Share

บทที่ 5 โรงเรียน

Author: Ken Luball
last update Last Updated: 2022-12-21 17:36:33
บทที่ 5

โรงเรียน

ฉ ั

นเริ่มเข้าเรียนตอนฉันอายุห้าขวบ ได้พบกับเด็กๆ มากมายและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่จริงๆแล้วฉันก็รู้มามากพอสมควรแล้วล่ะ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายในช่วงห้าปีแรกของชีวิต รู้ตื่นเต้นและพร้อมที่จะเผชิญกับโลกแล้ว

ฉันไม่เคยอยู่กับเด็กคนอื่นมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันต้องเรียนรู้ไม่เพียงแค่วิธีที่จะเข้ากับพวกเขา แต่ยังเพื่อให้พวกเขาชอบฉันอีกด้วย ฉันได้เรียนรู้ที่จะยิ้มอยู่เสมอ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมา และฉันก็ทำมันได้ดีมากเลยเพราะไม่เคยให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเชี่ยวชาญในการสวม หน้ากาก จนไม่มีใครรู้จักฉันอย่างแท้จริง ฉันจะยิ้มออกมาอย่างมิตรไมตรีและบอกทุกคน รวมถึงพ่อแม่ของฉันด้วยว่าสิ่งต่างๆนั้นยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าข้างในฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม

ฉันมักจะรู้สึกกังวล เครียด และไม่มีความสุข แต่อย่างที่ฉันได้รับการสอนมาจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผลปรากฏว่าฉันทำได้ดีมาก และฉันเองก็ไม่เคยรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเลยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ฉันมีปัญหามากมายเข้ามาตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้แม้แต่กับคนที่ฉันรักซึ่งอยู่ใกล้ตัวที่สุด ฉันได้สร้างลักษณะภายนอกที่สมบูรณ์แบบ จนทุกคนที่เห็นจะคิดว่าฉันมีความสุขมาก แต่ข้างในกลับรู้สึกหดหู่ โดดเดี่ยว และน่าสังเวชอย่างยิ่ง

ฉันจำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่งที่พ่อกับแม่จัดงานปาร์ตี้ที่บ้าน คืนนั้นฉันตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจกลัว ฉันลงไปหาแม่ข้างล่าง เพียงเพื่ออยากให้แม่ปลอบและบอกว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น ไม่เพียงแค่ตกใจกลัวเท่านั้น แต่รู้สึกเศร้า และเป็นแบบนี้มานานแล้ว พอไปถึงก็เจอแม่อยู่กับเพื่อนของแม่ ฉันยิ้มให้ทุกคนอย่างนอบน้อมตามที่ได้รับการอบรมมา ฉันบอกแม่ว่าอยู่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาและรู้สึกกลัวมาก แม่กอดฉันและบอกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร แม้ว่าฉันจะรู้สึกดีขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันจำจากเหตุการณ์ในวันนั้นคือแม่ฉันภูมิใจในตัวฉันมากเมื่อเพื่อนๆของแม่บอกว่าฉันเป็นเ ด็กสาว ที่น่ารักและดู มีความสุขมาก  แม้ว่าฉันจะรู้สึกกลัวและเศร้าเพียง แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ความรู้สึกเหล่านี้ได้เลยแม้แต่พ่อกับแม่ เพื่อนของพวกเขา หรือโรซ่า ฉันรู้ว่าฉัน ประสบความสำเร็จ ในชีวิตและจะไม่ยอมให้ใครรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของฉันอีก ท้ายที่สุดฉันเพียงอยากให้พ่อกับแม่รักฉัน ความโศกเศร้าที่ฉันรู้สึกคือภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงซึ่งดำเนินต่อไปจนกระทั่งหลายปีต่อมา ตอนที่ฉันยังเป็นวัยรุ่น พ่อกับแม่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงได้ส่งฉันไปหาหมอและที่ปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือ

ตอนที่ฉันอายุได้เจ็ดขวบ ฉันมีปัญหาที่โรงเรียน ฉันได้ตีเด็กสาวอีกคนเมื่อเธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ฉันต้องการให้เธอทำ ทุกคนต่างก็โกรธฉัน และบอกว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด ฉันเริ่มร้องไห้และรู้สึกเจ็บ ฉันรู้สึกอายเมื่อเด็กคนอื่นๆหัวเราะเยอะเมื่อเห็นฉันมีปัญหาและอารมณ์เสีย ฉันจำวันนี้ได้ดีเพราะเป็นวันที่ ใจของฉันเริ่มแข็งกระด้างเมื่ออนัตตาได้ตั้ง “กําแพง” ขึ้นเพื่อปกป้องตัวฉันไว้ “ กำแพง ” นี้ได้ล้อมรอบหัวใจของฉันและจะไม่มีวันปล่อยให้ฉันเจ็บปวดหรืออับอายอีกต่อไป

ในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจหรอกว่ามันคืออะไร แต่ กำแพง นี้ทำได้มากกว่าการปกป้องฉัน ซึ่งก็คือการล้อมและขังปิดตาย โพธิ เอาไว้ในใจของฉันอีกด้วย แต่ใน วันที่ฉันกำลังจะตาย กำแพง นี้ก็พังทลายในที่สุด ทำให้ โพธิ พูดสามารถกลับมาพูดคุยกับฉันได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง แม้ว่า โพธิ จะบอกว่าเขาอยู่กับฉันมาโดยตลอด แต่ “ กำแพง ” ที่ อนัตตา สร้างขึ้นเพื่อปกป้องฉันตอนอายุเจ็ดขวบนั้นได้ปิดเสียงของโพธิเอาไว้ซะจนเงึยบสนิท และเมื่อฉันได้ยินเสียงเขาอีกครั้งในตอนนี้ กลับรู้สึกเศร้าอย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับกลับมาคิดทบทวนว่าฉันพลาดอะไรไปอีกหรือไม่ที่ไม่มีเขาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิต

ก่อนจะเล่าเรื่องราวในวัยเด็กที่เหลือให้ฟัง ฉันขอเล่าเรื่อง “ กำแพง ” ให้ฟังเสียก่อน เพราะเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนชีวิตฉันทุกวันตั้งแต่ที่ อนัตตา สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันชอบ กำแพงนี้ มาก เพราะมันปกป้องฉันจากสิ่งเลวร้ายมากมายที่จะเกิดขึ้นกับฉันตลอดทั้งชีวิต มันทำให้ในใจของฉันเหมือนทำมาจากเหล็กและไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่มีใครทำร้ายหรือทำให้ฉันขายหน้าได้อีกแล้ว ตราบใดที่กำแพงไม่บุบสลาย ฉันก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์อีกต่อไป จากวันนั้นถึงวันนี้ วันที่ฉันจะจากโลกนี้ไป  ฉันไม่เคยร้องไห้อีกเลย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันไม่เคยรู้เลยก็คือ กำแพง นี้ยังคงขัดขวางไม่ให้ฉันได้ยินเสียงของ โพธิ อยู่

แต่อารมณ์ทั้งหมดที่ฉันรู้สึกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาฉันได้เรียนรู้มาจาก อนัตตา และได้รู้ด้วยว่า ความรักนั้นมี "เงื่อนไข" ฉันจะให้ความรักถ้ามันสร้างประโยชน์ให้กับ ฉัน  ฉันเริ่มเข้าใจทุกสิ่งที่ฉัน เรียนรู้ ในช่วงห้าปีแรกของชีวิตว่ามันเป็นความจริง ชีวิตเป็นเรื่องยาก ฉันควรกังวลเกี่ยวกับเรื่องของ ตัวเอง ก่อนของคนอื่นเสมอ อนัตตา ยังสอนเรื่องอารมณ์ต่างๆให้ฉันอีกมากมายด้วยเช่นกัน นอกจากความรักแบบมีเงื่อนไขแล้ว เธอยังสอนฉันเกี่ยวกับความเกลียดชัง ความกลัว ความกังวล ความเศร้าและอื่นๆอีกมากมาย และฉันก็ได้เข้าใจว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต " มันคือตัวฉันเอง "

ฉันใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเชื่อในสิ่งนี้ น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อเรื่องนี้เช่นกัน ฉันใช้ชีวิตด้วย " ความกลัว " ต่อทุกสิ่ง และด้วยความกลัวนี้ทำให้ อารมณ์และความรู้สึกด้านลบอื่นๆต่างก็เริ่มเข้ามา ฉันรู้สึกหดหู่อย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยเข้าใจเลยจริงๆว่าเป็นเพราะอะไร ฉันยังกลัวที่จะได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ ถึงแม้ว่าจะมี กำแพง ที่คอย "ปกป้อง" ฉันจากอารมณ์ต่างๆ แต่ที่สุดแล้วฉันก็รู้สึกขอบคุณสำหรับ กำแพงและหน้ากาก นี้เพราะมันทำให้ฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดในทุกๆวันที่อาศัยอยู่ในโลกที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความโหดร้าย

ในขณะที่ฉันได้เรียนรู้ในวันนี้ซึ่งเป็น  วันสุดท้ายของชีวิต ว่าการใช้ชีวิตในความกลัวมากกว่าที่จะอยู่กับความรักนั้นทำให้ฉันต้องยอมจำนนต่อบางสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และเป็นสิ่งที่ไม่ดีในชีวิต  ฉันมองว่าชีวิตเป็นเรื่องยาก เพราะได้น้อมรับเอาอารมณ์และการกระทำด้านลบทั้งหมดเข้ามาตอนที่ฉันโตขึ้น การมองโลกผ่านเลนส์นี้ทำให้ฉันเข้าใจผิดและมองโลกที่แท้จริงผิดเพี้ยนไปหมด

