“เปล่า ก็แค่อยากบอกให้รู้” คณินยักไหล่ให้ ก่อนจะเห็นว่า ปิติญาดากำลังชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟ มองผ่านกระจกออกไปยังจุดปั้นถ้วยชามที่คนงานกำลังวุ่นทำกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะมีออเดอร์เข้ามาหลายออเดอร์ กลัวว่าของจะเสร็จไม่ทันวันกำหนดส่ง“เคยทำหรือยัง”“หา…” คนถูกถามสะดุ้ง“จะขายงานเซรามิคทั้งที เธอรู้ขั้นตอนการทำเซรามิคสักชิ้นแล้วหรือยัง”“ยัง” ปิติญาดาส่ายหน้าให้ ถึงจะเคยไปโรงงานเซรามิคมาหลายโรงงาน เรื่องทฤษฎีก็พอรู้มาบ้างแต่ยังไม่เคยปฏิบัติ ได้ยินแบบนั้นคณินก็เอ่ยชวน“งั้นไป เดี๋ยวฉันสอนให้”“ตอนนี้เลยเหรอ” คนถูกชวนถามเสียงตื่นๆ อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้น“ใช่…จะรออะไร ไปเร็ว” ชายหนุ่มพยักหน้าให้บอกว่าเขาพูดจริงทุกคำ ก่อนจะเดินนำออกไปข้างนอก พร้อมทั้งพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นสูง ปิติญาดาหันซ้ายหันขวาก่อนจะเดินตามชายหนุ่มออกไป เมื่อมาถึงหน้าเครื่อ
“แมวต่างหาก มองยังไงเป็นสัตว์ต่างดาว ชิชิ” ปิติญาดาหันมาย่นจมูกให้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอวาดออกจะเหมือน เหมือนที่สุดในสามโลกด้วย“แมว! มองมุมไหนก็ไม่เห็นจะเหมือนแมว เอเลี่ยนชัดๆ” คณินพยายามเพ่งมองสิ่งที่ปิติญาดาบอกว่าเป็นแมว หูยาว บนหน้ามีหนวดฝั่งละสามเส้น หน้าตาก็ประหลาด ตัวป้อมๆ ขาแทบมองไม่เห็น สิ่งนี้เรียกว่าแมวตรงไหน ปิติญาดาจึงอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ ถึงเธอจะตกวิชาศิลปะแต่เรื่องจินตนาการละก็ไม่มีทางแพ้ใคร“ก็นี่หู ตรงนี้หนวด ตรงนี้ก็แขนกับขาที่เห็นว่าขาสั้นๆ เพราะแมวตัวนี้นั่งอยู่” คนวาดแมวเอ่ยบอกตามที่เธอจินตนาการ แต่อีกคนกลับยิ้ม“เหรอ ไม่บอกไม่รู้” คนฟังส่ายหน้าให้ พยายามจะจินตนาการแมวตามภาพที่เห็น แต่ก็จินตนาการไม่ออกสงสัยเป็นแมวพันธุ์ใหม่“นายนี่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเอาเสียเลย” คนสวยเชิดหน้าให้ ถึงคนอื่นจะมองไม่ออกว่านี่คือแมว แต่ปิติญาดามองออกมีอะไรไหม แต่อยู่ๆ เธอกลับนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อคณินยื่นมือมาใกล้ ชายหนุ่มเช็ดคราบดินที
ภายในร้านกาแฟที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บรรยากาศรอบข้างกำลังเย็นสบาย เพราะที่เกาหลีตอนนี้ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว ใบไม้ทั่วเมืองกำลังเปลี่ยนสี โรแมนติกเสียยิ่งกระไร ขณะนั่งรอบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้เป็นขาช้อปในตลาดเมียงดง ต้องหทัยก็สั่งโกโก้ร้อนมาดื่มฆ่าเวลา วันนี้หญิงสาวปวดท้องเพราะรอบเดือนเล่นงาน จึงขอนั่งพักไม่เดินช้อปปิ้งอย่างเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่ในมือมีกล้องถ่ายรูปที่สามารถซูมได้ทั้งใกล้ ไกล ชัดแบบไม่เกรงใจใครอยู่หนึ่งตัว แม้จะตัวใหญ่ไปหน่อยก็ตามที