เช้าวันนี้ก็เหมือนเช่นกับทุกวัน... หล่อนตื่นขึ้นมาพร้อมกับธนบัตรที่ถูกโปรยเอาไว้รอบตัว แม็กซิมัสเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและหัวใจของหล่อนอย่างเลือดเย็นด้วยคำว่าโสเภณีราคาถูกปั้นหยาขยับกายที่เมื่อยขบเนื่องจากถูกแรงสวาทของผู้ชายที่พร่ำบอกว่าเกลียดชังถล่มทั้งค่ำคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน พอเช้ามาเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นคือความฝัน แต่หล่อนรู้ดีว่ามันคือความจริง เพราะเขาทิ้งร่องรอยบอบช้ำเอาไว้บนเรือนร่างสาวมากมายหล่อนพยายามอดทนกับความหิวกระหายบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับโทสะร้ายแห่งความเกลียดชังของเขาโดยไม่ปริปากบ่น หล่อนจะอดทนจนกว่าจะทนไม่ไหว เพราะไม่ต้องการทำให้คุณย่าวารีไม่สบายใจฝ่าเท้าขาวสะอาดก้าวลงแตะกับพื้นห้อง และก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ตลอดเวลาที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว หัวสมองก็อดคิดถึงผู้ชายใจร้ายอย่างแม็กซิมัสไม่ได้การมีเขาอยู่ในโลกของหล่อน มันทำให้ทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป แม้เขาจะโหดร้าย และกระทำกับกายสาวอย่างป่าเถื่อน แต่ในสัมผัสหยาบกระด้างนั้น มันก็ก่อเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในหัวใจของหล่อนลุ่มหลง...ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะไม่รังเกียจสัมผัสหิวกระหายหยาบคายของแ
“ได้สิน้องอัน พี่ยินดี” ปั้นหยายิ้มกว้าง ดีใจกับอันนาด้วยที่จะได้ไปถือศีลบริสุทธิ์ “แล้วน้องอันจะไปเมื่อไหร่จ๊ะ แล้วบอกคุณย่าหรือยัง”“เอ่อ... อันไม่ได้บอกคุณย่าหรอกค่ะ เพราะท่านคงไม่เชื่อว่าอันจะไปถือศีลจริงๆ พี่หยาก็รู้ว่าคุณย่าไม่รักอัน”“ไม่จริงหรอกจ้ะน้องอัน คุณย่ารักเราสองคนเท่ากันเสมอ เพราะท่านเลี้ยงพวกเรามากับมือ”“แต่อันไม่อยากบอกคุณย่า... พี่หยารับปากกับอันนะคะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณย่า”ปั้นหยารู้สึกลำบากใจ แต่ก็ตอบรับออกไป “จ้ะ พี่รับปาก พี่จะไม่บอกเรื่องที่น้องอันจะไปถือศีลให้คุณย่ารู้”“ขอบคุณมากค่ะพี่หยา แล้วอันก็จะไปถือศีลเย็นนี้ค่ะ”“เย็นนี้เลยเหรอ” เพราะมันค่อนข้างฉุกละหุกทำให้ปั้นหยานิ่งไปเล็กน้อย“อันอยากให้จิตใจสงบเร็วๆ น่ะค่ะ แต่ถ้าพี่หยาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ อันไปกับนกสองคนก็ได้”“พี่ว่างจ้ะ พี่จะไปด้วย”“ขอบคุณมากค่ะพี่หยา...” อันนาลอบยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะสวมกอดปั้นหยาเอาไว้“อันดีใจนะคะที่พี่หยาไม่โกรธอัน เรื่องที่อันเคยทำไม่ดีเอาไว้กับพี่หยาตั้งมากมาย”“พี่จะโกรธน้องสาวของตัวเองได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ เรามีกันอยู่แค่นี้นะน้องอัน”อันนาเงยหน้าขึ้นจากบ่าแบบบางของป