ฉันมองว่าชีวิตคือการแข่งขัน ฉันจึงรู้ว่าความกังวลเพียงอย่างเดียวของฉันคือการทำเ พื่อตัวเองและความสุขของตัวเองเท่านั้น  ฉันไม่เคยคิดว่าอาจจะมีวิธีอื่นในการมองเห็นชีวิต แต่กลับยอมรับมุมมองของโลกนี้อย่างเต็มที่ว่านี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น ความคิดที่จะแบ่งปันความรักให้กับคนอื่นโดยไม่เห็นแก่ตัวนั้นเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันมาก เพราะ กำแพง ที่อยู่ในใจของฉันทำให้ โพธิ ไม่สามารถคุยกับฉันได้อีก จนถึงทุกวันนี้

กำแพงและหน้ากาก

เราเรียนรู้บ่อยครั้งเมื่อเราเป็นเด็กเล็ก

ถึงวิธีซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของเรา

เบื้องหลัง "กำแพง" และ "หน้ากาก" ที่พวกเรา "ทุกคน" สวมใส่อยู่นั้น

ช่างเก่งเหลือเกินในการซ่อนความรู้สึกของเราไว้เกือบทั้งหมด

อยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจากคนอื่นๆหรือแม้กระทั่งจาก "ตัวเราเอง"

กำแพงและหน้ากากช่วยให้เราอยู่รอดในโลกและตอบสนอง

ต่อสถานการณ์ต่างๆให้เราเป็นที่ยอมรับของสังคม

มันไม่ง่ายเลยที่จะซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงหรือสวมหน้ากากอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งกำแพงหนาและหน้ากากใหญ่ขึ้นเท่าไร

ปัญหาในชีวิตเรารวมถึง

ความรู้สึกเครียดและวิตกกังวลจะมากขึ้นเท่านั้น

เราทุกคนต้องพยายามทลายกำแพงและฉีกหน้ากากออก

เพราะมันจะคอยขัดขวางไม่ให้เราบรรลุศักยภาพสูงสุด

หากเราทำได้เราจะสามารถ

“โอบกอดและสัมผัสชีวิต”

ได้อย่างที่มันควรจะเป็น

Related chapters

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน

    บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน เ จ็ดปีต่อมาในชีวิตของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่เคยได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย เขาถูกขังอยู่หลัง กำแพง ภายในหัวใจของฉัน แต่ฉันยังคง เรียนรู้ จาก อนัตตา ต่อไปในขณะที่เธอสอนทุกสิ่งที่ฉันต้องรู้เพื่อความอยู่รอดและมีความสุขในโลก ฉันได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันที่ต้องรู้เพื่อความอยู่รอด ทุกคนและทุกอย่างเป็นครูของฉัน ฉันได้เรียนรู้จากการดูพ่อกับแม่ เพื่อนฝูงของพวกเขา เด็กๆที่โรงเรียน ภาพยนตร์ และอินเทอร์เน็ต ฉันได้เข้าใจว่าโลกทำงานอย่างไร ฉันได้เห็นความรุนแรงมากมายในทีวีและวิดีโอเกมที่ฉันเล่น และในที่สุดฉันก็มีภูมิคุ้มกัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ทรมานและกำลังจะตาย จากที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ ฉันได้เรียนรู้ว่าการดื่มและเสพยาทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดี และเนื่องจากพวกเขาร่ำรวย จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพก็ได้ ฉันเข้าใจว่าพ่อกับแม่ดีกว่าคนอื่นเพราะพวกเขา ประสบความสำเร็จ  ฉันจะสังเกตเหล่าบรรดาเพื่อนๆของพ่อกับแม่ที่มาในงานเลี้ยงซึ่งมักจะจัดขึ้นที่บ้านของเราอยู่บ่อยๆ ทุกคนต่างหัวเราะ เต้นรำ ดื่มเห

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน

    บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน ห ลังจากที่ฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะในขณะนั้น ฉันได้แสดงภาพยนตร์มาแล้วถึงสามเรื่องและกำลังเป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่ง ประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันมีตั้งแต่ยังเด็กจากการสวม " หน้ากาก " เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจากผู้อื่นนั้น ช่วยให้ฉันแสดงเป็นคนอื่นได้ง่ายขึ้น ฉันสามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ตามต้องการอย่างที่เคยทำมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยรู้สึกว่าฉันต้องพยายามอย่างหนักแต่อย่างใดเลย ฉันซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ได้เก่งมากเพราะได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติมานานแล้วจาก “ การปกปิด ” ความรู้สึกที่แท้จริงจากทุกคนรอบตัวฉัน เนื่องจากผู้ชายทุกคนมองว่าฉันสวย ดังนั้นฉันจึงไม่เคยขาดคู่เลย ในที่สุดฉันก็ได้แต่งงานถึงสี่ครั้งและมีลูกทั้งหมดสามคน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ตัวฉันเองยุ่งมาก ยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลากับลูกๆ และเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของฉันทำ ฉันได้จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเพื่อมาดูแลลูกๆ และจ้างแม่บ้านเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านเนื่องฉันมักจะทำงานนอกบ้านซ

