เข้ามาในห้องนอนแล้ว ธาราก็เดินกวาดสายตามองไปรอบห้อง ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เมื่อเห็นระเบียง ก็เปิดประตูออกไปสูดอากาศด้านนอก นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ บนห้องนอนที่อยู่ชั้นบนสุดของตัวบ้านอย่างนี้ ทำให้สามารถมองเห็นวิวบริเวณโดยรอบ ได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว
“สดชื่นจัง” ธารายืนกางแขนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หลับตาพริ้มด้วยความสบายใจ
“ทำอย่างกับไม่เคยมาที่นี่อย่างนั้นล่ะ” เหมันต์เดินเข้ามากอดหญิงสาวจากด้านหลัง ก่อนจะซุกใบหน้าคมลงที่ซอกคอขาว นัวเนียอยู่อย่างนั้น
“คุณ! ทำอะไรเนี่ย” ด้วยความลืมตัว ธาราจึงพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกโดยเร็ว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอมีสถานะเมียเขาแล้ว จึงไม่ควรจะปฏิเสธการสัมผัสให้อีกฝ่ายระแคะระคายเด็ดขาด ดีไม่ดีถ้าโดนจับได้เธอเองก็จะโดนหางเลขไปด้วย
“ทำไมไม่ขัดขืนต่อล่ะ กำลังได้อารมณ์อยู่แล้วเชียว”
“ก็ฉันเป็นเมียพ่อเลี้ยงนี่คะ ทำไมจะต้องทำอย่างนั้นด้วย”
“แล้วทำไมตอนแรกถึงทำล่ะ” เหมันต์ยังกวนไม่เลิก เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปต่อยังไง
“ก็ฉันตกใจนี่นา จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
“แสดงว่าตอนนี้ฉันจะทำอะไรก็ได้แล้วสิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ข้างใบหู ก่อนจะสูดกลิ่นหอมที่พวงแก้มขาวอย่างบรรจง มือหนาเริ่มเลื้อยเข้าไปใต้เสื้อตัวบาง
“ยะ...หยุดก่อนค่ะ นี่มันระเบียงนะคะพ่อเลี้ยง ฉันว่ามันไม่เหมาะสักเท่าไหร่” ธาราย่นคอ เอียงศีรษะหนีจากการถูกรุกราน
“ทำไมจะไม่เหมาะล่ะ ก่อนหน้าที่เธอมา เรายังเคยมีความสุขกันอยู่ตรงนี้เลย เธอเองก็ชอบไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มแกล้งพูดหยอกให้อีกฝ่ายตกใจเล่น
“จะ...จริงเหรอคะ ฉันเคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอไม่เห็นจะจำได้เลย” ธาราแกล้งทำเป็นจำไม่ได้
“มารอบนี้เธอดูเปลี่ยนไปนะ ดูหลงๆ ลืมๆ สงสัยต้องรื้อฟื้นความทรงจำซะแล้วสิ” ว่าแล้วก็ซุกไซร้ที่คอระหง สูดกลิ่นกายที่ยั่วเย้าอารมณ์ชายให้พลุ่งพล่านขึ้นทันที
“เปลืองตัวชะมัด” ธาราเผลอบ่นออกมาเบาเสียง เหมันต์ได้ยินไม่ถนัดหูจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“อะไรเปลืองๆ นะ”
“เปล่าค่ะพ่อเลี้ยง ไม่มีอะไร”
“เห็นพื้นที่สีเขียวตรงหน้านี้ไหม” เหมันต์เอ่ย ทั้งที่ยืนกอดอีกฝ่ายจากด้านหลังอยู่
“เห็น ทำไมคะ”
“พื้นที่ที่เธอเห็น เป็นของฉันหมดเลย”
“ออค่ะ” ธาราตอบสั้นๆ เธอยังคงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่
“ถ้าเธอมาช่วยฉันทำงาน ทุกอย่างทั้งหมดก็จะเป็นของเธอไปด้วยไงล่ะ”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเลยนะคะ ที่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงก็เพราะ...”
“เพราะอะไรทำไมไม่พูดต่อ ฉันอยากฟัง”
“เพราะว่า...ฉันรักพ่อเลี้ยงไงคะ” เธอไม่น่าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย อายชะมัดที่ต้องพูดคำนั้นออกไป
“รักมากแค่ไหน ไหนบอกมาซิ” เหมันต์อยากจะรู้ว่าเจ้าหล่อนจะเล่นละครได้เก่งสักแค่ไหนกันเชียว
“บอกไม่ถูกค่ะ รู้แค่ว่ารักมาก”
“ฉันเองก็รักเธอมากรู้ไหม ยอมเธอได้ทุกอย่างไม่ว่าเธอจะต้องการอะไร เพราะงั้นเธอจะต้องอยู่ที่นี่กับฉันไปตลอด ห้ามไปจากฉันเด็ดขาด วันไหนที่ฉันรู้ว่าเธอทรยศฉัน รับรองว่าเธอจะโดนฝังอยู่ที่นี่แน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้นธาราก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พอจะร้ายทำไมถึงได้น่ากลัวอย่างนี้นะ เธอคงจะยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้มากพอจริงๆ รู้แล้วว่าทำไมน้องสาวฝาแฝดถึงได้กลัวว่าผู้ชายคนนี้จะเอาเรื่อง หากรู้ความจริงเข้า กลายเป็นว่าตอนนี้เธอมารับความซวยแทนน้องสาวแท้ๆ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ฉันแค่ล้อเล่นเอง” เหมันต์ขำออกมา เมื่อแกล้งเจ้าหล่อนได้สำเร็จ ดีเหมือนกันอีกฝ่ายจะได้รู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะมาล้อเล่นได้ง่ายๆ
