Home / โรแมนติก / วันนี้ฉันกำลังจะตาย / บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

Share

บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

Author: Ken Luball
last update Last Updated: 2022-12-21 17:36:33
บทที่ 8

ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

มื่อฉันถ่ายทำภาพยนตร์ไปทั่วโลก ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อโตขึ้นนั้นก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะทำงานในประเทศหรือทวีปใด ปัญหามากมายที่เผ่าพันธุ์ของเราได้ก่อให้เกิดแก่กันและกัน กับชีวิตอื่นๆ และต่อสิ่งแวดล้อมนั้นปรากฏชัดทุกที่

ในแอฟริกา ฉันได้เห็นความหิวโหยแบบสุดขีด ซี่โครงของเด็กน้อยเกือบจะโผล่ออกมาจากผิวหนัง เด็กเหล่านี้หลายคนจบลงด้วยความตาย ผอมแห้งและอ่อนแอจากความอดอยาก พวกเขาแทบจะไม่กระพริบตาหรือลืมตาขึ้นมาเลยก่อนที่ชีวิตจะจบลง ฉันยังเห็นคนมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโรคที่รักษาได้ เช่น เอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย

สงครามก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเกือบทุกทวีปที่ฉันไปเยือน กลุ่มกบฏจะขับรถไปตามหมู่บ้านต่างๆตามอำเภอใจ และฆ่าทุกคนเพราะความโลภหรือเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกัน ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าจะมีผู้หญิงหรือเด็กเล็กในหมู่บ้านด้วยหรือไม่ พวกเขาต่างฆ่าทิ้งทั้งหมด

ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายเมื่อพล พต นักปฏิวัติชาวกัมพูชาที่เป็นผู้นำเขมรแดงตัดสินใจย้ายประชากรของเขาไปยังค่ายแรงงานในชนบท มีการประหารชีวิตเป็นจำนวนมาก การบังคับใช้แรงงาน การทารุณกรรมทางร่างกาย เกิดภาวะทุพโภชนาการ และเกิดโรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้ประชากรเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ของประเทศเสียชีวิต

ในอเมริกากลาง แก๊งค์และนักปฏิวัติได้ตระเวนไปทั่วในหลายประเทศเพื่อสังหารผู้คนตามอำเภอใจ พูดตามตรงว่าฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ อาจเป็นเพราะเหตุผลทางการเมือง แต่ฉันคิดว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะความโลภ ความกลัว และความเกลียดชังมากกว่า

ในเม็กซิโก ซึ่งฉันเดินทางไปหลายครั้งไม่เพียงแค่ไปทำงาน แต่ยังไปเที่ยวพักร้อนด้วยนั้น มีแก๊งค์ค้ายาหัวรุนแรงมาก พวกเขาไม่เพียงแต่ฆ่าตำรวจมากมาย แต่ยังฆ่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก และยังฆ่ากันเองอีกด้วย ผู้คนกว่า 150,000  คน ถูกสังหารในระยะเวลาเจ็ดปีเพราะกลุ่มค้ายาเหล่านี้

ในกรุงปักกิ่งประเทศจีน มลภาวะเลวร้ายมาก อากาศหนาทึบทำให้หายใจลำบาก ทุกคนจะต้องสวมหน้ากากเมื่อเดินออกไปข้างนอก มลภาวะรุนแรง ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลวร้ายลง หากปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร โลกที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้จะเปลี่ยนแปลง ในอีกไม่กี่ชั่วอายุคน

ฉันได้อ่านบทความที่เกี่ยวกับความโหดร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่างๆมากมาย มากเกินกว่าที่จะกล่าวถึงในนี้ได้ มันเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและประวัติศาสตร์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ชนพื้นเมืองอเมริกันถูกฆ่าโดยชาวยุโรป ไปจนถึงชาวอะบอริจินซึ่งมีประชากรลดลงจาก 1.5 ล้านคนเมื่อชาวอังกฤษเข้ามาในออสเตรเลียครั้งแรกในปี 1788 จนเหลือน้อยกว่า 100,000 คนในช่วงต้นทศวรรษ 1900 น่าเสียดายที่สิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบ ฉันเชื่อว่าคุณเข้าใจประเด็นของฉัน ความตายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากความโลภ ความเกลียดชัง อคติ และความกลัว ซึ่งเป็นอารมณ์ที่เรา เรียนรู้ หลังจากที่เราเกิดมาในโลกที่น่าเศร้านี้ มันไม่ควรจะไม่เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งวันนี้ วันที่ฉันจะต้องตาย  ในที่สุดฉันก็เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของเรื่องนี้ แต่ฉันจะพูดถึงมันในภายหลัง

เมื่อฉันอายุ 60 ปี ฉันทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้มีความสุข ฉันเดินทางไปทั่วโลก มีฐานะร่ำรวยมาก มีลูกสามคน และตอนนี้ก็มีสามีเก่าถึงสามคน (และกำลังจะเป็นสี่คน) ฉันยังมี "เพื่อน" มากมายที่มักจะมาปาร์ตี้ด้วยกันเสมอ ฉันยุ่งแทบตลอดเวลาในทุกๆวัน แต่ก็ยังหดหู่และไม่มีความสุข แม้ว่าจะมีทุกสิ่งที่ใครๆก็อยากได้ แม้ว่าจะรู้จักผู้คนมากมาย มีครอบครัวและลูก แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว และไม่มีใครสักคนที่คอยอยู่ข้างกาย ความสัมพันธ์และมิตรภาพทั้งหมดเป็นเพียงผิวเผิน แต่ก็ต้องขอบคุณ " หน้ากาก " และ " กำแพง " ที่คอยปกป้องฉันมาตลอดชีวิต

ลูกทั้งสามคนของฉันส่วนใหญ่ได้รับการเลี้ยงดูจากพี่เลี้ยงเหมือนอย่างที่ฉันโตมา และไม่ได้ต้องการมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับฉันเท่าไรนัก เพราะเราต่างก็เหินห่างและไม่ค่อยได้พูดคุยหรือเห็นหน้ากัน ความรักที่ฉันได้แสดงให้พวกเขาเห็นเมื่อโตขึ้นนั้นเป็นเพียงผิวเผิน เพราะ อนัตตา ได้สอนฉันมากกว่า โพธิ

ตอนนี้พวกเขายุ่งมากกับชีวิตและลูกๆ จึงมีเวลาให้ฉันเพียงน้อยนิด ไม่ค่อยโทรมาหา แต่ถ้าเมื่อไรที่โทรมา ก็จะบอกว่า “ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ” พวกเขาก็แค่เป็นเหมือนฉัน ที่เรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยในการ “ ปิดบัง ” ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ก็เหมือนอย่างที่ฉันทำ พวกเขาต่างก็ปั้นหน้าหลอกทุกคนเหมือนกัน ฉันรู้ว่าฉันต้องเป็นพ่อแม่ที่ดีแน่ๆเพราะพวกเขาเรียนรู้วิธีการทำเช่นนี้ได้ดีมากเลยทีเดียว

ทุกคนที่ฉันรู้จักอยากอยู่กับฉันเพียงเพราะฉันมีชื่อเสียง มั่งคั่งร่ำรวย สวย และชอบที่จะมีช่วงเวลาดีๆ ฉันยังคงดื่มแอลกอฮอล์และเสพยาทุกวันเพื่อช่วยให้ฉันสามารถรับมือกับอะไรต่างๆได้ แต่ยาและแอลกอฮอล์ดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นอีกต่อไป แม้ว่าฉันจะรู้จักผู้คนมากมาย แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างมาก มีหลายวันที่ฉันรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ฉันอยากฆ่าตัวตาย เพราะจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์เหมือนอย่างที่ฉันรู้สึกมาทั้งชีวิตอีกต่อไป ฉันยังคงทานยาและพบที่ปรึกษาทุกสัปดาห์เพื่อรักษาอาการซึมเศร้า แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลย ฉันไม่เข้าใจ ว่าในเมื่อฉันมีชีวิตที่ดี มีทุกสิ่งที่ดีที่สุด และ “ประสบความสำเร็จ” เหตุใดฉันจึงรู้สึกเช่นนี้ แม้จะมีลูกสามคนและหลานอีกแปดคน แต่พวกเขาต่างก็ไม่พอใจที่ฉันไม่สามารถรักและเอาใจใส่ในขณะที่พวกเขากำลังเติบโตได้ ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจึงใช้เวลาเพียงเล็กน้อยกับฉันเท่านั้น

อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ฉันนั่งอยู่คนเดียวริมสระน้ำ ฉันเริ่มนึกถึงตอนที่ยังเป็นเด็กในวัยหัดเดิน ฉันจะถูกสอนให้ยิ้ม บอกทุกคนว่าฉันนั้นยอด เยี่ยม มาก และอย่าให้ใครรู้ว่าจริงๆ แล้วฉันรู้สึกอย่างไร ฉันอยากเป็นที่รักและรู้ว่าสิ่งนี้จะทำให้พ่อแม่ของฉันและโรซ่ามีความสุข

ฉันจำได้ว่าการสวม " หน้ากาก " นั้นจะช่วยปกปิดใบหน้าของฉันไปตลอดชีวิต ตอนอายุ 7 ขวบ ฉันร้องไห้ และขายหน้าที่โรงเรียน จากนั้น อนัตตาจึง ตัดสินใจช่วยฉันด้วยการสร้าง " กำแพงรอบหัวใจ " ที่หนามาก ฉันจำได้ว่าได้ขอบคุณเธอที่ทำสิ่งนี้ให้ ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีก และฉันก็ ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นอีกเลย

ที่ริมน้ำฉันเริ่มตระหนักว่าฉันไม่เคยทิ้ง " หน้ากาก " หรือสามารถทะลุผ่าน " กำแพง " ของ อนัตตาที่กักขังโพธิไว้เบื้องหลัง ได้เลย " กำแพง " นี้หนามาก ไม่มีแสงส่องทะลุเข้าไปได้ และไม่มีอะไรจะมาทำร้ายฉันได้อีก มันช่วยปกป้องฉันมาทั้งชีวิต แต่ในขณะเดียวกันในที่สุดวันนี้ฉันก็เริ่มเข้าใจว่าเพราะกำแพงนี้จึงทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ฉันได้ และไม่รู้ด้วยว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไร

ตอนนี้เมื่ออายุ 60 ปี ฉันเริ่มจำทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ว่ามันจะส่งผลต่อค่านิยมและความเชื่อของฉันไปตลอดชีวิต แม้ว่าฉันจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และพยายามสนุกกับทุกนาทีโดยเลียนแบบสิ่งที่พ่อกับแม่ทำ แต่สุดท้ายแล้วฉันกลับนั่งเศร้าโศก ไม่มีความสุข อยู่คนเดียว และหดหู่อย่างสาหัส

ฉันคิดถึงภาพยนตร์หลายเรื่องที่ฉันแสดงและผู้คนที่ฉันพบขณะเดินทางไปทั่วโลก ฉันยังจำสลามะที่อยู่ ในแอฟริกาได้ว่าเธอและครอบครัวมีความสุขอย่างแท้จริงมากมายเพียงใดถึงแม้พวกเขาจะยากจนและมีทรัพย์สินทางวัตถุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้พบกับผู้คนอื่นๆมากมายเช่นกัน ที่ดูมีความสุขและสงบถึงแม้ว่าพวกเขาจะดิ้นรนทุกวันเพื่อจะมีที่อยู่หรือซื้ออาหารให้เพียงพอสำหรับครอบครัวเพียงแค่บรรเทาความหิวโหย ฉันได้แต่สงสัยว่าพวกเขารู้สึกเช่นนี้กันได้อย่างไรทั้งที่ชีวิตไม่ได้ “ ประสบความสำเร็จ ” อะไรเลย

ฉันเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งที่ฉันคิดและเชื่อว่าเป็นความจริง แม้ว่าจะไม่เข้าใจอะไรก็ตาม ฉันใช้ชีวิตอย่างที่เคยทำมาตลอด โดยการแสวงหาคำตอบและความสุขจากทุกสิ่งที่ฉันทำและซื้อ ชีวิตของฉันตั้งแต่ยังเล็กถูกกำหนดให้เดินตามเส้นทางนี้นับตั้งแต่ที่ฉันมอบความสุขให้ อนัตตา และละทิ้งทุกสิ่งที่ โพธิ ได้สอนมา

ฉันเป็นใคร อารมณ์และ ความรู้สึก ที่แท้จริงของฉันยังคงถูกขังอยู่ในหัวใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเปิดเผยโดย กำแพง ที่ฉันมีตั้งแต่ฉันอายุเจ็ดขวบ อารมณ์ทั้งหมดที่ฉันสามารถแสดงออกมาได้นั้นคือสิ่งที่ได้ เรียนรู้ มากกว่าความรู้สึกที่แท้จริงอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าฉันสามารถเปิดเผยความอ่อนแอและความเปราะบางได้ มีความแตกต่างอย่างมากระหว่าง อารมณ์ที่ผ่านการเรียนรู้และอารมณ์โดยธรรมชาติ อารมณ์ที่ได้จากการเรียนรู้ (หรืออารมณ์หลอก) มาจากปฏิสัมพันธ์ของเราในโลก เราทำตามที่เรา คิด ว่า ควร จะเป็นโดยสังเกตผู้อื่นที่แสดงให้เราเห็นถึงอารมณ์เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม อารมณ์โดยธรรมชาติ นั้นมาจากส่วนลึกภายในที่ซึ่ง  “ดวงจิต” ของเราอยู่ อารมณ์เหล่านี้เป็นความรู้สึกที่จริงใจและมอบให้อย่างอิสระด้วยความเห็นอกเห็นใจและความรัก

ทั้งที่รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ชีวิตอีก 25 ปีข้างหน้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะแก่ขึ้นแต่ฉันก็ยังคงแสดงภาพยนตร์และยังมีผู้ชื่นชมอยู่มากมาย ฉันได้แต่งงานอีกครั้ง แม้ว่าจะเหมือนกับการแต่งงานครั้งอื่นๆ แต่การแต่งงานครั้งนี้ก็อยู่ได้ไม่นานเช่นกัน เนื่องจากฉันยังไม่สามารถ "เปิดใจ" และเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้ ฉันจึงปฏิบัติต่อสามีคนสุดท้ายเหมือนที่ทำกับสามคนแรก โดยมองหาแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและความสุข ของฉันเอง เท่านั้น

ผ่านไปสองสามปีการอยู่กับเขาเริ่มน่าเบื่อและเราก็แยกทางกัน แม้ว่าฉันจะรู้ว่าการแต่งงานสามครั้งแรกสิ้นสุดลงเพราะสามีของฉันประพฤติตัวอย่างไร แต่คราวนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าบางทีฉันเองก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ทำให้เราต้องแยกทางกัน ฉันยังสงสัยอีกว่าภาวะซึมเศร้าและความเหงาที่ฉันเป็นนั้น ก็อาจเกี่ยวข้องกับวิธีที่ “ฉัน” ปฏิบัติต่อผู้อื่น มากกว่าที่ว่าไม่มีใครดีเท่าฉันได้

ฉันเริ่มตั้งคำถามในสิ่งที่ฉันได้รับตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ฉันยังคงทานยารักษาอาการซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง พบที่ปรึกษา และสังสรรค์อยู่บ่อยๆแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้นเลย ที่ฉันได้รู้ ในวันสุดท้ายของชีวิต นั้นเป็นเพราะฉันยังไม่ได้ยินเสียงจากโพธิ ยาและที่ปรึกษากำลังรักษาปัญหาทางร่างกายและอารมณ์ที่ฉันเป็น แต่พวกเขาไม่ได้รักษาปัญหาพื้นฐานที่แท้จริงซึ่งก็คือ  "จิตวิญญาณ" ปัญหาของฉันเป็นผลมาจากการที่ไม่สามารถได้ยินหรือดำเนินชีวิตตามที่ดวงจิตต้องการให้ทำได้  ดังนั้น การรักษาเหล่านี้จึงพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยได้ชั่วคราวและไม่เพียงพอ

ฉันไม่ได้ตระหนักหรือรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งก่อนที่ความตายจะมาถึง แม้ว่าฉันปรารถนาจะเข้าใจมันจริงๆก็ตาม บางทีชีวิตของฉันอาจจะแตกต่างออกไปถ้าฉันเข้าใจสิ่งนี้ได้ก่อนหน้านี้ แต่วันนี้ ขณะที่ฉันเตรียมตัวตาย ฉันรู้ว่ามันสายเกินไปสำหรับฉัน แต่อาจไม่สายเกินไปสำหรับคุณ

สองทางเลือกในชีวิตของเรา

พิจารณาดูว่าเรามีเพียงสองทางเลือกในชีวิต

ทางเลือกแรกคือ "การพอใจในตนเอง"

นี่คือทางเลือกที่เป็นที่ "ยอมรับ" ของคนส่วนใหญ่

เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

เพียงแค่สังเกตโลกตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและตลอดประวัติศาสตร์

สงคราม ความหิวโหย การเร่ร่อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความกลัว ความเกลียดชัง อคติ

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนจากผลที่ตามมาของการใช้ชีวิต

ซึ่งความกังวลเพียงอย่างเดียวคือเพื่อ "ตัวเราเอง"

ทางเลือกที่สองเป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก

เป็นทางที่มีคนเลือกน้อย แม้มักจะตามหากันหลายคนก็ตาม

คือการ “ตื่น” มาสู่การตระหนักรู้

การใช้ชีวิตด้วยความพอใจในตนเองนั้นเป็นทางเลือกที่ผิด

สงสัยว่าชีวิตต้องมีอะไรมากกว่านี้

แล้วก็ดำเนินชีวิตอยู่ในความกลัวและเป็นห่วงแต่ตัวเองเท่านั้น

ทางเลือกอื่นจะเกิดขึ้นเมื่อเรารู้จัก

การเอาใจใส่ผู้อื่นอย่าง “เท่าเทียมกัน”

เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน

จะเติมเต็มบทเรียนที่เราอยู่ที่นี่เพื่อ “เรียนรู้” ได้

เป็นการนำความหมาย ความรัก และความเข้าใจมาสู่ชีวิตของเรา

Related chapters

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย

    บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย ตอนที่ 1 ฉ ั นไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตจะแตกต่างไปได้อย่างไรหากฉันเดินตามวิถีแห่ง จิตวิญญาณของโพธิ  เพราะสำหรับฉันแล้วมันดูเหมือนว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกของฉันมาจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เคยเหมือนเดิม ขณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อทบทวนชีวิตงของตัวเอง แม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " มาก แต่ตามมาตรฐานของสังคม ความเป็นจริงไม่สามารถอยู่ไกลจากความจริงได้ ฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามที่ได้รับการสอนมา ทว่าเมื่อชีวิตได้ฉายแสงต่อหน้าฉันในวันนี้นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังรู้สึกหดหู่ไปทั้งชีวิตด้วย ฉันใช้ยาและแอลกอฮอล์เหมือนที่พ่อแม่เคยทำเพื่อ "ปิดบัง" ความทุกข์และทำให้ประสาทสัมผัสของฉันช้าลง ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่ายาและแอลกอฮอล์นั่นเองที่ขัดขวางไม่ให้ฉันเผชิญกับความเป็นจริงว่าฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ไขว้เขว และขัดขวางไม่ให้ฉันมองดูตัวเองเพื่อเผชิญกับชีวิตจริง ฉันประสบความสำเร็จมากในการไม่เผชิญกับความเจ็บปวดจน วันนี้ วันที่ฉันกำลังจะตาย  มันทำให้รู้ว่

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน

    บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน ช ี วิตเป็นเรื่องตลกและน่าเย้นหยันยิ่งนัก พ่อกับแม่ตั้งชื่อฉันว่า "รูว์" ซึ่งแปลว่า "โศรกเศร้า" และเมื่อฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอวันตาย ตอนนี้ฉันตระหนักได้ว่าฉันใช้ชีวิตด้วยความเสียใจมาทั้งชีวิต แม้ว่าฉันจะรู้จักคนมากมาย มีลูกสามคน มีสามีเก่าสี่คน มีชื่อเสียง และมีแฟนๆทั่วโลก แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง ฉันใช้ยาหลายอย่าง พบที่ปรึกษาทุกสัปดาห์สำหรับอาการซึมเศร้ารุนแรงที่ฉันเป็น และแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจช่วยได้เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังคิดที่จะจบชีวิตลงเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกภายในหายไป สิ่งเดียวที่คงที่ในชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความโศกเศร้า และภาวะซึมเศร้าที่ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตมาตลอด มันคือความเจ็บปวดที่มาจากแก่นแท้ของฉัน ตลอดชีวิตฉันรู้สึกเหมือนกำลังแสดงบทบาทราวกับว่า " ชีวิตเป็นเพียงละคร " ตอนที่ฉันทำงาน ฉันเป็นนักแสดง เล่นละคร และเสแสร้งเป็นคนอื่น และอย่างที่ฉันได้รู้วันนี้นั้น ตลอดทั้งชีวิตถึงจะไม่ได้อยู่ในฉากแล้ว แต่ฉันก็ทำเหมือนรับบทบาทเหล่านั้นอยู่ และสุด

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง

    บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง ป ระมาณสี่ชั่วโมงก่อนที่ฉันจะตาย มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น ลูกทั้งสามคนมาบอกลาฉัน น้ำตาของฉันไหลริน นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ ฉันไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉันละเลยลูกๆ และทำให้พวกเขาเสียใจ ฉันไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้เลยในตอนนั้น แต่กลับใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาความสุขในโลกนี้ แทนที่จะแบ่งปันความรักตามสัญชาตญาณที่พ่อแม่ควรมีให้ต่อลูก และตามสัญชาตญาณที่คนเราควรมีให้กัน คนที่รายล้อมไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจะโดดเดี่ยวได้อย่างไร หน้ากาก และ กำแพง ไม่อนุญาตให้ใครแม้แต่ลูกทั้งสามคน หรืออดีตสามีทั้งสี่คนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย ทั้งหมดที่พวกเขาหรือใครก็ตามเห็นนั้นเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ฉันได้เรียนรู้ให้แสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความรักที่ฉันพยายามแสดงให้เห็นนั้นได้เรียนรู้มาจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาเองว่ามันคือความรัก มันไม่ได้มาจากใจของฉัน ที่ซึ่ง ดวงจิต และ " ความรักที่แท้จริง " อยู่ ฉันเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปตามเส้นทางที่ฉันเรีย

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย

    บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย ห ลังจากที่ฉันตายบางสิ่งที่น่าแปลกใจก็เกิดขึ้น เนื่องจากฉันไม่ได้นับถือศาสนาใดเลยในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจึงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าความตายไม่ใช่จุดจบ ฉันเสียชีวิตตอน 1 ทุ่ม เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับยอดเขา และพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา ฉันรู้สึกขอบคุณที่ลูกๆ มาอยู่เคียงข้างทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวตอนสิ้นลมหายใจ แม้ว่าฉันต้องดิ้นรนตลอดทั้งชีวิต แต่ในที่สุดฉันก็รู้สึกสงบสุขเพราะลูกๆได้ให้อภัยฉันแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจความหมายของชีวิตแล้วเช่นกัน ฉันตระหนักรู้ว่า ก่อนที่จะเสียชีวิต ฉันได้ใช้เวลาทั้งชีวิต ค้นหาสิ่งที่มีอยู่แล้วในหัวใจไปทั่วทุกมุมโลก การดิ้นรน การไม่มีความสุข ความเหงา และภาวะซึมเศร้ามากมายที่ฉันรู้สึกตลอดชีวิตเกิดขึ้นเพราะฉันกำลังมองหาคำตอบผิดที่ มันเป็นเพียง ภาพลวงตาของชีวิต  ฉันได้ใช้ชีวิตและเล่นตามบทมาอย่างดีจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงละครและไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นเรื่องจริง เมื่อฉันสิ้นใจ โพธิ ได้ละกายของฉันไว้กับ อนัตตา ร่างที่เธออาศัยอยู่ตลอด 85 ปีที่ผ่านมา โพธิ บอก

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   อารัมภบท

    อารัมภบท จุดจบของชีวิต หลังจากที่เราดำเนินชีวิตมาจนเข้าใกล้ความตาย เป็นเรื่องปกติที่จะทบทวนว่าชีวิตของเราได้ดำเนินไปอย่างไรบ้าง เราได้ใช้ชีวิตที่ "ประสบความสำเร็จ" หรือไม่ บั้นปลายชีวิตให้โอกาสพิเศษในการทำสิ่งนี้ เพราะในเวลานี้ อัตตา (ตัวตน) ได้คลายอิทธิพลที่มีต่อเราลง และจิตวิญญาณก็กลายเป็นผู้ตรวจสอบของเราที่มีอิทธิพลเหนือกว่าแทน ณ จุดนี้ในวัฏจักรชีวิตมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ตามที่เราหามาได้ ขนาดของบ้านที่เราอาศัยอยู่ งานที่เราทำ หรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับ “ความสำเร็จ” ตามที่โลกได้กำหนดโดยอัตตา ในที่สุดเราทุกคนก็เท่าเทียมกัน และต่างก็ตัดสินความสำเร็จของเรา ผ่านปริซึมที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นคือของจิตวิญญาณ เมื่อเราทบทวนชีวิตของเรา สิ่งที่เราคิดคือความสำเร็จ ซึ่งมักจะมีความหมายที่แตกต่างกันกับในขณะนี้ ช่วงนี้โดยเฉพาะช่วงสองสามวันสุดท้ายของชีวิต เราจะมาตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญ จริงๆแล้วไม่ได้สำคัญเลย ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เราสะสมไว้ เพื่อนที่เราเคยมี

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 1 ทางเลือกในชีวิต

    บทที่ 1 ทางเลือกในชีวิต ข ณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตาย ฉันอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ยกเว้นเสียงที่ฉันได้ยินชัดเจนในตอนนี้ มันเป็นเสียง “ดวงจิต” ของฉันเอง และดวงจิตนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะบอกฉันก่อนที่วันนี้จะหมดลง ทุกสิ่งที่ดวงจิตได้บอกกับฉันตอนนี้ช่างสมเหตุสมผลเหลือเกิน แต่ฉันสงสัยว่าทำไมฉันถึงใช้เวลานานนักกว่าจะ "ได้ยิน" เสียงนี้ สิ่งที่ดวงจิตบอกนั้นชัดเจนมาก แต่ฉันไม่เคยเข้าใจ หรือเคยได้ยินคำแนะนำใดๆของเขามาก่อนหน้านี้เลย ฉันรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ หรือได้รับอนุญาตให้ "กลับไปแก้ไข" อะไรในชีวิต นอกจากการได้รับรู้ในสิ่งที่ฉันทำไว้ในวันนี้เท่านั้น ถ้าฉันสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ฉันคงทำหลายอย่างแตกต่างออกไป ดังนั้นแล้วฉันจึงตัดสินใจที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้แทน ในวันนี้ก่อนที่ฉันจะตาย และหวังว่าคุณจะเข้าใจสิ่งที่ดวงจิตได้บอกกับฉัน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องรอให้มีชีวิตที่มีความสุขและสมบูรณ์มากกว่าฉัน หากว่าฉันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ได้เห็นผู้คนมากมายหดหู่และไม่มีความสุขเหมือนฉัน ซึ่งมันง

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 2 ความหมายของชีวิต

    บทที่ 2 ความหมายของชีวิต ฉ ั ขอแนะนำตัวเองให้คุณรู้จักอย่างเป็นทางการ ฉันชื่อ “ โพธิ ” ฉันเป็น “ดวงจิต”  ฉันกำลังจะเล่าเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง ซึ่งมั่นใจว่าคุณไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเรื่องราว การเดินทางผ่านชีวิตของฉัน  อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉันจะเล่าให้คุณฟัง ฉันควรบอกคุณก่อนว่า ดวงจิต คืออะไร ภายในของทุกชีวิต ล้วนมี ดวงจิต  คอยติดตามตลอด เพื่ห้อใเข้าใจเรื่องราวของฉันได้ดียิ่งขึ้นนั้น ฉันจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ การเดินทางครั้งสุดท้าย ในชีวิตของฉัน ที่ซึ่งฉันอยู่กับหญิงสาวชื่อรูว์มาตลอดชีวิตทั้งชีวิตของเธอ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นก่อนที่รูว์จะเข้ามาอยู่ในครรภ์ หรือที่เรียกว่า " ชีวิตหลังความตาย " ชีวิตหลังความตาย เป็นระนาบของการดำรงอยู่ซึ่งมีดวงวิญญาณอาศัยอยู่ร่วมกัน บางคนอาจเรียกว่า สวรรค์  ซึ่งเป็นระนาบทางจิตวิญญาณที่สวยงามและบริสุทธิ์ โดยมี ความรักและสันติภาพที่ไม่มีเงื่อนไข แทรกซึมอยู่ทุกมุมของอาณาจักร ณ ที่แห่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะมีชีวิตใหม่มาขอให้เราไปอยู่ด้วย เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมชีวิตใหม่ และฉันก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะไปอยู่กับรูว ฉัน

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 3 ก่อนฉันเกิด

    บทที่ 3 ก่อนฉันเกิด ม ั นอบอุ่น เงียบสงบ และมืดมิด ที่ที่ฉันอยู่คือในครรภ์ของแม่ตอนที่ฉันรอจะลืมตามาดูโลก อยู่ที่นี่ทำให้ฉันรู้สึก ปลอดภัย และรับรู้ได้ถึง ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข จากแม่ของฉัน โพธิ ก็อยู่กับฉันด้วยเช่นกัน เขากำลังบอกฉันว่า เขาจะอยู่กับฉันไปตลอดการเดินทางทั้งชีวิตของฉัน โพธิ นั้นวิเศษมาก ฉันรู้สึกปลอดภัยเพราะเขาช่วยให้ฉันเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากฉันเกิด ภายในท้องแม่ฉันรู้สึกได้ถึงแต่ความอิ่มเอม มีความสุข เต็มไปด้วยความรัก และความรู้สึกอีกมากมายที่ทำให้ฉันอบอุ่นใจ ฉันตื่นเต้นที่จะได้เห็นโลกกว้าง แต่ก็ต้องรอจนกว่าฉันจะโตพอ ระหว่างที่ฉันรอจะได้ออกมาดูโลกนั้น โพธิจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาเองให้ฉันทราบ และบอกฉันว่าเขาจะช่วยเหลือฉันอย่างไรในตลอดชีวิตของฉัน นี่คือเรื่องที่ โพธิ เล่าให้ฉันฟังในขณะที่ฉันอดทนรอที่จะได้ลืมตามาดูโลก โพธิคือ "ดวงจิต" ของฉัน และถ้าหากจะให้เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย จะเหมือนกับว่าเขามีชีวิตอยู่ "ภายในใจของฉัน"  นั่นเอง ดวงจิต มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์ พืช หรือแม้แต่ดวงดาวและจักรว

    Last Updated : 2022-12-21

Latest chapter

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย

    บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย ห ลังจากที่ฉันตายบางสิ่งที่น่าแปลกใจก็เกิดขึ้น เนื่องจากฉันไม่ได้นับถือศาสนาใดเลยในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจึงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าความตายไม่ใช่จุดจบ ฉันเสียชีวิตตอน 1 ทุ่ม เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับยอดเขา และพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา ฉันรู้สึกขอบคุณที่ลูกๆ มาอยู่เคียงข้างทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวตอนสิ้นลมหายใจ แม้ว่าฉันต้องดิ้นรนตลอดทั้งชีวิต แต่ในที่สุดฉันก็รู้สึกสงบสุขเพราะลูกๆได้ให้อภัยฉันแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจความหมายของชีวิตแล้วเช่นกัน ฉันตระหนักรู้ว่า ก่อนที่จะเสียชีวิต ฉันได้ใช้เวลาทั้งชีวิต ค้นหาสิ่งที่มีอยู่แล้วในหัวใจไปทั่วทุกมุมโลก การดิ้นรน การไม่มีความสุข ความเหงา และภาวะซึมเศร้ามากมายที่ฉันรู้สึกตลอดชีวิตเกิดขึ้นเพราะฉันกำลังมองหาคำตอบผิดที่ มันเป็นเพียง ภาพลวงตาของชีวิต  ฉันได้ใช้ชีวิตและเล่นตามบทมาอย่างดีจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงละครและไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นเรื่องจริง เมื่อฉันสิ้นใจ โพธิ ได้ละกายของฉันไว้กับ อนัตตา ร่างที่เธออาศัยอยู่ตลอด 85 ปีที่ผ่านมา โพธิ บอก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง

    บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง ป ระมาณสี่ชั่วโมงก่อนที่ฉันจะตาย มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น ลูกทั้งสามคนมาบอกลาฉัน น้ำตาของฉันไหลริน นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ ฉันไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉันละเลยลูกๆ และทำให้พวกเขาเสียใจ ฉันไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้เลยในตอนนั้น แต่กลับใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาความสุขในโลกนี้ แทนที่จะแบ่งปันความรักตามสัญชาตญาณที่พ่อแม่ควรมีให้ต่อลูก และตามสัญชาตญาณที่คนเราควรมีให้กัน คนที่รายล้อมไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจะโดดเดี่ยวได้อย่างไร หน้ากาก และ กำแพง ไม่อนุญาตให้ใครแม้แต่ลูกทั้งสามคน หรืออดีตสามีทั้งสี่คนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย ทั้งหมดที่พวกเขาหรือใครก็ตามเห็นนั้นเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ฉันได้เรียนรู้ให้แสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความรักที่ฉันพยายามแสดงให้เห็นนั้นได้เรียนรู้มาจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาเองว่ามันคือความรัก มันไม่ได้มาจากใจของฉัน ที่ซึ่ง ดวงจิต และ " ความรักที่แท้จริง " อยู่ ฉันเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปตามเส้นทางที่ฉันเรีย

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน

    บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน ช ี วิตเป็นเรื่องตลกและน่าเย้นหยันยิ่งนัก พ่อกับแม่ตั้งชื่อฉันว่า "รูว์" ซึ่งแปลว่า "โศรกเศร้า" และเมื่อฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอวันตาย ตอนนี้ฉันตระหนักได้ว่าฉันใช้ชีวิตด้วยความเสียใจมาทั้งชีวิต แม้ว่าฉันจะรู้จักคนมากมาย มีลูกสามคน มีสามีเก่าสี่คน มีชื่อเสียง และมีแฟนๆทั่วโลก แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง ฉันใช้ยาหลายอย่าง พบที่ปรึกษาทุกสัปดาห์สำหรับอาการซึมเศร้ารุนแรงที่ฉันเป็น และแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจช่วยได้เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังคิดที่จะจบชีวิตลงเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกภายในหายไป สิ่งเดียวที่คงที่ในชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความโศกเศร้า และภาวะซึมเศร้าที่ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตมาตลอด มันคือความเจ็บปวดที่มาจากแก่นแท้ของฉัน ตลอดชีวิตฉันรู้สึกเหมือนกำลังแสดงบทบาทราวกับว่า " ชีวิตเป็นเพียงละคร " ตอนที่ฉันทำงาน ฉันเป็นนักแสดง เล่นละคร และเสแสร้งเป็นคนอื่น และอย่างที่ฉันได้รู้วันนี้นั้น ตลอดทั้งชีวิตถึงจะไม่ได้อยู่ในฉากแล้ว แต่ฉันก็ทำเหมือนรับบทบาทเหล่านั้นอยู่ และสุด

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย

    บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย ตอนที่ 1 ฉ ั นไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตจะแตกต่างไปได้อย่างไรหากฉันเดินตามวิถีแห่ง จิตวิญญาณของโพธิ  เพราะสำหรับฉันแล้วมันดูเหมือนว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกของฉันมาจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เคยเหมือนเดิม ขณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อทบทวนชีวิตงของตัวเอง แม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " มาก แต่ตามมาตรฐานของสังคม ความเป็นจริงไม่สามารถอยู่ไกลจากความจริงได้ ฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามที่ได้รับการสอนมา ทว่าเมื่อชีวิตได้ฉายแสงต่อหน้าฉันในวันนี้นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังรู้สึกหดหู่ไปทั้งชีวิตด้วย ฉันใช้ยาและแอลกอฮอล์เหมือนที่พ่อแม่เคยทำเพื่อ "ปิดบัง" ความทุกข์และทำให้ประสาทสัมผัสของฉันช้าลง ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่ายาและแอลกอฮอล์นั่นเองที่ขัดขวางไม่ให้ฉันเผชิญกับความเป็นจริงว่าฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ไขว้เขว และขัดขวางไม่ให้ฉันมองดูตัวเองเพื่อเผชิญกับชีวิตจริง ฉันประสบความสำเร็จมากในการไม่เผชิญกับความเจ็บปวดจน วันนี้ วันที่ฉันกำลังจะตาย  มันทำให้รู้ว่

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

    บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน เ มื่อฉันถ่ายทำภาพยนตร์ไปทั่วโลก ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อโตขึ้นนั้นก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะทำงานในประเทศหรือทวีปใด ปัญหามากมายที่เผ่าพันธุ์ของเราได้ก่อให้เกิดแก่กันและกัน กับชีวิตอื่นๆ และต่อสิ่งแวดล้อมนั้นปรากฏชัดทุกที่ ในแอฟริกา ฉันได้เห็นความหิวโหยแบบสุดขีด ซี่โครงของเด็กน้อยเกือบจะโผล่ออกมาจากผิวหนัง เด็กเหล่านี้หลายคนจบลงด้วยความตาย ผอมแห้งและอ่อนแอจากความอดอยาก พวกเขาแทบจะไม่กระพริบตาหรือลืมตาขึ้นมาเลยก่อนที่ชีวิตจะจบลง ฉันยังเห็นคนมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโรคที่รักษาได้ เช่น เอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย สงครามก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเกือบทุกทวีปที่ฉันไปเยือน กลุ่มกบฏจะขับรถไปตามหมู่บ้านต่างๆตามอำเภอใจ และฆ่าทุกคนเพราะความโลภหรือเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกัน ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าจะมีผู้หญิงหรือเด็กเล็กในหมู่บ้านด้วยหรือไม่ พวกเขาต่างฆ่าทิ้งทั้งหมด ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายเมื่อพล พต นัก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน

    บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน ห ลังจากที่ฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะในขณะนั้น ฉันได้แสดงภาพยนตร์มาแล้วถึงสามเรื่องและกำลังเป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่ง ประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันมีตั้งแต่ยังเด็กจากการสวม " หน้ากาก " เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจากผู้อื่นนั้น ช่วยให้ฉันแสดงเป็นคนอื่นได้ง่ายขึ้น ฉันสามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ตามต้องการอย่างที่เคยทำมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยรู้สึกว่าฉันต้องพยายามอย่างหนักแต่อย่างใดเลย ฉันซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ได้เก่งมากเพราะได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติมานานแล้วจาก “ การปกปิด ” ความรู้สึกที่แท้จริงจากทุกคนรอบตัวฉัน เนื่องจากผู้ชายทุกคนมองว่าฉันสวย ดังนั้นฉันจึงไม่เคยขาดคู่เลย ในที่สุดฉันก็ได้แต่งงานถึงสี่ครั้งและมีลูกทั้งหมดสามคน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ตัวฉันเองยุ่งมาก ยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลากับลูกๆ และเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของฉันทำ ฉันได้จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเพื่อมาดูแลลูกๆ และจ้างแม่บ้านเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านเนื่องฉันมักจะทำงานนอกบ้านซ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน

    บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน เ จ็ดปีต่อมาในชีวิตของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่เคยได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย เขาถูกขังอยู่หลัง กำแพง ภายในหัวใจของฉัน แต่ฉันยังคง เรียนรู้ จาก อนัตตา ต่อไปในขณะที่เธอสอนทุกสิ่งที่ฉันต้องรู้เพื่อความอยู่รอดและมีความสุขในโลก ฉันได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันที่ต้องรู้เพื่อความอยู่รอด ทุกคนและทุกอย่างเป็นครูของฉัน ฉันได้เรียนรู้จากการดูพ่อกับแม่ เพื่อนฝูงของพวกเขา เด็กๆที่โรงเรียน ภาพยนตร์ และอินเทอร์เน็ต ฉันได้เข้าใจว่าโลกทำงานอย่างไร ฉันได้เห็นความรุนแรงมากมายในทีวีและวิดีโอเกมที่ฉันเล่น และในที่สุดฉันก็มีภูมิคุ้มกัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ทรมานและกำลังจะตาย จากที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ ฉันได้เรียนรู้ว่าการดื่มและเสพยาทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดี และเนื่องจากพวกเขาร่ำรวย จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพก็ได้ ฉันเข้าใจว่าพ่อกับแม่ดีกว่าคนอื่นเพราะพวกเขา ประสบความสำเร็จ  ฉันจะสังเกตเหล่าบรรดาเพื่อนๆของพ่อกับแม่ที่มาในงานเลี้ยงซึ่งมักจะจัดขึ้นที่บ้านของเราอยู่บ่อยๆ ทุกคนต่างหัวเราะ เต้นรำ ดื่มเห

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 5 โรงเรียน

    บทที่ 5 โรงเรียน ฉ ั นเริ่มเข้าเรียนตอนฉันอายุห้าขวบ ได้พบกับเด็กๆ มากมายและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่จริงๆแล้วฉันก็รู้มามากพอสมควรแล้วล่ะ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายในช่วงห้าปีแรกของชีวิต รู้ตื่นเต้นและพร้อมที่จะเผชิญกับโลกแล้ว ฉันไม่เคยอยู่กับเด็กคนอื่นมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันต้องเรียนรู้ไม่เพียงแค่วิธีที่จะเข้ากับพวกเขา แต่ยังเพื่อให้พวกเขาชอบฉันอีกด้วย ฉันได้เรียนรู้ที่จะยิ้มอยู่เสมอ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมา และฉันก็ทำมันได้ดีมากเลยเพราะไม่เคยให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเชี่ยวชาญในการสวม หน้ากาก จนไม่มีใครรู้จักฉันอย่างแท้จริง ฉันจะยิ้มออกมาอย่างมิตรไมตรีและบอกทุกคน รวมถึงพ่อแม่ของฉันด้วยว่าสิ่งต่างๆนั้นยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าข้างในฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม ฉันมักจะรู้สึกกังวล เครียด และไม่มีความสุข แต่อย่างที่ฉันได้รับการสอนมาจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผลปรากฏว่าฉันทำได้ดีมาก และฉันเองก็ไม่เคยรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเลยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ฉันมีปัญหามากมายเข้ามาตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่สามารถเปิดเผ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 4 การเกิดของฉัน

    บทที่ 4 การเกิดของฉัน ฉ ั นลืมตามาดูโลกก่อนเที่ยงคืนไม่นานในโลกที่เสียงดัง เย็นชา และสว่างไสว พูดตามตรงว่าฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าครรภ์ที่มืดมิดแต่อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความรักของแม่นั้นจะถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล ความหนาวเย็น ความสับสน และเสียงอึกทึกของโลก โลกที่ฉันอาศัยอยู่เป็นเวลา 85 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยหลังจากที่ฉันเกิดมา พร้อมกับลมหายใจแรกของฉันนั้น อนัตตา ก็ถือกำเนิดมาด้วยเช่นกัน และเธอก็จะอยู่กับฉันไปตลอด การเดินทางผ่านของชีวิต  ต่างจาก โพธิผู้ดำรงอยู่ใน “หัวใจ” แต่อนัตตาจะดำรงอยู่ใน “จิตและกาย” ซึ่งตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงแค่ว่าอนัตตามีอิทธิพลต่อฉันอย่างมากตลอดทั้งชีวิตของฉัน อันที่จริงแล้ว ตามที่ฉันได้ค้นพบในวันนี้ อนัตตา ไม่เพียงแค่ครอบครองชีวิตฉันเท่านั้น แต่เธอทำมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย ทุกสิ่งที่ฉันทำตลอดชีวิตถูกกำหนดโดยความปรารถนาของเธอ จนวันนี้ วันที่ฉันกำลังจะลาจากโลกนี้ไป  ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย คำแนะนำของเขาที่บริสุทธิ์และเข้าใจง่ายตั้งแต่ก่อนฉันเกิด บัดนี้ได้สงบลงแล้ว มันถูกซ่อนอยู่ภายในใจของฉัน และรอคอยการ

DMCA.com Protection Status