“มาครับ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปพบคุณแม่” หัวหน้าโจรปลดเสื้อเกราะกันกระสุนของตน แม้จะเป็นเสื้อกันกระสุนบีบีกันแต่เขาก็รักและหวงแหนมันมากเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาหยิบติดมือมาด้วยในขณะที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่ในสนามบีบีกัน“นายเรียกเธอว่าแม่ นายเคยอยู่ที่นี่เหรอ” ทำไมเขาไม่เคยเห็น“ครับ ผมเคยอยู่ที่นี่เมื่อ 3 ปีก่อน”“หมายความว่าตอนนี้นายอายุ 21 ปี?”“ครับ? ทำไมคุณถึงรู้ล่ะ”“...” โจเซฟพูดไม่ออก หมอนี่มีใบหน้าที่ไปไกลกว่าอายุมากเลยทีเดียว ทำเอาเขานึกว่าเป็นรุ่นเดียวกัน พอได้ยินว่าเพิ่งพ้น 20 หมาด ๆ ก็ยากที่จะเชื่อ‘หนวดโค้งขนาดนั้นเป็นใครก็นึกว่าอยู่มาครึ่งชีวิต’ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามของหัวหน้าโจรหรืออดีตเด็กในบ้านครูเมตตา แต่เลือกที่จะเดินนำไปยังห้องผู้อำนวยการอย่างคุ้นเคย“คุณเคยมาที่นี่เหรอ” มาถึงตรงนี้หัวหน้าโจรเองก็เริ่มเอะใจ ชายหนุ่มสามารถเดินนำตนได้ราวกับว่าเคยมา “หรือว่าคุณก็เคยมามอบทุนให้เด็กที่นี่”“ก็เคย” หลังจากที่ทำงานได้ 3 ปี เขามีกลับมามอบทุนการศึกษาให้กับพี่น้องบ้าง แต่พอเลือกเป็นทหารรับจ้างและออกไปรับภารกิจต่างประเทศก็แทบไม่ได้กลับมาอีกเลย“โอ๊ะ เจอพอดีเลย คุณแม่!” ชายหนวดโค้ง
“เรื่องนั้นมันก็… เอ่อ นานแล้ว คือ… เลิกพูดถึงจะดีกว่าไหม” โจเซฟเหงื่อตก ไม่คิดว่าคุณแม่จะยังจำเงามืดในวัยเด็กของเขาได้“แค่แม่เห็นหน้าเรา เรื่องเก่า ๆ ก็ย้อนกลับมาให้เห็นทุกที” หญิงชรายิ้มเอ็นดู เด็กคนนี้ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ถ้าถูกพูดเรื่องน่าอายให้ฟังก็จะพูดตะกุกตะกัก เป็นนิสัยติดตัวที่แก้ไม่หาย“หัวหน้ากลัวหนอนเหรอคะ” หงส์แกล้งถามด้วยสาตายล้อเลียนและไม่ลืมแปลประโยคของครูเมตตาให้เพื่อนร่วมทีมอย่างนิโคลัสได้รับรู้ด้วย“ก็นั่นมันตอนเด็ก!” โจเซฟแย้งเสียงแข็ง “ตอนนี้ไม่กลัวแล้วเถอะ!”ครูเมตตายิ้มดีใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนตรงหน้ามีเพื่อนที่ไว้ใจได้คอยให้ความช่วยเหลือ ว่ากันตามจริงเธอจำเด็กแสบประจำบ้านได้แทบทุกคน เพราะเป็นกลุ่มเด็กที่เธอต้องคอยวิ่งไล่กวดมาอบรมสั่งสอน เด็กบางคนถึงกับเรียกเธอลับหลังว่าแม่ยักษ์ด้วยซ้ำ และก็จะได้เด็กชายโจเซฟตีเสียน่วมให้ถอนคำพูด ส่วนเธอก็ต้องมาทำโทษโจเซฟอีกต่อหนึ่งเพราะเพื่อนมาฟ้องว่าโดนอีกฝ่ายรังแกส่วนเด็กที่ว่าลับหลัง เธอไม่ได้ทำโทษเพราะเห็นว่าที่เด็กพูดแบบนั้นก็เพราะว่าเธอทำให้เขาเจ็บ ดังนั้นเธอจึงทำหน้าเศร้าพลางบอกว่าการที่เขาพูดแบบนั้นทำให้เธอเสียใจมาก
ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็จะพบว่าตนเองสามารถใช้พลังได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น หรือใช้ไปพร้อมกับทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ แต่การฝืนใช้พลังในช่วงแรกจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงหนักกว่าเก่า จากที่เคยแข็งแรงก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ จนกระทั่งวิทย์พากลุ่มเพื่อนของตนมาที่นี่และออกไปหาอาหารเพื่อนำมาให้เด็ก ๆ ได้กิน เธอจึงค่อยวางใจใช้พลังน้อยลงตามไปด้วย“คุณแม่ครับ” ทั้งโจเซฟและวิทย์ต่างก็คว้ามือเย็นเฉียบของหญิงชรามากุมไว้“แม่ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ” เมตตายิ้มทั้งน้ำตาคลอ “ตอนนี้มีเด็ก ๆ อยู่ที่นี่ 23 คน” หันไปตอบคำถามของหงส์“มีใครกลายพันธุ์บ้างไหมครับ แบบหมอนี่” โจเซฟชี้มาทางนิโคลัส“ไม่มีนะจ๊ะ แต่มีเด็ก 2 คนที่มีพลังพิเศษ”“เป็นพลังอะไรเหรอครับ” เฉินเฟิงถามด้วยความอยากรู้ ในหมู่บ้านเขาไม่มีเด็กสักคนที่สามารถปลุกพลังได้เลย ยกเว้นสามแสบที่กินคริสตัลซอมบี้เข้าไป“ดินกับลมจ้ะ” เมตตาตอบ“ถือว่าเป็นพลังที่มีประโยชน์มากเลยนะคะ” หงส์ให้ความเห็น แต่มีประโยชน์ในแง่การต่อสู้น่ะนะ“จริงสิ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว พวกคุณกินข้าวกันมาหรือยัง” วิทย์เอ่ยขัดจังหวะ แต่ดูก็รู้ว่าชายหนุ่มเลี่ยงที่จะให้พวกเขาสอบถามถึงเด็กที่มีพลังพิ
ก่อนหน้าที่นิโคลัสจะมา เฉินเฟิงได้สำรวจด้านหลังห้องครัวมาแล้ว มีแปลงผักที่คุณแม่เมตตาและเด็ก ๆ ได้ลงมือขุดปลูกอยู่พอสมควร จึงคิดจะใช้ประโยชน์จากดินเหล่านี้ปลูกผักตระกูลหัวที่เหลืออยู่แล้วนำมาทำอาหารเจ้ากระต่ายนำหัวผักที่ถูกหั่นไปก่อนหน้านี้ฝังไว้ในดิน ปักเรียงไปทีละหัวจนครบ จากนั้นก็ใช้พลังเร่งให้มันเติบโต ผลผลิตที่ได้จากพลังนั้นทั้งอวบและใหญ่ หัวเดียวกินได้เกือบ 5 คนทำซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดก็ได้หัวไชเท้ากับแครอทอย่างละ 10 หัว และมันฝรั่งอีกเกือบ 30 หัว“ใช้พลังเยอะเกินไปแล้ว” นิโคลัสเห็นเจ้ากระต่ายเดินโซเซเข้ามาในครัวก็รีบประคองให้มานั่งตรงเก้าอี้ก่อน ละสายตาไปแป๊บเดียวก็ทำอะไรเกินตัวอยู่เรื่อย“เพลินไปหน่อยน่ะครับ” เฉินเฟิงไม่ได้แก้ตัว แต่เขาแค่คิดว่าถ้าปลูกน้อยกว่านี้จะทำให้ไม่พอต่อกระเพาะของคนหมู่มาก ในเมื่อจะทำก็ต้องอิ่มหมีพีมันกันไปเลย เพราะสำหรับเชฟอย่างพวกเขาแล้ว ถ้าลูกค้าออกจากร้านไปแบบท้องหิวนั่นถือว่าทำให้ร้านเสียหน้า“นั่งพักไปก่อน จะให้ผมช่วยอะไรไหม” เห็นกองผักที่อีกฝ่ายหิ้วมานั้นมีจำนวนมากกว่าที่เขาคิดไว้“คงต้องล้างน้ำแล้วก็ปอกเปลือกก่อนครับ”“นั่งพักไปก่อน เดี๋ยวผมทำเอ
ผ่านไปตามเวลาที่เจ้ากระต่ายบอก ในที่สุดคุณหมอหมีก็สามารถหยุดการใช้ไฟกับหม้อต้มมันฝรั่งได้เมื่อคุณผู้ช่วยเชฟย้ำว่าพวกมันนิ่มดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องต้มต่อ แต่ยังเหลือหม้อจับฉ่ายที่ยังต้องใช้ไฟต่อไปอีก 15-20 นาทีเฉินเฟิงเทน้ำออกจากหม้อ ใช้กระบวยช่วยบดมันฝรั่งจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เสียดายที่ไม่มีหมูบดต้มใส่ลงไปด้วย คงจะอร่อยมากกว่านี้แน่ มันบดถูกปล่อยพักไว้ให้เย็น หันไปเปิดฝาดูหม้อจับฉ่าย ดูจากสีและกลิ่นก็ถือใช้ได้แล้ว ผักเปื่อยกำลังน่าอร่อย“พอแล้วล่ะครับ”ราวกับได้รับการปลดปล่อย นิโคลัสทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างไม่เหลือมาดไม่ไหวแล้ว… วันนี้ใช้พลังไปเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้วจริง ๆ ขืนใช้ต่อมีหวังหมดสติหลับไม่ตื่นไปเป็นวันแน่ ๆและถ้าเขาหลับก็จะอดกินอาหารของเจ้ากระต่าย… ใครจะยอม!!