หลังจากขึ้นรถ ซูหยิงเซี่ยเป็นคนขับ และเธอก็บังคับให้หานซานเฉียนปิดตาไว้ ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ซูหยิงเซี่ยจะทำหลังจากผ่านเส้นทางถนนเรียบ รถก็เข้าสู่เส้นทางขรุขระ ที่บ่งชี้ว่าซูหยิงเซี่ยกำลังขับรถออกจากเขตเมืองขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าไปอีกเขตเมืองหนึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่หานซานเฉียนจะรู้สึกว่ารถหยุดลง แต่เขาก็ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ปลดผ้าปิดตาออกด้านหน้าของซูหยิงเซี่ยคือวิลล่าในสวนที่ดูอลังการเป็นพิเศษ นี่คือบ้านพักตากอากาศที่เฉินหลิงเหยา หาให้แน่นอนว่าสิ่งตรงหน้านี้แทบจะไม่เรียกว่าวิลล่าได้อีกต่อไป ซูหยิงเซี่ยพอใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่มาก แม้ว่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่รอบ ๆ แต่พื้นที่ของวิลล่าก็เพียงพอสำหรับทั้งสองคนที่จะทำอะไรก็ได้ตามต้องการโดยไม่มีใครได้ยินนอกจากนี้ในวิลล่ายังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ทำให้ทั้งสองสามารถว่ายน้ำกันได้ในช่วงปลายฤดูร้อน"มากับฉัน" ซูหยิงเซี่ยจับมือหานซานเฉียน แทบรอไม่ไหวที่จะเดินไปที่วิลล่าหานซานเฉียนยังคงมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เขาพอจะเดาได้ว่าซูหยิงเซี่ยต้องการจะทำอะไรซูหยิงเซี่ยเดินนำหานซานเฉียนไปที่ด้านข้
สำหรับความลับของสร้อยคอนั้น หานซานเฉียนไม่ได้อธิบายอะไรมาก เป็นเวลานานมากแล้วที่ตี้สู่ไปที่เรือนจำตี้ซิน แต่อุปกรณ์สัญญาณไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ไม่ว่าเขาจะเสียชีวิตในเรือนจำตี้ซิน หรือว่าไม่มีช่องทางส่งสัญญาณ ล้วนแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับหานซานเฉียนหากไม่มีตี้สู่ เขาจะไม่สามารถรู้สถานการณ์ในเรือนจำตี้ซินได้ แถมนั่นยังเป็นหนทางเดียที่จะตรวจสอบได้ว่าหานเทียนหยางอยู่ในเรือนจำตี้ซินไหรือไม่ในอดีตหานซานเฉียนไม่กล้าเสี่ยงชีวิตของเขา แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขามีความสามารถพอที่จะผ่านมันไปได้ ตราบใดที่เขาสามารถใช้พลังนี้ให้เกิดประโยชน์ แม้ว่าเรือนจำตี้ซินจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่หานซานเฉียนก็ยังมีโอกาสที่จะหลบหนีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ"ของสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับผม เพราะมันเกี่ยวข้องกับคุณปู่ของผม" หานซานเฉียนกล่าวนับตั้งแต่ที่ซูหยิงเซี่ยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียน เธอก็รู้เรื่องตระกูลหานในเหยียนจิงไม่น้อย และยังรู้ว่าหานซานเฉียนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในตระกูลหานในเหยียนจิงอย่างไรบ้างแต่ปู่ของเขา หานเทียนหยาง ตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?"นี่เป็นสมบัติที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้คุณเหรอคะ?
