อลิซกลอกตา การทำอาหารเช้ามีอะไรให้รู้สึกสำเร็จนักหนาในตอนที่อลิซกำลังจะตอบโต้กลับไป เธอก็เห็นโจชัวกำลังมองลูน่าอยู่ แล้วเสียงระฆังเตือนในหัวเธอก็ดังขึ้นมาทันที ลูน่าต้องจงใจพูดเรื่องนี้แน่!อลิซยิ้ม “ฉันเคยคิดแบบนั้นนะคะ ถึงจะเป็นเพียงการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่การทำอาหารเช้าให้กับครอบครัวทำให้ฉันรู้สึกถึงการเติมเต็มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยประสบ” เธอถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “แต่น่าเสียดาย…ฉันค้นพบแล้วว่าฉันไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องคนที่ฉันรักได้ เพราะฉันกลายเป็นคนล้มเหลว ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ฉันก็ไม่รู้สึกสำเร็จหรือเติมเต็มได้อีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ”เมื่อได้ยินอย่างนี้ โจชัวก็รีบหันกลับไปสนใจเธอทันที เธอพูดถูก โจชัวจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำว่าอลิซผ่านอะไรบ้างมาตลอดหกปีแม้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปและไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาเคยรัก โจชัวก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรสงสัยเธอ และไม่ควรถูกหลอกด้วยคำพูดของผู้หญิงคนอื่นเพียงชั่ววินาทีโจชัวถอนหายใจและมองอลิซ “ทุกอย่างเป็นเรื่องในอดีตแล้วนะ” เขาจัดการสิ่งที่คิดในหัวเงียบ ๆ เขาจะช่วยฟื้นคืนตัวตนเดิมของเธอขึ้นมาอีกครั้งโจชัววางมีดและช้อนลงแล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอ
“ผมได้ไปเยี่ยมเธอที่สุสาน แต่เมื่อตอนที่ผมได้ยินว่าเธอยังไม่ตาย ผมก็รีบกลับมาเมืองบันยันทันที ไม่กี่วันก่อนผู้ช่วยของโจชัวติดต่อผมมา และบอกว่าเขาอยากจะเป็นผู้จัดแสดงงานศิลปะให้กับผมเพราะอลิซน่ะ”ลูน่ากัดริมฝีปากตัวเอง “งั้น...ที่คุณยังอยู่ในเมืองบันยันเพราะคุณอยากจะขอบคุณอลิซด้วยตัวเองเหรอคะ”ลูน่าสงสัย เพราะตั้งแต่ที่ธีโอเจออลิซ เขาก็ไม่ได้แสดงความต้องการที่จะเริ่มพูดคุยสนทนากับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ“ผมต้องแน่ใจก่อนน่ะ” ธีโอพูดแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ “ตอนที่ผมรู้ว่าลูน่า กิบสันตายไปเมื่อห้าปีก่อน ผมก็ค่อนข้างเศร้า ผมศึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับเธอ ผมดูโปรไฟล์โซเชียลมีเดียรวมถึงบล็อกของเธอ ผมไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นที่ตอนนี้อยู่กับโจชัวจะเป็นลูน่า กิบสันตัวจริง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะบอกว่าเธอเปลี่ยนชื่อเป็นอลิซแล้ว แต่ลูน่าไม่ได้เป็นคนที่รู้อะไรเพียงผิวเผินและหลอกลวงเหมือนอลิซ”คำพูดของธีโอทำให้ลูน่าตกใจเป็นอย่างมากจนเธอพูดไม่ออก เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นสุดท้ายเธอก็ตั้งสติและพูดว่า “คนเราเปลี่ยนกันได้ค่ะ”“ผมรู้ เพราะงั้นผมก็เลยยังสืบเรื่องของเธออยู่” ธีโอมองลูน่า “คุณไม่สงส
