ร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรของ แม็กซิมัส ซาเมนดอฟ ก้าวเข้ามาภายในไนต์คลับหรูใจกลางเมืองหลวง เพื่อมาตามนัดของเหล่าเพื่อนสนิทอีกสามคนที่นานๆ จะมีโอกาสได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที
พวกเขาทั้งสี่คนแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตนเองหลังจากเรียนจบจาก Princeton University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League ของประเทศสหรัฐอเมริกา
“เฮ้...”
แม็กซิมัสยกมือขึ้นโบกทักทายกลุ่มเพื่อน เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสามคนในระยะไม่ไกลนัก สองเท้ารีบก้าวเดินเข้าไปหา
“โทษทีนะที่มาสาย พอดีเพิ่งไปส่งอันนาที่บ้านน่ะ”
แม็กซิมัสอธิบายเหตุผลที่ตนเองมาช้ากว่าเวลานัดกับเพื่อนของตนเองด้วยความไม่สบายใจนัก
“เฮ้ย ไม่ต้องขอโทษหรอก พวกฉันก็เพิ่งมาถึงไม่นานเหมือนกัน”
เคลวิน แม็คคลาเรน เจ้าของไร่ชาใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะใช้สายตาคมเข้มสีน้ำตาลของตนเองมองเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้เจอกันนักอย่างสำรวจตรวจตรา ก่อนจะพบว่าหนึ่งในสี่จตุรเทพแห่งปริ้นซ์ตันหล่อเหลาขึ้นมาก และกาลเวลาไม่อาจจะทำร้ายได้เลย
ดวงตาของแม็กซิมัสที่อยู่ใต้คิ้วหนาดกเป็นสีเขียวจัด จมูกโด่งเป็นสันอย่างผู้ดี ริมฝีปากบางเฉียบหยักสวยน่ามอง แต่หากยามที่แม็กซิมัสไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาจะดูกระด้างไม่ต่างจากก้อนหินดีๆ นี่เอง ส่วนผิวกายและผิวหน้าออกสีแทนน้ำผึ้ง รูปร่างใหญ่โตล่ำสัน บ่ากว้างมาก เส้นผมถูกตัดแต่งตามสมัยนิยมด้วยความประณีต โดยรวมแล้วแม็กซิมัสไม่ต่างจากเทพบุตรเลยแม้แต่น้อย
“ขอบใจ”
แม็กซิมัสกล่าวขอบคุณเพื่อน ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ และเอ่ยถามถึงเพื่อนอีกคนที่ยังไม่ปรากฏตัว
“แล้วนี่ไอ้อเล็กยังมาไม่ถึงหรือ”
อเล็กซิส โอคอนเนอร์ อีกหนึ่งหนุ่มในกลุ่มจตุรเทพแห่งปริ้นซ์ตัน เขาคือทายาทแสนล้านของโรงแรมระดับเจ็ดดาวที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก
อเล็กซิสมีดวงตาสีฟ้ากระจ่าง รอยยิ้มของเขากระชากใจสาวน้อยใหญ่จนทำให้มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิต แต่ชายหนุ่มก็เหมือนของต้องห้ามจากอิสตรี เพราะเขาไม่เคยปรารถนาจะให้หญิงใดครอบครองหัวใจ
เขาสามารถแตะต้องและสนุกกับการไล่ล่าผู้หญิงได้ แต่ผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแตะต้องหัวใจของเขา
“ยัง แต่มันส่งข้อความมาบอกแล้วว่าจะเข้ามาสายหน่อย เพราะต้องไปส่งคู่หมั้นที่บ้านน่ะ”
คราวนี้ ชาร์ลี เฮนเดอร์สัน เป็นผู้ตอบ ซึ่งชาร์ลีก็คือหนึ่งในสี่จตุรเทพแห่งปริ้นซ์ตันเช่นกัน แต่ชาร์ลีพิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นหน่อยก็เพราะว่าเขามีสายเลือดของเจ้าชายอยู่ในกายด้วยครึ่งหนึ่ง
“คู่หมั้นคนไหนวะชาร์ลี?”
แม็กซิมัสถามชาร์ลี ขณะไล่สายตาสำรวจเพื่อนสนิทอย่างพิจารณา ซึ่งก็พบว่าชาร์ลียังคงหล่อเหลา และสง่าสมกับมีสายเลือดของราชินิกุลเหมือนเมื่อครั้งก่อนไม่ผิดเพี้ยน
ใบหน้าของชาร์ลีเป็นรูปสี่เหลี่ยม หน้าผากกว้าง ดวงตารียาวหวานฉ่ำ สีของนัยน์ตาคือสีทองอำพัน จมูกโด่งเป็นสันสวยงาม ริมฝีปากหยักสวยอิ่มราวกับอิสตรี ผิวกายเป็นสีขาวอมชมพู ในขณะที่เรือนร่างสูงใหญ่ กำยำ เพราะชาร์ลีเป็นผู้ชายที่รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ
“ก็แม่เจนจิราอะไรนั่นไง ที่ครอบครัวมันหมั้นหมายเอาไว้ตั้งแต่เด็กน่ะ” ชาร์ลีตอบอย่างรู้จริง เพราะอเล็กซิสเล่าให้ฟัง
“อ้าว ก็ไหนไอ้อเล็กมันบอกว่าไม่ชอบแม่นั่นไงล่ะ” แม็กซิมัสแย้งขึ้น
“มันก็คงขัดพ่อแม่มันไม่ได้นั่นแหละ” คราวนี้เป็นเคลวินที่ตอบขึ้นมาบ้าง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“แล้วนายเป็นไงบ้างล่ะ ไอ้แม็ก”
แม็กซิมัสสบตากับเคลวิน เขายิ้มน้อยๆ ให้กับเพื่อน
“ฉันก็สบายดีนะ กับอันนาก็เข้ากันได้ดี แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังคิดถึงเรื่องแต่งงานอยู่ แต่ยังไม่ได้บอกน้องอัน อยากทำเซอร์ไพรส์น่ะ”
เคลวินเบิกตากว้าง ก่อนจะถามซ้ำออกมา
“นายแน่ใจแล้วหรือว่าอันนาคือผู้หญิงที่ใช่สำหรับนาย ฉันว่านายควรจะดูใจเธอไปอีกสักพักนะ”
“นั่นสิ ข่าวเธอก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่”
ชาร์ลีสนับสนุนความคิดเห็นของเคลวิน แต่แม็กซิมัสไม่สนใจ เพราะอันนาเป็นผู้หญิงที่ดีในสายตาของเขาเสมอ
“ฉันไม่เคยเชื่อข่าวเหลวไหลพวกนั้นหรอก และที่สำคัญอันนาเป็นคนดี แถมยังมีชีวิตน่าสงสารมาก ฉันอยากจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากนรกที่เรียกว่าครอบครัวเสียที”
“ความรักนะโว้ยไอ้แม็ก ไม่ใช่ความสงสาร”
เคลวินยังทักท้วงไม่เลิก แต่เขาพูดเพราะหวังดีซึ่งแม็กซิมัสก็เข้าใจ
“ฉันก็คิดว่าฉันรักอันนานะ”
ชาร์ลีส่ายหน้าไปมา ก่อนจะแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง
“ถ้าฉันเป็นนายนะ ฉันจะเลือกคบหากับญาติของอันนาแทน”
“ฉันก็เหมือนกัน เธอชื่ออะไรนะ...”
