ไหว พวกเราจะไปถามผู้ตรวจการสำนักศึกษากับอาจารย์ ว่าเป็นเพราะหลางเอ๋อร์ซุกซนจึงไปล่วงเกินใครเข้าหรือไม่”จิตใจเหลียงจื่ออวี้ว้าวุ่นใจมาก นางจ้องมองแขนของลูกชายข้างที่ถูกไม้กระดานยึด ยิ่งดูก็ยิ่งอยากร้องไห้ตั้งแต่บิดาสามีและสามีจากไป จวนเจิ้นกั๋วกงที่ได้รับความเคารพยำเกรง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นใครก็สามารถรังแกกันได้หรือ?เมื่อพวกชาวบ้านได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนโดยพลันคำพูดเพียงไม่กี่คำของชุยอันหรู เพียงพอให้ทุกคนคิดเตลิดไปไกล“รังแกกันเกินไป รังแกกันเกินไปแล้ว!”มีคนชราบางคนกระทุ้งไม้เท้าของตัวเองลงพื้น ความไม่ยุติธรรมดังเข้าไปถึงในใจตามเสียงกระแทก“ข้าเ
“ท่านหญิง ข้าน้อยย่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”“ท่านไม่ได้หมายความเช่นนั้นจะดีที่สุด” ชุยอันหรูยิ้มพร้อมเอ่ยคำนี้ออกมา แต่กลับทำให้ผู้ตรวจการสำนักศึกษาและอาจารย์รู้สึกกดดันอาจารย์เห็นบรรยากาศผิดปกติ จึงรีบอธิบาย “ฮูหยิน ท่านหญิง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นการเข้าใจผิด เด็กหลายคนนั้นกับซื่อจื่อน้อยมีปากเสียงกันจนลงไม้ลงมือ คุณชายน้อยสองท่านของตระกูลหลี่และตระกูลเวินต้องการแยกพวกเขาออกจากกัน เสียแรงไปมากทีเดียว ตอนนี้บ่าวรับใช้ของสำนักศึกษากำลังไปเชิญผู้ใหญ่ในจวนของเด็กเหล่านั้นมา คิดว่าน่าจะอยู่ระหว่างทางแล้ว”เหลียงจื่ออวี้เห็นพวกเขาปกป้องกันขนาดนี้ นางกระทั่งอยากพังสำนักศึกษาเสียชุยอันหรูเอ่ยเสียงเรียบ “ก็ดี เช่นนั้นพวกเราจะรอสักครู่ อีกเดี๋ยวควรชดใช้ก็ชดใช้ ควรขอโทษก็ขอโทษ จะตัดสินว่าเป็นความผิดของผู้อื่นส่งเดช เพียงเพราะชุยหลางบาดเจ็บไม่ได้”คำพูดนี้ แม้แต่ผู้ตรวจการสำนักศึกษาที่ได้ยินยังรู้สึกละอายตั้งแต่ต้นจนจบชุยหลางปิดปากเงียบอย่างว่าง่าย ไม่แม้แต่จะโต้แย้งหลังจากหลายตระกูลนั้นมาถึง ล้วนเป็นสตรีดูท่าอย่างน้อยพวกเขาคงเข้าใจดี หากให้บุรุษออกหน้าคงไม่เหมาะสม“ฮูหยินท
“ตอนนี้เซียวรั่งแต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ในภายภาคหน้าตระกูลหลินกับตระกูลเวินก็ต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน...”เหลียงจื่ออวี้ก็นึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงถามออกมาตรง ๆ“พี่สะใภ้ ข้าย่อมมีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านมิต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังมิอาจอธิบายให้ท่านฟังได้ อย่างไรก็ตามข้ารับปากท่าน สามปีให้หลัง ตอนที่ท่านกับหลางเอ๋อร์กลับมา ผู้คนในเมืองหลวงที่ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น หากไม่ตายแล้วก็ต้องหมดสภาพ”เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของชุยอันหรู เหลียงจื่ออวี้ก็รู้ว่านางมิได้โกหกตนยิ่งไปกว่านั้นนางเข้าใจตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ภูมิหลังของนาง ความรู้ของนาง และสมองของนาง การอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ช่วยเหลือสิ่งใดชุยอันหรูได้เลย ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของนาง“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าต้องปกป้องตนเองให้ดี หลังจากสามปี เจ้าก็มิจำเป็นต้องไว้ทุกข์อีกแล้ว หากเจอบุรุษที่เหมาะสมก็อย่าพลาดโอกาสเชียว”ตอนนี้ตระกูลชุยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติช่วยชุยอันหรูจัดการเรื่องการแต่งงาน“ได้ ข้ารู้”วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจี้หลี่เลิกประชุมเช้าก็เจาะจงไปที่จวนอ๋องอี้ หลังจากเมื่อวานนางเวินไปเอะอะโวยวา
