-12- ใกล้ชิด"ฉันต้องขอโทษพ่อหนุ่มด้วย สำหรับเรื่องที่มิลล่าไปขืนใจ" คุณอคินเปิดประเด็นด้วยคำพูดที่ทำเอาซีโร่ต้องกลั้นขำสุดฤทธิ์ ส่วนมิลล่าได้แต่อ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าพ่อจะพูดแบบนี้ ให้ตายสิ น่าอายชะมัด เธอแค่ยั่วยวนเขาเองนะ ไม่ได้ไปข่มขืนเขาเหมือนที่พ่อเข้าใจ!!! "เอ่อ เรียกผมว่าซีก็ได้ครับคุณพ่อ" "หืมม ว่าแต่ซีตกลงกับยัยมิลเรื่องหนูเนียร์แล้วใช่ไหม" แม้จะฉงนกับสรรพนามที่ถูกเรียก แต่ท่านก็ไม่ติดใจอะไรมาก"ครับ มิลล่าให้ผมมาหาลูกได้ ผมยินดีจะรับผิดชอบครับ" "มิลตกลงกับเขาแล้วค่ะพ่อ สิทธิการเลี้ยงดูยังเป็นของมิลค่ะ" มิลล่า บอกให้พ่อสบายใจ เธอรู้ว่าพ่อรักหลานมากและกลัวซีเนียร์จะโดนแย่งไป"อืมๆ พ่อก็ไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลังหรอกนะ ถ้าซีจะมาหาหลานพ่อก็มาได้ บ้านนี้ยินดีต้อนรับ" คุณอคินไม่ได้หัวโบราณที่จะกีดกันพ่อลูกไม่ให้เจอกัน เขาปล่อยให้ลูกสาวเป็นคนตัดสินใจเอง เรื่องคนหนุ่มสาว คนแก่อย่างเขาจะคอยดูอยู่ห่างๆ "ครับ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า รบกวนทุกคนนานแล้ว สวัสดีครับ" ซีโร่บอกลาพ่อแม่ของมิลล่าเสร็จก็เดินออกมาที่รถ โดยมีมิลล่าเดินตามออกมาส่ง"คุณพรุ่งนี้ผมเข้ามารับตอนเช้านะ ผมไปก่อน" "
-13- ปล่อยตั้งแต่กลับจากมาบ้านของมิลล่า ซีโร่ได้แต่ครุ่นคิดว่าเขารู้สึกกับเธออย่างไรกันแน่ ทำไมตอนเห็นเธออยู่ผู้ชายคนอื่นแล้วใจมันร้อนรนชอบกล แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือเขาจะชอบเธอ ความคิดสับสนไปหมดไม่เป็นอันทำงาน คุณแม่ก็ยังโทรมาตามให้กลับกรุงเทพฯไปคุยเรื่องงานหมั้นหมายระหว่างเขากับลันตา เรื่องมันชักอิรุงตุงนังไปหมด มิลล่าเองก็ไม่เป็นอันทำอะไร มัวแต่ขบคิดเรื่องพ่อของลูก วันนี้มาแปลก รุกเธอหนักมาก ไม่รู้ว่าผีเข้าหรืออย่างไรกัน 'ผมไม่ยอมให้คุณหาพ่อใหม่ให้ลูกหรอกนะ อย่าได้คิดเชียวละ มิลล่า' วันนี้พ่อเลี้ยงธันวามาเอาคำตอบจากเธอ ซึ่งเธอก็บอกไปตามความจริงไม่คิดที่จะให้ความหวังให้เขา เธอขอเป็นเพียงน้องสาวของเขาแทน แม้จะรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเสียใจ แต่มันคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงตัวเปล่า ผู้ชายดีๆอย่างเขาควรได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่านี้ ลันตาหายป่วยแล้ว เธอเพิ่งรู้ว่าคนใจร้ายชื่อปกรณ์ เขาไม่ได้รังแกเธอเลยตั้งแต่วันนั้น เธอพยายามทำตัวให้เงียบ และไม่มีปากเสียง เพราะไม่อยากเจ็บตัวอีก รอเพียงอีกฝ่ายพอใจ เธอถึงจะได้รับอิสระ"มานี่สิ คุณหนูลันตา" แม้จะกลัว แต่ไม่อยากมีปัญหากับเขา จ