8 โมง 29 นาที ลูน่าเดินเข้าไปยังแผนกออกแบบก่อนเวลาหนึ่งนาทีในทันทีที่เธอเข้าไป แชนน่อนก็ขยิบตาให้เธอ “มีคนรอคุณอยู่ในห้องทำงาน เขารอมาสักพักแล้ว”ลูน่าขมวดคิ้วอย่างงุนงงและเปิดประตูออก ร่างผอมของโจชัวกำลังนั่งพิงเก้าอี้ภายในห้องทำงานของเธออยู่ สายตาของเขามุ่งความสนใจไปที่แบบร่างและภาพร่างงานออกแบบที่เกลื่อนไปทั่วโต๊ะของเธอเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเดินเข้ามา โจชัวก็เหลือบมองด้วยรอยยิ้มเยาะทันที “กลับมาออฟฟิศก่อนเวลาแค่หนึ่งนาที เธอหลงผู้ชายคนนั้นขนาดไหนกัน”ลูน่าเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มสุภาพ เธอเดินเข้ามาหาโจชัวแล้วฉกภาพร่างที่อยู่ในมือเขามา “อย่างแรกนะคะ ฉันไม่ได้มาสาย อย่างที่สอง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดกฎบริษัท อีกอย่าง ฉันจะไปกินมื้อเช้ากับใคร มันก็เรื่องของฉันไม่ใช่เหรอคะคุณลินช์”โจชัวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกับท่าทางหยาบกระด้างของลูน่า “เมื่อคืนฉันบอกเธอว่าอะไร? ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาเชื่อใจไม่ได้ และเธอก็ควรจะอยู่ให้ห่างจากเขาไว้”โจชัวควรไม่เชื่อใจความมุทะลุของผู้หญิงคนนี้ คืนก่อน เขาได้มอบคำเตือนอย่างเป็นมิตรให้กับเธอ แต่เธอก็ยังไปเที่ยวเล่นกับธีโอ และถึงกับวางแผนย้ายไปอยู่
โจชัวถามพลางขมวดคิ้ว“อืม ถ้าไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงก็คงเป็นพระแม่มาโปรดล่ะมั้ง” จูดพูดขณะที่พิงหลังกับโซฟาในห้องทำงานของโจชัว “แต่เท่าที่ฉันรู้เรื่องเธอมา ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นพระแม่ได้นะ”โจชัวซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานเหม่อมองออกไปไกล “บางทีเธอคงมีจุดประสงค์แอบแฝง...”ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอมีจุดประสงค์อะไร?จูดขยับตัวหาท่านั่งที่สบายตัวบนโซฟาและมองโจชัว “นายก็เห็น ฉันเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ทำไมผู้หญิงทุกคนถึงเอาแต่ไล่ตามนาย”โจชัวหยิบถ้วยกาแฟของเขาขึ้นมาจิบ “นายพยายามพูดอะไร?”“ลูกสาวคนโตของตระกูลวอลเตอร์ เฮลีย์หายตัวไป” จูดหาวแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วมองโจชัวก่อนจะพูดต่อ “คุณวอลเตอร์อยากให้ฉันถามนายหน่อยว่าช่วงนี้นายเจอเธอบ้างหรือเปล่า”“ไม่เลย” โจชัวขมวดคิ้ว “ฉันไม่เจอเธอมานานมากแล้ว” โจชัวนึกถึงครั้งล่าสุดที่เขาเห็นเธอก็ตอนงานแต่งของเขากับลูน่า“ฉันเองก็ไม่เห็นเธอนานเลยเหมือนกัน ประมาณหกปีได้แล้วมั้ง ฉันได้ยินว่าเธอคลั่งการศัลยกรรม เท่าที่ฉันรู้ช่วงนี้เธอเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเลย”จูดกล่าวต่อไปว่า “ครอบครัวของนายกับเธอสัญญาว่าจะให้พวกนายแต่งงา