“จริงเหรอคะ ทำไมหน้าคุณดูจริงจังซะขนาดนั้น” ธารายังคงไม่เชื่อว่าเขาจะแค่ล้อเล่น
“ทำอย่างกับไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน เวลาเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองฉันก็เป็นคนขี้เล่นอย่างนี้ล่ะ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนงานในไร่ก็จะจริงจัง”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ” ธาราพยักหน้ายิ้มให้
“ถ้าเข้าใจแล้วเข้าไปต่อข้างในกันเถอะ ฉันอยากจะกินเธอเต็มทีแล้ว”
“กินฉัน? หมายความว่า..” นี่เธอต้องเสียตัวอีกแล้วงั้นเหรอเนี่ย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เซ็กซ์จัดขนาดนี้นะ
“ใช่...ฉันจะกินเธอไปทั้งตัวเลยล่ะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว แล้วพาเดินเข้าไปในห้องนอน เปิดประตูระเบียงไว้อย่างนั้นเพื่อรับลมเย็นๆ
เมื่อวางเจ้าหล่อนลงบนเตียงแล้ว เหมันต์ก็จัดการเปลื้องผ้าออกจนตัวเปล่าเล่าเปลือย ความเป็นชายกระเด้งโดดขึ้นมาตั้งตระหง่าน บ่งบอกว่าตอนนี้เขาพร้อมรบแล้ว ธาราได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเขินอาย
“ฉันลืมบอกเธอไปว่า ฉันเป็นคนที่มีความต้องการสูงมาก สูงจนสามารถมีอะไรกับเธอได้ทุกชั่วโมงเลยล่ะ” เขาเอ่ยแค่นั้นก็โน้มใบหน้าคมเข้ามาประกบจูบ
มือหนาข้างหนึ่งบีบเคล้นที่เนินอกกลมแน่นเต่งตึงผ่านเสื้อตัวบาง ส่วนอีกข้างก็ปลดเปลื้องกระโปรงพลิ้วสั้นออกจนพ้นตัวหญิงสาว เหลือไว้เพียงชั้นในตัวจิ๋วลูกไม้สีขาว
“อื้อ..” ธาราจำต้องร้องครวญครางในลำคอ นั่นเพราะตอนนี้ของสงวนโดนฝ่ายชายล่วงล้ำเข้าไปด้วยนิ้วมือหนา ก่อนจะกระตุกมันอย่างถี่รัวราวกับต้องการแกล้งอีกฝ่าย
“เธอกำลังยั่วฉันมากเหลือเกินน้ำค้าง” เหมันต์เอ่ยเสียงกระเส่าข้างใบหู
ธาราได้แต่เหลือบตามองเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เพราะตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังให้ความสนใจกับนิ้วที่ซุกซนอยู่นั่นเอง
“อ๊ะ...พะ...พ่อเลี้ยง” ธาราไม่อาจควบคุมความต้องการของตัวเองได้เลย ตอนนี้เจ้าหล่อนเปลือยกายล่อนจ้อน แอ่นอกรับสัมผัสจากชายหนุ่ม เขาโน้มใบหน้าคมลงมาใช้ลิ้นเย็น ตลัดเลียวนยอดอกที่ตั้งชูชันแข็งเป็นไต จนชื้นแฉะไปด้วยน้ำบ่อน้อย
ไม่นานเหมันต์ก็เปลี่ยนท่วงท่า นอนราบลงบนเตียง จับตัวหญิงสาวให้นั่งคร่อมตัวเองไว้ เขาจับมือธาราให้ไปสัมผัสแท่งร้อนที่กำลังแข็งได้ที่ ธารารู้งานรีบโน้มใบหน้าลงไป ใช้ปากครอบครองแก่นกายนั้นจนสุด ก่อนจะครูดขึ้นลงด้วยการเกร็งริมฝีปากบีบรัดไปด้วย
“ซี๊ดส์”
เหมันต์ชมลีลารักของภรรยาอย่างพอใจ แม้ว่าเธอคนนี้จะไม่ได้เร่าร้อนและลีลาเยี่ยมเหมือนน้ำค้างคนก่อน แต่เธอก็ทำให้เขามีอารมณ์ร่วมและสุขสมได้ไม่แพ้กัน
“เก่งมากครับเมียสุดที่รัก” เขาเอ่ยชมเพื่อให้เจ้าหล่อนมีความฮึกเหิมในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือครั้งที่สองของอีกฝ่าย ธาราสามารถทำให้เขาประทับใจกับลีลารักได้เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง
เหมันต์กลัวว่าตัวเองจะถึงจุดสุดยอดไปเสียก่อน เขาจึงพลิกตัวภรรยาลงไปนอนบนเตียง แยกขาเรียวทั้งสองข้างออกจากกัน ก่อนจะดันแท่งร้อนเข้าไปรวดเดียวจนสุด ธาราพยายามเกร็งขาเข้าหากัน แต่กลับโดนชายหนุ่มยกมันขึ้นไปพาดบนบ่าหนา แล้วจัดการกระแทกกระทั้นแท่งร้อนเข้าไปอย่างรุนแรง ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับหน้าเหยเก ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาบีบเคล้นที่หน้าอกคู่งามของตัวเองไปด้วย ขบริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น
ปักๆ ๆ
“ร้องดังๆ เลยครับที่รัก ร้องมันออกมาผัวอยากได้ยิน” เหมันต์ออกคำสั่งด้วยเสียงที่แหบพร่า เขาอยากได้ยินเสียงร้องรัญจวนจากอีกฝ่าย เพราะมันช่วยเพิ่มอรรถรสให้เขาได้มากเลยทีเดียว
