“โห กลิ่นเหม็นกว่าที่คิดเยอะเลย กองซากตรงนี้คือน่าขยะแขยงมาก” หงส์ยกมือปิดจมูก ตอนที่เฉินเฟิงเล่าก็จินตนาการไว้บ้าง พอได้เห็นของจริงกลับเกินกว่าที่คิดไว้ไปไกลโข ไปทำภารกิจมากี่ที่ก็ไม่เคยเจอที่ไหนสาหัสเท่ากับที่นี่เลย“นี่คือซอมบี้เด็กตนนั้นสินะ” โจเซฟยืนพิจารณาศพซอมบี้ เป็นเด็กอายุประมาณหนึ่งถึงสองขวบจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกของพนักงานที่ตามติดพ่อแม่มาอยู่เวรก็เป็นได้ ชายหนุ่มมองร่องรอยการต่อสู้ก็พอรู้ว่านิโคลัสคงทุ่มสุดตัว ไม่น่าเชื่อว่าพื้นคอนกรีตที่แตกละเอียดตรงนี้จะเป็นฝีมือของซอมบี้ที่ส่วนสูงเท่าเข่าของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว…“หัวหน้า!” หงส์ร้องเตือน อยู่ ๆ ขนหลังคอก็ลุกชันจนหญิงสาวสะดุ้ง ร้องเรียกโจเซฟดังลั่น “มีบางอย่างกำลังมา!!”“เสียงรถ” ตุ่นเองก็ได้ยินเสียงรถยนต์จากทางหน้านิคมในเขตนี้เช่นกัน ทหารที่รับภารกิจนี้เหมือนกันหรือคนจากฐานอื่น?เฉินเฟิงนิ่งฟัง เขาเป็นคนสุดท้ายที่รู้ตัวว่ากำลังมีคนมา ดูเหมือนระยะการได้ยินของเขาจะยังพัฒนาไม่เท่ากับตุ่น ไม่รู้ว่าทหารหนุ่มได้ยินไกลแค่ไหน“เอาไงดี” ทีโอ“กำลังมุ่งตรงมาทางนี้” ตุ่นช่วยบอกทิศทางเพื่อให้หัวหน้าตัดสินใจอีกแรง“ซ่อนตัวก่อน”
“ว่าไง ตุ่นเพื่อนรัก” เอที่สัมผัสได้ว่าเพื่อนเป็นเพื่อนตายของเขาอยู่บริเวณนี้ก็ร้องทักเสียงดัง ไม่ยี่หระต่อซอมบี้ที่เริ่มเดินโขยกเขยกเข้ามาเพราะเสียงของตนส่วนลูกทีมอีกสิบชีวิตก็พากันหัวเราะครื้นเครงอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก“ออกไปเหม็นหน้ามันก่อนแล้วกัน” โจเซฟถอนหายใจเสียงดัง ซ่อนตัวต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้ออกห่างจากโกดังมากนัก เผื่อมีเหตุไม่คาดฝันจะได้หนีไปตามแผนเดิมที่คิดไว้ “ทีโอ อย่าลืมปิดล็อกโกดังนี้ด้วยนะ” ก่อนจะหันไปสั่งลูกทีม ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ ใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะของโกดังฉับพลันตัวน็อตที่เคยหมุนอยู่ในเกลียวก็ดันตัวออกแล้วโค้งงอจนล็อกมุมประตูไว้อย่างแน่นหนา“คุณหลบออกไปเถอะ” นิโคลัสกระซิบเตือน หลังจากนี้เขาพอจะเดาความคิดของหัวหน้าตนเองได้ จึงอยากให้ชายหนุ่มหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย“แล้วพวกคุณ…”“ตรงนี้พวกเราจัดการได้ คุณไปเถอะ” คุณหมอประจำกลุ่มยืนยันเฉินเฟิงมีสีหน้าลังเล สุดท้ายก็ยอมเดินไปทางบ่อบำบัดน้ำเสียเพื่อให้หลุดไปยังป่าอ้อยด้านหลังนิโคลัสมองส่งจนกระทั่งไม่เห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มแล้ว จากนั้นค่อยออกมารวมตัวกับเพื่อนร่วมทีม“งานยากเลยล่ะ” เจ