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันทำงานจนดึก?” ลูน่าถามพลางเคี้ยวอาหารที่ธีโอซื้อมาให้เธอธีโอหัวเราะเบา ๆ “ถ้าผมบอกว่าผมรอคุณอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วล่ะ”ลูน่าเกือบสำลักอาหาร “จริงเหรอคะ?”“ไม่ใช่ครับ ผมล้อเล่น” ธีโอเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วยืดเส้นยืดสาย “เมื่อเช้าตอนที่ผมไปบ้านเพื่อนคุณ ผมขอเบอร์เธอมาด้วย ผมโทรไปถามเธอเมื่อกี้ เธอบอกว่าคุณยังไม่กลับบ้าน ผมก็เลยเดาว่าคุณน่าจะอยู่ที่ทำงาน”ลูน่ารู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของธีโอ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้จะตอบสนองยังไงถ้าธีโอรอเธอมานานกว่าสามชั่วโมงจริง ๆเธอยัดอาหารที่เหลือเข้าปากอย่างรีบร้อนเท่าที่จะทำได้ “ไปกันเถอะค่ะ”ธีโอหัวเราะเบา ๆ แล้วช่วยเธอเก็บกวาดกล่องอาหาร “ไปกันครับ เจ้าของตึกกำลังรอเราอยู่” ลูน่าพยักหน้าและตามเขาออกไปจากสำนักงาน โจชัวยืนมองทุกอย่างอยู่ในเงามืดของสำนักงานจึงไม่มีใครรู้ เขามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกค่อนข้างไม่พอใจที่ปรากฏบนใบหน้าขณะที่พวกเขาสองคนเดินเข้าลิฟต์ไปในตอนที่ธีโอขึ้นลิฟต์ไป จู่ ๆ เขาก็หันมามองทางที่โจชัวยืนอยู่แล้วเหมือนจะมองตรงมายังเขาประตูลิฟต์ปิดลง และพวกเขาสองคนก็ลงไป ในเสี้ยววินาทีหลังจา
เขายังจำสิ่งที่ลูน่าเคยพูดกับเขาในอดีตได้‘ถ้าเรามีลูก ฉันจะสอนให้พวกเขาเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาจะต้องสุภาพเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ แต่ในตอนที่พวกเขาอยู่บ้าน พวกเขาอยากทำอะไรก็ทำ’เห็นได้ชัดว่าอลิซลืมสัญญาเหล่านั้นไปแล้ว ดูเหมือนว่าเวลาหกปีเปลี่ยนคนไปแล้วจริง ๆ เปลี่ยนไปมากจนโจชัวไม่สามารถจำเธอได้อีกแล้วเขาถอนหายใจแล้วนำอลิซเข้าไปในบ้าน“คุณพ่อคะ!”“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณพ่อ! วันนี้ก็ทำงานหนักเลยนะคะ!” ในทันทีที่เท้าของพวกเขาแตะพื้นบ้าน พวกเขาก็เผชิญหน้ากับนีลและเนลลี่ที่ยืนอยู่สองข้างของประตูและค้อมศีรษะทักทายโจชัวด้วยรอยยิ้มโจชัวหน้าบึ้งในทันทีที่เห็นอย่างนั้น เขามองเด็กทั้งสองโดยละเอียด ใบหน้าของเนลลี่เป็นสีแดงและน้ำตาคลอ ในขณะที่ใบหน้าของนีลก็สลักไปด้วยความไม่เต็มใจ เห็นได้ชัดว่าเด็กทั้งสองถูกบังคับให้ฝืนทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการโจชัวปล่อยมือจากอลิซและมองอย่างเย็นชา “นี่คือมารยาทที่คุณพยายามสอนพวกเขาเหรอ?”อลิซตัวแข็งทื่อ เธอบอกได้เลยว่าโจชัวไม่พอใจเธอหรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด เธอสั่งให้เด็ก ๆ กล่าวชมเชยพ่อของพวกเขาตอนที่กลับมาจากที่ทำงาน แต่เธอไม่ได้สั่งให้พวกเขามายืนรอที่
