“ทำไมพี่แม็กนั่งหน้าเครียดแบบนี้ล่ะคะ คิดอะไรในใจอยู่คะ บอกอันได้ไหมเอ่ย”อันนาในชุดนอนวาบหวิวเดินมาทรุดนั่งบนตักของแม็กซิมัสที่เขากำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ริมระเบียงชั้นสองซึ่งเป็นระเบียงทางด้านหน้าของคฤหาสน์“นิดหน่อยน่ะครับ”แม็กซิมัสวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ เพื่อที่จะได้โอบกอดร่างอวบอัดของอันนาได้ถนัด จากนั้นเขาก็ซบหน้าลงกับร่องปทุมถันเต่งตึง สูดกลิ่นหอมเข้ามาในปอดกลิ่นหอมของอันนาแตกต่างจากกลิ่นหอมของปั้นหยาโดยสิ้นเชิงอันนามีกลิ่นตัวที่ปรุงแต่งมาจากกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากต่างประเทศที่ผู้หญิงส่วนมากชอบใช้กัน และมันก็เป็นกลิ่นที่พบเจอได้ทั่วไปบนเนื้อตัวของสตรี ซึ่งต่างออกไปจากกลิ่นหอมละมุนจากกายของปั้นหยา เขาไม่เคยได้กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกับแป้งเด็กแบบนั้นจากเนื้อตัวของผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย กลิ่นหอมมันเบาบาง แต่ตราตรึงลืมไม่ลง จนหยุดสูดดมไม่ได้บ้าฉิบ...ทำไมพักนี้สมองของเขาเอาแต่เปรียบเทียบอันนากับปั้นหยาผู้หญิงสารเลวคนนี้บ่อยนักนะชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ และพยายามจดจ่ออยู่กับอันนา“เรื่องอะไรเหรอคะ อันช่วยคิดได้นะคะ”ดวงตาสีเขียวจัดสบประสานกับดวงตาหวานมีจริตของอันนา ก่อนที่เขาจะพูดข
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยยอมให้ร่างกายของเขาถูกผู้หญิงคนไหนควบคุม แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนไปหมด ยามที่เขาได้ฝากฝังลึกล้ำในกายแน่นหนั่นของปั้นหยา สมองก็ว่างเปล่าไม่มีความคิดใดๆ อยู่ในนั้นนอกจากโหยหิวเขาแตกระเบิดในไม่ช้า ภายในความเป็นหญิงคับแน่น และเขาก็ควรจะหยุด และออกไปหาอันนาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือพระเจ้า... เขาต้องการปั้นหยาอีกครั้งชายหนุ่มมองไปที่เตียงนอนกลางห้อง แต่ให้ตายเถอะ มันไกลเกินไป และเขาก็รอไม่ไหว“อ๊ะ... อา...”สุดท้ายแล้วเซ็กซ์ครั้งที่สองของเขากับปั้นหยาในค่ำคืนนี้ก็อยู่บนพื้นใกล้ๆ กับกำแพงห้องนั้นเองเขาสอดใส่ ส่ายวน จ้วงแทงเข้าไปหนักหน่วง ต้องการจะฝังลึกอยู่ภายในนั้นให้ได้นานที่สุดมันไม่เคยเป็นแบบนี้ ไอ้จ้อนของเขาไม่เคยรู้สึกหิวกระหายจนหน้ามืดตามัวแบบนี้“โอ้วววว... รัดแรงมาก พระเจ้า... ทำไมแรงแบบนี้ โอ้วววว”บ้าชะมัด ทำไมเขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เลย และทำไมแรงปรารถนาครั้งนี้ถึงรุนแรงหนัก มันซัดกระหน่ำใส่จนเขาหมดทางที่จะรับมืออันนาผุดลุกผุดนั่งอยู่บนเตียง คอก็ชะเง้อรอคอยการมาเยือนของแม็กซิมัส“ไหนว่าจะมาไง นี่จะสี่ทุ่มอ