แต่เธอมักจะพกติดตัวไว้ถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ พร้อมกันนั้นก็เอาไว้ถ่ายรูปหนุ่มๆ ที่หล่อเข้าตา เป้าหมายจะได้ไม่สงสัยว่าเธอกำลังมองอยู่นั่นเอง“เฮ้อ! บรรยากาศชวนให้อยากมีแฟน” คนโสดอีกคนถอนหายใจออกมา เพราะมองไปมุมไหนก็เห็นแต่หนุ่มสาวชาวเกาหลีหน้าตาสวยหล่อเดินจับมือจูงแขนกันทั้งนั้น บางคู่ก็แอบเก๋ด้วยการใส่เสื้อ กางเกง รองเท้าให้เหมือนกันบ้าง จะว่าไปในกลุ่มตอนนี้เหลือสาวโสดเพียงสองคนนั่นคือเธอกับปิติญาดา สงสัยงานนี้จะขึ้นคานเป็นแพคคู่ชัวว์!คิดเรื่องคนรักที่ไม่มีวี่แว
“เปล่า...ฉันต้องไปแล้ว เผอิญนัดเพื่อนไว้”“คุณจะอยู่ที่นี่อีกกี่วัน” ลายเจ้าชู้ไก่แจ้เริ่มทำงานอีกครั้ง คนอย่างเขตไทยไม่เคยมีวันไหนที่จะไม่บริหารเสน่ห์ หญิงสาวคนนี้ก็ถือว่าหน้าตาสวยแบบสาวหมวยตาชั้นเดียวแต่เก๋ตรงกรีดอายไลน์เนอร์ให้ดวงตาสวยคมขึ้นเป็นกอง รูปร่างอ้อนแอ้น ตัวเล็กดูบอบบาง ผิวก็ขาวเหมือนหยวก แต่ติดที่ไม่ค่อยแต่งตัวสักเท่าไหร่ ดูจะขอสวยแบบธรรมชาติเสียมากกว่า“ถามทำไมคะ” น้ำเสียงของต้องหทัยดูจะแข็งขึ้นเล็กน้อย ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่เจ้าชู้ไก่แจ้เธอก็ไม่ขอเล่นด้วยหรอกนะ เพราะไม่อยากเป็นของเล่นของใครหรือตบตีเพื่อแย่งแค่ผู้ชายให้เสียเวลา“ผมแค่อยากเลี้ยงข้าวตอบแทนกับเรื่องที่คุณช่วยผมไว้”“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”“เอาเป็นว่าผมอยากเลี้ยงข้าวแล้วกัน คุณสะดวกวันไหน” เขตไทยรุกตามขั้นตอน ก่อนจะส่งสายตาพิฆาตอันมีเสน่ห์มัดใจสาวไปยังต้องทหัย หวังให้เธอใจอ่อนและแสดงท่าทางขัดเขินออกมา แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดเมื่อหญิงสาวยังนั่งน
“คุณเขตทำงานอะไรคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามขึ้น เพราะอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของชายหนุ่มนั่นเอง โชคดีหน่อยที่เธอนั่งติดกับเขา“ผมมีโรงงานเซรามิคที่ลำปางครับ นี่ก็มาติดต่อลูกค้า”“ว้าว...อย่างนั้นเหรอค่ะ” คนถามทำเสียงตื่นเต้น แต่อีกสามสาวเฉยๆ ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันไป ส่วนพวกเธอก็เลือกอาหารก่อนจะเรียกพนักงานมารับออเดอร์“แล้วนี่ทุกคนมาเที่ยวหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น เขาสบตากับปิ่นแก้วแต่หางตานั้นกลับมองไปยังต้องหทัย“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นสาวกเกาหลี มาที่นี่บ่อยมากเหมือนบ้านหลังที่สองก็ว่าได้” ปิ่นแก้วเอ่ยตอบ หญิงสาวขัดเขินกับแววตาของเขตไทยไม่น้อย ตีความเอาเองว่าชายหนุ่มก็สนใจเธอ มาคราวนี้สงสัยจะได้กิ๊กกลับไปเมืองไทยด้วยแน่ๆ เพราะเธอนั้นมีแฟนแล้วเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้ากิ๊กน่าสนใจกว่าแฟนเธอก็ทิ้งแฟนแล้วมาคบกับกิ๊กได้แบบไม่ต้องคิดมาก“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ทุกซอกทุกมุมของที่นี่แล้วสิครับ”“ถ้าเป็นเรื่อง