ผักต้มในหม้อดูน่ากินขนาดนี้ เขาจะพลาดได้ยังไง…เฉินเฟิงปล่อยให้คุณหมอหมีนอนพัก โดยที่ตัวเองเดินไปล้างมือก่อนทำอาหารเมนูถัดไป โลกยิ่งอยู่ยากเราก็ต้องยิ่งรักษาความสะอาดไม่ให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนระหว่างนั่งปั้นมันฝรั่งให้เป็นก้อนกลม ๆ แล้วค่อยกดให้แบน เจ้ากระต่ายก็มานั่งวิเคราะห์ตนเอง ดูเหมือนว่ายิ่งเขาใช้พลังติดต่อก
“เป็นไงครับ” คนทำอาหารลุ้นจนตัวโก่ง ทุกวันนี้เวลาทำอาหารเฉินเฟิงมักไม่มั่นใจในรสชาติเลยสักครั้ง นั่นเพราะวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างก็ต้องใช้ทดแทนในส่วนที่ขาด บางครั้งก็ต้องมิกซ์ส่วนผสมขึ้นมาใหม่ บางอย่างก็ดี... แต่บางทีก็แย่“ถ้าเอาไปคลุกแป้งทอดน่าจะเหมือนอาหารญี่ปุ่นเลย แต่แบบนี้ก็อร่อยดี” ทั้งเค็ม มัน แล้วก็หวาน ขาดแค่เนื้อหมูและแครอทที่เป็นส่วนผสม“ใช่ไหมครับ ผมเองก็คิดว่ารสชาติคล้ายกัน” ค่อยโล่งใจหน่อย ถึงนิโคลัสจะบอกว่าอร่อย แต่สำหรับเฉินเฟิงตีความหมายว่ามันกินได้ ไม่ได้รสแย่มาก“งั้นเราไปเรียกคนมาช่วยยกเลยดีไหมครับ” เจ้ากระต่ายเสนอ ของกินเยอะขนาดนี้ให้ถือไปสองคนน่าจะงานหนักอยู่ ทั้งหม้อต้มจับฉ่ายกับถาดใส่มันจี่อีก“เดี๋ยวไปตามให้” นิโคลัสยันตัวลุกขึ้นจากพื้น แต่กลับถูกเฉินเฟิงยกเก้าอี้มาวางไว้ด้านหลัง พร้อมกับยันไหล่ของชายหนุ่มให้นั่งลงไป“ผมจะไปตามเองครับ ส่วนคุณนิคช่วยเฝ้าอาหารไว้ให้ก็พอ”“แต่…”“คุณใช้พลังไปเยอะแล้ว นั่งพักดีกว่า”“นายก็ใช้” นิโคลัสพยายามแย้ง“เอาเป็นว่าผมอยากไปเดินเล่น คุณช่วยเฝ้าไว้ให้ด้วยนะครับ” เจ้ากระต่ายไม่ฟัง ยืนยันว่าชายหนุ่มจะต้องนั่งพัก จากนั้นก็วิ่
มื้ออาหารกลางวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อทุกคนได้ลิ้มรสชาติต้มจับฉ่ายแสนอร่อยก็ไม่มีใครกล้าตักกินอย่างรวดเร็วเพราะความหิวโหยเลยไม่ว่าจะเป็นหัวไชเท้าอ่อนนุ่มที่ถูกต้มจนเปื่อยกำลังดี เวลาตักเข้าปากแทบละลายหายไปในทันที ความหวานจากน้ำซุปผักแทรกซึมอยู่ทุกอณูจนแทบอยากจะเคี้ยวแล้วกลืนลิ้นลงไปพร้อมกันกี่เดือนแล้วนะที่ไม่ได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้ แม้ในชามไม่มีเนื้อสักชิ้นแต่กระเพาะก็รู้สึกว่าได้รับการเติมเต็ม อีกทั้งยังมีมันจี่เนื้อเนียนละเอียดชิ้นใหญ่ พวกเขาได้รับมันถึงคนละ 2 ชิ้น แม้ผิวสัมผัสด้านนอกจะให้ความรู้สึกแปลกเพราะไม่เคยกินมันฝรั่งย่าง แต่พอกัดเข้าไปถึงเนื้อด้านในนั้นแทบไม่ต่างจากมันบดในร้านสเต๊กชื่อดังที่เคยกินเลยสักนิด“อร่อยมาก” ทุกคนต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน“อร่อยก็กินให้หมดนะครับ” เฉินเฟิงแสร้งดุเพราะเขาเพิ่งคิดได้ว่าหงส์ตักให้พวกเขาเยอะเกินไปหรือเปล่า ถึงจะพอดีกับจำนวนคน แต่ถ้าหากพวกเขากินไม่หมดก็คงน่าเสียดายหากต้องทิ้ง“แทบจะเลียจานแล้วครับ” ต่างจากกลุ่มเด็ก วิทย์และเพื่อนตักกินคำใหญ่ทำให้ทั้งมันจี่และต้มจับฉ่ายหมดภายในเวลาไม่นาน“ในครัวเหลือเสบียงเยอะไหม” โจเซฟกระซิบถามเจ้า