เคลวินพยายามนึก แต่นึกไม่ออก แม็กซิมัสจึงต้องเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมาแทน
“ปั้นหยา”
“เออ ใช่... ปั้นหยา คุณปั้นหยา”
แม็กซิมัสยิ้มหยัน เมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงที่เขาไม่ถูกชะตาด้วยเลยแม้แต่น้อย
“เห็นหน้าซื่อๆ แบบนั้น แอบกลั่นแกล้งอันนาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว พวกนายรู้ไหม”
เคลวินกับชาร์ลีหันมองหน้ากัน ก่อนจะส่ายหน้าดิกพร้อมๆ กันอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่จริงมั้ง”
“นั่นสิ หน้าตาซื่อ ไร้เดียงสาอย่างคุณปั้นหยาจะไปกลั่นแกล้งใครได้ นี่ถ้าบอกว่าแฟนนายกลั่นแกล้งคุณปั้นหยา ฉันยังว่าน่าเชื่อกว่าเลย จริงไหมชาร์ล”
“ถูกต้อง”
แม็กซิมัสถอนใจแรงๆ และก็ไม่อยากจะเถียงกับเพื่อนๆ ด้วยเรื่องส่วนตัวของตนเองอีก
“แต่ฉันรักอันนา และพวกนายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของฉัน จริงไหม”
“คร้าบบบ คุณแม็กซิมัส”
ทั้งชาร์ลีและเคลวินต่างพยักหน้าพร้อมกัน
แม็กซิมัสยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อรสชาติของแอลกอฮอล์บาดคอ
“แล้วนายเป็นไงบ้างล่ะเคน ไร่ชาไปได้สวยไหม”
เคลวินไหวไหล่กว้างบึกบึนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมา
“กำลังไปได้สวยเลยว่ะ นี่ฉันกำลังมองหาที่ดินเพิ่ม กะว่าจะซื้อเพื่อขยายไร่ชาให้มากขึ้น”
“ฉันดีใจด้วย แล้วคุณณิล่ะ สบายดีไหม”
แม็กซิมัสถามถึงณิชา ซึ่งเป็นคนรักของเคลวินมาตั้งแต่ตอนที่เรียนในมหาวิทยาลัยไอวี่ลีกด้วยกัน ทั้งคู่คบหากันมายาวนานมาก แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลั่นระฆังวิวาห์ในเร็วๆ นี้
“ณิสบายดี แต่วันนี้มาเจอพวกนายไม่ได้ เพราะต้องไปงานเลี้ยงกับพ่อของเธอน่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่นายจะแต่งงานวะเคน”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก เพราะฉันยังสนุกกับการทำงานอยู่ ยังไม่อยากถูกขังอยู่ในอุ้งมือของผู้หญิงน่ะ”
“เดี๋ยวคุณณิก็หนีไปแต่งกับคนอื่นหรอก”
แม็กซิมัสเตือนเพื่อน แต่เคลวินไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก และเปลี่ยนไปคุยเรื่องชาร์ลีแทน
“เรื่องของฉันจบแล้ว ถามนายบ้างดีกว่าชาร์ลี นายเป็นยังไงบ้าง”
ชาร์ลีที่นั่งจิบเหล้าอยู่ระบายยิ้ม “ฉันสบายดี แต่ชีวิตก็วุ่นวายกับงานเหมือนพวกนายนั่นแหละ”
“แล้วเรื่องนายกับไลลาน้องสาวบุญธรรมล่ะ พ่อกับแม่นายรู้หรือยังว่าพวกนายรักกัน” แม็กซิมัสเอ่ยถามอย่างอยากรู้ความคืบหน้าของเพื่อนสนิท
ศีรษะทุยสวยของชาร์ลีส่ายเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าตอนนี้เคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันปิดไม่ให้พ่อกับแม่รู้ เพราะไม่อย่างนั้นไลลาอาจจะถูกส่งตัวไปอยู่ที่อื่น”
“นายนี่ก็แปลกนะชาร์ลี ผู้หญิงสวยๆ มีให้เลือกเป็นแสนเป็นล้านคนบนโลกนี้ แต่นายกลับเลือกที่จะรักน้องสาวบุญธรรมของตัวเองซะงั้น”
ชาร์ลีจ้องหน้าแม็กซิมัสเจ้าของคำถามแทงใจดำ
“ความรักมันห้ามไม่ได้หรอกว่าจะเกิดขึ้นกับใคร คนไหน”
“แล้วนายแน่ใจหรือว่านายรักไลลาจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะความผูกพันน่ะ” คราวนี้เป็นเคลวินบ้างที่เอ่ยถาม
ชาร์ลีนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะฝืนยิ้มตอบ
“คงทั้งรักทั้งผูกพันนั่นแหละ”
แล้วชาร์ลีก็ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอีกครั้ง พร้อมกับนั่งเงียบๆ ในขณะที่แม็กซิมัสกับเคลวินพูดคุยกันต่อเนื่อง
“เด็กที่นายอุปการะเอาไว้โตเป็นสาวหรือยังเคน” แม็กซิมัสเอ่ยถามเรื่องของเฌอปรางเมื่อนึกขึ้นได้
“โตแล้ว ปีนี้ก็น่าจะสิบแปดแล้วล่ะ นายถามถึงเฌอปรางทำไมหรือ” เคลวินย้อนถามกลับด้วยความแปลกใจ
“เปล่า ก็แค่อยากรู้เฉยๆ ทำไมนายจะต้องทำท่าหวงก้างแบบนี้ด้วยวะ”
“เปล่าสักหน่อย ฉันจะไปหวงก้างอะไรกันวะ ฉันไม่เคยมีความคิดอยากเป็นสมภารสักหน่อย”
“ให้มันแน่เถอะ”
“มันแน่อยู่แล้ว ฉันไม่ชอบเด็ก ยิ่งอายุห่างกันเกือบยี่สิบปีแบบนี้ ฉันยิ่งไม่เอาใหญ่เลย”
“ทำไมวะ มีเมียเด็กกระชุ่มกระชวยหัวใจดีออก”