-14- สารภาพเช้านี้ซีโร่ยังคงไปรับลูกสาวมาส่งโรงเรียนเหมือนอย่างเคย เขาอยากใช้เวลากับลูกให้มากที่สุด เพราะเมื่อเช้าตรู่คุณหญิงญาตาวีโทรมาบอกให้เขากลับบ้านด่วน เห็นทีว่ากลับบ้านไปรอบนี้เขาต้องกล่อมให้แม่ยอมรับหลานสาวตัวน้อยให้ได้" ..มิลล่า วันนี้คุณไปส่งลูกพร้อมผมเลยแล้วกัน ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย ขากลับจะแวะมาส่ง""คุณมีอะไรก็คุยตอนนี้เลยสิ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปมาหลายรอบเลย""...เอ่อ คือ" ใบหน้าเขาเหมือนคนมีเรื่องหนักใจ เธอไม่อยากเซ้าซี้มาก เลยยอมนั่งรถไปกับเขาด้วย"คุณพ่อขา พรุ่งนี้วันหยุด คุณพ่อพาหนูเนียร์ไปเที่ยวได้ไหมคะ นะคะ! นะคะ!" น้ำเสียงออดอ้อนของลูกสาวยิ่งทำให้ ซีโร่ทำหน้าคิดหนักเข้าไปใหญ่ "คะ..คือพรุ่งนี้พ่อต้องกลับไปทำธุระที่กรุงเทพฯครับลูก" เขาตัดสินใจบอกให้ลูกสาวรู้ "...หรอคะ" น้ำเสียงเศร้าและใบหน้าหงอยๆของซีเนียร์ทำเอาใจคนเป็นพ่อกระตุกวูบ เขาอยากพาลูกไปด้วย แต่มิลล่าคงไม่ยอมแน่ๆ หลังจากนั้นลูกสาวก็นั่งเงียบตลอดทางจนถึงโรงเรียน ใบหน้าไร้ความร่าเริงเหมือนก่อน ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลยส่งลูกสาวเสร็จซีโร่พามิลล่ามานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆโรงเรียนอนุบาล เขาอยาก
-15- คุณย่าจะเป็นลม@สนามบิน"ซีเนียร์ จำที่มามี๊บอกได้ไหมคะ" มิลล่ามาส่งซีโร่และซีเนียร์ขึ้นเครื่องตั้งแต่เช้า เธอไม่อยากห่างลูกเลย แต่ช่วงนี้งานล้นมือ จะให้ทิ้งงานไปด้วยคงไม่ได้ ต้องลองเสี่ยงไว้ใจพ่อของลูกดูสักตั้ง"จำได้ค่ะ ห้ามดื้อ ห้ามซน ห้ามเอาแต่ใจค่ะ" เสียงฉะฉานของลูกสาวทำให้มิลล่ายิ้มขำ เมื่อคืนกำชับไปหลายรอบ กลัวซีโร่จะรับมือกับความดื้อไม่ไหว"อย่าห่วงไปเลยมามี๊ เดี๋ยวคุณพ่อจะดูแลลูกสาวของเราเป็นอย่างดีเลย" ลูกสาวของเรา ฟังแล้วอบอุ่นใจจัง ช่วงนี้ซีโร่ชอบมาทำให้ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะบ่อยๆ อารมณ์เขาไม่ค่อยคงที่ บางวันหน้าตึง บางวันอารมณ์ดี เธอเดาใจเขาไม่ถูกจริงๆ "บะ..บ้า ดูแลลูกให้ดีๆละ ถ้ามีอะไรรีบโทรมาหาฉันนะ" "ครับๆ อย่างอแงสิ ผมพาลูกไปแค่สองวันเอง" เขาเห็นมิลล่าทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ก็อดเอ็นดูไม่ได้"ผมไปก่อนนะ หนูเนียร์บอกลามามี๊ก่อนลูก" "หนูเนียร์จะซื้อขนมมาฝากมามี๊นะคะ ฟอด~ ฟอด~ บ๊ายบายค่ะ" "ผมไปก่อนนะมิลล่า ฟอด~" ซีโร่อยากแกล้ง เลยหอมแก้มคนเป็นแม่เหมือนที่ลูกสาวทำ สร้างความเขิลอายจนใบหน้าสวยแดงระเรื่อ"ซะ..ซีโร่ ทำบ้าอะไรเนี่ย ถึงแล้วโทรมาบอกด้วยนะ" มิลล่าเขิล