ต้องทหัยนั้นสั่งตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ ไม่ยอมเผลอใจไปกับท่าทีหมาหยอกไก่ของชายหนุ่มง่ายๆ ถึงลึกๆ จะชอบเขาเป็นทุนเดิม แต่ใช่ว่าเขาจะชอบเธอตอบเสียหน่อย และดูท่าว่าชายหนุ่มเองก็เสน่ห์แรงไม่เบา เพราะบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งเกาหลีและต่างชาติ ต่างจับจ้องมาที่ชายหนุ่มที่นั่งกับเธอคนนี้เป็นระยะๆ และดูท่าเขาจะชอบเป็นเป้าสายตาของบรรดาสาวๆ เสียด้วย ยังไม่ทันจะได้เริ่มหญิงสาวก็ถอดใจเสียแล้ว คู่แข่งเยอะแบบนี้ สู้เธอชอบกับผู้ชายธรรมดาๆ มองเธอเพียงคนเดียวจะดีเสียกว่าแต่สำหรับเขตไทย คืนนี้เขาไม่ได้จงใจหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงอื่นนอกเสียจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาในเวลานี้ ชายหนุ่มพยายามงัดเสน่ห์ที่มีทุกอย่างมาใช้กับเธอ ทั้งการพูดคุย หยอกล้อ แต่กลับไม่เป็นผล เพราะต้องทหัยยังนิ่ง คล้ายไม่สนใจเขาเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มจึงรู้สึกเสียหน้านิดๆ ถ้าคณินรู้ว่าเขาจงใจจีบหญิง แต่จีบไม่ติดเพราะหญิงคนนั้นไม่สนใจ ได้หัวเราะดังไปสามบ้านแปดบ้านแน่นอน“นี่ก็ดึกแล้ว ฉันขอตัวก่อนดีกว่า”“ผมขึ้นไปส่ง” ชายหนุ่มเอ่ยอาสา แต่ต้องทหัยกลับเลี่ยงเพราะไ
“เลือกน้ำหอมให้ผมด้วยนะครับ”“อ้อ...จะเอาไปฝากแฟนเหรอคะ” ความปากไวทำให้ต้องหทัยถามแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบจากชายหนุ่ม“ก็คงประมาณนั้น”“อืม...กลิ่นนี้แล้วกันค่ะ” หญิงสาวเลือกกลิ่นน้ำหอมแบบส่งๆ เพราะไม่ได้ใส่ใจ แต่ลึกๆ แล้วเธอกำลังหมั่นไส้ชายหนุ่มอยู่ต่างหาก มีแฟนอยู่ทั้งคนก็ยังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ผู้ชายนะผู้ชาย“ผมว่าแรงไป ขอกลิ่นคล้ายๆ กับที่คุณหมวยใช้อยู่ตอนนี้จะดีกว่า ชื่นใจดี” พูดจบก็ยื่นใบหน้ามาใกล้หญิงสาว ก่อนจะทำท่าสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ ทำเอาต้องทหัยรีบห่อไหล่หลบ“แต่แฟนคุณคงไม่ชอบ”“ช่างสิ...คนดมอย่างผมชอบซะอย่าง”“ตามใจ” หญิงสาวเอ่ยรับก่อนจะเดินเลี่ยงไปเลือกน้ำหอมให้คล้ายกับกลิ่นที่เธอใช้อยู่ตอนนี้ เมื่อได้ก็หยิบใส่ตระกร้าส่วนเขตไทยนั้นได้แต่อมยิ้มเดิมตามเธออย่างเดียว พร้อมทั้งพยายามสังเกตท่าทางของหญิงสาวไปด้วยว่ารู้ส
หญิงสาวหายไปนานมาก นานจนเขตไทยเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับเธออีก เขานั่งรอในห้องเฉยๆ อีกต่อไปไม่ไหว ถึงจะเจ็บตามเนื้อตามตัวแต่ก็กัดฟันลงไปตามหาต้องหทัย พอก้าวพ้นประตูโรงแรมออกมา เขตไทยก็พบหญิงสาวเข้าพอดี เขาปรี่เข้าไปหาเธอก่อนจะสวมกอดไว้แน่น ต้องหทัยถึงกับตาโต ถุงยาในมือแทบร่วงลงพื้น“คุณหายไปไหนมา ผมเป็นห่วงแทบบ้า” เขตไทยเป็นห่วงหญิงสาวจริงๆ เขาไม่ได้พูดเล่น“ฉันไปซื้อยาไง”“ทำไมถึงได้ไปนานแบบนี้ ผมนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณเข้าเสียอีก”“เผอิญเจอตำรวจพอดี เขาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็เลยอยู่คุยด้วย ขอโทษที่ทำให้คุณห่วง” ต้องหทัยยิ้มออกมา เขาเป็นห่วงเธอจนต้องลงมาตามเลยเหรอ“รู้ตัวก็ดีแล้ว”“ปะ...