ในทันทีที่อลิซเริ่มร้องไห้ โจชัวก็อดไม่ได้ที่จะสงสารเธอ เขาถอนหายใจและดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน “อย่าคิดแบบนั้นสิครับ ช่วงนี้ผมแค่...วุ่นกับงานมากจริง ๆ”เขายกมือเช็ดน้ำตาจากใต้ดวงตาของเธอ “ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ผมกลับบ้านแล้วไง”ขณะที่ก้มหน้าแววตาแห่งชัยชนะได้ฉายวาบผ่านดวงตาของอลิซ เธอพยักหน้าอย่างว่าง่ายและพูดว่า “คุณยุ่งก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณต้องทำงาน ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณไม่ได้เกลียดเด็ก ๆ หรือฉันก็พอ”โจชัวลูบหลังปลอบโยนเธอ “ผมจะไปเกลียดคุณได้ยังไง”เขาปล่อยมือจากอลิซแล้วก้มลงอุ้มเนลลี่ขึ้นมาในอ้อมแขน “มาเร็ว เราไปกินข้าวกันเถอะ”“โอเคค่ะ!” อลิซตอบ เธอมองดูโจชัวที่เดินเข้าไปยังห้องอาหารโดยมีเนลลี่อยู่ในอ้อมแขนก่อนจะหันมาถลึงตาใส่นีล “เธอบันทึกเสียงของฉันเหรอ? ฉลาดดีนี่”นีลยิ้มกว้างให้เธอ “อืม ก็ผมเรียนมาจากคนที่เก่งที่สุดอะนะ ถึงแม้สุดท้ายคุณจะเอาชนะพวกเราได้ก็ตาม ผมคงจะประเมินคุณต่ำไป” พูดจบเขาก็หันหลังเดินไปยังทางที่พ่อของเขาเดินไปอลิซหรี่ตาลง เธออยากจะลงโทษสองตัวแสบนั่นมาก แต่เธอก็กลัวว่าจะไปกระตุ้นต่อมความสงสัยของโจชัวเข้า พวกเขากล้าปั่นหัวเธอได้ยังไง!“นีล เนลลี่” โจชัวเรียก “ต่อ
นีลกลอกตาและพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน โจชัวถอนหายใจ “เป็นความผิดของลูน่าทั้งหมด เธอทำให้นายเสียคน”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่สักหน่อย ก็ได้ผมจะนั่งดี ๆ” นีลทนไม่ได้ที่จะฟังใครมาว่าร้ายแม่เขา ดังนั้นเขาจึงนั่งตัวตรง “เอาล่ะ แล้วคุณอยากพูดอะไร?”“อลิซเป็นแม่ของนาย” โจชัวมองนีลอย่างจริงจัง “เธออุ้มท้องนายกับเนลลี่ไว้เป็นสิบเดือนแถมยังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างอุ้มท้องนายด้วย ชีวิตของเธอไม่ง่ายเลยนะ ฉันรู้ว่าพวกเธอทั้งคู่ใช้เวลากับลูน่ามามากและเธอก็เลี้ยงดูนายมานาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะทำตัวไม่สุภาพกับอลิซได้นะ เธอเป็นแม่แท้ ๆ ของนาย พวกเธอทั้งสองเป็นเด็กฉลาด ดังนั้นฉันมั่นใจว่านายเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ได้อยู่เคียงข้างนาย แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว นายก็ต้องปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพตามที่เธอสมควรได้รับสิ”นีลกลอกตา แน่นอนว่าพวกเขาให้ความเคารพแม่ของพวกเขาอยู่แล้ว แต่อลิซไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของพวกเขา ลูน่าต่างหาก!“ตอบมาสิ” โจชัวยืนกรานอย่างเย็นชาเมื่อเห็นว่านีลไม่ตอบรับนีลเม้มปาก “มันก็ต้องมีช่วงปรับตัวใช่ไหมครับคุณลินช์ ผมรู้ว่าคุณอยากให้เราเคารพคุณอลิซ แต่เราไม่คิดว่าเธอจะสนใจพ