“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็เลี่ยงไปหาที่อื่นเถอะ” ถึงจะอยากไปหาของในห้างสรรพสินค้า แต่ถ้ามีคนตั้งกลุ่มเก็บค่าผ่านทาง แสดงว่าด้านในก็คงไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวมากนัก“เส้นทางนอกเมืองที่พวกเราผ่านมาละครับ” เฉินเฟิงกระซิบถามเสียงเบา ยังมีตู้รถคอนเทนเนอร์อีกหลายคันที่ถูกทิ้งร้างไว้ บางคันก็พลิกคว่ำตามไหล่ทาง“แต่นั้นเท่ากับว่าพวกเราต้องขับย้อนกลับไปนะ” หงส์ไม่เห็นด้วย จากถนนเส้นนั้นมาถึงตรงนี้ไม่ใช่ระยะทางใกล้ ๆนิโคลัสได้แต่ฟังและเก็บมาคิด เขามีความรู้เรื่องเส้นทางนอกเมืองน้อย แต่ถ้าเป็นไอเดียละก็มีอยู่…“ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่เคลียร์ทางให้ที่นี่ไปเชื่อมต่อกับหมู่บ้านล่ะ”“จริงด้วย!” โจเซฟดีดนิ้วเสียงดังถ้าคุณแม่ของเขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในค่ายพันธมิตร ทำไมเขาไม่หาทางลำเลียงทรัพยากรที่มีอยู่แค่ที่นี่ไปแลกกับธัญพืชหรืออาหารในหมู่บ้านของเฉินเฟิงแทนล่ะสิ่งที่หมู่บ้านไม่ขาดคืออาหาร และสิ่งที่นี่ไม่ขาดก็คือร้านขายของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันและห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม ต้องมีสักอย่างสองอย่างที่ชาวบ้านอยากแลกเปลี่ยนแน่นอน“นั่นก็เป็นการย้อนกลับไปเส้นทางเดิมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” หงส์เอียงคองง เธอเพิ่ง
ต้นจามจุรีต้นนี้อยู่มาหลายร้อยหลายพันปี มันหยั่งรากลึกจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งกับภูเขาทั้งลูก จึงเป็นการยากที่จะหักโค่นในทันทีหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กัดฟันเร่งพลังในร่างออกมา แขนเหยียดตึงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อภายในเรียวแขนบอบบาง ไม่ได้ขึ้นนูนแบบนักกล้ามมืออาชีพ แค่ดูลีนคล้ายคนออกกำลังกายเป็นนิจ ใบหน้าสวยแดงก่ำตั้งแต่ลำคอไปถึงใบหูฟากโจเซฟก็คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ป้องกันไม่ให้หญิงสาวถูกลอบทำร้าย แม้ส่วนมากเฉินเฟิงกับนิโคลัสจะคอยสกัดไว้ก่อน แต่เขาก็ไม่ประมาทเปรี๊ยะ…เพียงเสี้ยววินาทีเนื้อไม้ก็ส่งเสียงแตกหักเพียงบางเบา วินาทีนั้นเลือดในกายของหญิงสาวก็ยิ่งสูบฉีด รีดเค้นพลังทุกหยาดหยดที่ซุกซ่อนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายออกมาให้มากกว่านี้…มากกว่านี้อีก!!“อ๊าาาา!!!!” ฝ่ามือดาริณีจมเข้าไปในเนื้อไม้ เส้นเลือดหลังฝ่ามือขึ้นนูนแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวใช้ออกแรงไปมากเพียงใดสุดแรงแล้ว... นี่คือสุดแรงที่เธอมีทั้งหมดแล้ว!เปรี๊ยะ!คราวนี้เสียงไม้ลั่นได้ยินชัดทุกคน แม้ไม่มีพลังพิเศษโจเซฟก็ยังได้ยินเต็มสองหู“อ๊าาาาาาาา!!!”“กี๊ซซซซ!!” เสียงดาริณีประสานกับเสียงต้นไม้ปิศาจ มันไม่ยินยอมหักโค่นทั้งอ