ปล่อยฉันได้แล้วมั่งค่ะ คนมองใหญ่แล้ว” หญิงสาวดันอกชายหนุ่มให้ปล่อยเธอ เพราะตอนนี้สายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาดูจะมองมายังเธอและเขาเป็นตาเดียว คนก็เขินเป็นเหมือนกันนะ เขตไทยจำต้องปล่
“คืนนี้ผมยังไม่มีที่พักเลย จะมีใครสงสารผมไหมนะ” ขณะนั่งกินข้าวอยู่นั้น เขตไทยก็เอ่ยขึ้นพร้อมทำน้ำเสียงและหน้าตาให้ดูน่าสงสารเข้าไว้“อืม…”“จะไปนอนที่ไหนนะไอ้เขต คิดสิคิด” เขตไทยพึมพำถามตัวเอง ต้องหทัยส่ายหน้าให้คนเจ้าเล่ห์ มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“บ้านหมวยดีไหมคะ”“ตกลงครับ”“พูดเล่นค่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้มของเขตไทยเมื่อครู่หายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “โรงแรมในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อยเป็นพันไม่มีห้องว่างเลยสักห้องก็ให้รู้ไป”“เห็นใจผมหน่อยสิครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คุณจะไล่ผมแล้วเหรอ” ชายหนุ่มออดอ้อน แต่มีหรือกระต่ายน้อยจะหลงกลสุนัขจิ้งจอก“ไม่ได้ไล่สักหน่อย ไว้พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันก็ได้ เพราะวันนี้หมวยมีเรื่องสำคัญต้องเข้าไปบ้านเพื่อนด้วย” พูดจบต้องหทัยก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือก เพราะในใจมีเรื่องให้กังวล พอเห็นสีหน้าขอ
ความที่พักผ่อนน้อยติดต่อมาหลายวัน เช้านี้ปิติญาดาก็เดินตัวเอียงๆ ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้าลงมาชั้นล่าง บ่งบอกว่าเธอนั้นโหมงานมากจนร่างกายอ่อนล้าและมีเรื่องบางอย่างคอยกวนใจ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเรื่องที่วกไปวนมาในสมองเธอตอนนี้ดูจะมีแต่เรื่องของเสี่ยโกศล กังวลว่าจะผลิตสินค้าทันรอบจัดส่งของมิสเตอร์จากหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มคณินเองก็รับรู้ปัญหานี้ของเธอ จึงได้แต่เอาใจช่วย เพราะหญิงสาวตั้งใจกับงานนี้มาก รวมทั้งออเดอร์จากลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะที่เฝ้าให้กำลังใจปิติญาดา เขาก็ใจจดใจจ่อรอฟังข่าวจากเพื่อนตำรวจที่วานให้สืบเรื่องของเสี่ยโกศลไปในตัว แต่รายนั้นก็ยังเงียบไม่มีข่าวคืบหน้าแต่อย่างใดวันกำหนดส่งสินค้าของมิสเตอร์จางก็มาถึง ปิติญาดาลงมากรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่งขึ้นเรือ อยากตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง คณินและเขตไทยก็มาด้วย หญิงสาวยืนกระวนกระวาย เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่บริเวณท่าเรือ ภาวนาให้เสี่ยโกศลมาส่งของให้ทันเวลา“รถเสี่ยโกศลมานู่นแล้วครับ” สิ่งที่ได้ยิ