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

    บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน เ มื่อฉันถ่ายทำภาพยนตร์ไปทั่วโลก ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อโตขึ้นนั้นก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะทำงานในประเทศหรือทวีปใด ปัญหามากมายที่เผ่าพันธุ์ของเราได้ก่อให้เกิดแก่กันและกัน กับชีวิตอื่นๆ และต่อสิ่งแวดล้อมนั้นปรากฏชัดทุกที่ ในแอฟริกา ฉันได้เห็นความหิวโหยแบบสุดขีด ซี่โครงของเด็กน้อยเกือบจะโผล่ออกมาจากผิวหนัง เด็กเหล่านี้หลายคนจบลงด้วยความตาย ผอมแห้งและอ่อนแอจากความอดอยาก พวกเขาแทบจะไม่กระพริบตาหรือลืมตาขึ้นมาเลยก่อนที่ชีวิตจะจบลง ฉันยังเห็นคนมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโรคที่รักษาได้ เช่น เอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย สงครามก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเกือบทุกทวีปที่ฉันไปเยือน กลุ่มกบฏจะขับรถไปตามหมู่บ้านต่างๆตามอำเภอใจ และฆ่าทุกคนเพราะความโลภหรือเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกัน ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าจะมีผู้หญิงหรือเด็กเล็กในหมู่บ้านด้วยหรือไม่ พวกเขาต่างฆ่าทิ้งทั้งหมด ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายเมื่อพล พต นัก

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย

    บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย ตอนที่ 1 ฉ ั นไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตจะแตกต่างไปได้อย่างไรหากฉันเดินตามวิถีแห่ง จิตวิญญาณของโพธิ  เพราะสำหรับฉันแล้วมันดูเหมือนว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกของฉันมาจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เคยเหมือนเดิม ขณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อทบทวนชีวิตงของตัวเอง แม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " มาก แต่ตามมาตรฐานของสังคม ความเป็นจริงไม่สามารถอยู่ไกลจากความจริงได้ ฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามที่ได้รับการสอนมา ทว่าเมื่อชีวิตได้ฉายแสงต่อหน้าฉันในวันนี้นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังรู้สึกหดหู่ไปทั้งชีวิตด้วย ฉันใช้ยาและแอลกอฮอล์เหมือนที่พ่อแม่เคยทำเพื่อ "ปิดบัง" ความทุกข์และทำให้ประสาทสัมผัสของฉันช้าลง ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่ายาและแอลกอฮอล์นั่นเองที่ขัดขวางไม่ให้ฉันเผชิญกับความเป็นจริงว่าฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ไขว้เขว และขัดขวางไม่ให้ฉันมองดูตัวเองเพื่อเผชิญกับชีวิตจริง ฉันประสบความสำเร็จมากในการไม่เผชิญกับความเจ็บปวดจน วันนี้ วันที่ฉันกำลังจะตาย  มันทำให้รู้ว่

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน

    บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน ช ี วิตเป็นเรื่องตลกและน่าเย้นหยันยิ่งนัก พ่อกับแม่ตั้งชื่อฉันว่า "รูว์" ซึ่งแปลว่า "โศรกเศร้า" และเมื่อฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอวันตาย ตอนนี้ฉันตระหนักได้ว่าฉันใช้ชีวิตด้วยความเสียใจมาทั้งชีวิต แม้ว่าฉันจะรู้จักคนมากมาย มีลูกสามคน มีสามีเก่าสี่คน มีชื่อเสียง และมีแฟนๆทั่วโลก แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง ฉันใช้ยาหลายอย่าง พบที่ปรึกษาทุกสัปดาห์สำหรับอาการซึมเศร้ารุนแรงที่ฉันเป็น และแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจช่วยได้เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังคิดที่จะจบชีวิตลงเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกภายในหายไป สิ่งเดียวที่คงที่ในชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความโศกเศร้า และภาวะซึมเศร้าที่ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตมาตลอด มันคือความเจ็บปวดที่มาจากแก่นแท้ของฉัน ตลอดชีวิตฉันรู้สึกเหมือนกำลังแสดงบทบาทราวกับว่า " ชีวิตเป็นเพียงละคร " ตอนที่ฉันทำงาน ฉันเป็นนักแสดง เล่นละคร และเสแสร้งเป็นคนอื่น และอย่างที่ฉันได้รู้วันนี้นั้น ตลอดทั้งชีวิตถึงจะไม่ได้อยู่ในฉากแล้ว แต่ฉันก็ทำเหมือนรับบทบาทเหล่านั้นอยู่ และสุด