แม็กซิมัสแซวเพื่อนขำๆ
“เพราะฉันเอาดุไง กลัวเด็กมันจะตายคาเตียง”
เสียงหัวเราะของหนุ่มหล่ออย่างแม็กซิมัสและชาร์ลีดังกังวานขึ้นหลังจากได้ยินคำตอบของเคลวิน
“เอ่อ... แล้วนี่ไอ้อเล็กมันจะมาไหมเนี่ย”
หลังจากนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระไปเกือบชั่วโมง เคลวินก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองเวลา
“นี่ๆ มันโทรเข้าเครื่องฉันพอดี” ชาร์ลีตอบเพื่อน ก่อนจะรีบกดรับสายของอเล็กซิส
“ว่าไงอเล็ก”
“ฉันคงไปไม่ทัน นี่แม่บังคับให้ฉันนั่งคุยกับคนบ้านนี้ต่อ ปวดหัวชะมัดว่ะ”
“เออๆ ไม่เป็นไร เอาไว้นัดเจอกันครั้งหน้าก็ได้” ชาร์ลีตอบเพื่อนไปตามสาย
“ขอให้สนุกนะอเล็ก”
“สนุกกะผีอะไรวะ รำคาญจริตผู้หญิงพวกนี้จะตาย แค่นี้ก่อนนะ แม่เรียกแล้ว”
อเล็กซิสตัสสายสนทนาไปแล้ว ชาร์ลีก็วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะข้างแก้วเหล้า ก่อนจะรายงานเพื่อนอีกสองคนที่นั่งรอฟังอย่างใจจดจ่อ
“มันมาไม่ทันว่ะ”
เคลวินถอนใจออกมา “ว่าแล้วเชียว ไอ้อเล็กนี่มันเชื่อฟังแม่ยังกับอะไรดี”
“ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้เจอกันพร้อมหน้าอีกทีตอนงานแต่งฉันก็ได้” แม็กซิมัสพูดอย่างอารมณ์ดี
“สรุปนี่นายจะแต่งเร็วๆ นี้จริงหรือไอ้แม็ก” เคลวินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ไม่ใช่ภายในปีนี้ แต่ก็ไม่เกินปีหน้านี่แหละ พวกนายคอยฟังข่าวจากฉันก็แล้วกัน”
เคลวินกับชาร์ลีมองหน้ากัน และก็ได้แต่ถอนใจออกมายาวเหยียด
เรือนร่างแบบบางน่าทะนุถนอมของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบสองเซนติเมตรกำลังหิ้วตะกร้าใส่ดอกไม้นานาชนิดที่เพิ่งเก็บมาจากสวนสวยด้านหลังบ้านเรือนไทยหลังงามกำลังเดินเข้าบ้าน แต่แล้ว ปั้นหยา สิทธิวงศ์ ก็ต้องชะงักเท้ากึก เมื่อพบว่าอันนา หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องยืนกอดอกขวางทางอยู่ อันนา สิทธิวงศ์ เป็นลูกสาวของคุณอาภาสกรซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายแท้ๆ ของบิดาของหล่อน ซึ่งหลังจากที่คุณอาเสียชีวิตไปพร้อมกับบิดาของหล่อนด้วยอุบัติเหตุเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทำให้ทั้งหล่อนและอันนาต้องเข้ามาอยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของคุณย่า ซึ่งก็คือ คุณย่า วารี สิทธิวงศ์ และหลังจากที่บิดาของหล่อนเสียชีวิตไปได้ไม่นาน มารดาก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน ทำให้ในชีวิตของหล่อนเหลือแค่เพียงคุณย่าวารีคนเดียวเท่านั้นที่ให้ความรักและความเมตตา ดังนั้นหล่อนจึงรักคุณย่าวารีมาก รักที่สุดในชีวิต “อรุณสวัสดิ์จ้ะน้องอัน” หล่อนทักทายตามมารยาท “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี เมื่อวานแกไปอ่อยพี่แม็กของฉันถึงรถเลยใช่ไหม” คำพูดของอันนาทำให้ปั้นหยาหน้าซีดเผือด และก
“แกแน่ใจเหรอว่าจะทำอย่างนี้จริงๆ นังอัน”อันนาที่นั่งซดเหล้าอยู่หันไปมองเพื่อนที่ตั้งคำถาม และตอบออกไปเสียงดังฟังชัด“ฉันแน่ใจสิ”ดวงตาของอันนาเปล่งประกายแห่งความหวัง“เพราะถ้าฉันไม่ทำ พี่แม็กก็ไม่ขอฉันแต่งงานสักทีน่ะสิ”“แต่มันประหลาดมากนะยะ วางยาปลุกเซ็กซ์แฟนตัวเองเนี่ย ฉันถามจริงๆ เถอะ แกกับพี่แม็กของแกยังไม่เคยเอากันเลยเหรอ”“เคยสิ ฉันไม่พลาดเรื่องแบบนี้อยู่แล้วแกก็รู้นี่นังนก”“อ้าว ถ้าเคยๆ ขี่กันมาแล้ว จะต้องมาวางยาปลุกเซ็กซ์อีกทำไมล่ะยะ เปลืองยาเปล่าๆ”“ก็เดี๋ยวนี้พี่แม็กไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันเท่าไหร่ พอไม่ค่อยได้เจอกัน ฉันก็ระแวงน่ะสิ กลัวพี่แม็กจะไปมีคนอื่น” อันนาพูดเสียงไม่สบายใจ“แล้วถ้าแกวางยาปลุกเซ็กซ์พี่แม็ก แกจะได้อะไรตอบแทนกลับมาวะ นอกจากความฟินอ่ะ”อันนายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะตอบเพื่อนซี้ออกมา“ฉันก็จะตั้งท้องไงล่ะ ถ้าฉันตั้งท้อง พี่แม็กก็จะต้องรีบแต่งงานกับฉัน”“อ้าว แล้วเอากันปกติแกท้องไม่ได้หรือไง ทำไมต้องวางยาด้วย”“ก็ทุกครั้งที่เอากัน พี่แม็กใส่ถุงทุกรอบน่ะสิ แล้วครั้งไหนถุงรั่วหรือแตก พี่แม็กก็กำชับให้ฉันกินยาคุม แล้วแบบนี้มันจะท้องไปได้ยังไงล่ะยะ” อันนาพูดอย่างหัวเสี