“อ๊ะ ๆ ๆ สะ...เสียว อื้อ” ในที่สุดธาราก็กลั้นเอาไว้ไม่ได้ เธอร้องออกมาสุดเสียงไม่สามารถกั๊กความรู้สึกเอาไว้เลย
เมื่อเห็นเจ้าหล่อนมีอารมณ์ร่วมในระดับหนึ่งแล้ว เหมันต์ก็ร่ายลีลารักอย่างชำนิชำนาญ พาเธอผจญภัยกับเส้นทางแห่งรสสวาทอย่างสนุกสนานและเร่าร้อน...จนถึงปลายทางในที่สุด
“ฮัลโหลแก”(ยัยน้ำฟ้าแกอยู่ไหนยะ ทำไมไม่มาทำงาน) มะเหมี่ยวสาวร่างท้วมเพื่อนรักของน้ำฟ้า ตะโกนผ่านสายเข้ามาเสียงดัง ทำให้ปลายสายถึงกับดึงเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นให้ออกห่างจากใบหู“เบา ๆ ดิแกฉันไม่ได้หูหนวกนะยะ”(แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนบอกฉันมา)“ตอนนี้ฉันอยู่เชียงราย” น้ำฟ้าคุยสายอย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านจะเข้ามาได้ยินเอาเสียก่อน(เชียงราย! แกไปทำอะไรที่นั่น แล้วทำไมไม่บอกฉัน แล้วงานที่นี่ล่ะจะเอายังไง) มะเหมี่ยวยิงคำถามรัว จนน้ำฟ้าตอบแทบไม่ทัน“ทีละคำถามแก ฉันตอบไม่ทันหรอก”(ถ้างั้นบอกมาว่าแกไปทำอะไรที่นั่น)“ฉัน...ฉันมาทำงาน”(อ้าว! แล้วงานที่นี่ล่ะจะเอายังไง ทำอะไรไม่ปรึกษาฉันเลยเนี่ย)“ฉันขอโทษแต่มันปุบปับจริง ๆ เลยอยากวานแกช่วยแจ้งพี่นกให้หน่อยว่าฉันขอลาออก ฝากขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปลาด้วยตัวเอง”(เออ ๆ ฉันจะบอกให้ แต่ฉันยังไม่หายโกรธแกนะ ทำอย่างกับฉันไม่ใช่เพื่อนซะอย่างนั้น) มะเหมี่ยวเอ่ยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงงอน ๆ นั่นเพราะทั้งสองคนสนิทกันมาก ไปไหนไปกัน ตัวติดกันแทบตลอดเวลา เจอเข้าอย่างนี้จึงทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกพอสมควร“ฉันขอโทษจริง ๆ แก แต่มันจำเป็นจริง ๆ เอ
เหมันต์ขับรถจิ๊บพาภรรยาและลูกชายเข้าไปในไร่ ที่นี่มีอาณาเขตกว้างขวาง เขาจึงสร้างถนนคอนกรีตเชื่อมต่อพื้นที่ต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อให้สามารถนำรถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้น คนงานที่นี่อยู่กันอย่างเป็นครอบครัว และจงรักภักดีกับเหมันต์ยิ่งกว่าอะไร เพราะเขาให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน จัดหาสวัสดิการมาให้อย่างเพียงพอระหว่างนั่งรถเหมันต์ก็ทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ แนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในไร่ให้ภรรยาฟังอย่างละเอียด น้ำฟ้ารู้สึกเพลินตากับทัศนียภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากเป็นพิเศษ เธอเคยฝันว่าอยากมาใช้ชีวิตในไร่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว และตอนนี้ฝันของเธอก็ได้เป็นจริงแล้ว“พ่อเลี้ยงเก่งจังเลยนะคะ ดูแลที่นี่คนเดียวมาตลอด” เธอเอ่ยปากชม แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่สวนองุ่น ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ข้างทาง คนงานที่กำลังพรวนดินใส่ปุ๋ยอยู่ ต่างก็โบกมือทักทายผู้เป็นเจ้าของไร่พร้อมกับรอยยิ้ม“ตอนแรกก็ยังไม่เก่งหรอก แต่พอทำไปได้สักระยะประสบการณ์มันจะสอนให้เราเก่งขึ้นเองยังไงล่ะ” เขาตอบคำถามได้อย่างถ่อมตัวที่สุด“ถ้าอยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกนะคะ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียนมาสูงแต่ถ้าได้ทำจริง ๆ ฉันก็พร้อมที่จะเรียน
หลังจากพาภรรยาสาวชาวกรุงไปแนะนำให้คนงานในไร่ได้รู้จักแล้ว ในช่วงเย็นของวันเดียวกันเหมันต์ก็ได้เอ่ยปากชวนฉัตรชัยมาทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน ในขณะที่น้ำฟ้าไปเป็นลูกมือช่วยป้าบัวทำกับข้าวในครัว เหมันต์ก็ปล่อยให้แขกนั่งรออยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพัง ส่วนเจ้าตัวแอบย่องขึ้นมาบนห้องนอน เพื่อค้นหาของสำคัญอะไรบางอย่าง ที่จะสามารถยืนยันได้ว่าเธอคือภรรยาตัวปลอมเหมันต์พยายามค้นหากระเป๋าสตางค์ของน้ำฟ้าในตู้เสื้อผ้า เมื่อเจอแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะรีบเปิดมันออกมาดู เขาอยากจะรู้ความจริงว่าเจ้าหล่อนเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หน้าตาเหมือนน้ำค้างเจ้าสาวตัวจริงของเขาราวกับคนเดียวกัน“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร”เหมันต์หยิบบัตรประชาชนของน้ำฟ้าออกมาจากกระเป๋าสตางค์สีชมพูพาสเทล ก่อนจะตั้งใจกวาดสายตาอ่านชื่อที่ปรากฏบนบัตรออกเสียง“นางสาวธารา ภัทรกุล”เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเหมันต์ก็มั่นใจ ว่าสองคนนี้ต้องเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแน่นอน เพราะเขาจำทั้งชื่อและนามสกุลของน้ำค้างได้ดี แต่สิ่งที่ยังค้างคาใจในตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าน้ำค้างตัวจริงไปอยู่ไหน ทำไมถึงได้ให้เธอคนนี้เข้ามาสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนในวันนั้น
“ดีแล้วครับ ยังไงผมก็ฝากด้วยนะ ของที่พวกมันขโมยไปมีแต่ผลผลิตเกรดเอทั้งนั้นเลย ผมว่าพวกมันคงจะมีความรู้เรื่องการเกษตรพอสมควร”“ครับพ่อเลี้ยงผมจะพยายามสั่งให้คนงานเพิ่มความระมัดระวังขึ้น”“ยังไงก็อย่าหักโหมมากล่ะ ความปลอดภัยของคนงานต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง หากเจอพวกมันคุณช่วยรายงานผมทันทีด้วยนะ ผมจะไปจัดการมันด้วยตัวเอง”“ครับพ่อเลี้ยง”“ขอบใจมากที่ช่วยงานผมเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี”ฉัตรชัยทำงานที่ไร่แห่งนี้มาเกือบจะห้าปีแล้ว นั่นทำให้เหมันต์ไว้ใจลูกน้องคนนี้มาก เขาไม่เคยทำให้เหมันต์ต้องผิดหวังเลยสักครั้ง สามารถจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างได้ดี เทียบเท่าผู้เป็นเจ้าของไร่เสียด้วยซ้ำ ทำให้คนงานต่างก็รักและให้ความเคารพผู้จัดการคนนี้ไม่ต่างจากเหมันต์เลยการรับประทานอาหารมื้อเย็นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ฉัตรชัยกลับไปยังบ้านพักในไร่ ส่วนน้ำฟ้าพาคิมหันต์ขึ้นไปอาบน้ำและเข้านอน เธออ่านนิยายให้เจ้าตัวเล็กฟังจนหลับไป ก่อนจะห่มผ้าให้ ปิดไฟแล้วเดินออกมาจากห้องมือเรียวเอื้อมไปหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก็พบว่าผู้เป็นสามีได้นอนหลับอยู่บนเตียง โดยสวมใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น เห็นอย่างนั้นน้ำฟ้าก็ยิ้ม
วันนี้เหมันต์เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้าตรู่และอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน ส่วนน้ำฟ้าก็อยู่ดูแลคิมหันต์ที่บ้าน เป็นเพื่อนเล่นเหมือนเช่นทุกวัน ใจจริงเธอเองก็อยากจะเข้าไปช่วยงานในไร่บ้าง แต่ทว่าเหมันต์ยังไม่อนุญาตโดยให้เหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เธอจึงได้แต่นั่งรออยู่ที่บ้านพร้อมกับไอ้ตัวเล็ก ที่กำลังวิ่งเล่นซุกซนอยู่ตรงหน้านี้“น้องคิมอยากไปหาคุณพ่อในไร่ไหมครับ”“อยากไปสิครับ” คิมหันต์รีบวิ่งแจ้นเข้ามาหา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปหาคุณพ่อในไร่กันนะครับ”“เย้!” คิมหันต์กระโดดโลดเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้เข้าไปในไร่“ก่อนอื่นเราต้องเข้าไปในครัวก่อน แม่จะทำกับข้าวเที่ยงไปส่งคุณพ่อ เราจะได้ไม่โดนดุไงล่ะครับ” แต่ในใจน้ำฟ้ากลับคิดว่าคงไม่วายที่เหมันต์จะดุให้ แต่การเอาข้าวเที่ยงไปส่งมันน่าจะพอทุเลาลงได้บ้างเท่านั้นเอง“ครับผม”“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะครับ”น้ำฟ้าเดินจูงมือลูกเลี้ยงเข้าไปในครัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเข้ามาในห้องครัวแล้ว ก็พบว่าป้าบัวคลี่กำลังงุ่นอยู่กับการเตรียมของ สำหรับทำมื้อเที่ยงอยู่กับคำปอง น้ำฟ้าจึงเดินเข้าไปร่วมวงด้วย แต่ทว่าเมื่อคำปองเห็นเธอกลับมองด้วยหางตาอย่างขัดใจ“ป
