ภายในร้านกาแฟที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บรรยากาศรอบข้างกำลังเย็นสบาย เพราะที่เกาหลีตอนนี้ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว ใบไม้ทั่วเมืองกำลังเปลี่ยนสี โรแมนติกเสียยิ่งกระไร ขณะนั่งรอบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้เป็นขาช้อปในตลาดเมียงดง ต้องหทัยก็สั่งโกโก้ร้อนมาดื่มฆ่าเวลา วันนี้หญิงสาวปวดท้องเพราะรอบเดือนเล่นงาน จึงขอนั่งพักไม่เดินช้อปปิ้งอย่างเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่ในมือมีกล้องถ่ายรูปที่สามารถซูมได้ทั้งใกล้ ไกล ชัดแบบไม่เกรงใจใครอยู่หนึ่งตัว แม้จะตัวใหญ่ไปหน่อยก็ตามที แต่เธอมักจะพกติดตัวไว้ถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ พร้อมกันนั้นก็เอาไว้ถ่ายรูปหนุ่มๆ ที่หล่อเข้าตา เป้าหมายจะได้ไม่สงสัยว่าเธอกำลังมองอยู่นั่นเอง“เฮ้อ! บรรยากาศชวนให้อยากมีแฟน” คนโสดอีกคนถอนหายใจออกมา เพราะมองไปมุมไหนก็เห็นแต่หนุ่มสาวชาวเกาหลีหน้าตาสวยหล่อเดินจับมือจูงแขนกันทั้งนั้น บางคู่ก็แอบเก๋ด้วยการใส่เสื้อ กางเกง รองเท้าให้เหมือนกันบ้าง จะว่าไปในกลุ่มตอนนี้เหลือสาวโสดเพียงสองคนนั่นคือเธอกับปิติญาดา สงสัยงานนี้จะขึ้นคานเป็นแพคคู่ชัวว์!คิดเรื่องคนรักที่ไม่มีวี่แว
“เปล่า...ฉันต้องไปแล้ว เผอิญนัดเพื่อนไว้”“คุณจะอยู่ที่นี่อีกกี่วัน” ลายเจ้าชู้ไก่แจ้เริ่มทำงานอีกครั้ง คนอย่างเขตไทยไม่เคยมีวันไหนที่จะไม่บริหารเสน่ห์ หญิงสาวคนนี้ก็ถือว่าหน้าตาสวยแบบสาวหมวยตาชั้นเดียวแต่เก๋ตรงกรีดอายไลน์เนอร์ให้ดวงตาสวยคมขึ้นเป็นกอง รูปร่างอ้อนแอ้น ตัวเล็กดูบอบบาง ผิวก็ขาวเหมือนหยวก แต่ติดที่ไม่ค่อยแต่งตัวสักเท่าไหร่ ดูจะขอสวยแบบธรรมชาติเสียมากกว่า“ถามทำไมคะ” น้ำเสียงของต้องหทัยดูจะแข็งขึ้นเล็กน้อย ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่เจ้าชู้ไก่แจ้เธอก็ไม่ขอเล่นด้วยหรอกนะ เพราะไม่อยากเป็นของเล่นของใครหรือตบตีเพื่อแย่งแค่ผู้ชายให้เสียเวลา“ผมแค่อยากเลี้ยงข้าวตอบแทนกับเรื่องที่คุณช่วยผมไว้”“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”“เอาเป็นว่าผมอยากเลี้ยงข้าวแล้วกัน คุณสะดวกวันไหน” เขตไทยรุกตามขั้นตอน ก่อนจะส่งสายตาพิฆาตอันมีเสน่ห์มัดใจสาวไปยังต้องทหัย หวังให้เธอใจอ่อนและแสดงท่าทางขัดเขินออกมา แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดเมื่อหญิงสาวยังนั่งน
“คุณเขตทำงานอะไรคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามขึ้น เพราะอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของชายหนุ่มนั่นเอง โชคดีหน่อยที่เธอนั่งติดกับเขา“ผมมีโรงงานเซรามิคที่ลำปางครับ นี่ก็มาติดต่อลูกค้า”“ว้าว...