ปั้นหยาเดินเข้าไปคุกเข่าใกล้ๆ กับฝ่าเท้าของอันนา กำลังจะเปิดขวดน้ำยาทาเล็บอยู่แล้วเชียว แต่เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูดังใกล้เข้ามาเสียก่อน“เสียงรถพี่แม็กนี่”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าของอันนา ก่อนที่หล่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้“แกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ เร็วเข้า”“เอ่อ... ทำไมล่ะจ๊ะน้องอัน”ปั้นหยาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเพื่อเตรียมทาเล็บเท้าให้กับอันนาช้อนตามองคนออกคำสั่งอย่างแปลกใจ“แกไม่ต้องมาถามหรอก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้สิ เร็วเข้า!”ปั้นหยาลุกขึ้นทำตามคำสั่งของอันนาทั้งๆ ที่สมองยังมึนงงไม่เปลี่ยนแปลง“เอาขาขึ้นมาพาดไว้บนโต๊ะสิ เร็วเข้า”“เอ่อ... พี่ใส่กระโปรงคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”ปั้นหยาไม่ได้ทำตามคำสั่งนี้ ทำให้อันนาต้องเป็นฝ่ายกระชากขาเรียวของปั้นหยาขึ้นมาด้วยตัวเอง“น้องอัน... อุ๊ย!”มือเล็กของปั้นหยาต้องรีบตะครุบชายกระโปรงที่ร่นขึ้นมาถึงขาอ่อนเอาไว้ทันที“น้องอันจะทำอะไรเนี่ย ปล่อยเท้าพี่เถอะ”“อยู่เฉยๆ เถอะน่า”อันนาลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น และตั้งท่าจะทาเล็บเท้าให้กับปั้นหยา“แต่พี่ไม่อยากทาเล็บนะน้องอัน ปล่อยขาพี่เถอะ”สมองของปั้นหยาตามการกระ
มื้ออาหารค่ำของวันต่อมา อันนาก็ร่วมมือกับเพื่อนสนิทอย่างรัชนกทำตามแผนการที่วางเอาไว้ นั่นก็คือการใส่ยาปลุกเซ็กซ์ในเครื่องดื่มของแม็กซิมัส“แกแน่ใจนะนังนกว่ายาที่แกไปซื้อมาเนี่ยมันจะได้ผล”“แน่ใจสิยะ ไอ้คนขายมันบอกว่าเอาทั้งคืนไม่มีเหนื่อย แกเตรียมเมื่อยขาได้เลยนังอัน”อันนาระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ ดวงตาเป็นประกายวาววับเมื่อสิ่งที่หวังกำลังจะเป็นจริง“คราวนี้แหละฉันต้องท้องแน่ๆ แล้วพี่แม็กก็จะต้องรีบแต่งงานกับฉันโดยเร็ว”รัชนกมองหน้าเพื่อนซี้แล้วส่ายศีรษะไปมา “นี่ถ้าฉันเป็นแกนะ ฉันจะไม่ทำแบบนี้ให้ยุ่งยากหรอก ฉันจะรอให้พี่แม็กพร้อมและขอแต่งงานด้วยตัวเอง ภูมิใจกว่าเยอะ”“ก็ฉันรอไม่ได้ ฉันไม่อยากอยู่ที่บ้านนรกหลังนี้ต่อแม้แต่วินาทีเดียว อ้อ และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือ มีผู้หญิงจ้องจะงาบ พี่แม็กของฉันเยอะเกินไป ฉันระแวง”“ก็ตามใจแก นั่นเสียงรถพี่แม็กหรือเปล่า”รัชนกพยักพเยิดหน้าอันนารีบวิ่งไปเกาะขอบหน้าต่างมอง และก็พบว่ารถสปอร์ตคันหรูของแฟนหนุ่มแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแล้ว“ใช่ พี่แม็กมาแล้ว” น้ำเสียงของอันนาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น“เดี๋ยวแกไปไล่คนใช้ให้กลับที่พักให้หมดเลยนะ จากนั้นแกก็รีบ
แม็กซิมัสคงกำลังจะคลั่ง และหล่อนมั่นใจว่าเขาไม่มีทางทันได้อาบน้ำหรอก เพราะหล่อนจะลากเขาขึ้นเตียงทันทีเมื่อเข้าไปในห้องนอน“นี่ค่ะ ห้องนอนของอัน”หล่อนเปิดประตูห้องนอนให้กับแม็กซิมัส กำลังจะก้าวตามเขาเข้าไปภายในนั้น แต่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดันดังกังวานขึ้นเสียก่อน“บ้าจริง ใครโทรมาตอนนี้วะ”หล่อนพึมพำอย่างหงุดหงิด แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ และพูดกับแม็กซิมัส“อันขอตัวรับสายก่อนนะคะ เชิญพี่แม็กตามสบายเลยค่ะ”“ครับ”หล่อนตั้งใจจะคุยโทรศัพท์ที่หน้าห้องนอนของตนเอง แต่พอเห็นเบอร์ที่เรียกเข้ามา ก็หน้าซีดเผือด ต้องรีบกดวางสายแทบไม่ทัน แต่แค่เสี้ยววินาทีเดียว มันก็ดังขึ้นมาใหม่ จนหล่อนจำต้องเดินเลี่ยงออกมาตรงระเบียง และกดรับสาย“แกจะโทรมารังควานฉันอีกทำไม ไอ้วิทย์”เสียงหัวเราะดังมาตามสายทำให้อันนายิ่งโกรธแค้นแน่นอก แต่หล่อนกำลังเสียเปรียบผู้ชายคนนี้“แหม ผัวจะโทรหาเมียบ้างไม่ได้เลยเหรอครับ”“ไอ้บ้า อย่ามาพูดแบบนี้นะ เงินก็เอาไปจากฉันแล้ว ยังจะมาตามรังควานอะไรฉันอีก ไปให้พ้น!”“เงินแค่สองแสน มันไม่พอที่จะปิดปากผัวได้หรอกเมียจ๋า”“ไอ้สัตว์นรก แกต้องการอะไรจากฉันอีก!”อันนาเจ็บใจนักที่ต