น้ำฟ้าปั่นจักรยานเข้าไปในไร่โดยไม่รู้เส้นทาง โชคดีที่มีเด็กชายตัวน้อยที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยเป็นคนบอกทาง จุดหมายปลายทางของน้ำฟ้าก็คือไร่ส้ม ซึ่งค่อนข้างจะอยู่ไกลจากตัวบ้านพอสมควร จนทำให้เจ้าหล่อนเสียเหงื่ออยู่ไม่น้อยในการปั่นจักรยานครั้งนี้“คุณพ่อยืนอยู่นั่นไงครับ” คิมหันต์ชี้ไปข้างหน้าที่ตอนนี้กำลังมีคนงานจำนวนหลายสิบคน กำลังเร่งเก็บผลผลิตอยู่ตามจุดต่างๆ โดยมีเหมันต์กำลังยืนควบคุมดูแลกำลังอยู่ไม่ห่าง บางครั้งก็ช่วยเก็บผลส้มอีกด้วย“ถึงซะทีสินะ” น้ำฟ้าถึงกับปาดเหงื่อออกจากแก้มขาวเมื่อลงจากรถ ก่อนจะจอดจักรยานไว้ข้างรถกระบะ ที่มีตะกร้าส้มถูกนำไปวางไว้จนเกือบเต็ม“อ้าว! มาทำไมกันเนี่ยบอกให้อยู่บ้านไม่ใช่เหรอ” เหมันต์เห็นคนทั้งสองก็เดินมาหาแล้วเอ่ยถามทันที“ฉัน...ฉันเอาข้าวเที่ยงมาส่งพ่อเลี้ยงค่ะ” เธอยกปิ่นโตขึ้นให้อีกฝ่ายดูเป็นหลักฐาน“ก็น้องคิมอยากมาเที่ยวในไร่นี่ครับ อ้อนคุณพ่อแล้วก็ไม่ยอมให้มาอ่ะ”“ก็พ่อมาทำงานนี่ครับ ไม่ได้มาเที่ยวเล่นสักหน่อย”“น้องคิมอยากมาช่วยคุณพ่อทำงานนี่ครับ ไม่ได้มากวนสักหน่อย” เจ้าตัวเล็กยังไม่ยอมความ“เอาล่ะๆ มาแล้วก็เข้าไปนั่งพักใต้ร่มไม้ก่อน แดดยิ่งร้อนๆ อย
“เป็นไงบ้างวะไอ้ก้องเรื่องที่กูให้ช่วย” เหมันต์คุยสายกับเพื่อนเก่านามว่า ‘ก้องภพ’ ซึ่งเป็นตำรวจอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่เชียงราย แต่ทว่าหลังจากเรียนจบนายร้อยตำรวจก้องภพก็ได้ไปบรรจุที่เมืองหลวง(โทรมาถูกจังหวะพอดีเลยนะมึง กูได้ข้อมูลมาพอดี เธอชื่อน้ำฟ้าเป็นผู้ช่วยกุ๊กในภัตตาคารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ล่ะ แต่ตอนนี้เธอลาออกจากที่นั่นแล้ว) ก้องภพตอบกลับมา“แล้วเธอมีพี่น้องหรือเปล่าวะ” นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้เป็นที่สุด เพื่อจะช่วยคลายความสงสัยในใจได้(มีดิวะเป็นพี่น้องฝาแฝดชื่อน้ำค้าง)“กูว่าแล้วไง!” เหมันต์สบถออกมาทันทีที่ได้ยิน หน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนอย่างนั้นไม่ใช่แฝดก็บ้าแล้ว(สรุปว่าเธอคนนี้เป็นใครกันวะ หรือว่ามึงสนใจเธอ เดี๋ยวนี้ถึงขนาดกับให้ตำรวจสืบประวัติสาวแล้วเหรอวะไอ้พ่อเลี้ยง) ก้องภพเอ่ยแซวขำๆ“เปล่าเว้ยนั่นเมียกูเอง”(อ้าว! มึงให้กูไปสืบประวัติเมียตัวเองเนี่ยนะ แล้วอีกอย่างมึงไปมีเมียตั้งแต่ตอนไหนกันวะ ทำไมไม่บอกเพื่อนฝูงบ้างเลย) ก้องภพตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคนที่ตนเองสืบประวัติอยู่นั้นเป็นภรรยาเพื่อน“มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยว่ะ แล้
ป้าบัวคลี่เดินออกมาหาผู้เป็นนายที่ศาลา พร้อมกับน้ำส้มคั้นแก้วใหม่ เธอวางมันลงบนโต๊ะให้อย่างเบาเสียง แต่ทว่าเหมันต์กลับละสายตาจากเอกสารมามองทันที“อ้าว! ป้าบัวเองเหรอครับ” เหมันต์ยิ้มให้ เขาเข้าใจว่าเป็นคำปองเสียอีก หากเป็นอย่างนั้นเขาจะอบรมสั่งสอนเสียหน่อย“ค่ะป้าเอง เห็นคำปองบอกว่าพ่อเลี้ยงให้มันย้ายไปอยู่ในไร่เหรอคะ”“ใช่ครับ ผมคิดว่าคำปองไปอยู่ที่นั่นน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า”“ป้าขอโทษแทนมันด้วยนะคะพ่อเลี้ยง ที่ป้ามาเพราะอยากจะขอโทษแทนมัน และขอโอกาสให้มันได้อยู่ที่นี่ต่อจะได้ไหมคะ”“ใจจริงผมก็ไม่อยากจะใจร้าย แต่ป้าก็รู้ว่ายิ่งนานวันคำปองยิ่งล้ำเส้นผมมากขึ้น ผมกลัวว่าจะทำให้น้ำค้างเข้าใจผมผิดเข้าสักวัน”“ป้ารู้ว่าพ่อเลี้ยงไม่สบายใจ แต่ป้าขอแค่ครั้งเดียวนะคะ ถ้ามันยังทำตัวแบบนั้นกับพ่อเลี้ยงอีก ป้าเองนี่ล่ะจะเป็นคนไล่ตะเพิดมันออกไปจากบ้านเอง มันทำงานกับป้ามานานยังไงซะก็ทิ้งกันไม่ลงหรอกค่ะ”“อืม....” เหมันต์มองไปที่แก้วน้ำส้มที่วางอยู่บนโต๊ะ ขณะใช้ความคิดในการตัดสินใจเรื่องนี้ เห็นแก่ป้าบัวคลี่เขาจะให้โอกาสคำปองอีกครั้งก็แล้วกัน “ตกลงครับ ผมจะให้โอกาสคำปองอีกครั้ง รบกวนป้าช่วยอบรมเธอด้
“อา!! แม่งโคตรเสียว ตอดอย่างนี้ไม่รักได้ไงล่ะครับ” เหมันต์เอ่ยกับเจ้าหล่อนพร้อมกับจ้องมองใบหน้าสวยอย่างหื่นกระหาย“แรงๆ ได้ไหมคะฉันไม่ไหวแล้ว”“ได้เลยครับที่รัก”เหมันต์ไม่รอช้าเริ่มเร่งจังหวะกระเด้า กระแทกดุ้นใหญ่หัวบานเข้าไปในร่องสวาทไม่ยั้ง ห่างเรื่องอย่างว่าไปนานเขาไม่นึกเลยว่าน้ำฟ้าจะมีความกล้ามากขึ้นอย่างนี้ นั่นทำให้เขายิ่งพอใจในตัวเธอมากขึ้นไปอีกปับ! ปับ! ปับ!