“เฮ้อ!” เมื่อวางสายจากเสี่ยโกศลแล้ว หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะกลัวว่าสินค้าจะเสร็จไม่ทันกำหนดส่ง จะยกเลิกกับทางมิสเตอร์จางก็คงไม่ได้ เห็นว่าชอบสินค้าของเสี่ยโกศลมาก ทางเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือลุ้นว่าเสี่ยโกศลจะผลิตสินค้าได้ทันตามที่สัญญา หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจทำงานของตนต่อไปโดยไม่ได้บอกให้คณินรู้เรื่องนี้ เพราะกลัวชายหนุ่มเป็นห่วงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้ นั่นคือการได้รับโทรศัพท์จากแม่แล้วนั่นเอง หลังจากที่รอมาหลายวัน ผกามาศทำตามแผนของสามี นั่นคือให้ติดต่อปิติญาดาได้แล้ว ถ้าหายไปนานกว่านี้เดี๋ยวจะผิดสังเกต“แม่จ๋า” เสียงของปิติญาดาเหมือนคนกำลังร้องไห้เพราะเธอห่วงแม่มาก พอรู้ว่าแม่สบายดีก็โล่งอก ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นาน โดยที่ผกามาศบอกลูกสาวว่ารู้เบอร์โทรศัพท์ใหม่ของปิติญาดามาจากพ่อของคณิน ซึ่งได้โทรศัพท์มาหาเพ็ญแขภรรยา“ขอโทษนะลูก ที่แม่ทำให้เป็นห่วง”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้ว่าแม่สบายดี น้ำมนต์ก็หมดห่วงแล้ว” ปิติญาดาแอบปาดน
ปิติญาดาตื่นแต่เช้า ก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปรับมิสเตอร์จางและลูกน้องมายังโรงงานของคณิน พอมาถึงชายหนุ่มคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าของหญิงสาวเป็นอย่างดีประหนึ่งลูกค้าของตัวเขาเอง มิสเตอร์จางแสดงท่าทางสนอกสนใจสินคโรงงานคณินมาก แต่นั่นก็แค่การสร้างภาพในฐานะนักธุรกิจต่อสายตาคนอื่นเท่านั้นเองเมื่อออกจากโรงงานของคณินแล้ว ปิติญาดาก็พามิสเตอร์จางไปยังโรงานของเสี่ยโกศล ซึ่งเป็นโรงงานที่ทางมิสเตอร์จางได้สั่งซื้อสินค้าเช่นกัน แต่นี่ดูจะอยู่ในแผน เพราะทางมิสเตอร์จางเจาะจงไปเองมากกว่า บอกว่าเคยเป็นลูกค้าเก่าแก่อยากแวะไปเยี่ยมเยียน ทางด้านปิติญาดานั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย ทำตามที่ลูกค้าต้องการเต็มที่ แต่สำหรับคณินดูเขาจะไม่คิดเช่นเดียวกับเธอ ตอนนี้ชายหนุ่มยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าจะได้ข่าวจากเพื่อนตำรวจเสียก่อน แต่ภาพของเขตไทยที่นั่งซึมกะทืออยู่ใต้ต้นไม้ขณะนี้ ทำให้คณินเดินเข้าไปหา“เป็นอะไรของเอ็งไอ้เขต”“คิดถึงแฟนว่ะ” เขตไทยเอ่ยตอบตามตรง เกิดมายังไม่เคยคิดถึงใครมากเท่ากับคิดถึงต้องหทัยเลยจริงๆ สงสัยต้องรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเสียแล้ว จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันไม่ต้อง