แล้วมาทำไมก็น่าจะรู้ว่าที่ห้องเหลือเขาแค่คนเดียว‘ผมมาหาพี่นั่นแหละ’ เสียงทุ้มหวานที่แมทชอบอวยนักหนาพูดกับเขา ริมฝีปากอิ่มประดับรอยยิ้มบางเบา‘มีธุระอะไร’ นิโคลัสหันไปประจันหน้า ไม่ยอมเปิดประตูห้องให้เข้าไปด้านในโดยง่าย ยืนคุยมันหน้าประตูนี่แหละ เผื่อใครผ่านไปผ่านมาจะได้ไม่เอาไปฟ้องรูมเมตว่าเขากับแฟนมันอยู่ด้วยกันสองต่อสอง‘พี่จะไม่ให้ผมเข้าห้องหน่อยเหรอ’ ไอซ์เงยหน้าจ้องตาคนตัวสูงกว่า ใช้สายตาออดอ้อนอย่างที่ชอบใช้ประจำกับพวกเหยื่อตัวน้อย ๆ ที่ผ่านมา ต่างก็ตรงที่กับชายหนุ่มคนนี้เขาจริงจัง ไม่คิดว่าการหาคู่นอนเป็นทหารแลกเปลี่ยนจะทำให้เขาได้มาพบกับคนที่สามารถกระตุกหัวใจของเขาได้...อยากได้...อยากให้ครอบครอง‘พูดธุระออกมา’ นิโคลัสกดเสียงต่ำให้รู้ว่าไม่พอใจมากเพราะเริ่มเดาบางสิ่งบางอย่างได้‘ผมชอบพี่’ ไอซ์สารภาพออกมาเสียงเบา ข้างแก้มปรากฏสีแดงระเรื่อ‘เหรอ’ ชายหนุ่มตอบรับเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทีดีอกดีใจหรือรังเกียจ แค่รับรู้ไว้‘ถ้าผมเลิกกับพี่แมท ผมขอคบกับพี่ได้ไหมครับ’‘แต่ผมไม่ได้ชอบคุณ ไม่ต้องมาวุ่นวายกับผมอีกนะ’ นิโคลัสพูดจบก็เปิดประตูห้องแล้วปิดล็อก ทำราวกับว่าคำสารภาพรักนั้นเป็นเพ
และเพราะชื่อเสียงรวมถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ชายหนุ่มอายุ 35 ปีผู้นี้จึงถูกไว้วางใจจากคนในระดับสูงมาก ไอซ์จึงไม่สามารถบังคับหรือให้คุณลุงผู้มีตำแหน่งสูงสุดในหมู่ทหารยัดเยียดตนเข้ามาในกลุ่มของโจเซฟได้เลย“ไหน ๆ เราก็มาทำภารกิจเดียวกัน ยังไงก็…” ไอซ์พยายามพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยค ใบหูเล็กบนศีรษะของเจ้าตัวก็กระดุกกระดิกขึ้นอย่างเร็ว พอหันไปมองหงส์ที่กระตุกชายเสื้อโจเซฟไม่หยุดก็ยิ่งแน่ใจมีบางอย่างกำลังมาความไม่สบายใจแผ่ซ่านตั้งแต่หน้าอกจนชาไปทั้งตัวอะไรกำลังมา…ตึกตักเกิดความเงียบขึ้นมาจากกลุ่มที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์และมีประสาทการได้ยินที่ดี หงส์หน้าซีดเผือดจนต้องให้ตุ่นช่วยประคองน่ากลัว... สิ่งที่กำลังมาน่ากลัวนิโคลัสเกร็งร่างกายทุกส่วนเตรียมรับสถานการณ์เลวร้าย รู้สึกโล่งอกที่ปล่อยให้เฉินเฟิงหนีไปก่อน ส่วนพวกเขาเป็นทหาร จะอย่างไรก็ต้องประเมินสถานการณ์เพื่อรายงานเบื้องบน เพราะนิคมอุตสาหกรรมนี้คือชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยแก้ไขเรื่องอาหารขาดแคลนภายในค่ายได้เพราะฉะนั้นต้องอยู่ดูให้รู้ถ้าไม่ไหวก็หนีและหาวิธีรับมือในอนาคตแต่ถ้าไหวก็ต้องสู้!“พี่เอ” ไอซ์ร้องเ
ลูกไฟขนาดเท่ากับลูกฟุตบอลพุ่งเข้าใส่กลางตัวของมัน ทำให้เจ้าหนูยักษ์ที่กำลังฟาดงวงฟาดงาในอากาศหันเหความสนใจมาที่มนุษย์เบื้องล่าง เจ้าพวกที่ทำให้มันตื่นจากการจำศีล!