“คุณอันตื่นนอนหรือยัง”แม็กซิมัสนั่งจิบกาแฟอยู่ริมระเบียงและเอ่ยถามสาวใช้ถึงคนรักอย่างอันนา“เอ่อ... ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”คิ้วหนาดกของแม็กซิมัสเลิกสูงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพึมพำออกมา“นี่หายไปทั้งคืนเลยหรือ หายไปไหนกัน”“เอ่อ... คุณแม็กต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถาม“ไม่”“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” สาวใช้กำลังจะปลีกตัวออกไป แต่แม็กซิมัสเรียกเอาไว้ก่อน“เธอจะรีบไปไหน”สาวใช้หยุดเดิน และรีบตอบออกมา “คือหนูจะออกไปตลาดน่ะค่ะ”“ไปทำไมแต่เช้า”“เอ่อ... เมื่อวานคุณหยาเธอวานให้หนูหาดอกมะลิให้น่ะค่ะ”“ดอกมะลิ?” คิ้วเข้มของแม็กซิมัสยิ่งขมวดกันยุ่ง “เอาไปทำอะไรดอกมะลิ”“หนูก็ไม่ทราบค่ะ แต่ถ้าให้เดาน่าจะเอามาร้อยพวงมาลัย”แม็กซิมัสยิ้มหยันอย่างไม่เชื่อว่าผู้หญิงแพศยาอย่างปั้นหยาจะมานั่งร้อยพวงมาลัยเป็นกุลสตรีไทยได้ ถ้าเป็นอันนาก็ว่าไปอย่าง“จะไปไหนก็ไปเถอะ”“ค่ะ”สาวใช้เดินจากไปแล้ว ในขณะที่แม็กซิมัสจิบกาแฟต่อไป ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน ดวงตาคมกริบตวัดมองก็เห็นว่าอันนาก้าวลงมาจากรถญี่ปุ่นสีขาวแต่งซิ่งคันนั้น“บอกให้จอดนอกบ้านไง เดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยกันพอดี” อั
“คุณหยาคะ หนูซื้อดอกมะลิมาให้เต็มตะกร้าเลยค่ะ”ปั้นหยาที่ดวงหน้ายังมีคราบน้ำตาเปื้อนรีบหันไปทางเสียงเรียก และก็เห็นว่าเป็นสาวใช้วัยรุ่นคนเมื่อวานที่หล่อนไหว้วานให้หาซื้อดอกมะลิให้หล่อนระบายยิ้ม เดินเข้าไปหาสาวใช้ พร้อมกับควักธนบัตรส่งให้“ขอบใจมากนะจ๊ะ นี่จ้ะเงินค่าดอกมะลิ”“ไม่เป็นไรค่ะคุณหยา หนูรับไม่ได้หรอกค่ะ” สาวใช้ส่ายหน้าดิกปฏิเสธเงิน“ทำไมล่ะ ค่าดอกไม้น่าจะหลายร้อย รับไปเถอะจ้ะ ฉันไม่อยากเอาเปรียบเธอ”“คือไม่ใช่เงินหนูหรอกค่ะ”คิ้วโก่งตามธรรมชาติของปั้นหยาเลิกสูงด้วยความสงสัย “แล้วเงินใครเหรอจ๊ะ ฉันจะได้เอาไปคืนได้ถูก”สาวใช้ระบายยิ้มน้อยๆ “เงินนี้เป็นเงินของคุณแม็กที่ให้ใช้จ่ายในบ้านตลอดหนึ่งเดือนค่ะ”ชื่อของคนใจร้ายดังออกมาจากปากของคู่สนทนา ทำให้รอยยิ้มหวานจางหายไปจากดวงหน้านวลของปั้นหยา“งั้น... ฉันฝากเอาไปคืนเขาหน่อยได้ไหมคะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่สามร้อยกว่าบาท คุณแม็กไม่ใส่ใจหรอกค่ะ”“แต่ฉันไม่อยากติดหนี้ใคร รบกวนเธอเอาไปคืนเขาแทนฉันหน่อยได้ไหม”สาวใช้มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ และสักพักก็ทำเหมือนจะร้องไห้ออกมา“หนู... ไม่กล้าค่ะ...”ปั้นหยาเห็นจึงไม่อยากจะบังคับจิตใจของใค