เมื่อกลับถึงบ้าน ภคมณก็เดินไปเดินมาอย่างคนใช้ความคิด เธอมีอะไรสงสัยแต่อีกใจก็กังวลว่าเธอคิดไปเอง ก่อนจะรื้อกระเป๋าสานเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอด เลื่อนขึ้นลงเพื่อหารูปที่ต้องการ เมื่อพบถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางตกอกตกใจไม่น้อย“นี่คุณลุงกับคุณป้าชัดๆ” ภคมณมือไม้สั่น ซูมรูปที่เห็นให้ใกล้ที่สุด หวนคิดถึงคำพูดของป้าสายหยุด คนที่บอกว่าพ่อของ ปิติญาดาได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกะทันหัน ส่วนแม่ก็บวชชีพราหมณ์อยู่วัดป่า แต่ทำไมสองคนนี้ถึงไปโผล่ที่ยุโรปได้“ผีหลอกเหรอเรา” คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนยุ่งก่อนจะทำหน้าขบคิด วศินที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ พอเห็นแววตาแบบนั้นของเธอก็เข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น“เป็นอะไรครับหนูจ๋า”“พี่วศินดูนี่สิคะ” พูดจบก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ชายหนุ่ม วศินรับไว้เพ่งมองอยู่นานแล้วสบตาเธอ“รูปใครครับ”“พ่อกับแม่ของน้ำมนต์”“หือ…เป็นไปได้ยังไง ก็ในเ
ปิติญาดาออกอาการเกร็งขณะนั่งรถขึ้นลำปางกับจางซีเป่า ซึ่งเขาให้เธอเรียกว่ามิสเตอร์จาง รูปร่างหน้าตาไม่สูงมาก ตาชั้นเดียวในแบบคนจีน อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว มาครั้งนี้เขาพาลูกน้องมาสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มิสเตอร์จางพูดภาษาอังกฤษได้คล่องทีเดียว เขาบอกว่ามาเมืองไทยบ่อยครั้ง เคยซื้อเซรามิคจากหลายที่เพื่อนำไปขายให้ลูกค้าชาวจีนและนักท่องเที่ยว แต่สินค้าบนเว็บไซต์ของหญิงสาวนั้นน่าสนใจและแตกต่างไปจากของรายอื่นๆ ที่เคยทำการซื้อขายกันมามาก พอได้รับคำชม ปิติญาดาก็นั่งยิ้มเมื่อถึงรีอสร์ทที่พัก มิสเตอร์จางก็เอ่ยปากชมถึงความสวยงามของศิลปะล้านนาที่ได้นำมาผสมผสานให้กลมกลืนกับความโมเดิร์ทได้อย่างลงตัว อาหารรสชาติก็ถูกปากคนจีนอย่างเขาไม่น้อย แถมยังชมปิดท้ายว่าปิติญาดาเป็นสาวแกร่ง ทำงานนี้คนเดียวได้ดีอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเธอก็รับคำชมนั้นไว้อีกครั้ง วันนี้ดูทุกอย่างดูจะราบรื่นสำหรับปิติญาดาไปเสียหมด หลังจากดูแลแขกเรียบร้อยหญิงสาวก็ขอตัวกลับ เธอเอนหลังพิงเบาะในรถยนต์ ความอ่อนล้าเข้ามาเล่นงานยามอยู่ตามลำพัง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างตัวก็ทำให้หญิงสาวคว้าขึ้นมารับ“ฮัล
ค่ำวันนั้น ปิติญาดาได้รับอีเมลหนึ่งฉบับจากลูกค้าที่จีน โดยเนื้อหาบอกว่าเขากำลังเดินทางมาเมืองไทย และอยากพบเธอวันวันแรกที่มาถึง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้จะได้ทำการสั่งออเดอร์มาแล้วแต่ก็อยากเห็นสินค้าตัวจริง รวมทั้งพูดคุยกับเธอเพื่อหาช่องทางทำธุรกิจร่วมกันด้วย เมื่อได้อ่านอีเมลจบ ปิติญาดาไม่คัดค้านที่จะไปพบลูกค้ารายนี้เลย เพราะถือว่าเธอเองก็ได้ประโยชน์เหมือนกันแต่ติดปัญหาที่เธอต้องลงไปรับเขาที่กรุงเทพฯ นี่สิ หญิงสาวจึงปรึกษาเรื่องนี้กับคณิน ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นด้วยที่เธอจะต้อนรับลูกค้าใหญ่รายนี้ แต่ถึงจะเป็นลูกค้ารายเล็กๆ เธอก็ต้องดูแล เพราะถือว่านี่คือการซื้อใจกัน