อย่างนั้นเหรอค่ะ” คนถามทำเสียงตื่นเต้น แต่อีกสามสาวเฉยๆ ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันไป ส่วนพวกเธอก็เลือกอาหารก่อนจะเรียกพนักงานมารับออเดอร์“แล้วนี่ทุกคนมาเที่ยวหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น เขาสบตากับปิ่นแก้วแต่หางตานั้นกลับมองไปยังต้องหทัย“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นสาวกเกาหลี มาที่นี่บ่อยมากเหมือนบ้านหลังที่สองก็ว่าได้” ปิ่นแก้วเอ่ยตอบ หญิงสาวขัดเขินกับแววตาของเขตไทยไม่น้อย ตีความเอาเองว่าชายหนุ่มก็สนใจเธอ มาคราวนี้สงสัยจะได้กิ๊กกลับไปเมืองไทยด้วยแน่ๆ เพราะเธอนั้นมีแฟนแล้วเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้ากิ๊กน่าสนใจกว่าแฟนเธอก็ทิ้งแฟนแล้วมาคบกับกิ๊กได้แบบไม่ต้องคิดมาก“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ทุกซอกทุกมุมของที่นี่แล้วสิครับ”“ถ้าเป็นเรื่อง
ต้องทหัยนั้นสั่งตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ ไม่ยอมเผลอใจไปกับท่าทีหมาหยอกไก่ของชายหนุ่มง่ายๆ ถึงลึกๆ จะชอบเขาเป็นทุนเดิม แต่ใช่ว่าเขาจะชอบเธอตอบเสียหน่อย และดูท่าว่าชายหนุ่มเองก็เสน่ห์แรงไม่เบา เพราะบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งเกาหลีและต่างชาติ ต่างจับจ้องมาที่ชายหนุ่มที่นั่งกับเธอคนนี้เป็นระยะๆ และดูท่าเขาจะชอบเป็นเป้าสายตาของบรรดาสาวๆ เสียด้วย ยังไม่ทันจะได้เริ่มหญิงสาวก็ถอดใจเสียแล้ว คู่แข่งเยอะแบบนี้ สู้เธอชอบกับผู้ชายธรรมดาๆ มองเธอเพียงคนเดียวจะดีเสียกว่าแต่สำหรับเขตไทย คืนนี้เขาไม่ได้จงใจหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงอื่นนอกเสียจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาในเวลานี้ ชายหนุ่มพยายามงัดเสน่ห์ที่มีทุกอย่างมาใช้กับเธอ ทั้งการพูดคุย หยอกล้อ แต่กลับไม่เป็นผล เพราะต้องทหัยยังนิ่ง คล้ายไม่สนใจเขาเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มจึงรู้สึกเสียหน้านิดๆ ถ้าคณินรู้ว่าเขาจงใจจีบหญิง แต่จีบไม่ติดเพราะหญิงคนนั้นไม่สนใจ ได้หัวเราะดังไปสามบ้านแปดบ้านแน่นอน“นี่ก็ดึกแล้ว ฉันขอตัวก่อนดีกว่า”“ผมขึ้นไปส่ง” ชายหนุ่มเอ่ยอาสา แต่ต้องทหัยกลับเลี่ยงเพราะไ
“เลือกน้ำหอมให้ผมด้วยนะครับ”“อ้อ...จะเอาไปฝากแฟนเหรอคะ” ความปากไวทำให้ต้องหทัยถามแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบจากชายหนุ่ม“ก็คงประมาณนั้น”“อืม...กลิ่นนี้แล้วกันค่ะ” หญิงสาวเลือกกลิ่นน้ำหอมแบบส่งๆ เพราะไม่ได้ใส่ใจ แต่ลึกๆ แล้วเธอกำลังหมั่นไส้ชายหนุ่มอยู่ต่างหาก มีแฟนอยู่ทั้งคนก็ยังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ผู้ชายนะผู้ชาย“ผมว่าแรงไป ขอกลิ่นคล้ายๆ กับที่คุณหมวยใช้อยู่ตอนนี้จะดีกว่า ชื่นใจดี” พูดจบก็ยื่นใบหน้ามาใกล้หญิงสาว ก่อนจะทำท่าสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ ทำเอาต้องทหัยรีบห่อไหล่หลบ“แต่แฟนคุณคงไม่ชอบ”“ช่างสิ...คนดมอย่างผมชอบซะอย่าง”“ตามใจ” หญิงสาวเอ่ยรับก่อนจะเดินเลี่ยงไปเลือกน้ำหอมให้คล้ายกับกลิ่นที่เธอใช้อยู่ตอนนี้ เมื่อได้ก็หยิบใส่ตระกร้าส่วนเขตไทยนั้นได้แต่อมยิ้มเดิมตามเธออย่างเดียว พร้อมทั้งพยายามสังเกตท่าทางของหญิงสาวไปด้วยว่ารู้ส