ต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปู ถือเป็นต้นไม้ยืนต้นที่อยู่ในวงศ์เดียวกับพืชตระกูลถั่ว ใบของมันจึงมีธาตุไนโตรเจนที่สูงกว่าใบไม้ชนิดอื่น สามารถช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่มีประโยชน์ในดินได้ ชาวบ้านบางคนในหมู่บ้านก็ใช้ใบจามจุรีนำไปผสมคลุกเคล้ากับดินหรือแกลบเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมหลักในการเพาะปลูกต้นกล้า ก่อนจะนำพวกมันไปลงแปลงต่อไปลืมไปได้ยังไงกัน!เขาลืมเรื่องสำคัญอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน!ตูม!“รับทราบ!” นิโคลัสวิ่งฝ่าเข้าไปในคลื่นรากไม้ ใช้พลังทำลายรากที่อยู่ใกล้ตัวให้มากที่สุด หากสร้างความเสียหายให้มันได้มากเท่าไร การซ่อมแซมตัวมันเองก็ต้องใช้สารอาหารมากเท่านั้น มาดูกันว่าใบที่มันสลัดหลุดจนหมดจะเพียงพอให้มันใช้ได้ตลอดรอดฝั่ง หรือจะเป็นตัวเขาที่หมดแรงก่อนต้นจามจุรียามไร้ใบนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่มันยังคงมีใบปกคลุมเสียอีก เมื่อใดที่มันสะบัดกิ่งสีน้ำตาลเข้มสวนทางลม ยิ่งเสริมให้ดูเหมือนหลุดออกมาจากกราฟิกซีจีขั้นสูงในภาพยนตร์แฟนตาซีคราวนี้เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้รอซัพพอร์ตอยู่รอบนอกอีก เขากระชับมีดในมือ คอยหาโอกาสตัดกิ่งใกล้ตัวโดยหวังว่าจะสามารถลดจำนวนกิ่งที่เป็นอันตรายให้กับคนรักที่อยู่ใกล้ต้นจามจุรีมากที่สุด
ต้นจามจุรีส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด หากเป็นกิ่งเล็กกิ่งน้อยมันคงแค่รู้สึกโกรธ แต่กิ่งที่ถูกทำลายไปนั้นอยู่กับมันมาเนิ่นนาน การสูญเสียไปก็ไม่ต่างจากเสียอวัยวะสำคัญ มันเร่งดูดสารอาหารในดินหวังจะซ่อมแซมและงอกกิ่งก้านนั้นขึ้นมาใหม่!!!กิ่งไม่งอก!เพราะอะไรกัน!!นิโคลัสไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ เจ้าต้นไม้ปิศาจถึงนิ่งไป เขาจึงใช้โอกาสนี้สาดลูกไฟใส่ไม่ยั้ง ไม่ใช่แค่ด้านหน้า แต่วิ่งวนล้อมเป็นวงกลมให้มันติดไฟทุกทิศทาง!พอสังเกตดี ๆ ใบที่เคยเขียวชอุ่มเองก็เริ่มแห้งกรอบ ติดไฟง่ายกว่าเดิมอีกต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่จะอะไรก็ช่างนี่เป็นโอกาสที่ดี!เฉินเฟิงมองภาพต้นจามจุรีลุกเป็นไฟ ในสมองราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องไม่ยินยอม คล้ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเป็นผู้ใช้พลังพฤกษาย่อมพอรู้ว่ามันกำลังคับข้องใจในเรื่องใดตั้งแต่เริ่มเปิดฉากต่อสู้ เจ้ากระต่ายก็ปลูกต้นลิ้นมังกรยักษ์ไว้มากมาย มองผิวเผินอาจจะทำไปเพื่อฟอกอากาศให้พวกเขาสองคนยังสามารถต่อสู้ได้ท่ามกลางฝุ่นควัน นั่นคือจุดประสงค์หลัก…ส่วนจุดประสงค์แอบแฝงแย่งสารอาหารในดินกับต้นจามจุรียังไงล่ะ!! …กิ่งของมันไม่งอก!พลังงานขอ