แม้จะรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ แต่ปั้นหยาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร หล่อนยิ้มให้กับอันนา และก็นั่งมองวิวข้างทางไปเงียบๆ จึงไม่ทันได้เห็นสายตามาดร้ายของอันนาที่ลอบมองมารถตู้ขับไปได้สักระยะก็หักเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว หล่อนรีบหันไปถามอันนาด้วยความแปลกใจ“น้องอัน ทางไปอยุธยาไม่น่าจะดูเปลี่ยวแบบนี้นะจ๊ะ”“น่าจะเป็นทางลัดมั้งคะพี่หยา” อันนาไม่ได้มีทีท่าทุกข์ร้อนอะไรเลยปั้นหยานั่งกระสับกระส่ายไปสักพักก็ทนไม่ไหว จึงถามอันนาอีก ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถตู้จอดพอดิบพอดี“น้องอัน... พี่ว่ามันแปลกๆ แล้วนะ ว้ายยย”ผ้าที่มีกลิ่นฉุนถูกกดเอาไว้บนปากและจมูกของหล่อน โดยฝีมือของอันนา ดวงตาของปั้นหยาเบิกโพลง หล่อนพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะสารเคมีที่ได้รับได้ สุดท้ายสติสัมปชัญญะของหล่อนดับวูบลงอันนาหัวเราะสะใจ ก่อนจะหันไปสั่งประวิทย์ที่ยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ“รีบมาลากมันเข้าไปในโกดังสิพี่วิทย์”ประวิทย์เปิดประตูรถลงมา แล้วก็ทำตามคำสั่งของอันนาด้วยการแบกร่างไร้สติของปั้นหยาเข้าไปในโกดัง โดยมีอันนาเดินตามหลังมาติดๆร่างของปั้นหยาถูกวางเอาไว้ริมผนัง และประวิทย์ก็หันมาพูดกับอันนา“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปน้
เสียงหวอของรถตำรวจดังกังวานขึ้นใกล้ๆ ทำให้คนที่ถูกโปะยาสลบจนหลับใหลค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น ปั้นหยากำลังจะยกมือขึ้นกุมศีรษะ แต่แล้วก็พบว่ามีปืนอยู่ในมือของตนเองหล่อนหน้าซีดตกใจมาก และมองไปรอบๆ ตัวทันที ก่อนจะพบว่าอันนานอนสลบอยู่ ศีรษะมีแต่เลือดไหลนอง“น้องอัน...”หล่อนรีบวิ่งเข้าไปหา โดยลืมที่จะทิ้งปืนออกจากอุ้งมือ ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แม็กซิมัสปรากฏตัวขึ้นพอดิบพอดี“คุณแม็ก...”แม็กซิมัสแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย ภาพที่เห็นตอนนี้มันทำให้เขาขยะแขยงปั้นหยาเหลือเกิน“ผู้หญิงใจชั่ว!”“หยา... หยาไม่ได้ทำอะไรนะคะ”ปั้นหยาโยนปืนทิ้ง ส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา ตอนนี้หล่อนเองก็ยังงงอยู่เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตัวเองถึงมานอนอยู่ที่นี่ และทำไมอันนาถึงมีสภาพแบบนั้น“ภาพมันฟ้องชัดเจนขนาดนี้ ยังจะมาตอแหลอีกหรือ เสียแรงที่ฉันคิดว่าเธอจะกลับตัวกลับใจ สารเลว!”แม็กซิมัสด่าอย่างโกรธแค้น ขณะรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของอันนาเอาไว้แนบอก“น้องอัน... น้องอันอย่าเป็นอะไรนะครับ”“หยา... ไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ หยา...”“เอาไว้แก้ตัวกับตำรวจก็แล้วกัน” เขาตวาดลั่น ยกมือขึ้นลูบใบหน้าบอบช้ำของอันนาอย่างห่วงใย