ปั้นหยาที่กำลังนั่งรับประทานอาหารค่ำอยู่กับคุณย่าวารีอยู่ริมระเบียงบ้านต้องชะงักกึก เมื่อเห็นรถสปอร์ตของแม็กซิมัสแล่นเข้ามาจอดที่ลานหน้าบ้านดวงหน้างามซีดเผือด ความรู้สึกหวาดหวั่นที่มีต่อแม็กซิมัสทำให้หล่อนรู้สึกทรมานเหลือเกิน“คุณหมอคงมารับหยากลับบ้านนั่นแหละ”คุณย่าวารีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่หล่อนรู้ดีว่าไม่ใช่ และสิ่งที่ยืนยันความคิดของหล่อนได้เป็นอย่างดีก็คืออันนาที่ก้าวตามลงมาจากรถของแม็กซิมัสนั่นเอง“แม่อันนานี่ ทำไมมาด้วยกัน”คุณย่าวารีขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะให้คนใช้ไปตามสองคนนั้นมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารค่ำด้วยกันปั้นหยาไม่อยากเผชิญหน้ากับแม็กซิมัสจึงพยายามจะขอปลีกตัว แต่คุณย่าวารีไม่อนุญาต สุดท้ายก็จำต้องเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่มีทางเลือก“เป็นไงมาไงคะเนี่ยคุณหมอ ถึงมากับแม่อันได้”“คืออันจะกลับมาค้างกับคุณย่าที่นี่น่ะค่ะ พี่แม็กก็เลยขันอาสามาส่ง” อันนาตอบแทน ในขณะที่แม็กซิมัสจ้องมองดวงหน้าซีดขาวของปั้นหยาไม่วางตา“เชิญคุณหมอทานได้เลยค่ะ แต่วันนี้กับข้าวน้อยหน่อยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจะมีแขกมาเยือน” คุณย่าวารีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหันไปบอกปั้นหยา“หยา ตักกับข้าวให้คุณห
เช้าวันนี้ก็เหมือนเช่นกับทุกวัน... หล่อนตื่นขึ้นมาพร้อมกับธนบัตรที่ถูกโปรยเอาไว้รอบตัว แม็กซิมัสเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและหัวใจของหล่อนอย่างเลือดเย็นด้วยคำว่าโสเภณีราคาถูกปั้นหยาขยับกายที่เมื่อยขบเนื่องจากถูกแรงสวาทของผู้ชายที่พร่ำบอกว่าเกลียดชังถล่มทั้งค่ำคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน พอเช้ามาเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นคือความฝัน แต่หล่อนรู้ดีว่ามันคือความจริง เพราะเขาทิ้งร่องรอยบอบช้ำเอาไว้บนเรือนร่างสาวมากมายหล่อนพยายามอดทนกับความหิวกระหายบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับโทสะร้ายแห่งความเกลียดชังของเขาโดยไม่ปริปากบ่น หล่อนจะอดทนจนกว่าจะทนไม่ไหว เพราะไม่ต้องการทำให้คุณย่าวารีไม่สบายใจฝ่าเท้าขาวสะอาดก้าวลงแตะกับพื้นห้อง และก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ตลอดเวลาที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว หัวสมองก็อดคิดถึงผู้ชายใจร้ายอย่างแม็กซิมัสไม่ได้การมีเขาอยู่ในโลกของหล่อน มันทำให้ทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป แม้เขาจะโหดร้าย และกระทำกับกายสาวอย่างป่าเถื่อน แต่ในสัมผัสหยาบกระด้างนั้น มันก็ก่อเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในหัวใจของหล่อนลุ่มหลง...ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะไม่รังเกียจสัมผัสหิวกระหายหยาบคายของแ