-16- คุณพ่อสายเปย์ มิลล่าไม่เคยต้องห่างลูกสาวตัวน้อยเลยตั้งแต่คลอดออกมา อาจจะมีบ้างเป็นบางคืนที่คุณตาคุณยายมาเอาหลานสาวไปนอนค้างด้วย แต่ครั้งนี้เธออยากให้ซีเนียร์คุ้นเคยกับซีโร่มากขึ้นจึงยอมอนุญาตให้ไป ตอนถึงกรุงเทพฯเขาโทรมาบอกเธอแล้ว ลูกสาวเธอยังคงร่าเริงไม่ได้งอแงเหมือนที่เธอกังวล เขาบอกว่าจะพาไปซีเนียร์ไปพบครอบครัว เธอหวังว่าคุณหญิงญาตาวีจะเอ็นดูลูกสาวของเธอบ้าง"คุณเป็นพนักงานที่นี่หรอครับ""คะ? ดิฉันเป็นผู้จัดการของรีสอร์ทค่ะ คุณลูกค้าต้องการความช่วยเหลืออะไรคะ" มิลล่าตอบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร"ผมขอเบอร์โทรคุณผู้จัดการคนสวยหน่อยได้ไหมครับ" "ดิฉันไม่สะดวกค่ะ ถ้าคุณลูกค้าต้องการความช่วยเหลือติดต่อที่เคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ" งานของเธอต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูง ลูกค้ามีหลายรูปแบบ แรกๆเธอก็ทนไม่ไหวด่าเปิงเผ่นแนบไปหลายราย พอเจอบ่อยๆเริ่มชินก็พอจะรับมือได้ดีขึ้นวันนี้คุณญาตาวีอารมณ์ดีเป็นพิเศษเธอคอยเอาอกเอาใจหลานสาวตัวน้อยตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา ส่วนคุณปู่เวลล์ก็ไม่น้อยหน้า ชวนซีเนียร์ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนาน ซีโร่โล่งอกไปเปราะหนึ่ง ทีแรกกลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่ยอมรับหลาน ที่ไหนได้ ติดหลา
-17- คนเจ้าเล่ห์ หลังจากทานอาหารเย็นฝีมือคุณย่าเสร็จ หลานสาวตัวน้อยนั่งเล่นกับคุณปู่คุณย่าจนถึงสองทุ่ม ซีโร่ก็พาขึ้นมาอาบน้ำ และโทรวิดิโอคอลหามิลล่าให้คุยกับลูกสาวตอนก่อนนอน ยัยหนูของเขาเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้แม่ฟังอย่างอารมณ์ดี วันนี้ซีเนียร์ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ ทำให้ง่วงนอนและผลอยหลับไป ซีโร่ที่นั่งอยู่ข้างๆจึงเอาโทรศัพท์มาคุยต่อ แม่เจ้าโว้ย!! ชุดนอนตัวบางของเจ้าหล่อนยั่วอารมณ์ดิบชะมัด เขาชวนเธอคุยไม่นานก็ขอตัวไปนอน จิตใจว้าวุ่นร้อนรุ่มอยู่ไม่เป็นสุข แก่นกายใหญ่ที่หลับใหลค่อยๆตื่นตัวขึ้นมาจนแข็งชัน ทำให้ต้องเข้าไปสงบอารมณ์ดิบในห้องน้ำอยู่นานกว่าจะสงบ แล้วกลับมานอนกอดลูกสาวบนเตียงนุ่มทันที ซีโร่ยังไม่กลับไปทำงาน เขาอยากมีเวลาให้ลูกสาวเต็มที่ เพราะพรุ่งนี้ต้องพาซีเนียร์กลับไปส่งแล้ว'มิลล่า เธอเป็นแม่มดหรืออย่างไร ทำไมปลุกอารมณ์ให้ปั่นป่วนง่ายขนาดนี้'@เช้าวันต่อมาอาหารเช้ามื้อนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ คุณย่าตื่นมาทำอาหารไว้ให้หลานสาวหลายอย่าง เอาอกเอาใจเต็มที่ เธอมีความสุขมาก หนูซีเนียร์เป็นเด็กร่าเริง สดใส ใครอยู่ด้วยต้องหลงรักแน่ๆ "ซี ย้ายหนูเนียร์มาเรียนที่กรุงเทพฯไม่ได้หรอลูก