หลังจากชุยอันหรูรับมาแล้ว ก็ตั้งใจอ่านอยู่รอบหนึ่ง“ระวังว่าจวนอ๋องอี้จะไม่ส่งผลดีต่อศิษย์ของหมอเทวดา”ในตอนนั้นนางเข้าใจแล้ว ช่วงที่ศิษย์ของหมอเทวดาเข้ามาเมืองหลวงประจวบเหมาะกับองค์ไทเฮากำลังจะออกจากเมืองหลวงในสายตาของไท่เฟยจวนอ๋องอี้ ก็ยังมิแน่ว่าจะทำเพื่อรักษาลู่จิ่งเชินหากทำเพื่อให้ลู่จิ่งเชินตายเร็วขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของหมอเทวดาติดต่อกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือทำให้เขาหายตัวไปนางค่อย ๆ นำจดหมายหย่อนเข้าไปในกระถางธูป และมองดูมันกลายเป็นเถ้าถ่าน“ศิษย์พี่เข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงต้องเจอปัญหาไม่น้อย”“แน่นอนว่าจะต้องมีคนจำนวนมากแย่งชิงศิษย์ของหมอเทวดา...” ตันจูเอ่ยวิเคราะห์ตันเสวียนนิ่งเงียบ ปกตินางจะมิชอบเอ่ยขัดจังหวะตันชิงกลับเป็นคนซ่อนความในใจไม่อยู่ จึงเอ่ยออกมาตามตรงว่า “หากพูดตามหลักแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นศิษย์พี่ของท่านหญิง มิใช่คนมากมายต้องการปกป้องหรอกหรือ? อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าวันข้างหน้าตนเองและครอบครัวจะไม่เจ็บป่วยหนัก หมอธรรมดาก็ไม่อาจรักษาได้”ชุยอันหรูไม่รีบร้อนอธิบาย ตันจูจึงเอ่ยขึ้น
เซียวรั่งมิได้แสดงท่าทีใดนัก ที่จริงเขาคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ตระกูลเวินแล้ว แต่มิกล้าพูดเท่านั้นในเวลานี้นางเวินพูดออกมาแล้ว เขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นมาบ้างบางที หากมารดาสามีไปเอะอะโวยวายที่ตระกูลเวินเอง พวกเขาก็คงจะช่วยเหลือตนหลินจืออินก็คิดว่าวิธีนี้ดีเช่นกัน ในตอนนั้นนางก็นึกไม่ออกจริง ๆ“หากข้าคิดได้ พี่ชายของเจ้าจะคิดไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่มิอยากออกหน้าเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรตระกูลเวินก็มิใช่เขาเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ข้ามิเชื่อหรอกว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะไม่ช่วยข้า”เป็นจริงตามคาด ท่าทีของนางเวินเป็นไปในทิศทางที่เซียวรั่งคาดไว้ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน บ่าวรับใช้ก็เข้ามา“นายท่าน ฮูหยิน...”“มีอะไรหรือ?”สีหน้าของบ่าวรับใช้ดูแปลกชอบกล คงว่าได้ยินข่าวแปลก ๆ บางอย่างมา“ด้านนอกดูเหมือนมีคนกระจายข่าวว่า อีกไม่กี่วันศิษย์ของหมอเทวดาจะเข้ามาในเมืองหลวง...”“จริงหรือ?” เซียวรั่งแทบจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ข่าวนี้ช่างมาในเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา“มิรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็พูดต่อๆ กัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยว
เซียวรั่งกับหลินจืออินมิได้รับประโยชน์ใด ๆ และมิได้กลับจวนในทันที แต่ไปที่จวนตระกูลหลินนางเวินเห็นสีหน้าของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะพบเจอปัญหาแล้ว“มีสิ่งใดหรือ? เพราะหน้าที่ต้อนรับคณะราชทูตถูกคนแย่งไปหรือ?”หลินจืออินอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านท่านยาย...”“อยากให้ลุงเจ้าออกหน้า? เดาว่าเขาคงไม่เห็นด้วย” นางเวินคาดเดาบทสรุปได้แล้ว“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ก็มิใช่ว่าท่านลุงไม่เต็มใจ แต่เป็นพี่ชายที่ปฏิเสธ...ป้าสะใภ้ก็ไม่พูดสิ่งใดตั้งแต่แรกจนจบ จะต้องไม่อยากช่วยเหลืออย่างแน่นอน”ความขุ่นเคืองของหลินจืออินพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด“พี่ชายเจ้าผู้นี้กับหรูซวง ได้รับการอบรมสั่งสอนจากป้าสะใภ้เจ้า จึงไม่สนิทสนมกับพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราก็มิใช่คนนอก เอาแต่กังวลว่าพวกเราจะทำให้ตระกูลเวินเดือดร้อน ระแวดระวังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”หลินจืออินรีบคว้าแขนของนาง “ท่านแม่...”ตอนนี้นางเวินถึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีเซียวรั่งอยู่ข้าง ๆนางเปลี่ยนสีหน้าในทันที “เซียวรั่ง เรื่องของวันนี้ เจ้าอย่าโทษลุงเจ้าเลย เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง หากลุงเ