“งั้นคุณพ่อก็ควรรู้นะครับว่าลูน่าเลี้ยงพวกเขามาหกปี ผมแนะนำว่าคุณพ่อควรดีกับลูน่าให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเด็ก ๆ อาจจะไม่ยอมรับคุณเป็นคุณปู่ของพวกเขาอีกต่อไปได้”ใบหน้าของเอเดรียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงจากมุมนี้ ลูน่าเหลือบมองสีหน้าของเขาด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามแต่ไร้อารมณ์ พร้อมกับยกยิ้มไม่ใส่ใจบนริมฝีปากของเธอ “คุณท่านลินช์ คุณบอกว่าฉันฆ่าเฮลีย์ คุณมีหลักฐานไหม? การตัดสินใจว่ามีคนฆ่าคนอื่นหรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องพูดตามหลักฐานที่มีอยู่หรอกเหรอคะ?” เธอวางข้อเท้าบนเข่า น้ำเสียงของเธอเย็นชาและห่างไกล “เฮลีย์ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากตึก ฉันไปชี้มีดใส่เธอแล้วบังคับให้เธอกระโดดหรือว่าฉันผลักเธอเหรอ? ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนที่เฮลีย์ฆ่าตัวตาย ฉันไปเยี่ยมสามีเก่าของเพื่อนที่โรงพยาบาลกับเพื่อนนะ มีกล้องวงจรปิดที่โถงทางเดินและลิฟต์ในโรงพยาบาลอยู่ ฉันมีหลักฐานชัดเจนสมบูรณ์”เอเดรียนเปล่งเสียงในจมูก “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ก่อนที่เฮลีย์จะกระโดดก็เป็นเพราะเธอ เฮลีย์ถูกบังคับให้ออกจากเมืองซีและย้ายไปอยู่ต่างประเทศ! เฮลีย์เติบโตมากับความมั่งคั่งและความฟุ่มเฟือยด้วยความกรุณาของพระเจ้า และเพราะผู้หญิงเช่นเธอ
“เพียะ!”ก่อนที่ทุกคนจะทันได้โต้ตอบ เสียงตบก็ดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นศีรษะของลูน่าหันไปด้านข้างจากแรงกระแทก รสหวานราวกับเหล็กของเลือดเต็มปาก และเลือดก็หยดลงมาตามมุมปากของเธอ“คุณแม่!”“คุณแม่…!”เด็กสองคนที่นั่งอยู่ทั้งสองด้านของหญิงชรา กระโดดขึ้นจากโซฟาตามสัญชาตญาณแล้วพุ่งไปหาลูน่าทันทีหนึ่งในนั้นจับมือเธออย่างระมัดระวัง เขาก้าวไปข้างหน้าพยายามปกป้องเธอ ในขณะที่อีกคนหยิบกระดาษทิชชูจากโต๊ะข้าง ๆ อย่างใจเย็น แล้วยื่นให้ลูน่าการเห็นเด็กสองคนปกป้องเธอทำให้โจชัวขมวดคิ้ว ข้าง ๆ เขา อลิซส่งเสียงเย้ยหยันอยู่ในอก แต่ภายนอกนั้นเธอกำลังทำสีหน้ากังวล “นีล รีบพาน้องสาวของหนูมานี่เร็วเข้า” จากนั้นเธอก็ชำเลืองมองสุภาพบุรุษตัวน้อยที่กำลังยื่นทิชชู่ให้ลูน่า“นี่เป็นเรื่องระหว่างคุณปู่ของหนูกับน้าลูน่านะ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่ายื่นจมูกเข้าไปในที่ที่ไม่เกี่ยวกับเราสิ”นีลจ้องมองเธออย่างเย็นชา จากนั้นก็หันกลับมาดูแลแม่ของพวกเขาพร้อมกับเนลลี่ในทันทีจากนั้น อลิซก็แสดงท่าทีสงบนิ่งอย่างคนมีอารมณ์มั่นคงและพูดว่า “เอเดรียน คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ คุณกำลังทำให้เด็ก ๆ กลัวนะ”เอเดรียนส่งเสียงเย
ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดถึงพวกเขามาก ผ่านไปนานแล้วเหมือนกันหลังจากที่พวกเขาได้เจอกันครั้งสุดท้าย จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงเสนอให้พาทุกคนมารวมตัวกันที่บลูเบย์วิลล่าแต่ดูเหมือนว่า...เขาทำให้ทั้งเด็ก ๆ และลูน่าโกรธเขาได้สำเร็จเท่านั้นหรอกเหรอ?รถขับต่อไปไม่นานรถก็มาจอดหน้าบลูเบย์วิลล่า เมื่อลูน่าก้าวลงจากรถที่ยูริและแซคขนสัมภาระมา อลิซก็ก้าวลงมาเช่นกันขณะยืนอยู่นอกรถของโจชัว รอยยิ้มปลอม ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ เนลลี่มานี่เร็ว แม่จะอุ้มหนูเข้าบ้าน!”