หญิงสาวหายไปนานมาก นานจนเขตไทยเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับเธออีก เขานั่งรอในห้องเฉยๆ อีกต่อไปไม่ไหว ถึงจะเจ็บตามเนื้อตามตัวแต่ก็กัดฟันลงไปตามหาต้องหทัย พอก้าวพ้นประตูโรงแรมออกมา เขตไทยก็พบหญิงสาวเข้าพอดี เขาปรี่เข้าไปหาเธอก่อนจะสวมกอดไว้แน่น ต้องหทัยถึงกับตาโต ถุงยาในมือแทบร่วงลงพื้น“คุณหายไปไหนมา ผมเป็นห่วงแทบบ้า” เขตไทยเป็นห่วงหญิงสาวจริงๆ เขาไม่ได้พูดเล่น“ฉันไปซื้อยาไง”“ทำไมถึงได้ไปนานแบบนี้ ผมนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณเข้าเสียอีก”“เผอิญเจอตำรวจพอดี เขาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็เลยอยู่คุยด้วย ขอโทษที่ทำให้คุณห่วง” ต้องหทัยยิ้มออกมา เขาเป็นห่วงเธอจนต้องลงมาตามเลยเหรอ“รู้ตัวก็ดีแล้ว”“ปะ...ปล่อยฉันได้แล้วมั่งค่ะ คนมองใหญ่แล้ว” หญิงสาวดันอกชายหนุ่มให้ปล่อยเธอ เพราะตอนนี้สายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาดูจะมองมายังเธอและเขาเป็นตาเดียว คนก็เขินเป็นเหมือนกันนะ เขตไทยจำต้องปล่
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวออกไปแล้วชายหนุ่มก็ปิดประตูลงกลอนคล้ายมีความลับ เสร็จแล้วจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ปิติญาดานั่งเมื่อครู่ เว็บไซต์ของหญิงสาวยังเปิดค้างอยู่ที่หน้าจอ เว็บไซต์ที่เธอบอกว่าเพื่อนช่วยทำให้ ก็ทำออกมาได้ดีและน่าดึงดูดไม่น้อย รูปสินค้าก็จัดวางได้ลงตัวชัดเจน ดีหน่อยที่เธอใช้รูปที่เขาถ่ายให้เกือบหมดคณินก็อบปี้ลิ้งเว็บไซต์นั่นไว้ ก่อนจะส่งไปให้เพื่อนซึ่งทำงานเกี่ยวกับสื่อโฆษณาช่วยโปรโมทให้เธออีกแรง ช่วยกันหลายๆ ทางจะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาก แม้งานนี้ไม่รู้จะรุ่งหรือร่วง แต่ถ้าปิติญาดาได้ลงมือทำแล้ว ชายหนุ่มก็คิดว่าต้องรุ่งเพราะเธอทุ่มสุดตัวแบบนั้น แต่เหมือนเขาจะมีแผนการบางอย่างไว้ในใจเพื่อช่วยเธอทางอ้อมความสัมพันธ์ระหว่างคณินและปิติญาดานั้นค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเฉยเมยเสียมากกว่า ทั้งคู่เหมือนจะไม่สนใจกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังแอบห่วงหากันอยู่ตลอด คณินเองนั้นห่วงแบบไม่แสดงออก ฝากป้าชื่นไปบอกแทนว่าให้ปิติญาดาพักสายตาบ้าง ไม่ต้องนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ทุกนาทีหรอก เดี๋ยวจอประสาทตาจะเสียเอาเปล่าๆ คนกลางก็ทำตามแบบไม่ขัด&n
คืนสุดท้ายก่อนที่เขตไทยตัดสินใจจะกลับเมืองไทย หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวันจนสนิมสนมมากขึ้นตามลำดับ ยิ่งมีเหตุการณ์ให้ประทับใจด้วยแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับต้องหทัยก็ยิ่งพัฒนาเร็วยิ่งขึ้น เขตไทยชวนหญิงสาวมาทานอาหารอย่างเช่นที่ได้ทำตอนอยู่ด้วยกัน แต่มื้อนี้ชายหนุ่มดูเจาะจงจะอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง โดยได้สกัดบรรดาเพื่อนๆ เธอให้ออกห่างด้วยบัตรคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังซึ่งคู่ค้าเขาให้มานั่นเอง ตั้งใจไว้ว่าวันนี้จะต้องเป็นดินเนอร์สุดแสนจะโรแมนติก ท่ามกลางไฟสลัวและเพลงเพราะๆร่องรอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าของชายหนุ่มลดลงไปมากแล้ว