-18- ช่วยเหลือซีโร่เดินเข้ามาในห้องนอนของมิลล่า เจอลูกสาวนั่งทำตาปริบๆอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ แต่ไร้เงาของผู้เป็นแม่"หนูเนียร์ ทำไมนั่งอยู่คนเดียวละลูก มามี๊ไปไหน""มามี๊ไปอาบน้ำค่ะ หนูเนียร์รอคุณพ่อมาเล่านิทานให้ฟัง" "โอเคครับ งั้นพ่อเล่านิทานให้ฟังเลยดีกว่านะลูก" ซีโร่เอ่ยอย่างเอาใจ ก่อนจะเริ่มเล่านิทานให้ลูกสาวฟังมิลล่าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินออกมาเห็นภาพแห่งความสุขของสองคนพ่อลูกก็อดใจเก็บภาพไว้ไม่ไหวแช๊ะ แช๊ะ "อ้าวคุณ จะมาฟังนิทานกับลูกด้วยไหม" "ไม่ละ พอได้แล้ว ลูกจะหลับแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ" มิลล่าขึ้นมานอนบนเตียงข้างลูกสาว แล้วบอกให้พ่อของลูกไปนอนอีกห้องทันที"หืม แต่ผมสัญญากับลูกไว้แล้วว่าจะมานอนกอดแกทั้งคืน หรือคุณให้ผมผิดสัญญากับลูกละ" "ฉันไม่ให้นอน!!" "ชู่ๆ~ คุณอย่างเสียงดังสิ เดี๋ยวหนูเนียร์ตื่น" "งั้นก็ตามใจ แต่ฉันจะไปนอนอีกห้อง" มิลล่าบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ"ก็ได้ๆ ถ้าลูกร้องหาพ่อก็ไปเคาะประตูห้องผมได้นะครับ ฟอด~ ฟอด~" แจกหอมแก้มลูก แล้วลามมาแก้มคนเป็นแม่ มิลล่าถลึงตาใส่ไม่กล้าด่าออกเสียง กลัวลูกจะตื่นมางอแง วันนี้ซีโร่ตื่นเช้ากว่าปกติ เขาค่อยๆเปิดประตูห้องนอนของห
-19- ดูแลซีโร่ได้แต่นั่งมองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง หากเขาสังเกตมากกว่านี้คงได้รู้ว่าเธอโดนทำร้ายร่างกายด้วย เขาได้แต่นั่งโทษตัวเองในใจเงียบๆ "มิล..มิลล่า ลุกไหวไหม ทานข้าวก่อนนะจะได้ทานยา" "อื้อ ทำไมปวดหัวแบบนี้เนี่ย ซะ..ซีโร่" มิลล่าลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่คิดว่าเขายังอยู่ "ทำไมคุณไม่บอกผมว่าโดนไอ้นั่นทำร้าย""เอ่อ คะ..คุณรู้ได้ยังไงกัน" เธอคิดว่ารอยช้ำไม่หนักหนา คงไม่ต้องบอกให้เขาต้องกังวล"ผมให้หนูเล็กมาเช็ดตัวให้คุณ เลยเห็นรอยช้ำ" "รอยไม่ได้เยอะอะไร เดี๋ยวคงหาย คุณเตรียมไปรับลูกเถอะค่ะ ฉันอยู่ได้ แค่กๆ" ใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนของลูกสาวแล้ว เธอกลัวลูกจะรอนาน"ผมให้หนูเล็กไปรับหนูเนียร์ให้แล้วละ คุณทานข้าวหน่อยนะ จะได้ทานยา" ซีโร่ค่อยๆพยุงร่างบางของมิลล่า แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพร้อมถาดอาหาร"ฉะ..ฉันกินเองได้ คุณไม่ต้องป้อนหรอก"แต่มีหรือที่คนหน้ามึนจะฟัง เขาคะยั้นคะยอป้อนข้าวเธอจนหมดชาม แล้วป้อนยาให้เธอจนเสร็จสรรพ จากนั้นก็นั่งเฝ้าจนเธอหลับไป เขาถึงออกมารอรับลูกสาวที่หน้าบ้านไม่นานหนูเล็กขับรถมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเล็กของลูกสาววิ่งเข้ามาหาเขาทันที"คุณพ่อขา~ ทำไมวันนี้ไม่