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง

    บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง ป ระมาณสี่ชั่วโมงก่อนที่ฉันจะตาย มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น ลูกทั้งสามคนมาบอกลาฉัน น้ำตาของฉันไหลริน นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ ฉันไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉันละเลยลูกๆ และทำให้พวกเขาเสียใจ ฉันไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้เลยในตอนนั้น แต่กลับใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาความสุขในโลกนี้ แทนที่จะแบ่งปันความรักตามสัญชาตญาณที่พ่อแม่ควรมีให้ต่อลูก และตามสัญชาตญาณที่คนเราควรมีให้กัน คนที่รายล้อมไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจะโดดเดี่ยวได้อย่างไร หน้ากาก และ กำแพง ไม่อนุญาตให้ใครแม้แต่ลูกทั้งสามคน หรืออดีตสามีทั้งสี่คนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย ทั้งหมดที่พวกเขาหรือใครก็ตามเห็นนั้นเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ฉันได้เรียนรู้ให้แสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความรักที่ฉันพยายามแสดงให้เห็นนั้นได้เรียนรู้มาจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาเองว่ามันคือความรัก มันไม่ได้มาจากใจของฉัน ที่ซึ่ง ดวงจิต และ " ความรักที่แท้จริง " อยู่ ฉันเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปตามเส้นทางที่ฉันเรีย

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย

    บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย ห ลังจากที่ฉันตายบางสิ่งที่น่าแปลกใจก็เกิดขึ้น เนื่องจากฉันไม่ได้นับถือศาสนาใดเลยในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจึงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าความตายไม่ใช่จุดจบ ฉันเสียชีวิตตอน 1 ทุ่ม เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับยอดเขา และพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา ฉันรู้สึกขอบคุณที่ลูกๆ มาอยู่เคียงข้างทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวตอนสิ้นลมหายใจ แม้ว่าฉันต้องดิ้นรนตลอดทั้งชีวิต แต่ในที่สุดฉันก็รู้สึกสงบสุขเพราะลูกๆได้ให้อภัยฉันแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจความหมายของชีวิตแล้วเช่นกัน ฉันตระหนักรู้ว่า ก่อนที่จะเสียชีวิต ฉันได้ใช้เวลาทั้งชีวิต ค้นหาสิ่งที่มีอยู่แล้วในหัวใจไปทั่วทุกมุมโลก การดิ้นรน การไม่มีความสุข ความเหงา และภาวะซึมเศร้ามากมายที่ฉันรู้สึกตลอดชีวิตเกิดขึ้นเพราะฉันกำลังมองหาคำตอบผิดที่ มันเป็นเพียง ภาพลวงตาของชีวิต  ฉันได้ใช้ชีวิตและเล่นตามบทมาอย่างดีจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงละครและไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นเรื่องจริง เมื่อฉันสิ้นใจ โพธิ ได้ละกายของฉันไว้กับ อนัตตา ร่างที่เธออาศัยอยู่ตลอด 85 ปีที่ผ่านมา โพธิ บอก

    Last Updated : 2022-12-21
  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   อารัมภบท

    อารัมภบท จุดจบของชีวิต หลังจากที่เราดำเนินชีวิตมาจนเข้าใกล้ความตาย เป็นเรื่องปกติที่จะทบทวนว่าชีวิตของเราได้ดำเนินไปอย่างไรบ้าง เราได้ใช้ชีวิตที่ "ประสบความสำเร็จ" หรือไม่ บั้นปลายชีวิตให้โอกาสพิเศษในการทำสิ่งนี้ เพราะในเวลานี้ อัตตา (ตัวตน) ได้คลายอิทธิพลที่มีต่อเราลง และจิตวิญญาณก็กลายเป็นผู้ตรวจสอบของเราที่มีอิทธิพลเหนือกว่าแทน ณ จุดนี้ในวัฏจักรชีวิตมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ตามที่เราหามาได้ ขนาดของบ้านที่เราอาศัยอยู่ งานที่เราทำ หรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับ “ความสำเร็จ” ตามที่โลกได้กำหนดโดยอัตตา ในที่สุดเราทุกคนก็เท่าเทียมกัน และต่างก็ตัดสินความสำเร็จของเรา ผ่านปริซึมที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นคือของจิตวิญญาณ เมื่อเราทบทวนชีวิตของเรา สิ่งที่เราคิดคือความสำเร็จ ซึ่งมักจะมีความหมายที่แตกต่างกันกับในขณะนี้ ช่วงนี้โดยเฉพาะช่วงสองสามวันสุดท้ายของชีวิต เราจะมาตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญ จริงๆแล้วไม่ได้สำคัญเลย ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เราสะสมไว้ เพื่อนที่เราเคยมี