เสียงกรีดร้องขอความเมตตาของปั้นหยาหายเข้าไปในลำคอแกร่งของแม็กซิมัสทั้งหมด ไม่ว่าหล่อนจะวิงวอน ร้องไห้ขอให้เขาหยุดกระทำสักเท่าไหร่ แต่ผู้ชายที่กำลังถูกตัณหาครอบงำก็ไม่แม้แต่จะหยิบยื่นเศษความปรานีให้ปากของหล่อนถูกเขาประกบจูบอย่างเร่าร้อนดูดดื่ม จูบแรกของวัยสาวถูกผู้ชายที่พร่ำบอกว่ารังเกียจนักหนาช่วงชิงไปอย่างป่าเถื่อน มือเล็กยกขึ้นผลักไสตลอดเวลา และก็พยายามที่จะเม้มปากแน่นไม่ให้ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้ามารุกรานภายใน แต่สุดท้ายแล้วหล่อนก็ต้องพ่ายแพ้ เมื่อความเจ็บหนึบที่เกิดขึ้นเพราะนิ้วแข็งแรงกดลงบนปลายคางรุนแรงเหลือเกิน“อ๊ะ... อื้อ...”หล่อนร้องครางต่อต้านได้แค่นั้น ลิ้นใหญ่ก็พุ่งทะยานเข้ามาภายใน เขาเอามือบีบอุ้งปากของหล่อนเอาไว้ เพื่อไม่ให้หล่อนกัดลิ้น จากนั้นก็ปลุกเร้าหล่อนด้วยลีลาเชี่ยวชาญช่ำชอง จนในที่สุดสาวน้อยไร้เดียงสาเช่นหล่อนก็ต้องยอมพ่ายแพ้ความรู้สึกวาบหวามที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตทำให้กายสาวลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟสวาทเร่าร้อนแผดเผาจนอนุสติสูญสลาย กายสาวค่อยๆ โอนอ่อนตอบสนองสัมผัสทรงอานุภาพของเขาในที่สุดเสียงครางด้วยความพึงพอใจของแม็กซิมัสดังกระหึ่มกังวาน เขาบดจูบหนักหน่วงยิ่
“อื้อ... อื้อ...”เขาไม่สนใจว่าหล่อนจะทรมานสักแค่ไหน เพราะเขาเดินหน้าเคลื่อนไหวอย่างดุดัน ทุกจังหวะของเขาเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน หยาดน้ำตาของหล่อนไม่อาจจะทำให้คนใจร้ายสงสารได้เลย“อืมมม โอ้ววว...”เสียงครางของเขาดังกังวานขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ความเจ็บเริ่มจางหายไปจากกายสาวบ้างแล้ว“อา... อา...”ความอุ่นซ่านแห่งความเสียวกระสันเกิดขึ้นในทุกครั้งที่แม็กซิมัสเคลื่อนไหว และมันก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนหล่อนไม่สามารถหักห้ามใจได้อีก“อา... อา...”หล่อนปล่อยกายปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับพายุสวาทของแม็กซิมัสอย่างยากจะต้านทาน กายสาวเบียดกระแซะขึ้นหา หยัดร่อนความเป็นหญิงขึ้นรับการสอดแทรกร้อนแรงด้วยความเต็มใจเสียงคำรามที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของเขาดังกังวานขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าหล่อจัดตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเกคล้ายกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่ทรงพลังสะโพกของเขาส่ายวนคลึงเคล้นกับความเป็นหญิงร้อนแรง มือใหญ่ทั้งสองข้างกอบกุมสะโพกกลมกลึงเอาไว้แน่น และกระชากให้หล่อนอ้ารับความหิวกระหายบ้าคลั่งครั้งแล้วครั้งเล่า“อา... อา... คุณแม็ก... อา... ไม่ไหวแล้ว... อา...”หล่อนบิดกายเร่าๆ ครางสะอื้นเป็นชื่อของเขาน
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้คนที่นอนขดอยู่บนเตียงโดยไร้ผ้าห่มรู้สึกตัวตื่นขึ้น ดวงตากลมโตเบิกท่ามกลางความมืดสลัว ความทรงจำจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หล่อนเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว หยาดน้ำตารินไหลอาบแก้ม และก็พยายามที่จะกัดฟันขยับตัวลงจากเตียง แต่ความเจ็บปวดที่ซอกขาทำให้หล่อนเผลอส่งเสียงครางออกมาอีกครั้ง“อ๊ะ...”ตรงนั้นของหล่อนเจ็บระบมมาก นั่นเป็นเพราะแม็กซิมัสรุนแรง ป่าเถื่อน และชำเราหล่อนนานต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง แถมอาวุธที่เขาใช้รังแกหล่อนก็ทั้งใหญ่ทั้งยาว จนสาวบริสุทธิ์เช่นหล่อนรู้สึกคล้ายกับจะฉีกขาดไปทั้งตัวหล่อนพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ขณะต่อสู้กับความเจ็บปวดก้าวลงจากเตียง ความเจ็บลึกในซอกขาย้ำเตือนให้หล่อนลืมความป่าเถื่อนของแม็กซิมัสไม่ลง“อัน... อยู่กับพี่ก่อน...”เอวคอดของหล่อนถูกคว้าเอาไว้ และเขาก็พลิกกายขึ้นทาบทับเอาไว้ทั้งตัว ท่ามกลางความมืดมิดเขาเรียกหาอันนา โดยไม่ได้สนใจเลยว่าผู้หญิงใต้ร่างของเขาจะเป็นใคร“อย่า... ปล่อยค่ะ...”“พี่ต้องการอัน...”เขาครางเสียงกระเส่าก่อนจะก้มลงจูบปากอิ่ม กลืนกินเสียงต่อต้านอ่อนแรงของหล่อนเข้าไปในลำคอเสียห