“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรงว่า เซียวรั่งเป็นคนที่เหมาะสมกว่า ท่านลุงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ทำเช่นนี้มิได้หรือเจ้าคะ?” หลินจืออินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเวินหรูเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ครั้งนี้คนที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นที่แน่นอนแล้วคือหลี่ฉุนจงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นพระเชษฐาแท้ ๆ ของฮองเฮา เจ้าหวังว่าจะให้ท่านพ่อใช้เหตุผลใดถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเพิกถอนเขา ทั้งยังมิทำให้ฮองเฮาทรงแค้นเคืองตระกูลเวินของพวกเรา?”คราวนี้หลินจืออินอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิงแล้ว นางมองเวินหรูเฟิงด้วยความขุ่นเคือง“ท่านพี่ ท่านดูแคลนพวกเรามากใช่หรือไม่?”เวินหรูเฟิงถึงกับงงงัน เอาความคิดนี้มาจากที่ใด?“น้องสาว เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผิดบางอย่าง”“ข้ามิได้เข้าใจผิด ข้าออกเรือนท่านก็มิได้มา พวกเรากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานท่านก็มิได้มา...”หัวข้อสนทนาของหลินจืออิน ถูกโยงไปอีกทิศทางหนึ่ง ในเวลานี้นางเมิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าพาน้องเขยมาสอบถามถึงจวนแล้ว เจ้ารีบเอ่ยขอโทษก็พอ มิต้องอธิบายให้มากความ”หลังจากนางเอ่ยจบ เริ่มแรกก็ทำเป็นตัวอย่าง “จืออินเอ๋ย สองครั้งนั้นป้าสะใภ้มีธุระก็มิได้ไปเช่นกัน แล
หลินจืออินเอ่ยจบ ทุกคนพากันเงียบสนิทความเงียบของเซียวรั่ง เป็นเพราะเสียอารมณ์กับเรื่องการแต่งงานที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นส่วนความเงียบของคนในตระกูลเวิน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางจะตามหาหมอเทวดาได้ มิเช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเขาก็คงทนรับทางด้านของไทเฮาไม่ไหวไปนานแล้ว“จืออิน ความคิดนี้ของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าพวกเรามิรู้ว่าหมอเทวดาอยู่ที่ใด...” เวินจี้หลี่อธิบายด้วยความอึดอัดใจ“เป็นไปได้อย่างไร ทุกครั้งขอเพียงท่านตาเกิดปัญหา หมอเทวดาก็มักจะมาปรากฏตัว หลายวันก่อนท่านตาทวดร่างกายไม่สบาย ก็มิใช่หมอเทวดาให้คนนำยามาส่งให้ กินยาจนกระทั่งหายจากอาการป่วย...หากพวกท่านหาเขาไม่พบ แล้วเขาจะมาปรากฏตัวอย่างทันเวลาทุกครั้งได้อย่างไร...”คำถามของหลินจืออิน ที่จริงแล้วก็สร้างความสงสัยให้ตระกูลเวินมานานมาก “จืออิน พวกเรามิรู้ที่พำนักของหมอเทวดาจริง ๆ เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอยเสมอ เมื่อหลายปีก่อนเคยมาที่จวนมหาราชครูครั้งหนึ่งจริง ๆ นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ท่านตาเจ้าล้มป่วย จะมีคนนำยามาส่งให้โดยเฉพาะ พวกเราก็ลองสะกดรอยตามคนส่งยา ทว่ากลับไม่ได้เบาะแสใดเลย”ฮูหยินผู้เฒ่าเฮ่อเป็นพยานได้ว่า พวกเขาไม่มีหนทางจริง ๆ
มหาราชครูเวินคิดจะวางมาดน่าเกรงขามตามเดิม ทว่าสำหรับหลานสาวที่เอ็นดูมาตั้งแต่เล็กผู้นี้ คงมิอาจทำได้เสียแล้ว“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกให้ตารู้ว่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่...”“หรือเป็นเพราะคำพูดที่อ๋องอี้เอ่ยในราชสำนักวันนี้ ทำให้ฝ่าบาททรงยึดหน้าที่การต้อนรับคณะทูตของเซียวรั่งกลับไป?”เวินจี้หลี่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็รู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใด“ท่านลุงยอดเยี่ยมยิ่งนัก จืออินยังมิทันเอ่ย ท่านก็คาดเดาได้ถูกแล้ว”เวินจี้หลี่ยิ้มจาง ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าหนอเจ้า วันนี้มีเพียงเรื่องเดียวนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคิดว่าจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?”