    Last Updated : 2022-12-21

Latest chapter

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย

    บทที่ 12 ชีวิตหลังความตาย ห ลังจากที่ฉันตายบางสิ่งที่น่าแปลกใจก็เกิดขึ้น เนื่องจากฉันไม่ได้นับถือศาสนาใดเลยในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจึงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าความตายไม่ใช่จุดจบ ฉันเสียชีวิตตอน 1 ทุ่ม เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับยอดเขา และพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา ฉันรู้สึกขอบคุณที่ลูกๆ มาอยู่เคียงข้างทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวตอนสิ้นลมหายใจ แม้ว่าฉันต้องดิ้นรนตลอดทั้งชีวิต แต่ในที่สุดฉันก็รู้สึกสงบสุขเพราะลูกๆได้ให้อภัยฉันแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจความหมายของชีวิตแล้วเช่นกัน ฉันตระหนักรู้ว่า ก่อนที่จะเสียชีวิต ฉันได้ใช้เวลาทั้งชีวิต ค้นหาสิ่งที่มีอยู่แล้วในหัวใจไปทั่วทุกมุมโลก การดิ้นรน การไม่มีความสุข ความเหงา และภาวะซึมเศร้ามากมายที่ฉันรู้สึกตลอดชีวิตเกิดขึ้นเพราะฉันกำลังมองหาคำตอบผิดที่ มันเป็นเพียง ภาพลวงตาของชีวิต  ฉันได้ใช้ชีวิตและเล่นตามบทมาอย่างดีจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงละครและไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นเรื่องจริง เมื่อฉันสิ้นใจ โพธิ ได้ละกายของฉันไว้กับ อนัตตา ร่างที่เธออาศัยอยู่ตลอด 85 ปีที่ผ่านมา โพธิ บอก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง

    บทที่ 11 โอกาสครั้งที่สอง ป ระมาณสี่ชั่วโมงก่อนที่ฉันจะตาย มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น ลูกทั้งสามคนมาบอกลาฉัน น้ำตาของฉันไหลริน นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ ฉันไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉันละเลยลูกๆ และทำให้พวกเขาเสียใจ ฉันไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้เลยในตอนนั้น แต่กลับใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาความสุขในโลกนี้ แทนที่จะแบ่งปันความรักตามสัญชาตญาณที่พ่อแม่ควรมีให้ต่อลูก และตามสัญชาตญาณที่คนเราควรมีให้กัน คนที่รายล้อมไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจะโดดเดี่ยวได้อย่างไร หน้ากาก และ กำแพง ไม่อนุญาตให้ใครแม้แต่ลูกทั้งสามคน หรืออดีตสามีทั้งสี่คนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย ทั้งหมดที่พวกเขาหรือใครก็ตามเห็นนั้นเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ฉันได้เรียนรู้ให้แสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความรักที่ฉันพยายามแสดงให้เห็นนั้นได้เรียนรู้มาจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาเองว่ามันคือความรัก มันไม่ได้มาจากใจของฉัน ที่ซึ่ง ดวงจิต และ " ความรักที่แท้จริง " อยู่ ฉันเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปตามเส้นทางที่ฉันเรีย

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน

    บทที่ 10 ทบทวนชีวิตและความเสียใจของฉัน ช ี วิตเป็นเรื่องตลกและน่าเย้นหยันยิ่งนัก พ่อกับแม่ตั้งชื่อฉันว่า "รูว์" ซึ่งแปลว่า "โศรกเศร้า" และเมื่อฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอวันตาย ตอนนี้ฉันตระหนักได้ว่าฉันใช้ชีวิตด้วยความเสียใจมาทั้งชีวิต แม้ว่าฉันจะรู้จักคนมากมาย มีลูกสามคน มีสามีเก่าสี่คน มีชื่อเสียง และมีแฟนๆทั่วโลก แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง ฉันใช้ยาหลายอย่าง พบที่ปรึกษาทุกสัปดาห์สำหรับอาการซึมเศร้ารุนแรงที่ฉันเป็น และแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจช่วยได้เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังคิดที่จะจบชีวิตลงเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกภายในหายไป สิ่งเดียวที่คงที่ในชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความโศกเศร้า และภาวะซึมเศร้าที่ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตมาตลอด มันคือความเจ็บปวดที่มาจากแก่นแท้ของฉัน ตลอดชีวิตฉันรู้สึกเหมือนกำลังแสดงบทบาทราวกับว่า " ชีวิตเป็นเพียงละคร " ตอนที่ฉันทำงาน ฉันเป็นนักแสดง เล่นละคร และเสแสร้งเป็นคนอื่น และอย่างที่ฉันได้รู้วันนี้นั้น ตลอดทั้งชีวิตถึงจะไม่ได้อยู่ในฉากแล้ว แต่ฉันก็ทำเหมือนรับบทบาทเหล่านั้นอยู่ และสุด