“อ๊ะๆ ๆ ๆ”แรงกระแทกทำให้หน้าอกกลมโตกระเพื่อมไปตามจังหวะ เหมันต์จึงหยุดมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บีบคลึงไปด้วยกระเด้าไปด้วยอย่างสบายอารมณ์กลีบสวาทอวบอูมทั้งสองข้างเริ่มแดงช้ำ เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นอันฉ่ำแฉะเหนียวเป็นเส้น เจ้าหล่อนกระเด้งเอวรับจังหวะเด้าของเหมันต์ไปด้วยอย่างอัตโนมัติ“มะ...ไม่ไหวแล้วแม่งเอ้ย ซี๊ดดด” เหมันต์ทำหน้าเหยเกสูดปากเสียว บั้นท้ายยังคงกระเด้งเด้าไม่ยั้งจนคนที่อยู่ใต้ร่างแทบจะแหลกคาเตียง“พะ...พร้อมกันนะคะฉันก็ไม่ไหวแล้ว” น้ำฟ้าตอบรับสามีด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วเหมันต์ก็กอดตัวภรรยาเอาไว้แน่น พรมจูบไปตามซอกคอขาวอย่างหื่นกระหาย พร้อมทั้งเร่งจังหวะกระเด้าให้แรงและเร็วขึ้น
เมื่อเคลียร์ทุกอย่างที่กรุงเทพเสร็จแล้วทั้งสามคนก็บินกลับเชียงรายทันที ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นหน้าแม่เลี้ยงของไร่อีกครั้ง เหมันต์รับสาวใช้คนใหม่มาแทนคำปองแล้ว เธอเป็นสาวเหนืออายุราวสี่สิบปี สามารถเข้ากับป้าบัวคลี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ความสุขของคนในบ้านหลังนี้ได้กลับคืนมาสมบูรณ์แบบอีกครั้งแล้ว“ป้าบัวครับทำไมคุณพ่อยังไม่มาอีก” คิมหันต์เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าเพราะนั่งรอผู้เป็นพ่อมานานหลายชั่วโมงแล้ว“อีกแปบนึงค่ะคุณหนูเดี๋ยวคุณพ่อก็มา”“คุณแม่จะกลับมาด้วยไหมครับ”“ป้ามั่นใจว่าคุณแม่ต้องกลับมาด้วยแน่นอนค่ะ”พูดยังไม่ทันขาดคำทั้งหมดก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทุกคนจึงรีบวิ่งออกไปรอต้อนรับผู้มาใหม่ทันที“คณแม่กลับมาแล้วเย้!!!”“น้องคิมลูกแม่”เมื่อเห็นเด็กชายที่เธอรักราวกับลูกแท้ๆ น้ำฟ้าก็รีบวิ่งเข้ามากอดทันที เจ้าหล่อนหอมแก้มนุ่มๆ ทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง“น้องคิมคิดถึงคุณแม่ทุกวันเลยครับ”“แม่ก็คิดถึงหนูครับ ต่อไปนี้แม่จะไม่จากหนูไปไหนแล้วนะ”“เย้! น้องคิมดีใจที่สุดในโลกเลย”“อย่ามัวแต่ดีใจจนลืมไหว้เพื่อนแม่สิครับน้องคิม” เหมันต์เอ่ยกับลูกชาย“สวัสดีครับ”“สวัสดีค่
น้ำฟ้ากลับเข้ามาทำงานที่ภัตตาคารแห่งเดิม ส่วนเรื่องที่หลับที่นอนก็กลับมาพักอยู่กับมะเหมี่ยวเพื่อนรัก แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอกลับลืมของสำคัญบางอย่างไว้ที่เชียงราย นั่นคือหัวใจและทำให้การใช้ชีวิตที่กรุงเทพไม่ได้มีความสุขเหมือนแต่ก่อน เธอเอาแต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงชายหนุ่มผู้เป็นที่รักยิ่งอยู่ทุกวันเวลา จนมะเหมี่ยวเองก็สังเกตเห็นและพยายามถามไถ่ เธอจึงยอมเล่าความจริงทุกอย่างให้เพื่อนฟัง อย่างน้อยการได้ระบายให้ใครสักคนฟังมันก็รู้สึกดีขึ้นมากอยู่ไม่น้อยเมื่อลงจากรถเมล์สายประจำแล้วสองสาวก็เดินตรงไปยังที่ทำงาน ซึ่งเดินไปตามถนนเส้นนี้อีกไม่ไกลนัก“เร็วๆ แกเดี๋ยวเข้างานสายกันพอดี” มะเหมี่ยวเอ่ยกับเพื่อนรักขณะเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างเร่งรีบ“ไม่สายหรอกน่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้แก” น้ำฟ้าบ่นให้เพื่อนขณะที่เจ้าหล่อนเดินเอ้อระเหอลอยชายอย่างไร้ชีวิตชีวา“ไม่รีบมีหวังนางยักษ์ขมูขีชี้หน้าด่าเราแน่” ที่พูดถึงนั่นคือหัวหน้าเชฟสาวใหญ่เจ้าระเบียบที่ใครๆ ต่างก็หวาดผวาเมื่อได้อยู่ใกล้“เออๆ รีบก็รีบวะ” น้ำฟ้าเอ่ยเสียงเอื่อยก่อนจะถูกเพื่อนดึงมือให้เดินตามไปเดินมาถึงหน้าภัตตาคารแล้วก็พบว่า มีชายหนุ่มหล่อสว
“ขอบคุณจ้ะป้า”เมื่อสาวใช้ทั้งสองเดินออกไปแล้ว ประจวบเหมาะว่าภูวดลก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี“อ้าว! นึกว่าขึ้นข้างบนกันหมดแล้วซะอีก” ภูวดลเลิกคิ้วมองทุกคนก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างคิมหันต์ พร้อมทั้งกอดคอเอาไว้“รอมึงนั่นล่ะไปไหนมาวะ”“กู...ไปเดินเล่นในสวนมา” จริงๆ แล้วเขาคุยสายกับน้ำฟ้าต่างหาก รายงานให้เธอรู้ว่าตอนนี้เหมันต์ปลอดภัยดีและกลับมาที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เธอจะได้สบายใจ“ยังมีอารมณ์สุนทรีย์อีกนะมึงอะ”“นิดหน่อยว่ะ” ภูวดลแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย“เอ่อ...เดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ คุยกันตามสบายค่ะ” น้ำค้างรู้สึกว่าทั้งสองคงอยากมีอะไรคุยกันเป็นการส่วนตัว“ไว้ค่อยคุยกันนะครับ” ภูวดลเอ่ยกับหญิงสาว“ค่ะ” น้ำค้างส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างภูวดล “น้องคิมขึ้นไปดูการ์ตูนข้างบนกันดีกว่าครับ”“ครับคุณแม่” คิมหันต์ตอบรับแล้วก็หันไปเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “น้องคิมขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับอาภู”“ครับผม” ภูวดลเอื้อมมือไปจับแก้มลูกชายเพื่อนอย่างเอ็นดูหลังจากทั้งสองคนเดินไปแล้วภูวดลก็หันไปสนใจเพื่อนต่อทันที เขาอยากให้เพื่อนถามไถ่เรื่องน้ำฟ้าซะเหลือเกิน แต่ทว่าเหมันต์กลับนิ่งเ
ปัง!“คุณฉัตรชัย!”ลูกตะกั่วพุ่งจากปลายกระบอกปืนของเหมันต์เข้าไปที่กลางหลังฉัตรชัย ก่อนที่เขาจะลั่นไกฆ่าลูกเมียตนเอง เหมันต์ไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเลยสักนิด หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่มีทางทำให้พ่อกับแม่ของฉัตรชัยต้องตายเด็ดขาด เพราะเขาเองก็ไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกร แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจทำเพื่อให้เด็กในท้องคำปองได้เกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกคำปองรีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวฉัตรชัยขึ้นไว้บนตักตนเอง แม้ว่าเธอจะไม่ได้รักฉัตรชัยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเขาก็คือพ่อของลูก เธอเองก็อยากให้ลูกเกิดขึ้นมาแล้วมีพ่อเหมือนคนอื่น ๆ“คุณฉัตรชัย ฮือ ๆ”“ฉะ...ฉันขอโทษที่จะทำร้ายเธอ” ฉัตรชัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับลมหายใจใกล้จะหมดลงในอีกไม่ช้า“ฉันอภัยให้คุณทุกอย่าง ฮือๆ อย่าเป็นอะไรไปนะคะคุณต้องอยู่เพื่อลูกของเรา”เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉัตรชัยก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าตนเองยังมีลูกชายไว้สืบสกุลก่อนจะตายไปจากโลกใบนี้“ลูก...ฉันกำลังจะมีลูก เฮือก!”“ใช่ค่ะเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน คุณต้องไม่เป็นไรนะ”“ดูแลลูกแทนฉันด้วยนะ อย่าให้ลูกรู้ว่ามีพ่อเลวๆ อย่างฉัน”“คุณคือพ่อของลูกฉันนะ คุณฉัตรชัย ฮือๆ ๆ” คำ
ทุกคนถูกนำตัวมานั่งรวมกันที่หน้าบ้าน ฉัตรชัยรอให้เหมันต์กลับมาที่นี่ หลังจากนั้นเขาจะจัดการฆ่าทุกคนให้ตายอย่างทรมาน“คุณแม่ครับน้องคิมกลัวฮือๆ ๆ”“ไม่ต้องกลัวนะลูกเดี๋ยวคุณพ่อก็มาช่วยเราแล้ว” น้ำฟ้ากอดปลอบใจคิมหันต์“ใช่! เดี๋ยวพ่อมึงก็จะมาช่วย กูจะได้จัดการพวกมึงไปพร้อมๆ กันยังไงล่ะฮ่าๆ ๆ” ฉัตรชัยเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงตัวคิมหันต์ออกจากอ้อมกอดของน้ำฟ้า“ไม่เอาน้องคิมไม่ไปด้วย น้องคิมเกลียดคนใจร้ายฮือๆ ๆ”“ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้สารเลว”“ปล่อยแน่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้โว้ย!”“คุณแม่ช่วยน้องคิมด้วยฮือๆ ๆ” ตอนนี้ฉัตรชัยล็อกตัวคิมหันต์เอาไว้ ก่อนจะยิงปืนขึ้นบนฟ้าหนึ่งนัดเพื่อประกาศชัยชนะที่มีต่อเหมันต์“คุณฉัตรชัยปล่อยคุณหนูเถอะนะคะ” คำปองเอ่ยขอร้องด้วยน้ำตา“หุบปาก! เธอไม่มีสิทธิ์มาขอร้องอะไรทั้งนั้น สิทธิ์ของเธอหมดตั้งแต่ไม่ไปตามนัดฉันแล้ว” ฉัตรชัยหันมาตวาดใส่หน้าทันที คำปองกำลังจะเอ่ยปากบอกความจริงว่าเธอกำลังท้อง แต่ทว่าเหมันต์กลับเข้ามาถึงเสียก่อน“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้” เหมันต์เดินเข้ามาเพียงลำพัง ส่วนภูวดลและลูกน้องแอบซุ่มอยู่บริเวณรอบบ้านไม่ให้คนของฉัตรชัยเห็น เพื่อรอเข้าโจมตีเมื่อถึงเ