ตูม!ไม่รอให้ทั้งสองคนปรึกษากัน ต้นจามจุรียักษ์ก็ฟาดกิ่งลงมาบริเวณที่พวกเขายืนอยู่พอดีเฉินเฟิงกระโดดหลบออกไปอยู่วงนอก เขาหยิบต้นลิ้นมังกรขึ้นมาปลูกทันที แม้ดินแถวนี้จะไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่ก็ต้องปลูกให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังเป็นการช่วยคุณหมีสู้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แค่อาจจะยังไม่เห็นผลในตอนนี้และคิดว่าในไม่ช้าต้นไม้ปิศาจเองก็ต้องรู้ว่าเขาได้วางกับดักบางอย่างลงไปแล้ว... หึหึฟากนิโคลัสก็ไม่ปล่อยให้มันเพ่งเล็งคนรัก ยินดีรับบทตัวแท็งก์สร้างลูกบอลไฟในมือจำนวนหนึ่ง ครึ่งหนึ่งปาใส่ลำต้น และอีกครึ่งปาใส่กิ่งก้านสาขา น่าเสียดายที่เป็นใบไม้สดทำให้ติดไฟยากไปสักหน่อยซึ่งบริเวณลำต้นนั้นก็เข้าถึงยากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มจงใจโจมตีใส่กลางต้นก็มักจะมีรากโผล่ขึ้นมาจากดิน คอยปัดป้องการโจมตีนั้นเสมอ ทำให้ต้องเบี่ยงไปโจมตีกิ่งก้านด้านบนแทนทั้งเจ้ากระต่ายและคุณหมีต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ แต่ต้นไม้ยักษ์ใหญ่เองก็ตระหนักดีว่านี่คือศัตรูที่ยากจะต่อกร มันเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกันกิ่งก้านกวัดแกว่งฉวัดเฉวียน แพทย์ทหารหนุ่มต้องกระโดดโยกหลบเป็นพัลวัน หรือแม้แต่เ
ปางช้างพนาไพรแห่งนี้เคยมีข่าวใหญ่โตถึงขั้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกสำนักอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นข่าวที่ทำเอาตำรวจและกรมป่าไม้ถึงกับกุมขมับ… นั่นก็คือข่าวนักท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังแอบลักลอบขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังปางช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพื่อนของพวกเขาหายไปตอนแรกก็คิดว่าคงไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะปกติเจ้าตัวก็ไปไหนไม่ค่อยบอกใคร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกจากรีสอร์ตเพื่อนคนดังกล่าวก็ไม่ปรากฏตัว จึงไปแจ้งที่ตึกสำนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนของตนได้ไปที่ไหนอีกหรือไม่ และภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยตัวคนเดียวหลังผ่านไป 2 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับลงมา จึงลงความเห็นว่าอาจจะหลงป่า หรือไม่ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถกลับลงมาด้วยตัวเองได้ทางปางช้างจึงเร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ให้เร่งติดตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ผ่านไปหลายวันก็ไม่พบวี่แวว กำลังคนที่มีเองก็จำกัด จึงขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มีความสามารถในการเดินป่ามาช่วยหาอีกแรงหมู่บ้านในละแวกนั้นล้วนเป็นคนที่คุ้นชินกับ