ก่อนที่จะถามคำถามนี้ เหยียนจุนก็ได้เดาคำตอบไว้แล้ว เพราะเขาเฝ้าดูหานซานเฉียนเติบโต และเขาก็รู้จักหานซานเฉียนดีกว่าใครในตระกูลหานเสียอีก"คุณรู้จักเรือนจำตี้ซินแค่ด้านเดียว ที่นั่นเป็นสถานที่อันตรายที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้ ถ้าไปที่นั่น โอกาสที่จะกลับมานั้นมีน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์" เหยียนจุนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม"คุณปู่เหยียน ก่อนที่ผมจะฆ่าหานหลง คุณคิดว่าผมมีโอกาสเท่าไหร่?" หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม"ไม่มีโอกาส" เหยียนจุนกล่าวหานซานเฉียนผายมือและพูดว่า "นั่นแสดงว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมแล้ว อย่างน้อยผมก็ยังมองเห็นโอกาส"ประโยคนี้ทำให้เหยียนจุนยิ้มอย่างขมขื่น หากเป็นคนอื่น ถ้าต้องเผชิญกับโอกาสเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจเลือกล่าถอย แต่หานซานเฉียนกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี นี่คือจุดเริ่มต้นของความแตกต่าง ที่เขาสามารถมาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะนิสัยนี้และความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง"แล้วเธอล่ะ? ถ้ากลับมาไม่ได้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเธอจะเป็นอย่างไร" เหยียนจุนมองไปที่ซูหยิงเซี่ยที่ไม่รู้อะไรเลยในสวนผักแล้วพูดขึ้นนี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่หานซานเฉียนเผชิญ แต่วันนี้เขาได้คิดแล
"หรือเราจะซื้อที่นี่ดี เมื่อมีเวลาก็มาพักผ่อนที่นี่กัน ดีไหม?" หานซานเฉียนเสนอ"ดีค่ะ แต่คุณแน่ใจเหรอว่าเจ้าของจะขายมันให้เรา?" ซูหยิงเซี่ยกล่าว"ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมให้ม่อหยางไปจัดการเรื่องนี้ เขาต้องมีวิธีแน่" หานซานเฉียนกล่าวเมื่อกลับมาที่หยุนเฉิง หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดทั้งสองก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านในคืนนั้น เพราะเหอถิงและซูกั๋วเย่ายังคงอยู่ที่บ้าน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าส่งเสียงดังมากเกินไปวันรุ่งขึ้น หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยไปทำงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวหานซานเฉียนไม่ได้สั่งให้จงเหลียงไล่มี่เฟยเอ๋อร์ออก แต่มี่เฟยเอ๋อร์ก็ชดใช้ไม่น้อยกับความผิดในการทำงานของเธอเมื่อมี่เฟยเอ๋อร์เห็นหานซานเฉียน ดวงตาของเธอก็ดูซับซ้อนอย่างมากนับตั้งแต่ที่เธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียน เธอก็รู้ว่าตัวเองนั้นโง่เง่ามากแค่ไหน เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเคยดูถูกเขาเธอเคยเพ้อฝันว่าจะได้คบกับเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ดูถูกและเยาะเย้ยเจ้านายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า พฤติกรรมโง่ ๆ แบบนี้ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้อี
หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว จงเหลียงก็หายใจถี่และนั่งลงบนโต๊ะทำงานอยู่ในตระกูลหานมานานหลายปี จงเหลียงไม่เคยได้รับมอบหมายหน้าที่ที่สำคัญอะไร แต่เขารู้ว่าตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าเขาแล้วตระกูลหานในเหยียนจิง อนาคตจะต้องถูกควบคุมโดยนายน้อยหานซานเฉียนคนนี้แน่นอน และเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ที่สำคัญจากหานซานเฉียน ก็เท่ากับเขาเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลหาน สิ่งนี้ไม่เพียงนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่อนาคตของเขาเท่านั้น แต่ตระกูลจงรุ่นต่อไปก็จะได้รับเกียรตินี้เช่นกันด้วยความสามารถของหานซานเฉียน ในอนาคตเขาจะสามารถพัฒนาตระกูลหานไปถึงระดับที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอนและตระกูลหานในอเมริกาอาจรวมอยู่ในกระเป๋าของหานซานเฉียนด้วย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับจงเหลียง“นายน้อย ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ ผมจะคว้ามันไว้อย่างดีเลยครับ”ณ จัตุรัสเหรินหมินครั้งหนึ่งหานซานเฉียนเคยประสบความสำเร็จในการพลิกกลับที่นี่ซึ่งทำให้ผู้คนในหยุนเฉิงประหลาดใจ เจียงฟู่สั่งให้เขาคุกเข่าลง แต่ตอนนี้ตระกูลเจียงได้หายตัวไปจากหยุนเฉิงแล้ว หลายคนในหยุนเฉิงที่ปฏิบัติต่อหานซานเฉียนเหมือนขยะในอดีตก็เ