คนตัวเล็กแก้มแดงระเรื่อ ขณะค่อยๆ กดสะโพกผายลงให้กลืนกินความเป็นชายที่ชูชันรอคอย“อ๊ะ... อ๊า... อา... อา...”“โอ้ววว... อืมมมม แน่นมาก อืม”ใบหน้าหล่อจัดของแม็กซิมัสบิดเบี้ยวด้วยความเสียวกระสัน เมื่อความเป็นชายถูกกลีบสาวอ่อนนุ่มโอบกระชับแน่นหนาเอาไว้ในทุกทิศทาง“หยา... ปั้นหยา... ยอดรัก... ได้โปรดขยับ... ได้โปรดเถอะ โอ้ววว พระเจ้า... โอ้ววว...”ปั้นหยาทำตามคำขอร้องหอบกระเส่าของแม็กซิมัสอย่างว่านอนสอนง่าย หล่อนบดบั้นท้ายกับความเป็นชายหนักๆ ด้วยจังหวะเร้าใจ ก่อนจะขยับขึ้นลงถี่ระรัว ตามความร้อนฉ่าของไฟสวาทที่ลุกโหมอยู่ภายในกาย“อ๊า... อา... อา...”“โอ้ว... เร็วอีก... ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว โอ้ววว อืมมม...”มือใหญ่ทั้งสองข้างกุมสะโพกผายเอาไว้มั่น และช่วยให้หล่อนยกโยงตัวเองขึ้นสูง พร้อมกับดึงรั้งให้กลับลงมาหาหนักหน่วงแม็กซิมัสหน้าแดงก่ำ บิดเบี้ยวด้วยความเสียวกระสันร้อนแรง ยิ่งปั้นหยาซอยสะโพกลงมาหาด้วยจังหวะรัวระทึกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงสวรรค์ได้มากขึ้นเท่านั้น“อา... อา... คุณแม็กกก... หยา... หยาจะไม่... ไหวแล้ว อา... อ๊า...”ปั้นหยาเงยหน้าขึ้น กรีดร้องด้วยความเสียวกระสัน กายสาวสั่นเกร็ง แ
เคลวินหัวเราะออกมา “ก็งานฉันมันยุ่งมาก ปลีกตัวได้สามสี่วันก็บุญแล้ว”“เออๆ เอาที่นายสะดวกก็แล้วกัน” แม็กซิมัสตอบรับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ขี้เกียจจะเซ้าซี้“สรุปนายรักคุณปั้นหยาแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ถูกต้อง และไม่ใช่รักเฉยๆ นะ รักมากด้วย”เคลวินหัวเราะขบขัน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะรักผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาเข้าไปได้”“ก็ตอนนั้นฉันเข้าใจผิด แถมอันนาก็ยังเป่าหูใส่ร้ายปั้นหยาให้ฉันฟังทุกวัน ฉันก็ต้องเชื่อดิ”“เออ ก็ขอให้นายมีความสุขมาก มีลูกเยอะๆ เอาแบบตั้งทีมฟุตบอลได้เลยก็จะยิ่งดี”“ถ้าจะให้มีเยอะขนาดทำทีมฟุตบอลคงไม่ไหวหรอก ปั้นหยาคงไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามีสักสี่ห้าคน เอาไว้เล่นกับลูกของนาย แล้วก็ลูกของเจ้าชาร์ลกับลูกเจ้าอเล็กน่ะพอไว้”“รอลูกไอ้ชาร์ลกับไอ้อเล็กเถอะ ฉันไม่มีหรอก” เคลวินส่ายหน้าปฏิเสธ และทำหน้าสยดสยองเมื่อคิดถึงเด็ก“เด็กๆ น่ารักนะโว้ย เมื่อก่อนฉันก็ไม่ชอบเด็ก แต่พอปั้นหยาท้อง ฉันก็รักเด็กขึ้นมากะทันหันเลยว่ะ ในมือถือตอนนี้นอกจากรูปของฉันกับปั้นหยาแล้ว ก็มีแต่รูปเด็กน่ารักๆ เต็มเครื่องไปหมดเลย ดูไหม จะอวด”“ไม่ๆๆ ฉันไม่อยากดูหรอก” เคลวินส่ายหน้าดิก“สักวันนายจ
แม็กซิมัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของตนเองมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว โดยมีปั้นหยาคอยเฝ้าดูแลไม่ห่างไปไหน ซึ่งก็ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน“คุณแม็กขา... หยาขอออกไปซื้อของใช้ที่เซเว่นใต้โรงพยาบาลสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะรีบมาค่ะ”แม็กซิมัสอมยิ้มกับน้ำเสียงหวานฉ่ำของหญิงสาว และก็กวักมือเรียกให้หล่อนเข้ามาหา ซึ่งปั้นหยาก็ยอมเดินเข้ามาหาเขาอย่างว่านอนสอนง่าย“เดินระวังนะรู้ไหม ตอนนี้เธอไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว”ปั้นหยายิ้มหน้าแดงด้วยความเอียงอาย พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเองไปมาอย่างลืมตัว“หยาจะเดินให้ระวังที่สุดค่ะ คุณแม็กอยู่คนเดียวได้นะคะ”“อยู่ได้ครับ ไปเถอะไม่ต้องรีบร้อนล่ะ”หญิงสาวก้มหน้าลงมาจูบแก้มสากที่มีไรหนวดของคนตัวโตเบาๆ อย่างแสนรัก“หยารักคุณแม็กนะคะ”มือใหญ่ของแม็กซิมัสยกขึ้นประคองดวงหน้านวลของปั้นหยาเอาไว้ ก่อนจะพรมจูบไปจนทั่ว และมาอิ่งอ้อยอยู่กับกลีบปากอิ่มหวานฉ่ำนานที่สุด“ฉันก็รักเธอ... ฉันบอกเธอไปกี่ครั้งแล้วนะ” ชายหนุ่มอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับปั้นหยาเสหลบสายตาสีเขียวสวยอย่างเอียงอาย แต่ก็อ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงเบา“น่าจะเกือบห้าสิบครั้งแล้วล่ะค่ะ”“โอ้พระเจ้า... นี่ฉันบ