เมื่อขับรถเข้ามาภายในไร่ก็พบว่าทุกอย่างกำลังอยู่ในความโกลาหล มองไปทางไหนมีแต่กลุ่มควันไฟกำลังแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ ไม่เว้นแม้กระทั่งโซนที่พักอาศัยก็ยังโดนลอบวางเพลิง คนงานต่างกำลังขนของออกจากห้องพักหนีตายกันจ้าละหวั่น นั่นทำให้พวกเขาไม่ได้มีความสนใจเรื่องอื่นๆ เลยสักนิด“แม่งเอ๊ย! มันเล่นกูทุกที่เลยว่ะ” เหมันต์สบถออกมาเสียงดัง ขณะยืนมองทุกอย่างกำลังพังทลายลงไปในพริบตา“ใจเย็นๆ มึง ตามหาตัวไอ้ฉัตรชัยกันก่อนเถอะ กำจัดตัวต้นเหตุให้ได้ก่อน”ในขณะนั้นแคนก็รีบวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคนในสภาพตัวเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากไฟไหม้“พ่อเลี้ยงครับ!”“อ้าว! แคนเอ็งเป็นไงบ้างวะ”“ผมเพิ่งเข้ามาขนของในห้องเสร็จครับ เลยรีบมาหาพ่อเลี้ยงเผื่อว่าจะมีอะไรให้ช่วย”“เอ็งไปช่วยคนอื่นๆ ก่อนละกัน ของที่เสียหายก็ไม่ต้องไปสนเอาชีวิตคนให้รอดก่อน ส่วนเรื่องไฟไหม้ข้าโทรขอความช่วยเหลือจากกู้ภัยของจังหวัดแล้วคงใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ครับพ่อเลี้ยง ถ้างั้นผมไปช่วยทางโน้นก่อนนะครับ”“ฝากด้วยนะคนที่ข้าพอจะไว้ใจได้ก็มีเอ็งคนเดียวเท่านั้นล่ะ”“ครับพ่อเลี้ยง”หลังจากแคนเดินไปแล้วทั้งสองก็กำลังจะขึ้นรถไปสำรวจรอบๆ ไร่อีกครั้ง เพื่
หลังจากคุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักแล้ว เหมันต์ก็ขึ้นไปเอาปืนในห้องนอน นั่นทำให้น้ำค้างที่กำลังจะหลับต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากแสงไฟที่สว่างจ้าขึ้นในห้อง“พ่อเลี้ยง” เจ้าหล่อนงัวเงียลุกขึ้นนั่งบนเตียง จ้องมองเหมันต์ที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่างในตู้อย่างเร่งรีบ“ไปนอนเป็นเพื่อนน้องคิมในห้องก่อนเร็ว ล็อกประตูเอาไว้อย่าออกมานอกห้องเด็ดขาด”“เกิดอะไรขึ้นคะ”“ไม่ต้องถามรีบทำตามที่ฉันบอกเร็ว”“ค่ะๆ”เหมันต์ยังไม่มีเวลาอธิบายอะไรให้เธอฟัง เพราะตอนนี้เขาต้องทำเวลาก่อนที่ฉัตรชัยจะเริ่มต้นทำสงครามในอีกไม่ช้านี้น้ำค้างรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้อง ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนของคิมหันต์ ล็อกประตูเอาไว้ แล้วเดินไปที่หน้าต่างทันที“ไฟไหม้! เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นกลุ่มควันไฟลอยคลุ้งไปทั่วท้องฟ้าตรงบริเวณกลางไร่ เจ้าหล่อนได้แต่ยืนมองอย่างกระวนกระวายใจอยู่ในห้องตามคำสั่งของเหมันต์เมื่อเหมันต์เดินลงมาด้านล่างแล้วเพื่อนรักก็มาถึงพอดี“ไอ้เหมมันเล่นมึงแล้วว่ะ ไฟเริ่มลามไปทั่วไร่แล้ว” ภูวดลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกกับเพื่อนป้าบัวคลี่และคำปองยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน“กูกำลังจะออกไป
กลับมาถึงบ้านแล้วคำปองก็รีบเข้าไปในห้องนอน เก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋าเดินทางอย่างรีบร้อน พลางคิดในใจว่าตนเองทำถูกแล้วใช่หรือไม่ที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ เธอจะปล่อยให้พ่อเลี้ยงเหมันต์ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ อย่างนั้นเหรอ คิดได้อย่างนั้นก็หยุดการกระทำดังกล่าวตั้งใจจะไปบอกให้เหมันต์ระวังตัว แต่พอนึกถึงสิ่งที่น้ำค้างพูดกับเธอก็ทำให้เจ้าหล่อนต้องเปลี่ยนใจอีกครั้ง“ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นที่หนึ่งคนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน” คำปองรีบเก็บของต่อจนเสร็จ และนั่งรอให้ถึงเวลาที่ได้นัดหมายกับฉัตรชัยเอาไว้เหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบนาทีก็จะถึงสามทุ่มตรง เจ้าหล่อนจึงถือกระเป๋าเดินทางย่องออกจากห้อง ตอนนี้ภายในบ้านมืดสนิทไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆ ทำให้ทุกอย่างดูเป็นใจไปเสียหมด“ถ้าไม่ตายคงได้พบกันใหม่นะป้า” เธอหันไปมองที่ห้องนอนป้าบัวคลี่ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วรีบเดินออกจากบ้านไปแต่ทว่าเดินออกมายังไม่พ้นประตูบ้านไฟทุกดวงก็สว่างจ้าขึ้นเสียก่อน ทำให้คำปองถึงกับหยุดชะงักมองไปรอบตัวด้วยความตื่นตกใจ“มึงจะหนีไปไหนอีคำปอง!” ป้าบัวคลี่ยืนเท้าสะเอวจ้องมองด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ข้างกันนั้นก็เป็นเหมันต์นั่นเอง“ปะ...ป้า! พ่อเลี