“เฮ้ย... เรื่องจริงหรือวะนั่นไอ้แม็ก”เสียงตกใจของเคลวินดังลั่นมาตามสาย หลังจากที่เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนให้ฟัง“ฉันจะไปโกหกทำไมล่ะ นี่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่ดูแบบบางแบบแม่นั่นจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้”“นั่นสิวะ แล้วสรุปคุณหยานี่ยิงคนร้ายปางตายเลย จริงหรือเปล่าวะ”“แม่นั่นปฏิเสธ บอกไม่ได้ยิง”“แล้วตำรวจว่าไง ตรวจคราบเขม่าดินปืนที่มือของคุณหยาเจอไหม”“ไม่เจอ”“งั้นก็แสดงว่าคุณหยาพูดความจริงน่ะสิ”“ฉันไม่รู้ว่ะ แต่น้องอันบอกว่าเห็นปั้นหยายิงคนร้ายกับตา แล้วปั้นหยาก็ใส่ถุงมือ”“ฉันว่ามันทะแม่งๆ วะ” เคลวินเอ่ยมาตามสาย แต่แม็กซิมัสสงสารอันนาจนมองไม่เห็นพิรุธอะไรเลย“มันไม่มีอะไรทะแม่งหรอกไอ้เคน สรุปก็คือผู้หญิงสารเลวคนนั้นต้องการจะกำจัดน้องอัน เพื่อที่จะได้อยู่กับฉันโดยไม่ต้องหย่าร้างเมื่อครบกำหนดหนึ่งปี เป็นไงล่ะ เลวชาติชั่วไหม”“นี่นายสันนิษฐานเอาเอง หรือว่าน้องอันบอกนายล่ะ“น้องอันบอกมา แต่ถึงน้องอันไม่บอก ฉันก็คิดได้เองอยู่แล้วล่ะ เพราะมันไม่สาเหตุอื่นอีกแล้ว”เคลวินถอนใจแรงๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนายจะเอายังไงต่อไปล่ะ คุณหยาเมียแต่งนายนะโว้ย”“ฉันจะทำให้แม่นั่นตายท
สองอาทิตย์แล้วที่หล่อนหอบหัวใจและร่างกายอันบอบช้ำหนีจากแม็กซิมัสกลับมาอยู่ที่บ้านของคุณย่าวารี โดยที่เขาไม่ได้ไยดีแม้แต่จะโทรมาถามไถ่แม้แต่ครั้งเดียวปั้นหยาน้ำตาริน มองนาฬิกาที่ผนังด้วยหัวใจแหลกลาญ เพราะวันนี้คือวันที่หล่อนมีนัดกับแม็กซิมัสที่เขตเพื่อจดทะเบียนหย่า“หยาแน่ใจแล้วนะว่าจะทำแบบนี้น่ะ”คุณย่าวารีถามหล่อนเมื่อคืน และหล่อนก็ยืนยันคำเดิมว่าหล่อนต้องการหย่าขาดจากผู้ชายไร้หัวใจอย่างแม็กซิมัสเขาใจดีกับผู้หญิงทั้งโลก ยกเว้นแค่หล่อนเพียงคนเดียว ซึ่งหล่อนก็จะไม่โง่ยอมให้เขารังแกอีกแล้ว“คุณหยาคะ คุณหมอแม็กมาแล้วค่ะ”หลังมือเล็กรีบป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะหันไปฝืนยิ้มให้กับเด็กรับใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกล“บอกรอแป๊บนะจ๊ะ เดี๋ยวหยาลงไปจ้ะ”“ค่ะคุณหยา”ปั้นหยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ภาพของผู้หญิงหน้าตาเศร้าหมองน่าเวทนาสะท้อนออกมา มันช่างดูน่าสังเวชใจยิ่งนักร่างแบบบางของปั้นหยาดูผอมลงไปถนัดตาภายในระยะเวลาแค่สองอาทิตย์เท่านั้น แม็กซิมัสรู้สึกใจหายไม่ได้ ความรู้สึกห่วงใยเกิดขึ้นอย่างลืมตัว เมื่อเห็นร่างเล็กโงนเงนจะล้ม เขาจึงรีบเดินเข้าไปประคอง“ไม่สบายก็โทรเลื่อนฉันได้นี่”สั