“น้องอัน... สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไม่ทำอะไรคุณแม็ก หากพี่ตายไปแล้ว”“ไม่นะปั้นหยา ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ไม่มีวันยอมให้เธอตาย เข้าใจไหมว่าเธอตายไม่ได้!”แม็กซิมัสตะโกนมาอีกฟากหนึ่งของกำแพง เขาอยากจะเข้าไปแย่งปืนจากมือของอันนานัก แต่ก็กลัวว่ามันจะผิดพลาด แล้วปั้นหยาจะไม่ปลอดภัย จึงจำต้องนั่งนิ่งและพยายามหาทางออกอื่นให้ได้เร็วที่สุด“แค่หยารู้ว่าคุณแม็กเป็นห่วงหยา... แค่นี้หยาก็ตายตาหลับแล้วล่ะค่ะ”“ผู้หญิงบ้า! ถ้าเธอไม่หยุดพูดบ้าๆ ฉันสาบานว่าจะหยุดรักเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”“คุณแม็ก... รักหยาเหรอคะ”อย่างน้อยๆ ก่อนตาย หล่อนก็ยังได้รู้ว่าตัวเองได้รับความรักตอบจากบุรุษที่ตัวเองแอบรักมาเนิ่นนาน“ก็ใช่น่ะสิ ฉันรักเธอปั้นหยา รักมากด้วย ดังนั้นห้ามตายเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่งของฉัน”“หยาดีใจ... ดีใจเหลือเกิน...”“เลิกพล่ามกันได้แล้ว แล้วพี่แม็กก็เตรียมเห็นนังหยามันไร้วิญญาณได้เลย”“อย่านะ... อันนา! อย่าทำอะไรปั้นหยานะ!”อันนาหันไปยิ้มเลือดเย็นให้กับแม็กซิมัส ก่อนจะสอดนิ้วเรียวเหนี่ยวไกปืนทันทีปัง! ปัง! ปัง!ลูกปืนทั้งสามนัดดังกังวาน และพุ่งเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างแม่นยำ แต่ผิดคน“พี่แม็ก!!!”“คุณแม็ก! กรี๊ดด
ปั้นหยาถูกอันนาตบด้วยฝ่ามือ และกระบอกปืนหลายครั้งจนเลือดไหลออกมาจากศีรษะที่แตก หน้าตาปูดบวมช้ำ โดยเฉพาะที่ปากแตกจนมีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก“น้องอัน... ปล่อยพี่เถอะ พี่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับน้องอันเลยนะ พี่หวังดีกับน้องอันเสมอ โอ๊ยยย... พี่เจ็บ”อันนากระชากเส้นผมนุ่มของปั้นหยาแรงๆ ก่อนจะก้มหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะเสียสติไปแล้วลงมาหัวเราะใส่“มึงแย่งผัวกู”“พี่ก็หย่ากับคุณแม็กให้แล้วนี่จ๊ะ”“มึงคืนให้มาแต่ตัว แต่หัวใจของพี่แม็ก มึงขโมยไปแล้วไม่ยอมคืน อีพี่สารเลว!”เพียะ! ผัวะ!!!ทั้งมือทั้งหมัดของอันนาประเคนเข้าใส่ใบหน้าและร่างกายของปั้นหยาอย่างไม่ปรานี จนปั้นหยาล้มตัวงอนอนลงกับพื้นเจียนจะหมดสติสัมปชัญญะ“พี่แม็กเอาเงินมาให้กูเมื่อไหร่ กูจะระเบิดหัวมึงทันที”“น้องอัน... ปล่อยพี่ไปเถอะ แล้วน้องอันก็กลับเนื้อกลับตัวซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”“มึงอย่ามาสอนกู!”“พี่ไม่อยากเห็นน้องอันต้องตกนรกทั้งเป็นหรอกนะ เชื่อพี่เถอะ มอบตัวกับตำรวจซะเถอะ” ปั้นหยาพยายามเตือนสติของญาติผู้น้องด้วยความห่วงใย แต่อันนาไม่สนใจที่จะรับฟัง“กูไม่ยอมแก่ตายในคุกหรอก กูจะหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน จนกว่าคดีจะหมดอายุความ แล
แม็กซิมัสถอนใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อสุดท้ายแล้วพวงมาลัยดอกมะลิฝีมือของตนเองก็เสร็จสมบูรณ์เสียที และถึงแม้มันจะเบี้ยวๆ เอียงๆ ไม่ค่อยสวยนัก แต่เขาก็ทำมันด้วยความตั้งใจที่สุดในชีวิต แถมมันยังเป็นงานที่ทำให้เขาเสียเลือดมากที่สุดอีกต่างหากชายหนุ่มอมยิ้มมองพวงมาลัยดอกมะลิสีขาวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะยกมันขึ้นดอมดม กลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้หอมละมุนมาก แต่ก็ยังหอมตราตรึงใจสู้กลิ่นสาบสาวของปั้นหยาไม่ได้“เธอจะต้องปลื้มใจแน่ๆ ถ้าเห็นพวงมาลัยนี้”“คุณแม็กคะ ปลาสเตอร์ยาค่ะ”“ขอบใจ” แม็กซิมัสยื่นมือไปรับปลาสเตอร์ยาจากมือของสาวใช้ มาพันบนนิ้วที่ถูกเข็มตำ“นี่แผ่นสุดท้ายแล้วนะคะคุณหมอแม็ก”คุณย่าวารีมองนิ้วมือที่เต็มไปด้วยปลาสเตอร์ยาของแม็กซิมัสด้วยความเห็นใจระคนขบขัน“เดี๋ยวผมเบิกที่โรงพยาบาลมาคืนให้ครับ”“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเอามาคืนหรอกค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหมอที่ช่วยใช้ปลาสเตอร์ยาก่อนที่มันจะหมดอายุใช้งานน่ะ”แม็กซิมัสยิ้มอายๆ “ผมคงเป็นนักเรียนที่แย่มากๆ เลยใช่ไหมครับเนี่ย”“ถ้าเอาความจริงก็ใช่ค่ะ เพราะคุณหมอแม็กสอนยากมาก”“แต่ตอนผมเรียนผ่าตัด อาจารย์หมอชมว่าผมหัวไว เรียนรู้เร็วกว่าเพื่อน