ขณะนั่งทานอาหารอยู่นั้น เขตไทยก็มองใบหน้าต้องหทัยตรงๆ อย่างเปิดเผยว่าเขานั้นคิดยังไงกับเธอ ถึงคนอื่นจะมองว่าชายหนุ่มเจ้าชู้ แต่คนอย่างเขาถ้าชอบใครก็จะบอกว่าชอบ พอสบสายตาแบบนั้นของเขตไทยเข้าบ่อยๆ หญิงสาวก็ออกอาการขัดเขิน ก่อนจะพูดแก้ขัด“นี่คุณเลิกมองฉันแบบนั้นสักทีได้ไหมคะ” น้ำเสียงตึงๆ ของต้องหทัยดังขึ้นเป็นการปรามให้เขาเลิกมองเธอเหมือนจะกินแบบนั้นเสียที ใช่ว่าเธอจะชอบสายตาแบบนี้สักหน่อย&l
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ เธอก็ถูกนำตัวให้มานั่งอยู่ในนี้คนเดียวอยู่นาน ปิติญาดานั่งตัวสั่นภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ได้กว้างนัก ไม่มีใครเข้ามาพูดด้วยหรือบอกว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ตำรวจที่พาตัวเธอมาก็ไม่รู้หายกันไปไหนหมด หญิงสาวกระวนกระวายใจเป็นที่สุด คิดไปต่างๆ นานา ถึงสาเหตุที่เธอถูกจับมาที่นี่ แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ จึงเลือกที่จะนั่งอยู่นิ่งๆขณะที่ภายนอก นายตำรวจชุดที่ไปบุกจับปิติญาดามานั้นก็กำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ พวกเขาไม่ได้วู่วาม แต่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนจากกรมตำรวจเช่นเดียวกัน เพราะคดีนี้โยงใยไปหลายประเทศ พยายามควานหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และคนที่พวกเขาจับมาวันนี้ดูจะหาตัวง่ายที่สุด ซึ่งเรื่องนี้นายตำรวจคนหนึ่งเกิดความสงสัยอยู่ในใจว่าปิติญาดาจะเกี่ยวข้องจริงหรือแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อปรึกษากันเรียบร้อยจึงเปิดประตูเข้าไปภายใน“ตกลงจะบอกดิฉันได้หรือยังคะ ว่านี่เกิดอะไรขึ้น” แม้จะหวาดกลัวแต่ปิติญาดาก็พยายามคุมสติไว้ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าถูกพาตัวมาที่นี่เพราะอะไร หญิงสาวจ้องนายทำตรวจทั้งสามเขม่ง“รู้ตัวว่าผิดก็รับผิดมาซะเถอะ โทษหนักจะ
แต่มรสุมอีกลูกกำลังถาโถมใส่ปิติญาดา เพราะขณะนี้ร้อยตำรวจเอกอนุภพได้ข่าวทางลับของเสี่ยโกศล หลังจากตามสืบมานาน นายตำรวจหนุ่มลงทุนปลอมตัวเข้าไปเป็นคนงานในโรงงานของเป้าหมาย กว่าจะได้ข่าวนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงดีๆ นี่เอง แต่ด้วยหน้าที่รับใช้ชาติเขาก็ต้องทำอย่างสุดความสามารถ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเสี่ยโกศลทำอะไรไว้บ้าง แต่ที่น่าหนักใจคือเรื่องนี้เกี่ยวกับคณินด้วยนี่สิ“ไอ้คิงส์เข้าไปเกี่ยวด้วยได้ยังไงวะ” นายตำรวจหนุ่มคิ้วขมวด เพราะสินค้าต้องสงสัยถูกส่งมาจากโรงงานของคณิน หรือเพราะเหตุนี้คณินถึงได้ไว้วานให้เขาตามสืบเสี่ยโกศลลับๆ แต่อนุภพก็ต้องรายงานข้อมูลที่ได้ให้ผู้บังคับบัญชารับรู้ เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับคนร้านค้ายาเสพติดรายนี้แต่ก่อนที่คำสั่งจากเบื้องบนจะลงมา นายตำรวจหนุ่มก็รีบเข้าไปหาคณินที่บ้านทันที เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ด้วยหน้าที่เขาจะไม่สามารถบอกอะไรได้ก็ตาม แต่ความเป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน เพราะมั่นใจว่าคณินไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน แต่เหมือนจะเอะใจขึ้นมาได้ ผู้กองหนุ่มจึงห