ถ้าออกมาดีเธอก็จะมีพื้นที่ในการยืนทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตรวจดูตารางงานของตนเองว่าว่างตรงกับวันที่ปิติญาดาต้องขึ้นไปกรุงเทพฯ หรือเปล่า“วันนั้นพี่มีงานที่ปาย คงไปกับน้ำมนต์ไม่ได้นะครับ”“ค่ะ ไม่เป็นไร” ปิติญาดายิ้มให้ ตั้งแต่สนิทสนมกันมากขึ้นก็พอรู้ว่าชายหนุ่มนั้นทำอะไรบ้าง ไหนจะคุมงานที่โรงานเซรามิค ไหนจะงานด้านสถาปนิกตกแต่งภายในครอบว
“จริงครับ จริง” เสียงขาดๆ หายๆ ของคณินเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะครางออกมาเมื่อปิติญาดายกสะโพกขึ้นสูงก่อนจะทิ้งตัวลงมาหนักๆ ชายหนุ่มกดสะโพกเธอค้างไว้แบบนั้นก่อน ไม่นานเธอก็ค่อยๆ ขยับอีกครั้ง คงพอใจที่ได้ฟังคำตอบ แต่สำหรับคณินเขามีแผนจะทำให้ปิติญาดาสารภาพรักเขาเช่นเดียวกัน แต่แผนนั้นคงต้องเก็บไปใช้วันอื่นชายหนุ่มออกแรงพลิกตัวปิติญาดาให้ลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นทาบทับและพาเธอไปส่งยังจุดหมายปลายทางของความสุขในรักอีกครั้ง จากนั้นจึงตามเธอขึ้นไปสัมผัสความสุขเช่นเดียวกันบ้าง คืนนั้นทั้งคืนกว่าที่ปิติญาดาจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนเช้าเธอก็ยังได้รับการปลุกด้วยวิธีพิเศษของคณินอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแข้งขาอ่อนไปตามๆ กัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็มายืนส่งค้อนให้เขา“คนบ้าเซ็กส์” พูดจบก็ทุบแผงอกชายหนุ่มไปหลายครั้งอย่างเหลืออด ส่วนคณินได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอเท่านั้น ไม่เถียงที่ ปิติญาดาพูดสักคำ ก็เซ็กส์ดีๆ แบบนี้เขาไม่ต้องการก็คงกลายเป็นคนเซ็กส์เสื่อมน่ะสิ แต่ก่อนจะออกจากห้องไป ปิติญาดาก็หันมามองคณินหน้า
“กลัวพี่เข้ามาในห้องขนาดนั้นเลยหรือน้ำมนต์”“ปะ...เปล่าสักหน่อย ก็นี่เป็นบ้านพี่คิงส์ น้ำมนต์จะทำแบบนั้นกับเจ้าของบ้านได้ยังไงกัน” น้ำเสียงของปิติญาดาแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวลีบลงไปทุกขณะ หญิงสาวกระชับผ้าขนหนูแน่น หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรง เต้นไม่เป็นส่ำชวนให้เป็นลมเสียเหลือเกิน“แล้วนี่อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”“เสร็จแล้วค่ะ”“แน่ใจ พี่ยังเห็นคราบสบู่ ติดอยู่บนแก้มน้ำมนต์อยู่เลยนะ”“เอ่อ...งั้นน้ำมนต์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ทำท่าจะตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ ขอให้เข้าไปในนั้นได้ทีเถอะ เธอจะนอนในนั้นเลยคืนนี้ แต่คณินกลับดีดตัวขึ้นจากเตียง เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าไปขวางหน้าปิติญาดาเรียบร้อยพร้อมรั้งเธอเข้ามากอดแน่น เนื้อสาวนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัส ทำเอาคนหนุ่มหัวใจพองโต“พี่ก็ยังไม่ได้อาบ เอาเป็นว่าเราอาบพร้อมกันดีไหม”“เอ๋...” คนถูกชวนอุทานเสียงสูง ก่อนจะส่ายหน