“คุณอันนาคะ คุณอันนา”ผลั๊ววว!อันนาที่แกล้งนอนนิ่งทำเป็นหลับอยู่บนเตียงคนไข้ หยิบแจกันดอกไม้ที่ตั้งตกแต่งเอาไว้ภายในห้อง ฟาดหัวนางพยาบาลที่เข้ามาเพื่อนำยากลางวันมาให้รับประทาน จนล้มลงไปนอนกับพื้นห้องจากนั้นก็รีบก้าวลงจากเตียง วิ่งไปล็อกประตูห้อง และรีบเดินกลับมาลากร่างของนางพยาบาลเข้าไปในห้องน้ำทันทีเมื่อคืนหล่อนไม่ได้นอนเลย เพราะพยายามดิ้นรนหาทางแกะผ้าที่ผูกแขนขาเอาไว้ และก็เหมือนสวรรค์ยังเมตตา เพราะจากพยายามมาทั้งคืน ผ้าที่ผูกแขนเอาไว้ข้างหนึ่งก็คลายออก ซึ่งมันก็ทำให้หลุดพ้นจากพันธนาการได้ในที่สุดอันนาจ้องมองร่างไร้สติของนางพยาบาล ก่อนจะรีบจัดการถอดเสื้อผ้าออกจากร่างของนางพยาบาล และเอามาสวมใส่เสียเอง จากนั้นก็ยิ้มเลือดเย็น ดวงตาลุกเป็นไฟ“ถ้าฉันไม่มีความสุข ใครหน้าไหนก็มีความสุขไม่ได้”มือเล็กกำแน่นด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะก้าวออกไปจากห้องพักฟื้นในคราบของนางพยาบาล ทำให้นายตำรวจหน้าห้องที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือไม่ทันสังเกตเห็นรูปร่างที่แตกต่างไปอันนารีบออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน หล่อนโบกรถแท็กซี่ และหยิบเงินที่มีติดอยู่ในชุดของนางพยาบาลจ่ายเป็นค่ารถ เพื่อให้ขับรถพาไปยังสถ
ปั้นหยาเดินกลับมาจากอีกฝั่งของห้อง พร้อมกับตลับยาทาสำหรับแก้แมลงกัดต่อยในมือ ร่างเล็กทรุดนั่งข้างๆ และจัดการแต้มยาในตลับเล็กนั้นบนผิวของเขาที่มีตุ่มสีแดง“เธอแน่ใจหรือว่ายาเนี่ยมันจะช่วยอะไรได้น่ะ”“ช่วยได้สิคะ มันเป็นยาทาสำหรับคนที่ถูกมดถูกยุงกัดน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ สิคะ หยาทาไม่ถนัดนะ”ปั้นหยาดุเสียงไม่จริงจังนัก เมื่อแม็กซิมัสเอียงหน้าหนีเมื่อหล่อนป้ายยาบนแก้มของเขา“ไม่ต้องทาแล้วล่ะ ฉันคิดว่าฉันไม่น่าจะตายเพราะยุงพวกนี้หรอก”“ถ้าไม่ตายเพราะยุงพวกนี้ คุณแม็กก็คงจะตายเพราะไข้เลือดออกน่ะค่ะ” หล่อนประชด และยังไม่หยุดป้ายยาไปตามเนื้อตัวของแม็กซิมัส “เป็นหมออะไรกัน ยอมให้ยุงกัดทั้งตัวแบบนี้” แล้วก็อดบ่นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้แม็กซิมัสดึงมือเล็กที่กำลังจะป้ายยาบนลำคอแกร่งเอาไว้ จากนั้นก็โน้มหน้าเข้ามาหา นัยน์ตาสีเขียวแสนสวยของเขาจ้องมองหล่อนไม่วางตา“รู้สึกผิดใช่ไหมที่ทำให้ฉันถูกยุงรุมทึ้งทั้งคืนน่ะ”“เอ่อ... ก็... ใช่ค่ะ”หล่อนตอบตะกุกตะกัก สายตาของเขาทำให้หล่อนร้อนรุ่มไปทั้งตัว โดยเฉพาะในอุ้งเชิงกราน จนต้องรีบเสหลบสายตาคม จึงไม่ทันได้เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ในนั้น“อยากไถ่บาปไหมล่ะ”“ก็... กำลังท
“คุณแม็กต้องนอนข้างนอกห้องค่ะ”ปั้นหยาโยนหมอนกับผ้าห่มใส่มือของคนตัวโต และดันให้เขาออกไปนอกห้องนอนของตนเอง“แต่คุณย่าให้ฉันนอนกับเธอนะ ปั้นหยา”แม็กซิมัสถูกคนตัวเล็กผลักจนพ้นออกมาจากห้องนอนสีหวานโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเอ่ยแย้งขึ้น“คุณย่าอนุญาต แต่หยาไม่ได้อนุญาตค่ะ”“นี่เธอจะให้ฉันนอนตากยุงจริงๆ หรือ”“จริงค่ะ”แม็กซิมัสไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองต้องมาตกระกำลำบากด้วยฝีมือของผู้หญิงที่ตัวเองเคยตราหน้าว่าสารเลวอย่างปั้นหยา ความจริงเขาไม่ยอมก็ได้ ผลักหล่อนเข้าไป และปล้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด แค่นี้ปั้นหยาก็ต้องยอมสยบแล้ว แต่เพราะไม่อยากให้ปั้นหยาโกรธมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่จึงต้องยอม“ก็ได้ ฉันจะนอนหน้าห้องนี่แหละ พอใจหรือยังล่ะ”“หยาจะพอใจมาก ถ้าคุณแม็กกลับไปซะ”คนตัวโตส่ายหน้าไปมา “ฉันไม่กลับหรอก จะอยู่ที่นี่กับเธอนั่นแหละ”“งั้นก็ทนนอนตากยุงไปเถอะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”ปั้นหยากำลังจะปิดประตูใส่หน้าของแม็กซิมัส แต่ชายหนุ่มทิ้งผ้าห่มกับหมอนในอุ้งมือ และกระชากร่างเล็กเข้ามากอดเสียก่อน จากนั้นเขาก็จูบปากอิ่มนั้นอย่างเร่าร้อน“อื้อ... อุ๊บบบ”ปั้นหยาดิ้นรน ผลักไส มือเล็กทุบแผงอกกว้างแรงๆ แต่เขาไม่สะทก