“ฟ้า...” เสียงกระเส่าของชายหนุ่มดังขึ้น ก่อนจะทำหน้าเหยเกคล้ายกับคนกำลังเจ็บปวด ลีลารักของปลายฟ้ามีเท่าไหร่ดูหญิงสาวจะงัดออกมาใช้จนหมด สร้างความพอใจให้คนได้รับเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่พงศธรทั้งอึ้งและดีใจนั่นคือการที่ปลายฟ้าดูดกลืนสายธารสีขาวที่เขาปลดปล่อยมาจนหมดนั่นต่างหากชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะรั้งเธอขึ้นมานั่งบนโซฟา จากนั้นก็เล้าโลมปรนเปรอเธอด้วยมือและลิ้นบ้าง ร่างบางของปลายฟ้าถูกยึดติดกับมุมโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก พงศธรหมดความอดทนที่จะรออีกต่อไป แม้จะถึงปลายทางไปก่อนแล้วเมื่อครู่ก็ตาม ชายหนุ่มจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะแทรกตัวเข้าหา เพียงความเป็นชายซึ่งพองขยายใหญ่จนน่ากลัวสัมผัสเสียดสีกับความสาวที่พรั่งพร้อม ทั้งคู่ถึงกับครางเสียงกระเส่าออกมาพงศธรโน้มตัวลงไปจูบปลายฟ้าอย่างหิวกระหาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหายไปสิ้น เหลือเพียงความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์เดินดินเท่านั้น มือหยาบแห้งทั้งสองข้างคลึงหน้าอกเธอไปมาทั้งซ้ายและขวา พร้อมทั้งขยับสะโพกเข้าหา ค่อยๆ ส่งตัวเองสอดประสานรุกร้ำเข้าไปภายในกายสาว แม้ครั้งแรกจะน่าอึดอัดเพราะช่องทางคับแน่น แต่ไ
ทุกวันที่ผ่านไปนั้น ภคมณและต้องหทัยต่างรอฟังข่าวของ ปิติญาดาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ยังไร้ข้อมูลใดๆ จากนักสืบที่วศินส่งไป เช่นเดียวกับนายตำรวจหนุ่มที่คอยสืบข่าวของเสี่ยโกศล แม้จะมีข้อมูลในมือแต่ก็ยังไม่แน่นพอที่จะเอาผิด ออเดอร์ของมิสเตอร์จางถูกส่งไปยังประเทศจีนแล้ว ผลตอบรับเป็นบวกอย่างที่ ปิติญาดาหวังไว้ เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี หญิงสาวก็ยิ้มแก้มแทบปริความสัมพันธ์ระหว่างต้องหทัยและเขตไทย คู่นี้แม้จะอยู่ห่างกันคนละภาค แต่ชายหนุ่มก็หมั่นลงมาหาหญิงสาวเกือบทุกอาทิตย์ จนต้องหทัยสงสารที่เขาต้องขับรถขึ้นลงกรุงเทพฯ ลำปางเป็นว่าเล่นแบบนี้ ส่วนคู่ของปิติญาดาและคณินก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่ผูกพันกันมากยิ่งขึ้น ศึกษาหัวใจของกันและกัน มองไปทางไหนโลกก็มีแต่สีชมพู ผิดกับคู่แต่งงานใหม่อย่างกิ่งดาวและพงศธร ซึ่งดูจะเกิดความขัดแย้งที่กลายเป็นรอยร้าวแบบไม่รู้ตัวเสียแล้วก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นติดกันหลายครั้งทำให้ปลายฟ้าต้องออกมาเปิดประตู ก่อนจะตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตอนนี้คือพงศธร กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวเขา“พี่ธร มาได้ยังไงคะ”