โจเซฟนิ่งคิด“แผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้คืออะไร” ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน“ระเบิดภูเขา เผาป่าให้เหี้ยน”“โอเค เข้าใจแล้ว” คนเป็นหัวหน้าพยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ฟังสถานการณ์คร่าว ๆ จากเฉินเฟิงมาบ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือต้นไม้ปิศาจ และร่างจริงของมันก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 7 กิโลเมตรในเมื่อเป็นต้นไม้ก็ต้องกำจัดด้วยไฟถึงจะไม่เหลือซาก และการระเบิดภูเขาเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะมั่นใจได้ว่ารากไม้ที่อยู่ในดินจะไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีกแผนนี้นับว่าไม่เลวเลย“คุณพิม หงส์ แล้วก็ตุ่นลงไปสร้างแนวดินที่ตีนภูเขา ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปไกล เป็นไปได้ก็สร้างรอบภูเขาลูกนี้ไปเลย”“ที่โรงเลี้ยงช้างมีรถบรรทุกคันเล็กจอดอยู่ครับ ผมลองสตาร์ตดูแล้วสามารถใช้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยรอให้พวกผมสามารถดึงความสนใจของมันได้ก่อน อย่าเพิ่งออกจากบาเรียนะครับ” กว่าจะสร้างแนวกันไฟได้คงต้องวิ่งวนรอบภูเขากันล่ะ“โอเค” สองสามีภรรยารับคำสั่งอย่างแข็งขัน พาพิมพาไปยังรถบรรทุกคันเล็กทันที “อาเฟิงยังมีต้นลิ้นมังกรอยู่ไหม พวกเราเองก็จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวจะโดนรมควันตายกันหมด” ต้นไม้ปิศาจอยู่นอกบาเรีย ตอนนี้ท
พลายวารีก็รู้ความ ไม่ดื้อไม่ซน นั่งเอาก้นแช่น้ำ ใช้งวงสาดน้ำมาที่เขาอย่างสนุกสนานพอเริ่มร้อนก็ราดน้ำให้ตัวเองสักทีเกือบหนึ่งชั่วโมงกำแพงไฟก็ถูกจุดติดครบทุกแห่ง จากที่มองด้วยสายตาคร่าว ๆ บาเรียของที่นี่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 กิโลเมตรเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่เจ้ากระต่ายไม่ได้อยู่ข้าง ๆ คนรักเป็นเพราะกำลังใช้พลังของตนเองเร่งให้ต้นลิ้นมังกร[1]เติบโต เขาเห็นมันถูกเถาวัลย์พันจนแทบดูไม่ออกอยู่ที่อาคารสำนักงานของปางช้างแห่งนี้ คาดว่าคงถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เฉินเฟิงจำได้ว่าหลายบ้านนิยมปลูกไม้ชนิดนี้มากเพราะมีสรรพคุณช่วยฟอกอากาศ บางคนจึงนำไปปลูกไว้ในห้องนอนเพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวในห้องและได้รับอากาศบริสุทธิ์เขาจึงคิดว่าหากนำมันมาเร่งโตและเพิ่มความสามารถในการฟอกอากาศของมันให้มากขึ้นอีก จะสามารถกำจัดควันไฟปริมาณมหาศาลนี้ได้หรือไม่... โชคดีที่ทำได้เฉินเฟิงจึงไม่รอช้าถอนต้นลิ้นมังกรที่พบเห็นทุกต้นออกมาเร่งให้มันโตจนสูงใหญ่ยิ่งกว่าพลายมงคล กลายเป็นเครื่องกรองอากาศขนาดยักษ์ ทำให้ภายในบาเรียยังคงมีอากาศหายใจแม้ว่าด้านนอกจะเต็มไปด้วยไฟและฝุ่นควันทางด้านต้นไม้ปิศาจก็ใช่ว่าจะยอมแพ้โดยง่าย ร
