ฉี๋อีหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการเต้นของหัวใจที่รุนแรงของตัวเอง หน้าอกของเธอกระเพื่อมอย่างรุนแรง และการหายใจของเธอหนักหน่วงขึ้นหานเหยียนยอมเป็นสุนัขของเขา นี่เป็นสิ่งที่ฉี๋อีหยุนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เธอยังคงคิดว่าเขาล้อเล่นอยู่แต่สีหน้าของหานซานเฉียนไม่ได้แสดงออกว่าล้อเล่นเลยสักนิดฉี๋อีหยุนรู้ว่าหานซานเฉียนจะไม่แสดงออกด้วยการพูดแบบนี้อย่างไม่มีเหตุผล เขาไม่ใช่คนประเภทที่ชอบคุยโม้ ซึ่งนั่นหมายความว่าทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงแต่...แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!หานซานเฉียนทำสำเร็จได้อย่างไรกัน?"แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง คุณคิดว่าผมเป็นพวกชอบคุยโม้หรือไง?" หานซานเฉียนยิ้ม เขารู้ว่าข่าวนี้จะทำให้ฉี๋อีหยุนองตกใจขนาดไหน เพราะเธอรู้จักตระกูลหานอเมริกา และรู้ถึงความแข็งแกร่งของหานหลงเป็นอย่างดี ดังนั้นความตกใจของเธอจึงรุนแรงกว่าคนอื่น ๆ"คุณ คุณทำได้ยังไง แล้วหานหลงล่ะ? เขาไม่ได้จัดการคุณเหรอ?" ดวงตาของฉี๋อีหยุนเบิกกว้างเต็มไปด้วยความสงสัย รอให้หานซานเฉียนอธิบายให้เธอฟัง“หานหลงถูกผมชกตายด้วยหมัดเดียว” หานซานเชียนกล่าวการแสดงออกที่ประหลาดใจของฉี๋อีหยุนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด
“รับทราบครับ” ตงฮ้าวพยักหน้ารับคำ“จองตั๋วกลับอเมริกาด้วย รอนายจัดการซื้อที่นี่เรียบร้อยแล้ว เราจะกลับอเมริกากัน” ฉี๋อีหยุนพูดต่อ“สามใบใช่ไหมครับ?” ตงฮ้าวถาม ถึงเขาจะไม่อยากกลับอเมริกาพร้อมหานซานเฉียน แต่ปัญหาของตระกูลฉี๋ยังต้องพึ่งพาเขา ถึงตงฮ้าวจะไม่อยากยอมรับแต่ปฏิเสธไม่ได้“สองใบ”สองใบ!ความโกรธฉายวาบออกมาจากตัวตงฮ้าว คุณหนูทำเพื่อหานซานเฉียนตั้งมากมายขนาดนี้ แต่เขาไม่ยอมช่วยตระกูลฉี๋อย่างงั้นเหรอ?"คุณหนู หานซานเฉียนหลอกใช้คุณ คุณจะปล่อยเรื่องของตระกูลฉี๋ไปแบบนี้เหรอครับ? ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะไปฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!" ตงฮ้าวพูดด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง"นายน่ะเหรอ?" ฉี๋อีหยุนมองไปที่ตงฮ้าวอย่างเฉยเมยและพูดว่า "เขาฆ่าหานหลงได้ แล้วนายมีสิทธิ์อะไรไปฆ่าเขา ตอนนี้ตระกูลหานเป็นเพียงสุนัขรับใช้เขาเท่านั้น และเขาไม่จำเป็นต้องออกหน้าก็สามารถจัดการปัญหาทั้งหมดของตระกูลฉี๋ได้”"อะไรนะครับ!" ตงฮ้าวเงยหน้าขึ้น และมองไปที่ฉี๋อีหยุนอย่างไม่อยากจะเชื่อหานซานเฉียนฆ่าหานหลง? เป็นไปได้อย่างไร หานหลงเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งในเขตจีนของสหรัฐอเมริกา ตงฮ้าวเองก็เคยเห็นฝีมือของหานหลง มันทรงพลังมากจนตงฮ้า
หลังจากขึ้นรถ ซูหยิงเซี่ยเป็นคนขับ และเธอก็บังคับให้หานซานเฉียนปิดตาไว้ ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ซูหยิงเซี่ยจะทำหลังจากผ่านเส้นทางถนนเรียบ รถก็เข้าสู่เส้นทางขรุขระ ที่บ่งชี้ว่าซูหยิงเซี่ยกำลังขับรถออกจากเขตเมืองขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าไปอีกเขตเมืองหนึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่หานซานเฉียนจะรู้สึกว่ารถหยุดลง แต่เขาก็ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ปลดผ้าปิดตาออกด้านหน้าของซูหยิงเซี่ยคือวิลล่าในสวนที่ดูอลังการเป็นพิเศษ นี่คือบ้านพักตากอากาศที่เฉินหลิงเหยา หาให้แน่นอนว่าสิ่งตรงหน้านี้แทบจะไม่เรียกว่าวิลล่าได้อีกต่อไป ซูหยิงเซี่ยพอใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่มาก แม้ว่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่รอบ ๆ แต่พื้นที่ของวิลล่าก็เพียงพอสำหรับทั้งสองคนที่จะทำอะไรก็ได้ตามต้องการโดยไม่มีใครได้ยินนอกจากนี้ในวิลล่ายังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ทำให้ทั้งสองสามารถว่ายน้ำกันได้ในช่วงปลายฤดูร้อน"มากับฉัน" ซูหยิงเซี่ยจับมือหานซานเฉียน แทบรอไม่ไหวที่จะเดินไปที่วิลล่าหานซานเฉียนยังคงมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เขาพอจะเดาได้ว่าซูหยิงเซี่ยต้องการจะทำอะไรซูหยิงเซี่ยเดินนำหานซานเฉียนไปที่ด้านข้