“คืนนี้ผมยังไม่มีที่พักเลย จะมีใครสงสารผมไหมนะ” ขณะนั่งกินข้าวอยู่นั้น เขตไทยก็เอ่ยขึ้นพร้อมทำน้ำเสียงและหน้าตาให้ดูน่าสงสารเข้าไว้“อืม…”“จะไปนอนที่ไหนนะไอ้เขต คิดสิคิด” เขตไทยพึมพำถามตัวเอง ต้องหทัยส่ายหน้าให้คนเจ้าเล่ห์ มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“บ้านหมวยดีไหมคะ”“ตกลงครับ”“พูดเล่นค่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้มของเขตไทยเมื่อครู่หายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “โรงแรมในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อยเป็นพันไม่มีห้องว่างเลยสักห้องก็ให้รู้ไป”“เห็นใจผมหน่อยสิครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คุณจะไล่ผมแล้วเหรอ” ชายหนุ่มออดอ้อน แต่มีหรือกระต่ายน้อยจะหลงกลสุนัขจิ้งจอก“ไม่ได้ไล่สักหน่อย ไว้พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันก็ได้ เพราะวันนี้หมวยมีเรื่องสำคัญต้องเข้าไปบ้านเพื่อนด้วย” พูดจบต้องหทัยก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือก เพราะในใจมีเรื่องให้กังวล พอเห็นสีหน้าขอ
ความที่พักผ่อนน้อยติดต่อมาหลายวัน เช้านี้ปิติญาดาก็เดินตัวเอียงๆ ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้าลงมาชั้นล่าง บ่งบอกว่าเธอนั้นโหมงานมากจนร่างกายอ่อนล้าและมีเรื่องบางอย่างคอยกวนใจ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเรื่องที่วกไปวนมาในสมองเธอตอนนี้ดูจะมีแต่เรื่องของเสี่ยโกศล กังวลว่าจะผลิตสินค้าทันรอบจัดส่งของมิสเตอร์จากหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มคณินเองก็รับรู้ปัญหานี้ของเธอ จึงได้แต่เอาใจช่วย เพราะหญิงสาวตั้งใจกับงานนี้มาก รวมทั้งออเดอร์จากลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะที่เฝ้าให้กำลังใจปิติญาดา เขาก็ใจจดใจจ่อรอฟังข่าวจากเพื่อนตำรวจที่วานให้สืบเรื่องของเสี่ยโกศลไปในตัว แต่รายนั้นก็ยังเงียบไม่มีข่าวคืบหน้าแต่อย่างใดวันกำหนดส่งสินค้าของมิสเตอร์จางก็มาถึง ปิติญาดาลงมากรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่งขึ้นเรือ อยากตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง คณินและเขตไทยก็มาด้วย หญิงสาวยืนกระวนกระวาย เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่บริเวณท่าเรือ ภาวนาให้เสี่ยโกศลมาส่งของให้ทันเวลา“รถเสี่ยโกศลมานู่นแล้วครับ” สิ่งที่ได้ยิ
“เฮ้อ!” เมื่อวางสายจากเสี่ยโกศลแล้ว หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะกลัวว่าสินค้าจะเสร็จไม่ทันกำหนดส่ง จะยกเลิกกับทางมิสเตอร์จางก็คงไม่ได้ เห็นว่าชอบสินค้าของเสี่ยโกศลมาก ทางเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือลุ้นว่าเสี่ยโกศลจะผลิตสินค้าได้ทันตามที่สัญญา หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจทำงานของตนต่อไปโดยไม่ได้บอกให้คณินรู้เรื่องนี้ เพราะกลัวชายหนุ่มเป็นห่วงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้ นั่นคือการได้รับโทรศัพท์จากแม่แล้วนั่นเอง หลังจากที่รอมาหลายวัน ผกามาศทำตามแผนของสามี นั่นคือให้ติดต่อปิติญาดาได้แล้ว