“ตุ่น” โจเซฟเอ่ยเรียกลูกทีมอีกคน พร้อมกับร่างของชายหนุ่มหูสุนัขที่พุ่งเข้าไปใกล้กับเจ้าสัตว์ประหลาดอย่างรอคำสั่งอยู่แล้ว“ทางซ้าย” หงส์ตะโกนบอกคนรัก ชายหนุ่มจึงสามารถกระโดดหลบหางสีน้ำตาลที่ฟาดลงมาได้ทันท่วงที“พวกมึงก็ช่วยเขาหน่อยสิวะ” เอหันไปสั่งลูกน้อง ส่วนไอซ์นั้นหลบไปยังด้านหลังสุด ใจจริงอยากจะวิ่งไปหานิโคลัส แต่เจ้าหนูยักษ์ตนนี้ดันโผล่ขึ้นมาขวางพวกเขาสองกลุ่มออกจากกัน ทะเล่อทะล่าวิ่งไปคงมีแต่ตายกับตายลูกน้องของเอสิบคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีพลังพิเศษโดยเป็นทีมที่ถูกซื้อตัวมาด้วยทรัพยากรมหาศาล เป็นทีมแนวหน้าของค่ายพันธมิตรที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดนั่นคือสิ่งที่ประชาชนทั่วไปในค่ายรับรู้ แต่ถ้าหากลองให้บุคลากรทางการทหารและกลุ่มให้ความช่วยเหลือภายในค่ายโหวตว่ากลุ่มของใครดีที่สุด ทุกคนคงเลือกทีมของโจเซฟอย่างไม่ลังเลใช้จำนวนคนน้อยที่สุด…สูญเสียทรัพยากรจากการต่อสู้น้อยที่สุด…บาดเจ็บน้อยครั้งที่สุด…แค่นี้ก็บอกได้แล้วไม
“มันกำลังจะทำอะไร” ทีโอแหงนมอง“หนูเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสไวครับ มันคงคิดว่าการโจมตีของคุณโจเซฟจะทำอันตรายกับมัน มันเลยเลือกปีนหนีขึ้นไปบนหลังคาก่อน” เฉินเฟิงที่ค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ บอกพฤติกรรมของหนูที่เขาเคยศึกษามาบ้างให้ทีมทหารได้รับรู้“งั้นที่ผ่านมาที่มันยอมให้พวกเราโจมตีใส่…” ว่าแต่ทำไมคนที่พวกเขาบอกให้หนีไปถึงมาอยู่ตรงนี้ได้“แหะ ๆ ผมวกกลับมาครับ” เฉินเฟิงหลบสายตาคาดโทษของทีโอ พลางอธิบายต่อเพื่อชวนคุย “มันคงดูออกว่าทำอะไรมันไม่ได้”“แล้วเราควรทำยังไงดี” โจมตีใกล้ก็ไหวตัวทัน โจมตีไกลก็ไม่มีอะไรที่แรงพอ“ถ้าเป็นเมื่อหลายเดือนก่อนผมคงแนะนำให้หาอาหารมาหลอกล่อมัน แต่ดูจากการที่มันไม่สนใจอ้อยหรือมันสำปะหลังคงต้องตัดเรื่องนี้ออกไปก่อน” เฉินเฟิงยิ้มแหย เขาเองก็จนปัญญา ที่มาหานี่เพราะใจล้วน ๆ ส่วนเรื่องกำลังคงต้องตามมีตามเกิด“แต่โดยทั่วไปแล้วหนูมีประสาทสัมผัสการได้ยินไม่ค่อยดีนะครับ มันจะได้ยินเสียงในระยะหกนิ้วเท่านั้น ถ้าเทียบกับไซส์ปกติกับตอนนี้ก็คงราว ๆ 600 เมตร”“ใกล้ไปหรือเปล่า” หงส์แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่างนี้การโจมตีในระยะไกลก็คือจุดได้เปรียบของการต่อสู้
“มันยังตามมาอยู่เลยครับ” หนึ่งในลูกน้องของเอหันไปมองด้านหลังด้วยสายตาหวาดหวั่น สมองเองก็ใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มทน เขาทั้งต้องขับรถหนีจากการตามล่าของหนูยักษ์ แถมด้านหน้าก็เริ่มมีซอมบี้มายืนขวางเพราะได้ยินเสียงอึกทึก จะผลัดเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมทีมก็ไม่ได้ พวกมันเล่นใช้พลังเกินลิมิตจนนอนนิ่งไม่ไหวติงกันหมด‘คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่วะที่มาอยู่ทีมนี้!’ตึง ๆ ๆกร๊าซซซ!!‘ไอ้นี่ก็ตามจังโว้ยย!!!’หนูยักษ์ยังคงวิ่งตามรถบรรทุกอย่างไม่ลดละ ยิ่งฟ้าเริ่มมืดมากเท่าไร ความเร็วในการไล่ตามของมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น“พี่เอ” ไอซ์เรียกลูกพี่ลูกน้องเสียงสั่น เขายอมออกจากฐานมาเพราะพี่ชายคนนี้บอกว่าจะรับภารกิจเดียวกับนิโคลัสถึงได้ขอติดตามมาด้วย แล้วทำไมถึงได้มาเจอตัวแบบนี้เข้าได้!