โลกของหล่อนพังทลายลงหมดแล้ว...ปั้นหยานอนน้ำตาซึมอยู่ภายในห้องพักด้วยความชอกช้ำ หลังจากที่หล่อนต้องทำเป็นยิ้มคล้ายกับไม่เป็นอะไรต่อหน้าคุณย่าวารีเมื่อตอนเย็นหล่อนรักแม็กซิมัส และไม่ว่าเขาจะร้ายกาจ เหี้ยมโหด ไร้เมตตาด้วยสักแค่ไหน หัวใจไม่รักดีของหล่อนก็รักเขา และก็รักเขาไม่เสื่อมคลายหล่อนเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เกลียดที่รักผู้ชายใจร้ายคนนั้น ทั้งๆ ที่เขาไม่มีทางเผื่อแผ่เสี้ยวเศษความรักมาให้ ทุกถ้อยคำของเขาล้วนแต่ทำร้ายทำลายความรู้สึกของหล่อนเสมอแต่หล่อนก็ยังรัก...เสียงสะอื้นไห้แผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม หยาดน้ำตาอุ่นๆ ไหลรินไม่ขาดสายเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังกังวานขึ้น หล่อนจำต้องควานหามันมากดรับ“สวัสดีค่ะ”“น้องหยา... พี่ไตรทศครับ”“เอ่อ... สวัสดีค่ะพี่ไตร” หล่อนจำต้องปั้นเสียงให้ราบเรียบเป็นปกติที่สุด“น้องหยานอนหรือยังครับ พี่โทรมากวนหรือเปล่า”“เอ่อ... เตรียมตัวจะนอนแล้วค่ะ พี่ไตรมีธุระอะไรกับหยาเหรอคะ”“พี่... เอ่อ... พี่ไม่รู้จะพูดยังไงดี” ไตรทศอึกอักไปเล็กน้อย เพราะพยายามจะเรียบเรียงถ้อยคำให้ฟังง่ายที่สุด“พี่ไตรพูดได้เลยค่ะ หยาฟังได้ทุกอย่างค่ะ”“คือ... เอ่อ
ประตูร้านอาหารที่ไตรทศพาหล่อนมารับประทานอาหารเที่ยงถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างสูงใหญ่คุ้นตาของผู้ชายที่หล่อนไม่เคยลืมเลือนจะก้าวเข้ามา ข้างกายของเขามีอันนาตามติดมาด้วยหล่อนหน้าซีดเผือด มือกำช้อนสเตนเลสแน่นอย่างลืมตัว ดวงตาไม่อาจจะละไปจากความสง่างามของแม็กซิมัสได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว จนกระทั่งเขาหันมามอง สบประสานสายตากัน หล่อนก็รู้สึกราวกับถูกดูดให้จมหายลงไปในบ่อโคลนทำไมหล่อนจะต้องมาเจอเขาที่นี่...ปั้นหยาถามตัวเองอย่างเจ็บช้ำ ก่อนจะกัดปากแรงๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา และหล่อนก็ทำได้ในที่สุด หล่อนสามารถแกะสายตาจากเรือนร่างของเขาลงมองจานอาหารได้สำเร็จและการพบกันโดยบังเอิญครั้งนี้ไม่ได้มีผลต่อปั้นหยาเพียงคนเดียว แต่สำหรับแม็กซิมัสก็ไม่ต่างกันเขายืนนิ่งอยู่กับที่ ก้าวเท้าไม่ออก ดวงตาจ้องเขม็งไปที่หล่อน อดีตภรรยาที่เพิ่งหย่าร้างกันไปเพียงแค่ไม่กี่วันหล่อนกำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับผู้ชายท่าทางภูมิฐานคุ้นตาคนหนึ่ง และไม่ได้มีทีท่าแยแสต่อการปรากฏตัวของเขาเลยแม้แต่น้อยให้ตายเถอะ เขารู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน ที่เห็นหล่อนยิ้มให้กับผู้ชายคนนั้นมือใหญ่ข้างลำตัวกำเป็นกำปั้น กรามแกร่งขบกันแน