สำหรับความลับของสร้อยคอนั้น หานซานเฉียนไม่ได้อธิบายอะไรมาก เป็นเวลานานมากแล้วที่ตี้สู่ไปที่เรือนจำตี้ซิน แต่อุปกรณ์สัญญาณไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ไม่ว่าเขาจะเสียชีวิตในเรือนจำตี้ซิน หรือว่าไม่มีช่องทางส่งสัญญาณ ล้วนแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับหานซานเฉียนหากไม่มีตี้สู่ เขาจะไม่สามารถรู้สถานการณ์ในเรือนจำตี้ซินได้ แถมนั่นยังเป็นหนทางเดียที่จะตรวจสอบได้ว่าหานเทียนหยางอยู่ในเรือนจำตี้ซินไหรือไม่ในอดีตหานซานเฉียนไม่กล้าเสี่ยงชีวิตของเขา แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขามีความสามารถพอที่จะผ่านมันไปได้ ตราบใดที่เขาสามารถใช้พลังนี้ให้เกิดประโยชน์ แม้ว่าเรือนจำตี้ซินจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่หานซานเฉียนก็ยังมีโอกาสที่จะหลบหนีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ"ของสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับผม เพราะมันเกี่ยวข้องกับคุณปู่ของผม" หานซานเฉียนกล่าวนับตั้งแต่ที่ซูหยิงเซี่ยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียน เธอก็รู้เรื่องตระกูลหานในเหยียนจิงไม่น้อย และยังรู้ว่าหานซานเฉียนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในตระกูลหานในเหยียนจิงอย่างไรบ้างแต่ปู่ของเขา หานเทียนหยาง ตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?"นี่เป็นสมบัติที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้คุณเหรอคะ?
ก่อนที่จะถามคำถามนี้ เหยียนจุนก็ได้เดาคำตอบไว้แล้ว เพราะเขาเฝ้าดูหานซานเฉียนเติบโต และเขาก็รู้จักหานซานเฉียนดีกว่าใครในตระกูลหานเสียอีก"คุณรู้จักเรือนจำตี้ซินแค่ด้านเดียว ที่นั่นเป็นสถานที่อันตรายที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้ ถ้าไปที่นั่น โอกาสที่จะกลับมานั้นมีน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์" เหยียนจุนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม"คุณปู่เหยียน ก่อนที่ผมจะฆ่าหานหลง คุณคิดว่าผมมีโอกาสเท่าไหร่?" หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม"ไม่มีโอกาส" เหยียนจุนกล่าวหานซานเฉียนผายมือและพูดว่า "นั่นแสดงว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมแล้ว อย่างน้อยผมก็ยังมองเห็นโอกาส"ประโยคนี้ทำให้เหยียนจุนยิ้มอย่างขมขื่น หากเป็นคนอื่น ถ้าต้องเผชิญกับโอกาสเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจเลือกล่าถอย แต่หานซานเฉียนกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี นี่คือจุดเริ่มต้นของความแตกต่าง ที่เขาสามารถมาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะนิสัยนี้และความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง"แล้วเธอล่ะ? ถ้ากลับมาไม่ได้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเธอจะเป็นอย่างไร" เหยียนจุนมองไปที่ซูหยิงเซี่ยที่ไม่รู้อะไรเลยในสวนผักแล้วพูดขึ้นนี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่หานซานเฉียนเผชิญ แต่วันนี้เขาได้คิดแล