ถ้าหายไปนานกว่านี้เดี๋ยวจะผิดสังเกต“แม่จ๋า” เสียงของปิติญาดาเหมือนคนกำลังร้องไห้เพราะเธอห่วงแม่มาก พอรู้ว่าแม่สบายดีก็โล่งอก ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นาน โดยที่ผกามาศบอกลูกสาวว่ารู้เบอร์โทรศัพท์ใหม่ของปิติญาดามาจากพ่อของคณิน ซึ่งได้โทรศัพท์มาหาเพ็ญแขภรรยา“ขอโทษนะลูก ที่แม่ทำให้เป็นห่วง”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้ว่าแม่สบายดี น้ำมนต์ก็หมดห่วงแล้ว” ปิติญาดาแอบปาดน
ปิติญาดาตื่นแต่เช้า ก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปรับมิสเตอร์จางและลูกน้องมายังโรงงานของคณิน พอมาถึงชายหนุ่มคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าของหญิงสาวเป็นอย่างดีประหนึ่งลูกค้าของตัวเขาเอง มิสเตอร์จางแสดงท่าทางสนอกสนใจสินคโรงงานคณินมาก แต่นั่นก็แค่การสร้างภาพในฐานะนักธุรกิจต่อสายตาคนอื่นเท่านั้นเองเมื่อออกจากโรงงานของคณินแล้ว ปิติญาดาก็พามิสเตอร์จางไปยังโรงานของเสี่ยโกศล ซึ่งเป็นโรงงานที่ทางมิสเตอร์จางได้สั่งซื้อสินค้าเช่นกัน แต่นี่ดูจะอยู่ในแผน เพราะทางมิสเตอร์จางเจาะจงไปเองมากกว่า บอกว่าเคยเป็นลูกค้าเก่าแก่อยากแวะไปเยี่ยมเยียน ทางด้านปิติญาดานั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย ทำตามที่ลูกค้าต้องการเต็มที่ แต่สำหรับคณินดูเขาจะไม่คิดเช่นเดียวกับเธอ ตอนนี้ชายหนุ่มยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าจะได้ข่าวจากเพื่อนตำรวจเสียก่อน แต่ภาพของเขตไทยที่นั่งซึมกะทืออยู่ใต้ต้นไม้ขณะนี้ ทำให้คณินเดินเข้าไปหา“เป็นอะไรของเอ็งไอ้เขต”“คิดถึงแฟนว่ะ” เขตไทยเอ่ยตอบตามตรง เกิดมายังไม่เคยคิดถึงใครมากเท่ากับคิดถึงต้องหทัยเลยจริงๆ สงสัยต้องรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเสียแล้ว จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันไม่ต้อง
เมื่อกลับถึงบ้าน ภคมณก็เดินไปเดินมาอย่างคนใช้ความคิด เธอมีอะไรสงสัยแต่อีกใจก็กังวลว่าเธอคิดไปเอง ก่อนจะรื้อกระเป๋าสานเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอด เลื่อนขึ้นลงเพื่อหารูปที่ต้องการ เมื่อพบถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางตกอกตกใจไม่น้อย“นี่คุณลุงกับคุณป้าชัดๆ” ภคมณมือไม้สั่น ซูมรูปที่เห็นให้ใกล้ที่สุด หวนคิดถึงคำพูดของป้าสายหยุด คนที่บอกว่าพ่อของ ปิติญาดาได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกะทันหัน ส่วนแม่ก็บวชชีพราหมณ์อยู่วัดป่า แต่ทำไมสองคนนี้ถึงไปโผล่ที่ยุโรปได้“ผีหลอกเหรอเรา” คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนยุ่งก่อนจะทำหน้าขบคิด วศินที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ พอเห็นแววตาแบบนั้นของเธอก็เข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น“เป็นอะไรครับหนูจ๋า”“พี่วศินดูนี่สิคะ” พูดจบก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ชายหนุ่ม วศินรับไว้เพ่งมองอยู่นานแล้วสบตาเธอ“รูปใครครับ”“พ่อกับแม่ของน้ำมนต์”“หือ…เป็นไปได้ยังไง ก็ในเ