“ข้าเกิดคิดถึงท่านตาท่านยาย และคิดถึงท่านลุงมิได้หรือเจ้าคะ?”หลินจืออินโผเข้าไปข้างกายเวินจี้หลี่ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง และคล้องแขนของเขาไว้“ท่านลุงพวกเราทำศึกชนะ การต้อนรับคณะทูตในครั้งนี้ ท่านโหวมิใช่คนที่เหมาะสมที่สุดหรอกหรือ? หากเปลี่ยนให้ผู้อื่นไปคงไม่มีอำนาจโน้มน้าวกระมัง?”นางเมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ดื่มชาด้วยท่าทางผ่าเผย ประโยคเดียวก็มิเอ่ยเซียวรั่งมองเห็นท่าทางของนางเมิ่ง ในใจก็นึกถึงสิ่งที่หลินจืออินบอกเขาเมื่อหลายวัน
“จืออิน เจ้ามีวิธีใด?” ในเวลานี้เซียวรั่งรู้สึกเหนื่อยใจความสุขของการมีภรรยาหลายคนที่เขาวาดฝันนอกจากจะไม่เคยได้รับ ทว่าภายใต้การจัดการต่าง ๆ นานาของชุยอันหรู กลับต้องกลายมาเป็นสภาพเช่นทุกวันนี้แม้ว่าเขาจะได้แต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ตอนกลับไปบ้านฝ่ายหญิงก็ได้พบปะคนตระกูลเวิน ทว่าทุกครั้งที่ตนเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมเยือนจวนมหาราชครู เวินจี้หลี่ก็จะใช้เหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเขาเข้าใจดี คนตระกูลเวินดูถูกเขาเพราะเขาเป็นคนทรยศจวนเจิ้นกั๋วกง“ท่านโหว พวกเราไปตระกูลเวินสักครั้งเถิด”คำพูดของหลินจืออิน ประจวบเหมาะกับทำให้จิตใจที่วิตกกังวลของเซียวรั่งได้คลายลงในทันทีเขาถึงกับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่สรรค์ประทานให้ เรื่องที่เขากลุ้มใจเป็นที่สุดก็คือจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเวินอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินจืออินจะช่วยเขาแก้ปัญหา“ตอนนี้หรือ?”น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางต่างมิกล้าพูดมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า หากตีสนิทกับตระกูลเวินได้จริง ๆ ก็จะนำพาผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้มากเพียงใด“แน่นอนว่า หากรอจนกระทั่งองค์ชายสามของต้าชิ่งผู้นั้นเสด็จมาถึง ทั้งหมดก็จะไม่
เซียวเสวี่ยหลิงชอบยกยอหลินจืออินอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะตระกูลเวินที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น ยังเป็นเพราะนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลินชวนมาตลอดแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นจวนป๋อ ทว่ากลับได้รับการเมินเฉย ทำให้นางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลหลินที่มิใช่ขุนนางใหญ่ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจตามเดิมตอนนี้นางเป็นน้องสาวของอันหนานโหวแล้ว ตามหลักแล้วก็ควรมองหาคนที่มีสถานะสูงกว่า ทว่านางยังคงทุ่มเทใจให้กับหลินชวนหลินจืออินลูบคลำท้องของตนเอง “ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สถานะของนางในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ข้ามิจำเป็นต้องพูดให้มากความ นางล่วงเกินฮองเฮากลับคิดจะหลีกหนี ทำได้ง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน ถึงแม้จะฝากฝังคนไว้กับไทเฮา แล้วจะอย่างไร? หรือว่าองค์ไทเฮาจะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว? ภายภาคหน้า ชุยหลางมิต้องการจะรับตำแหน่งต่อหรือ? คนที่นางล่วงเกินเหล่านั้น ก็ไม่คิดจะให้นางชดใช้หรือ?”เซียวเสวี่ยหลิงดูเหมือนก็ตั้งตารอคอย “คนอย่างนาง ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ข้าคลายความโกรธแค้นได้...”ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เซียวรั่งก็กลับมาแล้ว“ท่านโหว เหตุใดวันนี้ถึงกลับจวนมาเร็วเช่นนี้?”หลินจืออินรีบลุกขึ้นและเด