“ชิ” เอกัดฟันกรอด เขานึกว่าไอ้หนูบ้านั่นมันจะวิ่งตามกลุ่มของตุ่นไป เพราะอย่างไรเขาก็มีรถ คงสามารถหนีจากมันได้รวดเร็วกว่า‘ทำไมมันไม่ตามกลิ่นเลือดของไอ้หมาบ้านั่นไปวะ! มาตามกลุ่มเขาทำไม’“ประคองรถไปก่อน ถ้าพ้นจากเขตนิคมอุตสาหกรรมมันคงเลิกตามไปเอง” ความหมายก็คือขับต่อไปอย่าได้หยุดพัก “ถ้ามันเข้ามาใกล้ค่อยใช้ปืน อย่ายิงสุ่มสี่สุ่มห้าเด็
“เหมือนที่นี่จะมีสัตว์ร้ายด้วยนะ” ตุ่นเงี่ยหูฟัง“เหรอครับ” พอคนบาดเจ็บพูดแบบนั้น เฉินเฟิงจึงลองตั้งสมาธิกับการฟังบ้าง ก่อนหน้านี้เขาเคยตรวจสอบละแวกที่พักอาศัย ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติ แต่เวลานี้เขาเริ่มได้ยินเสียงการดำเนินชีวิตต่าง ๆ มากขึ้น จากที่คิดว่าสัตว์ที่ตัวใหญ่สุดในภูเขาลูกนี้คงไม่พ้นหมูป่า จึงอาจต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ หรือไม่ที่เพิ่งได้ยินอาจเป็นเพราะพวกมันเริ่มสัมผัสได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาอาศัยในถิ่นฐานของมัน“ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนะ” หงส์เสริม เธอไม่รู้สึกหวาดกลัวเลย นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเธอเองก็สามารถจัดการได้“ค่อยโล่งใจหน่อยครับ” เฉินเฟิงถอนหายใจเสียงดัง นึกว่าแม้แต่บ้านบนภูเขาก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป หลังจากนี้เขาจะต้องหนีไปอยู่ที่ไหนล่ะคำยืนยันจากปากของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นมากเลย“ใกล้ถึงแล้วครับ” แถมยิ่งเข้าใกล้จุดที่ตั้งบ้านก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นเนื้อย่างลอยอบอวลชวนน้ำลายสอหือ... เนื้อย่าง!!!“พี่ดา!” เฉินเฟิงผลุนผลันวิ่งตรงไปยังบ้านต้นไม้ก่อนใครหรือว่าจะมีคนขึ้นมาบนเขาอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีกลิ่นเนื้อย่างได้ยังไง บ้านของเขามีแต่อาหารกระป๋องน
ก่อนหน้านี้เพราะตกใจกับขนาดตัวของมันทำให้ไม่ได้สังเกตรายละเอียดเพราะความมืด มาตอนนี้พอลองมองดูดี ๆ แล้วก็ไม่ได้น่ากลัวมากขนาดนั้น เหมือนแมวอ้วนโดนตัดไข่ตัวหนึ่ง“ช่างเถอะครับ ในเมื่อไม่ยอมก็เผาเลยดีกว่า” เฉินเฟิงปรายตามองอย่างเย็นชา ในเมื่อคุยด้วยสันติไม่ได้ก็เอาเนื้อของมันมาทำเป็นอาหารเลยดีกว่าตัวขนาดนี้น่าจะทำได้หลายเมนู แต่อาจต้องเอาเนื้อสดไปแช่ขิงขูดสักหน่อยจะได้กลบกลิ่นคาว ดูทรงแล้วเนื้อน่าจะกลิ่นแรงพอตัว ทำเนื้อตากแห้งไว้กินตอนออกไปสำรวจด้านนอกก็ไม่เลว จากนั้นก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้ให้ครูเมตตาด้วย เด็ก ๆ จะได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์บ้างงั้น... ฆ่าเลยดีกว่างี้ดดด~ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมคนอันตรธานหายไปแทบจะทันเมื่อเจอสายตาเย็นชาสีแดงของเจ้ากระต่าย หลังคอรู้สึกขนลุกขนพอง ทั้งที่มันมีขนาดตัวใหญ่และขนหนานุ่ม ภายใต้สายตาคู่นั้นเหมือนกับว่าเห็นมันตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนพร้อมจะแล่เนื้อเถือหนังออกอย่างง่ายดาย“เราจะมัวเสียเวลาอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว” เจ้ากระต่ายมองไปทางที่กลุ่มของวิทย์วิ่งฝ่าความมืดไป เขารู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายพอสมควร“เล่นไปกันหมดแบบนั้นแล้วคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจะทำยังไงล่ะ” น
ชื่อเดิมของมันคือ จาคอป เจ้านายของเขาบอกว่าอยากให้เป็นหมาป่าหนุ่มที่องอาจ ก็ไม่รู้ว่าดูภาพยนตร์มากเกินไปหรือเปล่า แต่มันก็ชอบชื่อนั้นมาก เวลาที่มนุษย์จับมันแต่งตัวด้วยชุดน่ารัก ๆ แค่เรียกว่าเจคอปสุดหล่อมันก็พร้อมจะยอมยืนเป็นหุ่นให้แต่โดยดีแถมก่อนที่จะตัวขนาดนี้เจ้านายก็ใจดีพามันออกมาเที่ยวโดยที่ไม่ต้องมีสายจูงให้รู้สึกรำคาญอีก แต่พอวิ่งไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็พบว่าเจ้านายหายไปเสียแล้ว...มันพยายามเหลียวหลังมองหลายครั้ง วิ่งกลับไปยังเส้นทางเดิมก็ยังไม่เจอหรือว่ามันจะถูกทิ้ง?“ว่ายังไง ไม่สนใจไปด้วยกันเหรอ ฉันทำอาหารอร่อยนะ” เจ้ากระต่ายต่อรองถ้าไปอยู่ด้วย... แล้วสักวันหนึ่งมนุษย์คนนี้จะหายไปด้วยหรือเปล่างี้ดกลุ่มของวิทย์เห็นท่าทีของแร็กคูนอ่อนลงก็ยิ่งรู้สึกบูชากลุ่มของโจเซฟแทบท่วมหัวโคตรเจ๋ง! ขนาดสัตว์กลายพันธุ์ก็ยังคุยได้ด้วย!ผึง!“!!!” เสียงคล้ายเชือกที่ถูกขึงจนตึงแล้วถูกตัดขาดออกจากกันทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในอากาศ เจ้ากระต่ายและคุณหมีรีบมองหน้ากันโดยทันที แร็กคูนเองก็มองไปทางต้นเสียงที่มันเองก็ได้ยินเช่นกัน“คุณวิทย์ ทางนั้นคุณได้ล้อมลวดหนามเอาไว้ด้วยใช่ไหมครับ” แม้จะมีคำตอบอย
ไม่ผิดเลยที่ใครหลายคนมักบอกว่าแร็กคูนเป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าแมวและใกล้เคียงกับสุนัข อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่ชอบฉวยโอกาส อย่าได้เผลอวางอาหารไว้ในระยะสายตาของมันเด็ดขาดแล้วจะจัดการกับมันอย่างไร?เฉินเฟิงเองก็ฉุกคิดถึงข้อนี้ได้เช่นกัน มันฉลาดเกินไป การโจมตีเองก็ไม่มีแบบแผนตายตัว อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม“ทุกคนหาที่หลบ!!” วิทย์ร้องลั่น เรียกสติให้ทั้งสองคนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อเจ้าแร็กคูนเกิดความรำคาญถึงขีดสุด มันทุบทำลายบ้านเรือนในบริเวณใกล้มือ จากนั้นก็นำเศษอิฐยกขึ้นปาใส่พวกเขาและนั่นยิ่งทำให้เข้าถึงตัวของมันยากขึ้นตามไปด้วยตูม ๆ ๆ ๆฝนอิฐถูกปาไปอย่างไม่มีแบบแผน แต่ก็สร้างความโกลาหลเล็ก ๆ ให้กับกลุ่มมนุษย์ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบเฉินเฟิงไม่เคยออกจากที่ซ่อนตัว ชายหนุ่มจึงใช้จังหวะนี้เร่งโตต้นฟักเขียวให้เจริญเติบโต จากนั้นก็ค่อย ๆ เลื้อยไปตามท้องถนนจนในที่สุดก็มาถึงขาหลังของมันเจ้าสัตว์กลายพันธุ์ตัวยักษ์มัวแต่ให้ความสนใจกับมนุษย์ที่วิ่งหนีตายหลบการโจมตีทำให้ละเลยเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของต้นไม้ใบหญ้าในความคิดของมันไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกมัดขาทั้งสองข้างเ
ตึง ๆ ๆ ๆเสียงฝีเท้าหนักกระทบกับพื้นเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาทีที่ยังไม่เห็นว่าสิ่งที่ต้องเผชิญนั้นเป็นตัวอะไร ความหวาดกลัวยิ่งบีบรัดในช่องอกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะขาดอากาศหายใจตึก ตักเฉินเฟิงกำเมล็ดฟักเขียวไว้ในมือแน่น เมื่อไหร่ที่เจ้าสัตว์กลายพันธุ์โผล่หน้าของมันออกมา เขาจะฝังเมล็ดลงดินและเร่งโตมันทันที และถ้าหากเห็นว่าพวกเราเสียเปรียบก็จะควบคุมเถาของมันไปรัดพันศัตรูไว้เพื่อสร้างโอกาสให้คนที่มีพลังต่อสู้สูงอย่างนิโคลัสได้เปิดฉากโจมตีตึง ๆ ๆ321พรึ่บ!ทุกคนพร้อมใจกันสาดไฟไปที่สัตว์กลายพันธุ์ที่โผล่ออกมาจากหัวมุมถนนกี๊ซซ!เสียงแหลมสูงถูกเปล่งออกมาด้วยความตกใจ เจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดไม่ต่างจากช้างยกอุ้งมือด้านหน้าปิดบังดวงตาของมันที่ถูกแสงเล่นงานอย่างไม่ทันตั้งตัวแร็กคูน!ไม่ผิดแน่ รอยแต้มสีดำรอบดวงตาเหมือนหน้ากากโจร มีหางสีดำสลับขาวคาดเป็นพวง เคยได้ยินว่าแร็กคูนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องมีทะเบียนรับรองเหมือนกับสัตว์นำเข้าชนิดอื่น แถมยังเพาะพันธุ์ขายกันในประเทศอีกด้วย ราคาค่าตัวก็ไม่ต่างจากสุนัขพันธุ์แพง ๆ เลยแต่ความยาวตัวเต็มวัยของแร็กคูนจะอยู่ที่ประมาณ 2 ฟุตครึ่งตั้
วิทย์ตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาจากห้องนอนทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าท่อนบนอยู่ ๆ ก็มีลูกน้องวิ่งไปปลุกเขาบอกว่าคุณนิโคลัสเรียกรวม ชายหนวดโค้งเห็นทั้งคุณหมอและคุณเชฟแต่งตัวรัดกุมก็รู้สึกเก้อกระดาก ยังดีที่ก่อนออกมาเขาคว้าเสื้อกล้ามใกล้มือติดมาด้วย ดังนั้นตอนนี้ขอใส่ก่อนล่ะ“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม เธอรับอยู่เวรยามในค่ำคืนนี้ พอชายหนุ่มทั้งสองบอกให้ไปปลุกวิทย์และเพื่อนคนอื่นก็ไม่รอช้าแม้จะยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ตาม“ผมกับอาเฟิงได้ยินเสียงเหมือนมีสัตว์ 4 ขาขนาดใหญ่อยู่ด้านนอก มันกำลังตรงมาที่นี่”“!!!”ชายหนวดโค้งรีบหันไปมองนอกกำแพงที่มีพลังป้องกันของคุณแม่กางล้อมรอบอยู่ ตอนวิ่งมาเขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าคุณแม่ได้ใช้พลังไปแล้ว“มันเข้ามาใกล้แค่ไหนแล้วครับ” วิทย์หน้าซีดเผือดรีบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน“ใกล้มากแล้ว น่าจะห่างไปประมาณ 2 กิโล” เฉินเฟิงเองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าตัวที่โผล่มายามวิกาลดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด“แล้ว… แล้ว…” ชายหนุ่มอึกอัก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ“ผมจะออกไปดูกับคุณนิคครับ ถ้าคุณอยากไปด้วยก็ตามมา แต่ต้องเหลือคนบางส่วนไว้คอยปกป้องที่นี่บ้าง” เจ้ากร
พอตกกลางคืนปัญหาใหม่ก็บังเกิดเขาจะนอนกับคุณหมอหมีอย่างสนิทใจได้ยังไงล่ะทีนี้“เดี๋ยวผมนอนข้างล่างก็ได้” นิโคลัสเห็นเชฟหนุ่มมองเตียงสลับกับมองเขา เดาว่าอีกฝ่ายคงลำบากใจที่จะต้องร่วมเตียงกับคนที่คิดเกินเลย แม้จะให้ความหวังแต่ก็ยังไม่ควรอยู่ชิดใกล้“ไม่” เจ้ากระต่ายรีบปฏิเสธ หัวคิ้วขมวดมุ่นชนกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงเบา “เฮ้อ ไม่ต้องหรอกครับ นอนด้วยกันนี่แหละ”“แต่คุณลำบากใจ”“มันก็ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้ลำบากใจเพราะว่าคุณนิค เอ่อ คุณ…”“เพราะผมชอบคุณ”“...!!” พูดออกมาได้ง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอพี่!“หมายความว่าอาเฟิงโอเคที่ผมชอบคุณ... ใช่หรือเปล่า” นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างมีความหวัง ใบหูกลมบนศีรษะตั้งขึ้นเพราะความตื่นเต้น ต่างจากใบหูสีขาวที่ค่อย ๆ ลู่ลงเพราะประหม่าและเขินอาย“กะ... ก็ไม่ใช่ว่าไม่โอเค” พูดไปก็เสหน้าไปอีกทางไม่ไหวเขาสู้สายตาวิบวับของคุณหมอหมีไม่ไหว ถ้าเผลอจ้องมองไปนาน ๆ แล้วเขาต้องเผลอตอบตกลงไปทันทีจะทำยังไงไม่ได้สิ เขาต้องเล่นตัว เอ๊ย! ต้องศึกษากันไปก่อน จะปุบปับคบกันเลยไม่ได้!ถึงไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เจอใครในอนาคตอีกหรือเปล่า แต่เขาก็ควรสแกนคนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
“มื้อเที่ยงจะทำอะไรเหรอครับ” เฉินเฟิงเดินเข้ามาในครัวเห็นครูเมตตาและสมาชิกในทีมของวิทย์กำลังเตรียมอาหารกัน“ว่าจะทำผัดผักบุ้งกับข้าวต้มจ้ะ” เพราะผักบุ้งคือผักที่โตง่ายที่สุดและสามารถตัดกินได้เรื่อย ๆ แทบจะเป็นมื้อหลักของบ้านครูเมตตาในยุคนี้“ถ้าอย่างนั้นผมช่วยนะครับ” เจ้ากระต่ายไม่ได้เสนอตัวช่วยเร่งโตพืชผักในสวนครัวเพื่อให้ได้ทำเมนูอาหารอย่างอื่นเพิ่ม แต่จะกินแบบเดียวกับที่พวกเขาทำแทน “ผมมีผลไม้อบแห้งที่เอามาด้วย ครูแบ่งให้เด็กกินคนละชิ้นนะครับ มีส่วนของพวกคุณวิทย์ด้วย” เฉินเฟิงยกให้พวกเขาทั้งกล่อง แต่ควรบริหารจัดการให้กินได้หลายวันหน่อย“ขอบคุณมากเลยนะ เป็นเพราะพวกคุณ เด็ก ๆ เลยมีอาหารอร่อยกิน” เมตตารับไว้ด้วยความยินดี เด็กอยู่ในวัยกำลังโต การที่ได้กินอาหารที่เหมาะสมจะทำให้การเจริญเติบโตของพวกเขาดียิ่งขึ้น ถ้าวันใดเฉินเฟิงหรือนิโคลัสขอความช่วยเหลือจากเธอละก็ เธอก็พร้อมจะให้ความร่วมมือเต็มที่“เห็นพวกเขากินกันอร่อยผมก็ดีใจแล้วครับ มาครับ เดี๋ยวผมช่วยสับกระเทียม” มัวแต่ขอบคุณกันไปมา เวลาอาหารคงถูกร่นลงไปอีก คุยไปทำไปดีกว่า“คุณครูพอจะมีพวกเมล็ดผักเหลือบ้างไหมครับ ที่ยังไม่ปลูกก็ได้” ผั
ต้องรู้สึกสิ้นหวังมากแค่ไหนกันนะ เมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่ซอมบี้และฝูงชนจำนวนมากที่พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด หากมีเด็กสักคนพลัดหลงกับพ่อแม่…“ได้หนังสือมาเยอะเลยนะครับ” วิทย์ทักขึ้นขัดภวังค์หดหู่ของอดีตผู้ช่วยเชฟ เฉินเฟิงจึงได้ปัดจินตนาการเหล่านั้นออกจากสมอง“ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือทำอาหารน่ะครับ”“สมกับที่เป็นเชฟเลยนะครับ”“เคยเป็นครับ เคยเป็น” เจ้ากระต่ายแก้ เวลานี้ไม่มีทั้งภัตตาคารหรือลูกค้าอีกแล้ว เขายังสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นเชฟได้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้“แต่ต้มจับฉ่ายเมื่อวานอร่อยมากเลยครับ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ได้เป็นเชฟในร้านอาหารแล้ว ก็เป็นเชฟวันสิ้นโลกได้นี่ครับ”เฉินเฟิงหลุดยิ้มออกมานั่นสินะ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง เขาก็ยังคงรักการทำอาหารอยู่ดี…“อือ…”“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” เมตตาผละจากนิตติ้งที่กำลังถักอยู่ ลุกขึ้นไปดูคนป่วย“ผม…” นิโคลัสปรือตามองเพดานไม่คุ้นตา ก่อนสมองจะประมวลได้ว่าก่อนหน้านี้เขากำลังทำอะไรอยู่ “อาเฟิง!”“ใจเย็นก่อนพ่อหนุ่ม” เห็นคนป่วยมีท่าทีสับสนมันงงครู่หนึ่ง ก่อนจะกระเด้งตัวเรียกหาเพื่อนในทีมแล้วก็เตรียมล้มฟุบไปอีกหน คนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ว่องไวพอจะไปรับ
เฉินเฟิงมองสภาพเละเทะภายในห้างอย่างคาดไว้อยู่แล้ว บางจุดยังมีคราบเลือดแห้งเกรอะกรัง กลิ่นเหม็นเน่าไม่พึงประสงค์ลอยคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นอับของฝุ่น“เอ่อ... พวกเรามีมาสก์นะครับ” ก่อนวันสิ้นโลกพวกเขาต้องกักตุนมันไว้เพราะโรคระบาด ในช่วงเวลานั้นก็ภาวนาว่าให้ตื่นมาในตอนเช้า โลกจะสดใสขึ้นไม่ต้องใส่มาสก์อีกมาตอนนี้ไม่รู้ว่าระหว่างโรคระบาดที่พาคนล้มตายกันเป็นแสนเป็นล้าน กับซอมบี้บุกล้างโลกในคราวเดียว อย่างไหนน่ากลัวกว่ากัน“ขอบคุณครับ” เฉินเฟิงรับมาด้วยความเต็มใจ กลิ่นเหม็นเน่าคงไม่สามารถกันได้ แต่กันฝุ่นสักนิดก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงได้จามไม่หยุดวิทย์และกลุ่มพาชายหนุ่มมายังชั้นที่จัดแสดงสินค้าประเภทเสื้อผ้า“พวกคุณเก็บกวาดซอมบี้ได้หมดเลยนี่” เจ้ากระต่ายเอ่ยชม ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเลย อีกทั้งยังไม่ทิ้งซากศพไว้ตามทางให้ระคายสายตา“ครับ เป็นเพราะพวกเราอยากนอนหลับอย่างสบายใจก็เลยพยายามกันมาก” ชายหนุ่มที่มีพลังพิเศษพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ เขามีพลังไฟเพราะการออกมาเคลียร์ซอมบี้และได้รับบาดเจ็บ ดีที่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแสนเจ็บปวดที่เหมือนร่างกายถูกแยกได้ อีกท