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย

    บทที่ 9 วันนี้ฉันกำลังจะตาย ตอนที่ 1 ฉ ั นไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตจะแตกต่างไปได้อย่างไรหากฉันเดินตามวิถีแห่ง จิตวิญญาณของโพธิ  เพราะสำหรับฉันแล้วมันดูเหมือนว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกของฉันมาจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เคยเหมือนเดิม ขณะที่ฉันนอนอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อทบทวนชีวิตงของตัวเอง แม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ " ประสบความสำเร็จ " มาก แต่ตามมาตรฐานของสังคม ความเป็นจริงไม่สามารถอยู่ไกลจากความจริงได้ ฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามที่ได้รับการสอนมา ทว่าเมื่อชีวิตได้ฉายแสงต่อหน้าฉันในวันนี้นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังรู้สึกหดหู่ไปทั้งชีวิตด้วย ฉันใช้ยาและแอลกอฮอล์เหมือนที่พ่อแม่เคยทำเพื่อ "ปิดบัง" ความทุกข์และทำให้ประสาทสัมผัสของฉันช้าลง ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่ายาและแอลกอฮอล์นั่นเองที่ขัดขวางไม่ให้ฉันเผชิญกับความเป็นจริงว่าฉันรู้สึกอย่างไร สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ไขว้เขว และขัดขวางไม่ให้ฉันมองดูตัวเองเพื่อเผชิญกับชีวิตจริง ฉันประสบความสำเร็จมากในการไม่เผชิญกับความเจ็บปวดจน วันนี้ วันที่ฉันกำลังจะตาย  มันทำให้รู้ว่

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน

    บทที่ 8 ชีวิตในวัย 60 ของฉัน เ มื่อฉันถ่ายทำภาพยนตร์ไปทั่วโลก ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อโตขึ้นนั้นก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง มันไม่สำคัญเลยว่าฉันจะทำงานในประเทศหรือทวีปใด ปัญหามากมายที่เผ่าพันธุ์ของเราได้ก่อให้เกิดแก่กันและกัน กับชีวิตอื่นๆ และต่อสิ่งแวดล้อมนั้นปรากฏชัดทุกที่ ในแอฟริกา ฉันได้เห็นความหิวโหยแบบสุดขีด ซี่โครงของเด็กน้อยเกือบจะโผล่ออกมาจากผิวหนัง เด็กเหล่านี้หลายคนจบลงด้วยความตาย ผอมแห้งและอ่อนแอจากความอดอยาก พวกเขาแทบจะไม่กระพริบตาหรือลืมตาขึ้นมาเลยก่อนที่ชีวิตจะจบลง ฉันยังเห็นคนมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโรคที่รักษาได้ เช่น เอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย สงครามก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเกือบทุกทวีปที่ฉันไปเยือน กลุ่มกบฏจะขับรถไปตามหมู่บ้านต่างๆตามอำเภอใจ และฆ่าทุกคนเพราะความโลภหรือเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกัน ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเลยว่าจะมีผู้หญิงหรือเด็กเล็กในหมู่บ้านด้วยหรือไม่ พวกเขาต่างฆ่าทิ้งทั้งหมด ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา ผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายเมื่อพล พต นัก

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน

    บทที่ 7 ชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่ของฉัน ห ลังจากที่ฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะในขณะนั้น ฉันได้แสดงภาพยนตร์มาแล้วถึงสามเรื่องและกำลังเป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่ง ประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันมีตั้งแต่ยังเด็กจากการสวม " หน้ากาก " เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจากผู้อื่นนั้น ช่วยให้ฉันแสดงเป็นคนอื่นได้ง่ายขึ้น ฉันสามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ตามต้องการอย่างที่เคยทำมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยรู้สึกว่าฉันต้องพยายามอย่างหนักแต่อย่างใดเลย ฉันซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ได้เก่งมากเพราะได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติมานานแล้วจาก “ การปกปิด ” ความรู้สึกที่แท้จริงจากทุกคนรอบตัวฉัน เนื่องจากผู้ชายทุกคนมองว่าฉันสวย ดังนั้นฉันจึงไม่เคยขาดคู่เลย ในที่สุดฉันก็ได้แต่งงานถึงสี่ครั้งและมีลูกทั้งหมดสามคน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ตัวฉันเองยุ่งมาก ยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลากับลูกๆ และเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของฉันทำ ฉันได้จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเพื่อมาดูแลลูกๆ และจ้างแม่บ้านเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านเนื่องฉันมักจะทำงานนอกบ้านซ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน

    บทที่ 6 ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของฉัน เ จ็ดปีต่อมาในชีวิตของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่เคยได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย เขาถูกขังอยู่หลัง กำแพง ภายในหัวใจของฉัน แต่ฉันยังคง เรียนรู้ จาก อนัตตา ต่อไปในขณะที่เธอสอนทุกสิ่งที่ฉันต้องรู้เพื่อความอยู่รอดและมีความสุขในโลก ฉันได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันที่ต้องรู้เพื่อความอยู่รอด ทุกคนและทุกอย่างเป็นครูของฉัน ฉันได้เรียนรู้จากการดูพ่อกับแม่ เพื่อนฝูงของพวกเขา เด็กๆที่โรงเรียน ภาพยนตร์ และอินเทอร์เน็ต ฉันได้เข้าใจว่าโลกทำงานอย่างไร ฉันได้เห็นความรุนแรงมากมายในทีวีและวิดีโอเกมที่ฉันเล่น และในที่สุดฉันก็มีภูมิคุ้มกัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ทรมานและกำลังจะตาย จากที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ ฉันได้เรียนรู้ว่าการดื่มและเสพยาทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดี และเนื่องจากพวกเขาร่ำรวย จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพก็ได้ ฉันเข้าใจว่าพ่อกับแม่ดีกว่าคนอื่นเพราะพวกเขา ประสบความสำเร็จ  ฉันจะสังเกตเหล่าบรรดาเพื่อนๆของพ่อกับแม่ที่มาในงานเลี้ยงซึ่งมักจะจัดขึ้นที่บ้านของเราอยู่บ่อยๆ ทุกคนต่างหัวเราะ เต้นรำ ดื่มเห

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 5 โรงเรียน

    บทที่ 5 โรงเรียน ฉ ั นเริ่มเข้าเรียนตอนฉันอายุห้าขวบ ได้พบกับเด็กๆ มากมายและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่จริงๆแล้วฉันก็รู้มามากพอสมควรแล้วล่ะ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายในช่วงห้าปีแรกของชีวิต รู้ตื่นเต้นและพร้อมที่จะเผชิญกับโลกแล้ว ฉันไม่เคยอยู่กับเด็กคนอื่นมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันต้องเรียนรู้ไม่เพียงแค่วิธีที่จะเข้ากับพวกเขา แต่ยังเพื่อให้พวกเขาชอบฉันอีกด้วย ฉันได้เรียนรู้ที่จะยิ้มอยู่เสมอ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมา และฉันก็ทำมันได้ดีมากเลยเพราะไม่เคยให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเชี่ยวชาญในการสวม หน้ากาก จนไม่มีใครรู้จักฉันอย่างแท้จริง ฉันจะยิ้มออกมาอย่างมิตรไมตรีและบอกทุกคน รวมถึงพ่อแม่ของฉันด้วยว่าสิ่งต่างๆนั้นยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าข้างในฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม ฉันมักจะรู้สึกกังวล เครียด และไม่มีความสุข แต่อย่างที่ฉันได้รับการสอนมาจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผลปรากฏว่าฉันทำได้ดีมาก และฉันเองก็ไม่เคยรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเลยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ฉันมีปัญหามากมายเข้ามาตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่สามารถเปิดเผ

  • วันนี้ฉันกำลังจะตาย   บทที่ 4 การเกิดของฉัน

    บทที่ 4 การเกิดของฉัน ฉ ั นลืมตามาดูโลกก่อนเที่ยงคืนไม่นานในโลกที่เสียงดัง เย็นชา และสว่างไสว พูดตามตรงว่าฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าครรภ์ที่มืดมิดแต่อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความรักของแม่นั้นจะถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล ความหนาวเย็น ความสับสน และเสียงอึกทึกของโลก โลกที่ฉันอาศัยอยู่เป็นเวลา 85 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยหลังจากที่ฉันเกิดมา พร้อมกับลมหายใจแรกของฉันนั้น อนัตตา ก็ถือกำเนิดมาด้วยเช่นกัน และเธอก็จะอยู่กับฉันไปตลอด การเดินทางผ่านของชีวิต  ต่างจาก โพธิผู้ดำรงอยู่ใน “หัวใจ” แต่อนัตตาจะดำรงอยู่ใน “จิตและกาย” ซึ่งตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงแค่ว่าอนัตตามีอิทธิพลต่อฉันอย่างมากตลอดทั้งชีวิตของฉัน อันที่จริงแล้ว ตามที่ฉันได้ค้นพบในวันนี้ อนัตตา ไม่เพียงแค่ครอบครองชีวิตฉันเท่านั้น แต่เธอทำมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย ทุกสิ่งที่ฉันทำตลอดชีวิตถูกกำหนดโดยความปรารถนาของเธอ จนวันนี้ วันที่ฉันกำลังจะลาจากโลกนี้ไป  ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย คำแนะนำของเขาที่บริสุทธิ์และเข้าใจง่ายตั้งแต่ก่อนฉันเกิด บัดนี้ได้สงบลงแล้ว มันถูกซ่อนอยู่ภายในใจของฉัน และรอคอยการ

DMCA.com Protection Status