“!!!!”“ข้างหน้าเป็นกำแพงไฟ!” ตุ่นคว้าคนรักเข้ามากอดแนบอก ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูรถเตรียมเปิดกระโดดทุกเมื่อหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน[มาเลย! ฝ่ากำแพงไฟมาเลย!!] เสียงในสมองเร่งเร้า“เป็นไงเป็นกันวะ!” โจเซฟเหยียบคันเร่งจนมิด คนที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อย่างดาริณีและพิมพาเองก็กอดกันแน่น แม้จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างตึง!!รถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชนกำแพงรากไม้ที่เริ่มเปราะบางจากการถูกเผาไหม้มาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้หน้ารถไม่ได้รับความเสียหายมากนัก พอพ้นจากแนวไฟก็ได้พบกับรีสอร์ตร้างที่มีช้างเชือกหนึ่งยืนต้อนรับอยู่“...” หงส์หรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างยากจะเชื่อ“...” ไม่ใช่แค่หงส์ที่ตกใจ ทั้งโจเซฟและตุ่นต่างก็มองภาพไฟกำลังลุกโหม ผิวเนื้อยังคงสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุแต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น บริเวณรีสอร์ตกลับไม่มีไฟไหม้เลยสักนิด!แม้แต่สะเก็ดไฟก็ไม่มี ควันไฟเองก็มีปริมาณน้อยกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด“มากันจริง ๆ ด้วย” พลายมงคลมองกลุ่มผู้มาเยือน เฉินเฟิงบอกว่าจะเรียกกำลังสนับสนุนที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและมาจริ
ปกติการลงเขาในเวลากลางวันจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเพราะต้องเดินลัดเลาะ อ้อมตรงนั้นหลบตรงนี้ไปตลอดทาง แต่ด้วยความเร่งรีบตุ่นจะเป็นคนวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นเส้นตรงเพื่อตรวจสอบเส้นทาง ส่วนดาริณีจะรับหน้าที่วิ่งเป็นแนวหน้า หากเจอสิ่งกีดขวางที่ไม่จำเป็นต้องวกอ้อมอย่างหินก้อนใหญ่หรือพุ่มไม้ก็จะใช้กำลังหักร้างถางพงด้วยตนเองเพื่อทำเวลาให้เร็วที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดจะมาถึงตีนเขาโดยใช้เวลาไปแค่ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เก็บเป็นสถิติใหม่ได้เลยแม้จะลงมาถึงได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน พิมพาแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอไปฝึกร่วมกับเด็ก ๆ คงหมดแรงตั้งแต่ครึ่งทาง หงส์รีบมาช่วยประคองไปที่รถบรรทุกคอนเทนเนอร์อาหารแห้งที่ยังจอดทิ้งไว้นอกหมู่บ้าน เนื่องจากเฉินเฟิงกับนิโคลัสขับรถของคุณยายไป พาหนะที่พวกเขาพอจะหยิบใช้ได้โดยไม่ต้องขอคนอื่นก็มีแต่รถคันนี้ภายในหมู่บ้านเองก็มีชาวบ้านเริ่มออกมามุงดูบ้างแล้ว แต่เพราะไม่รู้สถานการณ์จึงทำได้เพียงแค่ดู ไม่สามารถโทรแจ้งหน่วยงานไหนได้เลย อีกทั้งมองจากระยะสายตาก็รู้แล้วว่าไกลจากที่นี่พอสมควร เดินทางตอนกลางคืนมีแต่เสี่