"หรือเราจะซื้อที่นี่ดี เมื่อมีเวลาก็มาพักผ่อนที่นี่กัน ดีไหม?" หานซานเฉียนเสนอ"ดีค่ะ แต่คุณแน่ใจเหรอว่าเจ้าของจะขายมันให้เรา?" ซูหยิงเซี่ยกล่าว"ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมให้ม่อหยางไปจัดการเรื่องนี้ เขาต้องมีวิธีแน่" หานซานเฉียนกล่าวเมื่อกลับมาที่หยุนเฉิง หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดทั้งสองก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านในคืนนั้น เพราะเหอถิงและซูกั๋วเย่ายังคงอยู่ที่บ้าน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าส่งเสียงดังมากเกินไปวันรุ่งขึ้น หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยไปทำงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวหานซานเฉียนไม่ได้สั่งให้จงเหลียงไล่มี่เฟยเอ๋อร์ออก แต่มี่เฟยเอ๋อร์ก็ชดใช้ไม่น้อยกับความผิดในการทำงานของเธอเมื่อมี่เฟยเอ๋อร์เห็นหานซานเฉียน ดวงตาของเธอก็ดูซับซ้อนอย่างมากนับตั้งแต่ที่เธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียน เธอก็รู้ว่าตัวเองนั้นโง่เง่ามากแค่ไหน เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเคยดูถูกเขาเธอเคยเพ้อฝันว่าจะได้คบกับเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ดูถูกและเยาะเย้ยเจ้านายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า พฤติกรรมโง่ ๆ แบบนี้ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้อี
หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว จงเหลียงก็หายใจถี่และนั่งลงบนโต๊ะทำงานอยู่ในตระกูลหานมานานหลายปี จงเหลียงไม่เคยได้รับมอบหมายหน้าที่ที่สำคัญอะไร แต่เขารู้ว่าตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าเขาแล้วตระกูลหานในเหยียนจิง อนาคตจะต้องถูกควบคุมโดยนายน้อยหานซานเฉียนคนนี้แน่นอน และเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ที่สำคัญจากหานซานเฉียน ก็เท่ากับเขาเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลหาน สิ่งนี้ไม่เพียงนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่อนาคตของเขาเท่านั้น แต่ตระกูลจงรุ่นต่อไปก็จะได้รับเกียรตินี้เช่นกันด้วยความสามารถของหานซานเฉียน ในอนาคตเขาจะสามารถพัฒนาตระกูลหานไปถึงระดับที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอนและตระกูลหานในอเมริกาอาจรวมอยู่ในกระเป๋าของหานซานเฉียนด้วย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับจงเหลียง“นายน้อย ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ ผมจะคว้ามันไว้อย่างดีเลยครับ”ณ จัตุรัสเหรินหมินครั้งหนึ่งหานซานเฉียนเคยประสบความสำเร็จในการพลิกกลับที่นี่ซึ่งทำให้ผู้คนในหยุนเฉิงประหลาดใจ เจียงฟู่สั่งให้เขาคุกเข่าลง แต่ตอนนี้ตระกูลเจียงได้หายตัวไปจากหยุนเฉิงแล้ว หลายคนในหยุนเฉิงที่ปฏิบัติต่อหานซานเฉียนเหมือนขยะในอดีตก็เ
ในเวลานี้ ชิงอวิ๋นก็ล้มลงกับพื้น มีกองเลือดที่น่าตกใจจำนวนมากคนที่สัญจรไปมาต่างก็มองไปที่ชิงอวิ๋นด้วยความสยดสยอง"ลูกพี่ ผมขอเหลือมือไว้กินข้าวแค่ข้างเดียว" ชิงอวิ๋นกล่าวกับหานซานเฉียนด้วยสีหน้าเจ็บปวดหานซานเฉียนพยักหน้า หันหลังและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาไม่ได้คาดหวังว่าชิงอวิ๋นจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ แต่เนื่องในเมื่อเขาทำถึงขนาดนี้ หานซานเฉียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่าเขาขยะที่เหลือมือเพียงข้างเดียวจะสามารถทำอะไรเขาได้กันล่ะ?ชิงอวิ๋นล้มลงในจัตุรัสเหรินหมิน มีคนใจดีเรียกรถพยาบาลให้เขา แต่หลังจากมาถึงโรงพยาบาล ชิงอวิ๋นก็รักษาเพียงแค่ห้ามเลือดเท่านั้น เขาไม่ได้ขอให้แพทย์ช่วยรักษาในเชิงลึก และเมื่อมีคนเข้าไปใกล้ ชิงอวิ๋นก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้ทีมแพทย์งงงวยกันมากเขาอยากจะให้ตัวเองพิการเหรอ?คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าใจสภาพจิตใจของชิงอวิ๋นได้ แต่เขารู้ว่าถ้าหากอาการบาดเจ็บพวกนี้หายดีเขาก็จะต้องตายทางรอดเดียวคือต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตแบบนี้คลับเมจิกซิตี้เมื่อหานซานเฉียนบอกม่อหยางและคนอื่น ๆ ว่าเขาจะไปเรือนจำตี้ซิน เขาพบกับการต่อต้านที่รุนแรง และไม่ใช่แค่ม่อหยางคนเดี