“ได้สิน้องอัน พี่ยินดี” ปั้นหยายิ้มกว้าง ดีใจกับอันนาด้วยที่จะได้ไปถือศีลบริสุทธิ์ “แล้วน้องอันจะไปเมื่อไหร่จ๊ะ แล้วบอกคุณย่าหรือยัง”“เอ่อ... อันไม่ได้บอกคุณย่าหรอกค่ะ เพราะท่านคงไม่เชื่อว่าอันจะไปถือศีลจริงๆ พี่หยาก็รู้ว่าคุณย่าไม่รักอัน”“ไม่จริงหรอกจ้ะน้องอัน คุณย่ารักเราสองคนเท่ากันเสมอ เพราะท่านเลี้ยงพวกเรามากับมือ”“แต่อันไม่อยากบอกคุณย่า... พี่หยารับปากกับอันนะคะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณย่า”ปั้นหยารู้สึกลำบากใจ แต่ก็ตอบรับออกไป “จ้ะ พี่รับปาก พี่จะไม่บอกเรื่องที่น้องอันจะไปถือศีลให้คุณย่ารู้”“ขอบคุณมากค่ะพี่หยา แล้วอันก็จะไปถือศีลเย็นนี้ค่ะ”“เย็นนี้เลยเหรอ” เพราะมันค่อนข้างฉุกละหุกทำให้ปั้นหยานิ่งไปเล็กน้อย“อันอยากให้จิตใจสงบเร็วๆ น่ะค่ะ แต่ถ้าพี่หยาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ อันไปกับนกสองคนก็ได้”“พี่ว่างจ้ะ พี่จะไปด้วย”“ขอบคุณมากค่ะพี่หยา...” อันนาลอบยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะสวมกอดปั้นหยาเอาไว้“อันดีใจนะคะที่พี่หยาไม่โกรธอัน เรื่องที่อันเคยทำไม่ดีเอาไว้กับพี่หยาตั้งมากมาย”“พี่จะโกรธน้องสาวของตัวเองได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ เรามีกันอยู่แค่นี้นะน้องอัน”อันนาเงยหน้าขึ้นจากบ่าแบบบางของป
แม้จะรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ แต่ปั้นหยาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร หล่อนยิ้มให้กับอันนา และก็นั่งมองวิวข้างทางไปเงียบๆ จึงไม่ทันได้เห็นสายตามาดร้ายของอันนาที่ลอบมองมารถตู้ขับไปได้สักระยะก็หักเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว หล่อนรีบหันไปถามอันนาด้วยความแปลกใจ“น้องอัน ทางไปอยุธยาไม่น่าจะดูเปลี่ยวแบบนี้นะจ๊ะ”“น่าจะเป็นทางลัดมั้งคะพี่หยา” อันนาไม่ได้มีทีท่าทุกข์ร้อนอะไรเลยปั้นหยานั่งกระสับกระส่ายไปสักพักก็ทนไม่ไหว จึงถามอันนาอีก ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถตู้จอดพอดิบพอดี“น้องอัน... พี่ว่ามันแปลกๆ แล้วนะ ว้ายยย”ผ้าที่มีกลิ่นฉุนถูกกดเอาไว้บนปากและจมูกของหล่อน โดยฝีมือของอันนา ดวงตาของปั้นหยาเบิกโพลง หล่อนพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะสารเคมีที่ได้รับได้ สุดท้ายสติสัมปชัญญะของหล่อนดับวูบลงอันนาหัวเราะสะใจ ก่อนจะหันไปสั่งประวิทย์ที่ยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ“รีบมาลากมันเข้าไปในโกดังสิพี่วิทย์”ประวิทย์เปิดประตูรถลงมา แล้วก็ทำตามคำสั่งของอันนาด้วยการแบกร่างไร้สติของปั้นหยาเข้าไปในโกดัง โดยมีอันนาเดินตามหลังมาติดๆร่างของปั้นหยาถูกวางเอาไว้ริมผนัง และประวิทย์ก็หันมาพูดกับอันนา“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปน้