Home / โรแมนติก / วันนี้ฉันกำลังจะตาย / บทที่ 1 ทางเลือกในชีวิต

Share

บทที่ 1 ทางเลือกในชีวิต

Author: Ken Luball
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
บทที่ 1

ทางเลือกในชีวิต

ณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตาย ฉันอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ยกเว้นเสียงที่ฉันได้ยินชัดเจนในตอนนี้ มันเป็นเสียง “ดวงจิต” ของฉันเอง และดวงจิตนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะบอกฉันก่อนที่วันนี้จะหมดลง ทุกสิ่งที่ดวงจิตได้บอกกับฉันตอนนี้ช่างสมเหตุสมผลเหลือเกิน แต่ฉันสงสัยว่าทำไมฉันถึงใช้เวลานานนักกว่าจะ "ได้ยิน" เสียงนี้ สิ่งที่ดวงจิตบอกนั้นชัดเจนมาก แต่ฉันไม่เคยเข้าใจ หรือเคยได้ยินคำแนะนำใดๆของเขามาก่อนหน้านี้เลย ฉันรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ หรือได้รับอนุญาตให้ "กลับไปแก้ไข" อะไรในชีวิต นอกจากการได้รับรู้ในสิ่งที่ฉันทำไว้ในวันนี้เท่านั้น ถ้าฉันสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ฉันคงทำหลายอย่างแตกต่างออกไป

ดังนั้นแล้วฉันจึงตัดสินใจที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้แทน ในวันนี้ก่อนที่ฉันจะตาย และหวังว่าคุณจะเข้าใจสิ่งที่ดวงจิตได้บอกกับฉัน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องรอให้มีชีวิตที่มีความสุขและสมบูรณ์มากกว่าฉัน หากว่าฉันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้

ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ได้เห็นผู้คนมากมายหดหู่และไม่มีความสุขเหมือนฉัน ซึ่งมันง่ายมากที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งชีวิต คุณไม่ต้องรอจนถึงวันสุดท้ายในชีวิตของคุณเหมือนที่ฉันกำลังทำอยู่ เพราะมันสามารถทำได้เลยในทันที สิ่งเดียวที่ต้องทำคือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง และทำความเข้าใจกับมัน

หนังสือเล่มนี้เขียนตาม " ดวงจิต " ของฉันซึ่ง " พูด " กับฉัน ในวันสุดท้ายของชีวิต คุณจะประหลาดใจกับความเรียบง่ายของข้อความเหล่านี้ และเกิดความพิศวงเมื่อคุณเองก็ได้ยินมันเช่นกัน จนเข้าใจมันในที่สุด

ฉันชื่อ "รูว์" เป็นชื่อภาษาอังกฤษโบราณ มีความหมายตรงตัวว่า “ โศกเศร้า " ตอนนี้ฉันอายุ 85 ปีแล้ว และ “ วันนี้เป็นวันที่ฉันกำลังจะตาย ” ฉันเคยมีชีวิตที่ "ประสบความสำเร็จ" มีครอบครัว มีลูก 3 คน ผ่านการแต่งงานมา 4 ครั้ง อีกทั้งยังเป็นเจ้าของสิ่งที่มีราคาแพงและหรูหรามากมาย  ฉันเคยเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง สร้างภาพยนตร์มานักต่อนัก มีเงินทองมหาศาล รู้จักผู้คนหลายร้อย และมีแฟนคลับที่ชื่นชอบฉันอยู่ทั่วทุกสารทิศ ฉันเคยเป็นคนที่สวยมาก มีผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า ที่มาพร้อมกับหุ่นอันเซ็กซี่ และฉันก็รู้ตัวด้วยว่าฉันเป็นคนมีเสน่ห์ ซึ่งได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการในชีวิต ต่างก็ได้มาด้วยรูปร่างหน้าตาและเงินของฉันทั้งนั้น

วันนี้ เป็นวันสุดท้ายของชีวิต  มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นที่ทำให้ฉันต้องประสาทหลอน เพราะฉันได้ยินเสียงที่ฉันแทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มันเป็นเสียงที่มาจาก "ภายใน "  เสียงนี้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของฉั น  เรื่องราวที่เริ่มต้นเมื่อฉันยังเป็นทารกในครรภ์มารดา ฉันคิดว่าทุกอย่างจะจบลงใน วันนี้ วันที่ฉันต้องตาย  แต่ฉันกลับพบว่าความตายไม่ใช่จุดจบ

ฉันหวังว่าเสียงจะเงียบลง แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เสียงนี้ยังมีชื่อเรียกอีกด้วย ซึ่งชื่อของเขาคือ “ โพธิ ” และฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาอยู่กับฉันมาทั้งชีวิต แม้กระทั่งก่อนที่ฉันจะเกิด โพธิ คือ " ดวงจิต " ของฉัน เขาบอกฉันว่าฉันยังมีผู้นำทางอีกคนที่อยู่กับฉันตลอดชีวิตเช่นกัน เธอชื่อ “ อนัตตา ” อนัตตาเป็นคำที่พระพุทธเจ้าใช้เพื่ออธิบายสิ่งที่เรียกกันทั่วไปว่า " ตัวตน " หรือ " อัตตา "   อนัตตา มีอยู่เฉพาะในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ “ เกิดขึ้นมา ” เมื่อเราหายใจเข้าครั้งแรก และตายไปพร้อมกับร่างกายของเราทันทีที่เราสิ้นลมหายใจ โพธิ ที่ฉันค้นพบคือสิ่งที่เป็น นิรันดร

นี่คือเรื่องราวชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " ของฉันตามที่ ดวงจิต ที่ชื่อว่า โพธิ ได้บอกฉัน ในวันสุดท้ายของชีวิต  หลังจากที่ฉันคลอดออกมา เป็นเรื่องยากที่จะได้ยิน “ เสียง ” ของโพธิอีกครั้งอย่างชัดเจน แม้ว่าฉันจะสัมผัสได้ว่าเขาอาจจะอยู่ตรงนั้น แต่ฉันยุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตเลยไม่เคยสนใจเขามากนัก

" เรื่องราวของความเสียใจ " แม้ว่าฉันจะมีชื่อเสียง มั่งคั่ง มีครอบครัว และรู้จักผู้คนมากมาย  แต่สุดท้ายฉันกลับใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และไร้ชีวิตชีวา ฉันหย่าร้างถึง 4 ครั้ง และเหินห่างจากลูกทั้ง 3 คน ไม่เคยที่จะอยู่กับพวกเขาแม้ในวันที่พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปจนกระทั่งมีครอบครัวเป็นของตัวเอง

ฉันนึกย้อนไปถึงการใช้ชีวิตและความสุขในชีวิตที่ผ่านมา ของฉัน  และได้พบว่าตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือที่จะอยู่กับพวกเขามากนัก ฉันมักจะยุ่งกับการทำงาน เดินทาง ปาร์ตี้ และทำทุกอย่างที่จะทำให้ "ฉัน" มีความสุข แต่ฉันก็ได้ให้อะไรลูกๆมากมายเช่นกัน พวกเขามี เสื้อผ้าดีๆใส่ อยู่ในบ้านหลังใหญ่ มีสระว่ายน้ำ และเกือบทุกอย่างที่พวกเขาต้องการหากว่ามันไม่ได้กินเวลาของฉันมากเกินไป ฉันยังยุ่งเกินไปที่จะอ่านเรื่องราวของพวกเขาเมื่อพวกเขายังเล็ก ไปเล่นกีฬา หรือแม้แต่ช่วยพวกเขาทำการบ้าน

ฉันได้จ้างพี่เลี้ยงดูแลสิ่งเหล่านั้นแทน รวมทั้งจ้างแม่บ้านทำอาหารให้กับพวกเขา และคอยดูแลบ้านให้สะอาด งานของฉันคือหาเงิน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ฉันยังอยู่บ้านไม่พอที่จะให้พวกเขารู้จักฉันด้วยซ้ำ เพราะชีวิตฉันยุ่งมาก แต่ฉันก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ชอบฉัน ทั้งที่ฉันก็ได้ให้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการแล้ว และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วนตอนที่พวกเขาเติบโต

แม้ว่า โพธิ กำลังบอกเรื่องนี้อยู่ แต่เรื่องราวที่ฉันกำลังจะบอกคุณนั้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับผู้นำทางอีกอีกอย่างของฉัน “ อนัตตา ” สิ่งที่คอยครอบงำและควบคุมชีวิตของฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเกิด จนกระทั่งวันนี้ วันที่ฉันจะต้องตาย  ในที่สุดก็ได้ยินเสียงของ โพธิ อีกครั้งอย่างชัดเจน เรื่องราวของฉันนั้นเริ่มต้นจริงๆตอนก่อนฉันเกิด เมื่อฉันอยู่ในครรภ์มารดา และก่อนที่อนัตตาจะรวมกับโพธิเพื่อเป็นหนึ่งในสองผู้นำทางในชีวิตของฉันตลอดมา

โพธิ บอกฉันว่าพวกเขาเป็นเหมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกันที่จะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆหลังจากที่ฉันเกิด ส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับการพยายามบอกฉันถึงสิ่งที่ควรทำ แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันมาก แต่ทั้งคู่ก็มีความสำคัญในการช่วยนำทางฉันมาตลอดทั้งชีวิต แต่ก็ขึ้นอยู่กับฉันว่าจะตัดสินใจเลือก ฟังอะไร  แม้ โพธิ จะฉลาดมาก มีเมตตา เห็นอกเห็นใจ และมีความรัก แต่ อนัตตา จะสอนให้ ฉัน รู้ว่า “ฉัน” ต้องทำอย่างไรจึงจะอยู่รอดในโลกนี้ได้ อนัตตาจะคอยบอกฉันว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ความแตกต่างระหว่างถูกกับผิด ดีกับชั่ว คืออะไร จะเข้ากับคนอื่นได้อย่างไร และสิ่งสำคัญที่ต้องรู้เพื่อที่ " ฉัน " จะได้มีความสุข

อนัตตา เคยเป็น "ผู้นำทางชีวิต" ให้กับฉัน และรู้จักกันในหลายชื่อไม่ว่าจะเป็น “ อัตตา ” ตัวตน จิตวิญญาณ และบุคคล อนัตตาคือ “ตัวตนของมนุษย์” ของฉัน  ท่ามกลางลักษณะเฉพาะหลายอย่าง ได้แก่ ความหยิ่งยโส การให้ความสำคัญกับตนเอง ความสนใจในตนเอง และความเห็นแก่ตัว อนัตตา ได้สอนฉันว่า “ฉัน” ควรเป็นและปฏิบัติอย่างไรตลอดทั้งชีวิตจึงจะมีความสุข ต่างจาก โพธิที่คอยเป็นห่วงเป็นใยให้ทุกคน ในขณะที่อนัตตาจะห่วงแต่ฉันเท่านั้น โพธิได้มอบ "รักที่ไม่มีเงื่อนไข" ในขณะที่อนัตตาสนับสนุนให้ "รักตนเอง"

อาจจะฟังดูสับสนสำหรับฉัน แต่คิดว่าฉันจะมีเวลามากพอที่จะ "จัดการทุกอย่าง" ได้ หลังจากที่ฉันเกิดมา ฉันก็รู้แล้วว่าฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ 85 ปี ได้พบกับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่มี ดวงจิตนำทาง  และ อนัตตา ที่ติดตามพวกเขามาด้วย รวมทั้งมีการผจญภัยมากมายตลอดชีวิตของฉัน ซึ่งโครงเรื่องเหล่านี้ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว บางคนอาจบอกว่า " พรหมลิขิต "  หรือ " โชคชะตา " ของฉันได้ถูกออกแบบไว้แล้ว แม้ว่าฉันจะมีตัวเลือกและเส้นทางมากมายที่จะไปถึงที่นั่น  ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นทางของ จิตวิญญาณแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไข หรือเส้นทางรักตัวเองที่ฉันต้องเป็นผู้สร้างขึ้นมาของอนัตตา

หากฉันเลือกทางของ อนัตตา  ฉันก็จะพบความสุขในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉันจะพบว่าสิ่งที่ฉันเชื่อว่าเป็นความสุข อย่างไรก็ตาม หากฉันปฏิบัติตามคำแนะนำของ โพธิ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ บทเรียนต่างๆจะน่าดีกว่านี้และมีความสำคัญมากขึ้น โพธิ บอกฉันว่า แม้ว่าฉันจะเลือกได้ว่าจะเชื่ออะไร แต่ฉันก็จะพยายามจำสิ่งที่โพธิบอกฉันหลังจากที่ฉันเกิด โพธิยังบอกด้วยว่าเขาได้พยายามช่วยแนะนำฉันในขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าฉันจะต้องเลือกเองตลอดทั้งชีวิต

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ " ทางเลือกของเราในชีวิต " จริงๆ ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจว่าเราจะเดินตามเส้นทางใดในสองเส้นทางนี้ อย่างแรกคือทางของ อนัตตา เป็นเส้นทาง "เรียนรู้" ที่เราถูกสอน ตอนเราโตขึ้น และเข้าสังคม โดยเส้นทางนี้จะทำให้เราอยู่รอดในโลกได้ มันคือเส้นทางของ “ กู ” หรือ “ ตัวกู ” เมื่อเราเดินตามเส้นทางนี้ เราจะให้ความสนใจกับตัวเราเอง ความสำเร็จส่วนบุคคล และความสุขในโลกเป็นหลัก เราจะมองหาความสุขและความรักในโลกรอบตัวเรา และเชื่อว่าชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " จะถูกกำหนดด้วยเงิน ความรัก ชื่อเสียง ทรัพย์สินทางวัตถุ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สังคมชักจูงให้เราจำกัดความว่าคือความสำเร็จ

อีกทางหนึ่งที่เราอาจเดินตามคือเส้นทางแห่ง ดวงจิต ของเรา “ความสำเร็จ” ตามคำจำกัดความของมันจะเกี่ยวข้องกับการแบ่งปันความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของเราที่มีอยู่ภายในตัวเราแต่ละคนให้กับผู้อื่น  ตามคำกล่าวของโพธิ “ความสำเร็จและความสุขไม่อาจพบได้ในโลก หรือผ่านการอยู่กับบุคคลอื่น แต่อาจพบได้เฉพาะ "ภายใน" ที่ซึ่งดวงจิตประทับอยู่  คำตอบของชีวิตอยู่ที่นี่และอยู่มาโดยตลอด”  ด้วยการแสวงหาความสุขและความหมายในที่อื่นใดก็ตาม โพธิ เตือนว่า ผลจะทำให้เกิดความสับสน กลัว ซึมเศร้า และวิตกกังวล

การต่อสู้ดิ้นรนอย่างไม่หยุดยั้งระหว่าง อนัตตา กับดวงจิต จะเป็นตัวกำหนดความเป็นอยู่ของเรา ว่าเราจะสามารถค้นหา ความหมาย และความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเราได้หรือไม่ การดำเนินชีวิตตามวิถีของ อนัตตา  อย่างที่ฉันและคนอื่นๆ อีกมากทำอยู่นั้น เราต่างก็ถูกลิขิตให้มีชีวิตแบบปลอมๆ ไร้ความหมาย และอ้างว้าง อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตาม แนวทางของโพธิ คือการปฏิบัติตามความเชื่อและค่านิยมที่แท้จริงที่เราทุกคนเกิดมา ทางของ โพธิ คือเส้นทางแห่ง ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  แทนที่จะกำหนดความสำเร็จอย่างที่ อนัตต ากำหนดว่า "กู" หรือ "ตัวกู" ชีวิตกลับถูกนิยามว่า "เรา" ความเชื่อในความสำเร็จของโพธิคือ ถ้า "ทุกคน" ประสบความสำเร็จ มันจะไม่ใช่เพียงแค่ความสำเร็จของ "เรา" ใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีที่เราจะกำหนด ความสำเร็จและความสุข  ตัวเลือกที่นำเสนอแก่เราอาจดูเหมือนมีแค่ขาวกับดำ แต่ฉันขอรับรองเลยว่าไม่ใช่เช่นนั้น เส้นทางที่ถูกต้องมักจะหายาก และแม้ว่าคุณจะโชคดีพอที่จะพบมัน แต่ก็ค่อนข้างง่ายที่จะหลงทางและกลับเข้าสู่เส้นทางอื่น ชีวิตมีวิธีสร้างอุปสรรคในขณะเราไล่ตามความปรารถนาที่จะค้นหา ตัวตนที่สูงกว่า ของเรา

ไม่ว่าปัญหาจะเป็นเรื่องส่วนตัว การเงิน หรือเรื่องอื่นๆ เรามักจะถูกลากกลับไปสู่ความเป็นจริงของการใช้ชีวิตในโลกที่มี ความกลัว ครอบงำในตอนที่เราพบเจอกับปัญหา แม้ว่าฉันจะไม่โชคดีพอที่จะพบเส้นทางที่ถูกต้องก่อนที่วันนี้จะมาถึง แต่ฉันรู้ว่ามีหลายคนที่พยายาม และอย่างน้อยก็ทำมันสำเร็จได้ชั่วคราว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่นานนัก ก่อนที่ความเครียดหรือโศกนาฏกรรมในชีวิตของพวกเขาจะพากลับมาสู่การดิ้นรนในชีวิตประจำวันที่เราทุกคนต่างก็ประสบอยู่ในโลกอีกครั้ง

ต้องใช้ความกล้าหาญในการเดินตามเส้นทางของดวงจิตของคุณ ซึ่งในการทำจะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องเผชิญหน้าและท้าทายกับอดีตของคุณเอง คุณต้องเต็มใจที่จะใช้โอกาสในการเปลี่ยนเส้นทางที่คุณเป็นอยู่และทิศทางชีวิตของคุณ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่าคุณจะ " ไม่ " ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง หรือความสามารถในการเลือกชีวิตที่คุณต้องการ หากคุณประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น

การที่คุณเดินทางตามเส้นทางของดวงจิตต่อไปเรื่อยๆ และหยุดพยายามทำเหมือนที่ฉันได้เคยทำไว้นั้น ง่ายกว่าการ ปล่อยให้ชีวิตเช่นนั้นเกิดขึ้นกับคุณ  ยาและแอลกอฮอล์ที่ฉันกินเข้าไปทุกวัน ตั้งแต่เช้าไปจนถึงก่อนเข้านอนเพียงไม่นานนั้น ทำให้ฉันลืมความรู้สึกหรือความกังวลที่ฉันมี นอกจากนี้ฉันยังยุ่งมากๆ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาว่างที่จะคิดถึงเรื่องนี้ ซึ่งก็คงเหมือนกับคนอื่นๆที่ฉันรู้จัก โดยฉันมักจะให้เหตุผลว่าฉันทำงานหนักเพียงใด และโน้มน้าวใจตัวเองว่ามันคือสิ่งจำเป็น เพราะฉันต้องการเงินเพื่อซื้อสิ่งของมากมาย และทำทุกอย่างที่จะทำให้ ฉันมีความสุข .

แต่วันนี้ฉันเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงที่ฉันยุ่งอยู่ตลอดที่ผ่านแล้วว่าเป็นเพราะอะไร เพราะฉะนั้นฉันจะไม่มีเวลามากพอที่จะคิดและเผชิญหน้ากับปัญหาและอดีตอีกต่อไป และด้วยความที่งานยุ่งนั้น ทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะ "ได้ยินเสียง" ของ โพธิ  ดังนั้นจึงทำให้ฉันเพิกเฉยต่อความรู้สึกไม่สบายที่เกิดขึ้นภายในตัวเองได้อย่างง่ายดายทุกครั้งที่ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ฉันไม่คิดว่าฉันแตกต่างจากคนอื่นมากนัก พวกเราหลายคนต่างก็กลัวที่จะเผชิญหน้ากับ "ปีศาจ" ในตัวเราเอง ดังนั้นมันจึงง่ายกว่าที่จะยอมรับความเป็นจริงของชีวิต และฝังความรู้สึกและอารมณ์ที่แท้จริงไว้ภายใน ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ใน วันสุดท้ายของชีวิต  โดยหวังว่าคุณจะเห็นตัวเลือกที่ไม่ดีมากมายที่ฉันได้ทำมาตลอดชีวิต เพื่อที่คุณอาจจะสามารถเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปในชีวิตของคุณเอง

ทางเลือกในชีวิต

เลือกที่จะ "ไม่" อยู่ในโลกแห่ง "ความกลัว"

ที่เอาแต่ห่วงตัวเอง

มันคือสาเหตุแห่งความเกลียดชัง สงคราม อคติ ความหิวโหย

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเร่ร่อน ความวิตกกังวล ความเครียด

และสิ่งท้าทายต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับธรรมชาติ ทั้งหมด

แต่เลือกที่จะอยู่ในโลกแห่ง "ความรัก" แทน

ซึ่งแบ่งปันกับผู้อื่นได้อย่างอิสระ

ห่วงใยกันในทุกชีวิต

โดยรับรองความสำเร็จและความสุขของทุกคน

การเลือกความรักอยู่เหนือความกลัวจะช่วยขจัด

ความทุกข์ยากที่เห็นแก่ตัวโดยไม่จำเป็นออก ทั้งหมด

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

โดยแนะนำยุคใหม่แห่งสันติภาพและความร่วมมือเข้ามาแทน

Related chapters

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 2 ความหมายของชีวิต

    บทที่ 2 ความหมายของชีวิต ฉ ั ขอแนะนำตัวเองให้คุณรู้จักอย่างเป็นทางการ ฉันชื่อ “ โพธิ ” ฉันเป็น “ดวงจิต”  ฉันกำลังจะเล่าเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง ซึ่งมั่นใจว่าคุณไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเรื่องราว การเดินทางผ่านชีวิตของฉัน  อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉันจะเล่าให้คุณฟัง ฉันควรบอกคุณก่อนว่า ดวงจิต คืออะไร ภายในของทุกชีวิต ล้วนมี ดวงจิต  คอยติดตามตลอด เพื่ห้อใเข้าใจเรื่องราวของฉันได้ดียิ่งขึ้นนั้น ฉันจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ การเดินทางครั้งสุดท้าย ในชีวิตของฉัน ที่ซึ่งฉันอยู่กับหญิงสาวชื่อรูว์มาตลอดชีวิตทั้งชีวิตของเธอ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นก่อนที่รูว์จะเข้ามาอยู่ในครรภ์ หรือที่เรียกว่า " ชีวิตหลังความตาย " ชีวิตหลังความตาย เป็นระนาบของการดำรงอยู่ซึ่งมีดวงวิญญาณอาศัยอยู่ร่วมกัน บางคนอาจเรียกว่า สวรรค์  ซึ่งเป็นระนาบทางจิตวิญญาณที่สวยงามและบริสุทธิ์ โดยมี ความรักและสันติภาพที่ไม่มีเงื่อนไข แทรกซึมอยู่ทุกมุมของอาณาจักร ณ ที่แห่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะมีชีวิตใหม่มาขอให้เราไปอยู่ด้วย เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมชีวิตใหม่ และฉันก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะไปอยู่กับรูว ฉัน

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 3 ก่อนฉันเกิด

    บทที่ 3 ก่อนฉันเกิด ม ั นอบอุ่น เงียบสงบ และมืดมิด ที่ที่ฉันอยู่คือในครรภ์ของแม่ตอนที่ฉันรอจะลืมตามาดูโลก อยู่ที่นี่ทำให้ฉันรู้สึก ปลอดภัย และรับรู้ได้ถึง ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข จากแม่ของฉัน โพธิ ก็อยู่กับฉันด้วยเช่นกัน เขากำลังบอกฉันว่า เขาจะอยู่กับฉันไปตลอดการเดินทางทั้งชีวิตของฉัน โพธิ นั้นวิเศษมาก ฉันรู้สึกปลอดภัยเพราะเขาช่วยให้ฉันเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากฉันเกิด ภายในท้องแม่ฉันรู้สึกได้ถึงแต่ความอิ่มเอม มีความสุข เต็มไปด้วยความรัก และความรู้สึกอีกมากมายที่ทำให้ฉันอบอุ่นใจ ฉันตื่นเต้นที่จะได้เห็นโลกกว้าง แต่ก็ต้องรอจนกว่าฉันจะโตพอ ระหว่างที่ฉันรอจะได้ออกมาดูโลกนั้น โพธิจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาเองให้ฉันทราบ และบอกฉันว่าเขาจะช่วยเหลือฉันอย่างไรในตลอดชีวิตของฉัน นี่คือเรื่องที่ โพธิ เล่าให้ฉันฟังในขณะที่ฉันอดทนรอที่จะได้ลืมตามาดูโลก โพธิคือ "ดวงจิต" ของฉัน และถ้าหากจะให้เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย จะเหมือนกับว่าเขามีชีวิตอยู่ "ภายในใจของฉัน"  นั่นเอง ดวงจิต มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์ พืช หรือแม้แต่ดวงดาวและจักรว

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 4 การเกิดของฉัน

    บทที่ 4 การเกิดของฉัน ฉ ั นลืมตามาดูโลกก่อนเที่ยงคืนไม่นานในโลกที่เสียงดัง เย็นชา และสว่างไสว พูดตามตรงว่าฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าครรภ์ที่มืดมิดแต่อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความรักของแม่นั้นจะถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล ความหนาวเย็น ความสับสน และเสียงอึกทึกของโลก โลกที่ฉันอาศัยอยู่เป็นเวลา 85 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยหลังจากที่ฉันเกิดมา พร้อมกับลมหายใจแรกของฉันนั้น อนัตตา ก็ถือกำเนิดมาด้วยเช่นกัน และเธอก็จะอยู่กับฉันไปตลอด การเดินทางผ่านของชีวิต  ต่างจาก โพธิผู้ดำรงอยู่ใน “หัวใจ” แต่อนัตตาจะดำรงอยู่ใน “จิตและกาย” ซึ่งตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงแค่ว่าอนัตตามีอิทธิพลต่อฉันอย่างมากตลอดทั้งชีวิตของฉัน อันที่จริงแล้ว ตามที่ฉันได้ค้นพบในวันนี้ อนัตตา ไม่เพียงแค่ครอบครองชีวิตฉันเท่านั้น แต่เธอทำมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย ทุกสิ่งที่ฉันทำตลอดชีวิตถูกกำหนดโดยความปรารถนาของเธอ จนวันนี้ วันที่ฉันกำลังจะลาจากโลกนี้ไป  ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย คำแนะนำของเขาที่บริสุทธิ์และเข้าใจง่ายตั้งแต่ก่อนฉันเกิด บัดนี้ได้สงบลงแล้ว มันถูกซ่อนอยู่ภายในใจของฉัน และรอคอยการ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 5 โรงเรียน

    บทที่ 5 โรงเรียน ฉ ั นเริ่มเข้าเรียนตอนฉันอายุห้าขวบ ได้พบกับเด็กๆ มากมายและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่จริงๆแล้วฉันก็รู้มามากพอสมควรแล้วล่ะ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายในช่วงห้าปีแรกของชีวิต รู้ตื่นเต้นและพร้อมที่จะเผชิญกับโลกแล้ว ฉันไม่เคยอยู่กับเด็กคนอื่นมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันต้องเรียนรู้ไม่เพียงแค่วิธีที่จะเข้ากับพวกเขา แต่ยังเพื่อให้พวกเขาชอบฉันอีกด้วย ฉันได้เรียนรู้ที่จะยิ้มอยู่เสมอ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมา และฉันก็ทำมันได้ดีมากเลยเพราะไม่เคยให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเชี่ยวชาญในการสวม หน้ากาก จนไม่มีใครรู้จักฉันอย่างแท้จริง ฉันจะยิ้มออกมาอย่างมิตรไมตรีและบอกทุกคน รวมถึงพ่อแม่ของฉันด้วยว่าสิ่งต่างๆนั้นยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าข้างในฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม ฉันมักจะรู้สึกกังวล เครียด และไม่มีความสุข แต่อย่างที่ฉันได้รับการสอนมาจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผลปรากฏว่าฉันทำได้ดีมาก และฉันเองก็ไม่เคยรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเลยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ฉันมีปัญหามากมายเข้ามาตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่สามารถเปิดเผ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน

    บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน เ จ็ดปีต่อมาในชีวิตของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่เคยได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย เขาถูกขังอยู่หลัง กำแพง ภายในหัวใจของฉัน แต่ฉันยังคง เรียนรู้ จาก อนัตตา ต่อไปในขณะที่เธอสอนทุกสิ่งที่ฉันต้องรู้เพื่อความอยู่รอดและมีความสุขในโลก ฉันได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันที่ต้องรู้เพื่อความอยู่รอด ทุกคนและทุกอย่างเป็นครูของฉัน ฉันได้เรียนรู้จากการดูพ่อกับแม่ เพื่อนฝูงของพวกเขา เด็กๆที่โรงเรียน ภาพยนตร์ และอินเทอร์เน็ต ฉันได้เข้าใจว่าโลกทำงานอย่างไร ฉันได้เห็นความรุนแรงมากมายในทีวีและวิดีโอเกมที่ฉันเล่น และในที่สุดฉันก็มีภูมิคุ้มกัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ทรมานและกำลังจะตาย จากที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ ฉันได้เรียนรู้ว่าการดื่มและเสพยาทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดี และเนื่องจากพวกเขาร่ำรวย จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพก็ได้ ฉันเข้าใจว่าพ่อกับแม่ดีกว่าคนอื่นเพราะพวกเขา ประสบความสำเร็จ  ฉันจะสังเกตเหล่าบรรดาเพื่อนๆของพ่อกับแม่ที่มาในงานเลี้ยงซึ่งมักจะจัดขึ้นที่บ้านของเราอยู่บ่อยๆ ทุกคนต่างหัวเราะ เต้นรำ ดื่มเห

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน

    บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน ห ลังจากที่ฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะในขณะนั้น ฉันได้แสดงภาพยนตร์มาแล้วถึงสามเรื่องและกำลังเป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่ง ประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันมีตั้งแต่ยังเด็กจากการสวม " หน้ากาก " เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจากผู้อื่นนั้น ช่วยให้ฉันแสดงเป็นคนอื่นได้ง่ายขึ้น ฉันสามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ตามต้องการอย่างที่เคยทำมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยรู้สึกว่าฉันต้องพยายามอย่างหนักแต่อย่างใดเลย ฉันซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ได้เก่งมากเพราะได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติมานานแล้วจาก “ การปกปิด ” ความรู้สึกที่แท้จริงจากทุกคนรอบตัวฉัน เนื่องจากผู้ชายทุกคนมองว่าฉันสวย ดังนั้นฉันจึงไม่เคยขาดคู่เลย ในที่สุดฉันก็ได้แต่งงานถึงสี่ครั้งและมีลูกทั้งหมดสามคน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ตัวฉันเองยุ่งมาก ยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลากับลูกๆ และเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของฉันทำ ฉันได้จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเพื่อมาดูแลลูกๆ และจ้างแม่บ้านเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านเนื่องฉันมักจะทำงานนอกบ้านซ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

    บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน เ มื่อฉันถ่ายทำภาพยนตร์ไปทั่วโลก ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อโตขึ้นนั้นก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะทำงานในประเทศหรือทวีปใด ปัญหามากมายที่เผ่าพันธุ์ของเราได้ก่อให้เกิดแก่กันและกัน กับชีวิตอื่นๆ และต่อสิ่งแวดล้อมนั้นปรากฏชัดทุกที่ ในแอฟริกา ฉันได้เห็นความหิวโหยแบบสุดขีด ซี่โครงของเด็กน้อยเกือบจะโผล่ออกมาจากผิวหนัง เด็กเหล่านี้หลายคนจบลงด้วยความตาย ผอมแห้งและอ่อนแอจากความอดอยาก พวกเขาแทบจะไม่กระพริบตาหรือลืมตาขึ้นมาเลยก่อนที่ชีวิตจะจบลง ฉันยังเห็นคนมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโรคที่รักษาได้ เช่น เอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย สงครามก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเกือบทุกทวีปที่ฉันไปเยือน กลุ่มกบฏจะขับรถไปตามหมู่บ้านต่างๆตามอำเภอใจ และฆ่าทุกคนเพราะความโลภหรือเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกัน ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าจะมีผู้หญิงหรือเด็กเล็กในหมู่บ้านด้วยหรือไม่ พวกเขาต่างฆ่าทิ้งทั้งหมด ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายเมื่อพล พต นัก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย

    บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย ตอนที่ 1 ฉ ั นไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตจะแตกต่างไปได้อย่างไรหากฉันเดินตามวิถีแห่ง จิตวิญญาณของโพธิ  เพราะสำหรับฉันแล้วมันดูเหมือนว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกของฉันมาจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เคยเหมือนเดิม ขณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อทบทวนชีวิตงของตัวเอง แม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " มาก แต่ตามมาตรฐานของสังคม ความเป็นจริงไม่สามารถอยู่ไกลจากความจริงได้ ฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามที่ได้รับการสอนมา ทว่าเมื่อชีวิตได้ฉายแสงต่อหน้าฉันในวันนี้นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังรู้สึกหดหู่ไปทั้งชีวิตด้วย ฉันใช้ยาและแอลกอฮอล์เหมือนที่พ่อแม่เคยทำเพื่อ "ปิดบัง" ความทุกข์และทำให้ประสาทสัมผัสของฉันช้าลง ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่ายาและแอลกอฮอล์นั่นเองที่ขัดขวางไม่ให้ฉันเผชิญกับความเป็นจริงว่าฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ไขว้เขว และขัดขวางไม่ให้ฉันมองดูตัวเองเพื่อเผชิญกับชีวิตจริง ฉันประสบความสำเร็จมากในการไม่เผชิญกับความเจ็บปวดจน วันนี้ วันที่ฉันกำลังจะตาย  มันทำให้รู้ว่

Latest chapter

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย

    บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย ห ลังจากที่ฉันตายบางสิ่งที่น่าแปลกใจก็เกิดขึ้น เนื่องจากฉันไม่ได้นับถือศาสนาใดเลยในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจึงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าความตายไม่ใช่จุดจบ ฉันเสียชีวิตตอน 1 ทุ่ม เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับยอดเขา และพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา ฉันรู้สึกขอบคุณที่ลูกๆ มาอยู่เคียงข้างทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวตอนสิ้นลมหายใจ แม้ว่าฉันต้องดิ้นรนตลอดทั้งชีวิต แต่ในที่สุดฉันก็รู้สึกสงบสุขเพราะลูกๆได้ให้อภัยฉันแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจความหมายของชีวิตแล้วเช่นกัน ฉันตระหนักรู้ว่า ก่อนที่จะเสียชีวิต ฉันได้ใช้เวลาทั้งชีวิต ค้นหาสิ่งที่มีอยู่แล้วในหัวใจไปทั่วทุกมุมโลก การดิ้นรน การไม่มีความสุข ความเหงา และภาวะซึมเศร้ามากมายที่ฉันรู้สึกตลอดชีวิตเกิดขึ้นเพราะฉันกำลังมองหาคำตอบผิดที่ มันเป็นเพียง ภาพลวงตาของชีวิต  ฉันได้ใช้ชีวิตและเล่นตามบทมาอย่างดีจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงละครและไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นเรื่องจริง เมื่อฉันสิ้นใจ โพธิ ได้ละกายของฉันไว้กับ อนัตตา ร่างที่เธออาศัยอยู่ตลอด 85 ปีที่ผ่านมา โพธิ บอก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง

    บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง ป ระมาณสี่ชั่วโมงก่อนที่ฉันจะตาย มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น ลูกทั้งสามคนมาบอกลาฉัน น้ำตาของฉันไหลริน นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ ฉันไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉันละเลยลูกๆ และทำให้พวกเขาเสียใจ ฉันไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้เลยในตอนนั้น แต่กลับใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาความสุขในโลกนี้ แทนที่จะแบ่งปันความรักตามสัญชาตญาณที่พ่อแม่ควรมีให้ต่อลูก และตามสัญชาตญาณที่คนเราควรมีให้กัน คนที่รายล้อมไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจะโดดเดี่ยวได้อย่างไร หน้ากาก และ กำแพง ไม่อนุญาตให้ใครแม้แต่ลูกทั้งสามคน หรืออดีตสามีทั้งสี่คนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย ทั้งหมดที่พวกเขาหรือใครก็ตามเห็นนั้นเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ฉันได้เรียนรู้ให้แสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความรักที่ฉันพยายามแสดงให้เห็นนั้นได้เรียนรู้มาจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาเองว่ามันคือความรัก มันไม่ได้มาจากใจของฉัน ที่ซึ่ง ดวงจิต และ " ความรักที่แท้จริง " อยู่ ฉันเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปตามเส้นทางที่ฉันเรีย

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน

    บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน ช ี วิตเป็นเรื่องตลกและน่าเย้นหยันยิ่งนัก พ่อกับแม่ตั้งชื่อฉันว่า "รูว์" ซึ่งแปลว่า "โศรกเศร้า" และเมื่อฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอวันตาย ตอนนี้ฉันตระหนักได้ว่าฉันใช้ชีวิตด้วยความเสียใจมาทั้งชีวิต แม้ว่าฉันจะรู้จักคนมากมาย มีลูกสามคน มีสามีเก่าสี่คน มีชื่อเสียง และมีแฟนๆทั่วโลก แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง ฉันใช้ยาหลายอย่าง พบที่ปรึกษาทุกสัปดาห์สำหรับอาการซึมเศร้ารุนแรงที่ฉันเป็น และแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจช่วยได้เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังคิดที่จะจบชีวิตลงเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกภายในหายไป สิ่งเดียวที่คงที่ในชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความโศกเศร้า และภาวะซึมเศร้าที่ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตมาตลอด มันคือความเจ็บปวดที่มาจากแก่นแท้ของฉัน ตลอดชีวิตฉันรู้สึกเหมือนกำลังแสดงบทบาทราวกับว่า " ชีวิตเป็นเพียงละคร " ตอนที่ฉันทำงาน ฉันเป็นนักแสดง เล่นละคร และเสแสร้งเป็นคนอื่น และอย่างที่ฉันได้รู้วันนี้นั้น ตลอดทั้งชีวิตถึงจะไม่ได้อยู่ในฉากแล้ว แต่ฉันก็ทำเหมือนรับบทบาทเหล่านั้นอยู่ และสุด

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย

    บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย ตอนที่ 1 ฉ ั นไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตจะแตกต่างไปได้อย่างไรหากฉันเดินตามวิถีแห่ง จิตวิญญาณของโพธิ  เพราะสำหรับฉันแล้วมันดูเหมือนว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกของฉันมาจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เคยเหมือนเดิม ขณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อทบทวนชีวิตงของตัวเอง แม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " มาก แต่ตามมาตรฐานของสังคม ความเป็นจริงไม่สามารถอยู่ไกลจากความจริงได้ ฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามที่ได้รับการสอนมา ทว่าเมื่อชีวิตได้ฉายแสงต่อหน้าฉันในวันนี้นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังรู้สึกหดหู่ไปทั้งชีวิตด้วย ฉันใช้ยาและแอลกอฮอล์เหมือนที่พ่อแม่เคยทำเพื่อ "ปิดบัง" ความทุกข์และทำให้ประสาทสัมผัสของฉันช้าลง ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่ายาและแอลกอฮอล์นั่นเองที่ขัดขวางไม่ให้ฉันเผชิญกับความเป็นจริงว่าฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ไขว้เขว และขัดขวางไม่ให้ฉันมองดูตัวเองเพื่อเผชิญกับชีวิตจริง ฉันประสบความสำเร็จมากในการไม่เผชิญกับความเจ็บปวดจน วันนี้ วันที่ฉันกำลังจะตาย  มันทำให้รู้ว่

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

    บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน เ มื่อฉันถ่ายทำภาพยนตร์ไปทั่วโลก ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อโตขึ้นนั้นก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะทำงานในประเทศหรือทวีปใด ปัญหามากมายที่เผ่าพันธุ์ของเราได้ก่อให้เกิดแก่กันและกัน กับชีวิตอื่นๆ และต่อสิ่งแวดล้อมนั้นปรากฏชัดทุกที่ ในแอฟริกา ฉันได้เห็นความหิวโหยแบบสุดขีด ซี่โครงของเด็กน้อยเกือบจะโผล่ออกมาจากผิวหนัง เด็กเหล่านี้หลายคนจบลงด้วยความตาย ผอมแห้งและอ่อนแอจากความอดอยาก พวกเขาแทบจะไม่กระพริบตาหรือลืมตาขึ้นมาเลยก่อนที่ชีวิตจะจบลง ฉันยังเห็นคนมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโรคที่รักษาได้ เช่น เอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย สงครามก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเกือบทุกทวีปที่ฉันไปเยือน กลุ่มกบฏจะขับรถไปตามหมู่บ้านต่างๆตามอำเภอใจ และฆ่าทุกคนเพราะความโลภหรือเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกัน ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าจะมีผู้หญิงหรือเด็กเล็กในหมู่บ้านด้วยหรือไม่ พวกเขาต่างฆ่าทิ้งทั้งหมด ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายเมื่อพล พต นัก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน

    บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน ห ลังจากที่ฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะในขณะนั้น ฉันได้แสดงภาพยนตร์มาแล้วถึงสามเรื่องและกำลังเป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่ง ประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันมีตั้งแต่ยังเด็กจากการสวม " หน้ากาก " เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจากผู้อื่นนั้น ช่วยให้ฉันแสดงเป็นคนอื่นได้ง่ายขึ้น ฉันสามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ตามต้องการอย่างที่เคยทำมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยรู้สึกว่าฉันต้องพยายามอย่างหนักแต่อย่างใดเลย ฉันซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ได้เก่งมากเพราะได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติมานานแล้วจาก “ การปกปิด ” ความรู้สึกที่แท้จริงจากทุกคนรอบตัวฉัน เนื่องจากผู้ชายทุกคนมองว่าฉันสวย ดังนั้นฉันจึงไม่เคยขาดคู่เลย ในที่สุดฉันก็ได้แต่งงานถึงสี่ครั้งและมีลูกทั้งหมดสามคน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ตัวฉันเองยุ่งมาก ยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลากับลูกๆ และเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของฉันทำ ฉันได้จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเพื่อมาดูแลลูกๆ และจ้างแม่บ้านเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านเนื่องฉันมักจะทำงานนอกบ้านซ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน

    บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน เ จ็ดปีต่อมาในชีวิตของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่เคยได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย เขาถูกขังอยู่หลัง กำแพง ภายในหัวใจของฉัน แต่ฉันยังคง เรียนรู้ จาก อนัตตา ต่อไปในขณะที่เธอสอนทุกสิ่งที่ฉันต้องรู้เพื่อความอยู่รอดและมีความสุขในโลก ฉันได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันที่ต้องรู้เพื่อความอยู่รอด ทุกคนและทุกอย่างเป็นครูของฉัน ฉันได้เรียนรู้จากการดูพ่อกับแม่ เพื่อนฝูงของพวกเขา เด็กๆที่โรงเรียน ภาพยนตร์ และอินเทอร์เน็ต ฉันได้เข้าใจว่าโลกทำงานอย่างไร ฉันได้เห็นความรุนแรงมากมายในทีวีและวิดีโอเกมที่ฉันเล่น และในที่สุดฉันก็มีภูมิคุ้มกัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ทรมานและกำลังจะตาย จากที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ ฉันได้เรียนรู้ว่าการดื่มและเสพยาทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดี และเนื่องจากพวกเขาร่ำรวย จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพก็ได้ ฉันเข้าใจว่าพ่อกับแม่ดีกว่าคนอื่นเพราะพวกเขา ประสบความสำเร็จ  ฉันจะสังเกตเหล่าบรรดาเพื่อนๆของพ่อกับแม่ที่มาในงานเลี้ยงซึ่งมักจะจัดขึ้นที่บ้านของเราอยู่บ่อยๆ ทุกคนต่างหัวเราะ เต้นรำ ดื่มเห

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 5 โรงเรียน

    บทที่ 5 โรงเรียน ฉ ั นเริ่มเข้าเรียนตอนฉันอายุห้าขวบ ได้พบกับเด็กๆ มากมายและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่จริงๆแล้วฉันก็รู้มามากพอสมควรแล้วล่ะ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายในช่วงห้าปีแรกของชีวิต รู้ตื่นเต้นและพร้อมที่จะเผชิญกับโลกแล้ว ฉันไม่เคยอยู่กับเด็กคนอื่นมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันต้องเรียนรู้ไม่เพียงแค่วิธีที่จะเข้ากับพวกเขา แต่ยังเพื่อให้พวกเขาชอบฉันอีกด้วย ฉันได้เรียนรู้ที่จะยิ้มอยู่เสมอ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมา และฉันก็ทำมันได้ดีมากเลยเพราะไม่เคยให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเชี่ยวชาญในการสวม หน้ากาก จนไม่มีใครรู้จักฉันอย่างแท้จริง ฉันจะยิ้มออกมาอย่างมิตรไมตรีและบอกทุกคน รวมถึงพ่อแม่ของฉันด้วยว่าสิ่งต่างๆนั้นยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าข้างในฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม ฉันมักจะรู้สึกกังวล เครียด และไม่มีความสุข แต่อย่างที่ฉันได้รับการสอนมาจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผลปรากฏว่าฉันทำได้ดีมาก และฉันเองก็ไม่เคยรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเลยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ฉันมีปัญหามากมายเข้ามาตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่สามารถเปิดเผ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 4 การเกิดของฉัน

    บทที่ 4 การเกิดของฉัน ฉ ั นลืมตามาดูโลกก่อนเที่ยงคืนไม่นานในโลกที่เสียงดัง เย็นชา และสว่างไสว พูดตามตรงว่าฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าครรภ์ที่มืดมิดแต่อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความรักของแม่นั้นจะถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล ความหนาวเย็น ความสับสน และเสียงอึกทึกของโลก โลกที่ฉันอาศัยอยู่เป็นเวลา 85 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยหลังจากที่ฉันเกิดมา พร้อมกับลมหายใจแรกของฉันนั้น อนัตตา ก็ถือกำเนิดมาด้วยเช่นกัน และเธอก็จะอยู่กับฉันไปตลอด การเดินทางผ่านของชีวิต  ต่างจาก โพธิผู้ดำรงอยู่ใน “หัวใจ” แต่อนัตตาจะดำรงอยู่ใน “จิตและกาย” ซึ่งตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงแค่ว่าอนัตตามีอิทธิพลต่อฉันอย่างมากตลอดทั้งชีวิตของฉัน อันที่จริงแล้ว ตามที่ฉันได้ค้นพบในวันนี้ อนัตตา ไม่เพียงแค่ครอบครองชีวิตฉันเท่านั้น แต่เธอทำมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย ทุกสิ่งที่ฉันทำตลอดชีวิตถูกกำหนดโดยความปรารถนาของเธอ จนวันนี้ วันที่ฉันกำลังจะลาจากโลกนี้ไป  ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย คำแนะนำของเขาที่บริสุทธิ์และเข้าใจง่ายตั้งแต่ก่อนฉันเกิด บัดนี้ได้สงบลงแล้ว มันถูกซ่อนอยู่ภายในใจของฉัน และรอคอยการ

DMCA.com Protection Status