เนลลี่กลอกตา เดินผ่านเธอ และมุ่งหน้าไปที่ประตูด้วยขาที่สั้นและแข็งแรงของเธอในทางกลับกัน นีลกลับรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ถ้าเนลลี่ไม่ต้องการให้คุณอุ้ม ก็อุ้มผมแทนสิครับ! ผมก็ไม่ได้หนักมากเหมือนกัน แค่หนักกว่าเนลลี่นิดหน่อยเอง”อลิซอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนของเธอ สีหน้าของเธอดูน่าเกลียด และก้าวไปข้างหน้าด้วยความพยายามสุด ๆ นีลเอาแขนของเขาคล้องคอเธอตามสะดวก “คุณอลิซ เร็วสิครับ ผมเป็นเด็กน้อยสุดที่รักของคุณไงครับ มันคงจะแย่ถ้าเราล้มกันทั้งคู่แล้วได้รับบาดเจ็บนะ!”สีหน้าของอลิซดูน่าเกลียดและยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น
โจชัวเลิกคิ้วเขาไม่คาดคิดเลยว่านี่จะเป็นคำถามแรกที่ลูกชายของเขาถามหลังจากที่แยกจากกันหลายวันเขามองลูกชายของเขาจากหางตา “นายดูไม่เต็มใจที่จะเห็นแม่นายกับฉันคืนดีกันนะ”นีลหยุดนิ่งไป เขาหันไปมองโจชัวอย่างเคร่งขรึมแล้วยกสองนิ้ว“อย่างแรกนะครับ ผมไม่เคยยอมรับคุณอลิซ กิบสันเลย สำหรับผมแล้ว เธอไม่เคยเป็นแม่ของผมเลย แม่ของผมคือลูน่า อย่างที่สอง ความชอบหรือไม่ชอบของผม มันสำคัญสำหรับคุณหรือเปล่าครับ คุณลินช์ ถ้าคุณพิจารณาถึงความคิดและความรู้สึกของเราจริง ๆ คุณก็คงไม่บังคับน้องสาวของผมและผมให้ทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เช่น การพาเรากลับไปที่บลูเบย์วิลล่าตอนนี้ สุดท้ายนะครับ ผมไม่สนใจคุณและอลิซเลย ผมแค่อยากจะรู้ว่าทำไมท่าทีของคุณที่มีต่อเธอถึงเปลี่ยนไปแบบ 180 องศา หลังจากกลับมาจากเมืองซีก็เท่านั้น”ก่อนที่พวกเขาจะจากไป พวกเขาก็ได้แยกทางกันไปแล้ว และยังประกาศว่าพวกเขาจะกำหนดวันเซ็นใบหย่าด้วยซ้ำ แต่ไม่นานหลังจากที่พวกเขาไปถึงเมืองซี พวกเขาก็กลับมาคืนดีและรักกันเหมือนเดิม และเมื่อดูจากภายนอกแล้ว พวกเขาดูยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิมด้วยโจชัวหรี่ตาลงเล็กน้อย อะไรทำให้ท่าทีของเขาที่มีต่ออลิซเปลี
“คุณแม่คะ! หนูคิดถึงคุณแม่มากเลย!” เนลลี่กล่าวเธอหยิบกุญแจออกมาและทันทีที่เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์ เด็กทั้งสองก็รีบวิ่งออกมาราวกับพายุทอร์นาโดลูกเล็กสองลูกนีลและเนลลี่ต่างกอดขาข้างหนึ่งของเธอไว้ และพูดด้วยความตื่นเต้น“คุณแม่ หนูรู้ว่าคุณแม่จะกลับมาในเวลานี้ แต่นีลเอาแต่ยืนกรานว่าแม่จะกลับมาทีหลัง!”“คุณแม่ครับ เมื่อหลายวันที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน ผมขอให้ลิลลี่สอนวิธีชงกาแฟด้วยล่ะ! ผมทำกาแฟอาราบิก้าแก้วโปรดของคุณแม่ด้วย!”“คุณแม่คะ หนูวางแผนไว้หมดแล้ว บ่ายวันนี้คุณแม่จะไปไหนไม่ได้เลยนะ คุณแม่ต้องอยู่บ้าน อ่านนิทานให้หนูฟังและต่อเลโก้กับนีลด้วย!”