ในเวลานี้ ชิงอวิ๋นก็ล้มลงกับพื้น มีกองเลือดที่น่าตกใจจำนวนมากคนที่สัญจรไปมาต่างก็มองไปที่ชิงอวิ๋นด้วยความสยดสยอง"ลูกพี่ ผมขอเหลือมือไว้กินข้าวแค่ข้างเดียว" ชิงอวิ๋นกล่าวกับหานซานเฉียนด้วยสีหน้าเจ็บปวดหานซานเฉียนพยักหน้า หันหลังและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาไม่ได้คาดหวังว่าชิงอวิ๋นจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ แต่เนื่องในเมื่อเขาทำถึงขนาดนี้ หานซานเฉียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่าเขาขยะที่เหลือมือเพียงข้างเดียวจะสามารถทำอะไรเขาได้กันล่ะ?ชิงอวิ๋นล้มลงในจัตุรัสเหรินหมิน มีคนใจดีเรียกรถพยาบาลให้เขา แต่หลังจากมาถึงโรงพยาบาล ชิงอวิ๋นก็รักษาเพียงแค่ห้ามเลือดเท่านั้น เขาไม่ได้ขอให้แพทย์ช่วยรักษาในเชิงลึก และเมื่อมีคนเข้าไปใกล้ ชิงอวิ๋นก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้ทีมแพทย์งงงวยกันมากเขาอยากจะให้ตัวเองพิการเหรอ?คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าใจสภาพจิตใจของชิงอวิ๋นได้ แต่เขารู้ว่าถ้าหากอาการบาดเจ็บพวกนี้หายดีเขาก็จะต้องตายทางรอดเดียวคือต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตแบบนี้คลับเมจิกซิตี้เมื่อหานซานเฉียนบอกม่อหยางและคนอื่น ๆ ว่าเขาจะไปเรือนจำตี้ซิน เขาพบกับการต่อต้านที่รุนแรง และไม่ใช่แค่ม่อหยางคนเดี
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ม่อหยางและคนอื่น ๆ ก้มหน้า พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของหานซานเฉียน ที่มีต่อหานเทียนหยาง แต่จากคำพูดเหล่านี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความสำคัญของหานเทียนหยางที่มีต่อหานซานเฉียน ความหมกมุ่นของเขาแข็งแกร่งมากและไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ม่อหยางถอนหายใจ เดินไปหาหานซานเฉียนและตบไหล่เขาก่อนจะพูดว่า "ซานเฉียน นายต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด นับประสาอะไรกับเรื่องอันตราย ถ้านายกลับมาไม่ได้จริง ๆ พวกเราจะทำอย่างไร และเธอจะทำอย่างไร?"“ถ้ากลับมาไม่ได้ ก็รบกวนพวกนายช่วยฉันดูแลปกป้องเธอให้ดี ถ้าเธอพบคนที่ชอบก็สามารถแต่งงานใหม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อม่อหยางได้ยินคำว่าการแต่งงานใหม่ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากหานซานเฉียนอยู่ที่หยุนเฉิงมาหลายปีแล้ว และในที่สุดเขาก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับซูหยิงเซี่ย แต่พวกเขากลับต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้อีกครั้งหลังจากสามปีที่เจอกัน ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก ในที่สุดพวกเขาก็แต่งงานกัน แต่ตอนนี้มันอาจจะพังทลายและเขาจะต้องเสียใจกับการเสียสละของซูหยิงเซี่ย และทำให้ซูหยิงเซี่ยต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตทันใดนั้นม่อหยางก็เตะก
"พี่ พี่ซานเฉียนน่าชื่นชมจริง ๆ เขามีความกล้าที่จะไปสถานที่อย่างเรือนจำตี้ซินได้ยังไงกัน" โจวป๋อพูดกับเตาสือเอ้อร์ด้วยสายตาชื่นชมเตาสือเอ้อร์ถอนหายใจและพูดว่า "ที่นั่นคือเรือนจำตี้ซิน ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ ฉันหวังว่าเขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ"“สือเอ้อร์ ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้จริง ๆ เหรอ?” ม่อหยางถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เตาสือเอ้อร์ส่ายหัวอย่างหนักแน่นและพูดว่า "ถ้ามี ข่าวนี้คงแพร่กระจายไปทั่วโลกใต้ดินแล้ว นี่เป็นสิ่งที่หลายคนถือว่าเป็นเกียรติ แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลย""เดี๋ยวนายก็จะได้ยินเร็ว ๆ นี้แหละ" ม่อหยางกัดฟันและพูดขึ้น ไม่ว่าจะมีใครรอดชีวิตออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่ เขาก็เชื่อมั่นว่าหานซานเฉียนจะเป็นคนแรก เตาสือเอ้อร์ส่งเสียงในลำคอและพูดว่า "ผมไปลองติดต่อผู้คนในเรือนจำตี้ซินก่อนก็แล้วกัน มีอะไรก็ติดต่อผมมา"หลังจากเตาสือเอ้อร์และโจวป๋อจากไปแล้ว ม่อหยางก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความงุนงง หลินหย่งรู้ว่าเขาเป็นห่วงหานซานเฉียนมาก แต่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ และกังวลไปก็เปล่าประโยชน์"พี่ใหญ่ม่อ ตั้งแต่ที่ผมรู้จักพี่ซานเฉ