“แม่…”ลูน่าลดสายตาลงมองดูหัวเล็ก ๆ สีดำสองหัวที่อยู่ตรงหน้าเธอ คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถคายมันออกมาได้ข้างหลังเธอ ลิลลี่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น มองเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “คุณ ลูน่า พวกเขาตั้งใจหยุดเรียนหนึ่งวันเพื่อรอคุณเลยนะคะ ตั้งแต่เช้านี้พวกเขาตื่นเต้นเป็นพิเศษแล้วก็ตกแต่งบ้านราวกับว่าเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดด้วย”ตอนนั้นเองที่ลูน่าสังเกตเห็นของประดับตกแต่งที่แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่น ป้ายหลากสีสันแขวนอยู่ตามผนัง ความค
บรรยากาศในรถเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบร่างกายของลูน่าแข็งทื่อไปหมดเธอไม่ได้เจอทั้งนีลและเนลลี่มาหลายวันแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดที่เธอเคยห่างจากพวกเขานับตั้งแต่ที่เธอให้กำเนิดพวกเขามาเมื่อหกปีที่แล้วเธอคิดถึงพวกเขาอย่างสุดซึ้งจากการโทรหาและคุยกับพวกเขาเมื่อเช้านี้และเมื่อวานตอนบ่าย เธอก็รู้ว่าเด็ก ๆ เองก็คิดถึงเธออย่างสุดซึ้งเช่นกันไฟในใจเธอที่ลุกโชนด้วยความตื่นเต้นเมื่อนึกถึงการพบปะกับลูก ๆ ของเธอถูกดับลงอย่างโหดร้ายด้วยคำพูดเย็นชาของอลิซ และได้กลับกลายเป็นความหนาวเย็นจนจับไปถึงขั้วหัวใจอลิซจงใจทำแบบนี้ เธอไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อนีลและเนลลี่ เธอแค่พยายามจะก่อกวนเธอและลูก ๆ ให้อารมณ์เสีย“โจชัวคะ” เมื่อสังเกตเห็นความเงียบอย่างต่อเนื่องของโจชัว อลิซถึงกับร้องเรียกเขาเบา ๆจากนั้นเขาก็กะพริบตาและฟื้นคืนสติของตัวเอง เขากระแอมไอเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองลูน่าจากด้านหลังขณะที่เธอนั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสาร “เราจะทำตามที่อลิซบอก”ไม่ว่ายังไงก็ตาม อลิซยังคงเป็นแม่ของพวกเขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้อาศัยอยู่กับเด็กๆ ตลอดหกปีของชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วเลือดก็ข้นกว่าน้ำ นอกจากนี้ อล
วิทยุยังคงเล่นซ้ำข่าวเรื่องที่เกิดกับตระกูลวอลเตอร์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา “ก่อนที่การกล่าวหาคุณเดนนิส วอลเตอร์จะถูกหยิบยกมาพูดถึง ทายาทคนเดียวของวอลเตอร์กรุ๊ป เฮลีย์ วอลเตอร์ได้กระโดดตึกฆ่าตัวตายไปแล้ว ตอนนี้วอลเตอร์กรุ๊ปกลายเป็นอาณาจักรที่กำลังขาดกษัตริย์และกำลังจะล่มสลาย...”ลูน่าหลับตาลง เธอสงสัยว่าเกว็นจะได้ยินข่าวนี้หรือยัง ถ้าเธอได้ยิน อย่างน้อยเธอก็จะรู้สึกสบายใจเล็กน้อยใช่ไหม?เมื่อคิดเช่นนี้ เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะตรวจสอบว่าเกว็นส่งข้อความใหม่ให้เธอหรือไม่ แต่กลับเห็นการอัปเดตสถานะใหม่ที่โพสต์โดยเบ็นแทน'ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฉันที่สถานีตำรวจ ตระกูลลาร์สัน ระวังตัวไว้! ฉันจะเรียกร้องค่าเสียหาย!'รูปภาพประกอบเป็นแขนที่ได้รับบาดเจ็บและแก้มบวมฉึ่งอันเป็นผลมาจากการทะเลาะกันเมื่อวันก่อนลูน่ารู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาต้องเป็นฝีมือของแซคและยูริ เธอจ้องโทรศัพท์อยู่นาน ในที่สุดเธอก็กดไลค์สองภาพที่เบ็นโพสต์“ลูคัส ปิดวิทยุที” ทันใดนั้นเสียงอันแผ่วเบาอ่อนแอของอลิซก็ดังมาจากเบาะหลัง “ฉันอยากนอนพัก”จากนั้น โจชัวก็มีสีหน้ากังวลขณะพูดว่า “ทำไมหน้าคุณดูซีดจัง ไม่สบายเหรอ?”ลูน
มือของโจชัวที่กำช้อนและส้อมไว้หยุดชะงักไปเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็หัวเราะเบา ๆ “เพราะว่าเธอเคยหย่าและสามีเก่าเธอมันนิสัยไม่ดี เธอก็เลยแอบลักพาตัวนีลกับเนลลี่ไปแล้วเลี้ยงเหมือนเป็นลูกตัวเองเหรอ?”ลูน่ายกแก้วขึ้นแล้วกลืนน้ำอุ่นในปากลงคออย่างแรง จากนั้นเธอจึงมองไปทางโจชัว “คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้”โจชัวยกแก้วของเขาขึ้นเช่นกัน “ทำไมเธอถึงไม่มีลูกกับสามีเก่าล่ะ?”“เขาไม่สมควรมีลูก” ลูน่าวางแก้วลงแล้วยกช้อนส้อมเพื่อกินต่อ “เขามีชู้ในตอนที่ฉันต้องการเขามากที่สุด และถึงกับอยากจะฆ่าฉันเพื่อเอาใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำ คุณคิดว่าเขาสมควรมีลูกไหม?”ถ้าตอนนั้นเธอยังไม่ท้อง เธอก็ไม่อยากมีลูกของเขาจริง ๆเขาไม่สมควรได้รับพวกเขาแม้ว่าเธอจะให้กำเนิดพวกเขาแล้ว แต่ลูน่าก็ยังเชื่อเช่นเดิมว่าเด็กทั้งสามคนเป็นของเธอและเป็นของเธอเพียงคนเดียวพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจชัวเมื่อพูดคำเหล่านี้ ดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่โจชัวการจ้องมองของเธอทำให้เขารู้สึกสับสน ราวกับว่าเขาเป็นคนที่ทิ้งและทำร้ายเธอเองเขาขมวดคิ้วและหันหน้าหนีจากเธอ “แล้ว เธอก็ปล่อยเขาไปทั้งอย่างนั้นเหรอ?”ลูน่าคลี่ยิ้มเย็นชา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อ
“คุณหย่ากับฉันเมื่อเช้านี้ พอตอนบ่าย คุณก็หาแฟนได้ แล้วตอนนี้พอตกกลางคืนคุณก็พาแฟนใหม่ของคุณมาบ้านเก่าของคุณ เบ็น เซลเลอร์ คุณมันไม่คู่ควรกับเวลาที่ฉันตกหลุมรักไปเลย”จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก และหันกลับไปมองลุคที่กำลังถือไฟแช็กไว้สำหรับเตรียมจุดบุหรี่ให้ตัวเองขณะดูการแสดง “ฉันขอยืมไฟแช็กหน่อยได้ไหม?”ลุคยักไหล่ เขาเดินเข้ามาและก้มลงขณะถือไฟแช็คของเขา เขาฉีกภาพเดี่ยวที่สวยที่สุดของเกว็นออกมา จากนั้นก็จุดไฟเผาภาพถ่ายที่เหลือไปสุดท้ายเขาก็ส่งรูปถ่ายที่เขาฉีกออกมาให้เกว็น “เอาไว้นึกถึง”เกว็นส่ายหน้า “เผาไปเถอะค่ะ”เธอไม่จำเป็นต้องนึกถึงอะไรแบบนี้ลุคยกยิ้มจาง ๆ เขามองไปที่เกว็นด้วยความสนใจเล็กน้อยที่ปรากฏในดวงตาแล้วสอดรูปถ่ายใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเองภาพถ่ายทั้งหมดถูกจุดไฟเผาท่ามกลางแสงไฟโหมกระหน่ำ เบ็นหัวเราะอย่างเย็นชา “ถึงคุณจะไม่เผามัน ผมก็จะเป็นคนเผาอยู่ดี”เกว็นหลับตาแน่น แต่ยังคงเงียบเมื่อรูปถ่ายไม่เหลืออะไรนอกจากกลายเป็นกองขี้เถ้า เธอก็จับมือของลูน่าไว้ “ไปกันเถอะ”ลูน่าพยักหน้าและช่วยพยุงเธอนั่งบนที่นั่งโดยมีลุคช่วยอีกแรง ส่วนข้าง ๆ พวกเขา เบ็นพ่นเสียงฮึ เ