“หมอจีนอะไร ทำไมต้องแนะนำหมอให้ฉัน?” หานซานเฉียนถามอย่างงงงวยหยางซิ่งยิ้มและพูดว่า "พี่ซานเฉียน พี่ไม่ต้องอายหรอกครับ ทุกคนเป็นผู้ชาย และต่างก็เข้าใจความทุกข์หากเวลาสั้นเกินไป อันที่จริงเรื่องนี้ก็โทษพี่ไม่ได้ ผู้หญิงสวยแบบนั้นมันก็คงจะควบคุมไม่ได้เป็นธรรมดา”หานซานเฉียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นหยางซิ่งก็ร้องโอดครวญเพราะถูกทุบตี“พี่ซานเฉียน พี่ตีผมทำไม ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า?” หยางซิ่งพูดพร้อมกับเอามือกุมศีรษะด้วยความเสียใจหานซานเฉียนโกรธมากจนอยากจะฆ่าใครสักคน แต่การทุบหยางซิ่งนั้นถือว่าเบามากแล้ว“เธอคือหานเหยียน นายยังคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างฉันกับเธออยู่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างโกรธเคืองหยางซิ่งตกใจ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า สมควรแล้วที่ถูกทุบตี“พี่ซานเฉียน ผมคิดผิดไปไกลเลย ขอโทษครับพี่” หยางซิ่งกล่าวหานซานเฉียนจ้องมาที่เขา ทำให้หยางซิ่งกลัวมากจนรีบวิ่งหนีออกไปหลังจากออกจากหมู่บ้านเฉิงจง หานซานเฉียนก็กลับบ้านฉี๋อีหยุนที่เตรียมใจว่าจะไม่ได้เจอหานซานเฉียนเป็นเวลาสองสามวัน รู้สึกประหลาดใจมากที่เขากลับมาอย่างกะทันหัน“ทำไมคุณกลับมาเร็วจัง มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่
"คุณไม่เคยได้ยินคำว่าจิตใจผู้หญิงก็เหมือนงูพิษเหรอ?" ฉี๋อีหยุนไม่ได้ซ่อนด้านที่ชั่วร้ายของเธอ ในทางกลับกันเธออยากจะแสดงตัวตนที่แท้จริงของเธอต่อหน้าหานซานเฉียนให้มากที่สุด เพื่อที่หานซานเฉียนจะได้รู้จักตัวตนของเธอจริง ๆถึงการเสแสร้งจะให้ถูกใจผู้คนมากกว่า แต่ฉี๋อีหยุนคิดว่าเมื่อการเสแสร้งถูกเปิดโปงมันจะยิ่งน่าขยะแขยงมากกว่าทุกสิ่งที่ฉี๋อีหยุนทำ เธอได้คิดในมุมของหานซานเฉียนแล้ว และดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเธอไปแล้ว“หานเหยียนไม่ได้โง่ขนาดที่จะปล่อยจุดอ่อนไว้ในมือของผม” หานซานเฉียนพูด"ถ้าไม่สุดหนทางจริง ๆ เธอก็คงไม่ทำแบบนั้นแน่ แต่คุณสามารถบีบเธอไปสู่ทางตันได้ ฉันเชื่อว่าความไม่พอใจของเธอจะทำให้เธอสามารถทำเรื่องบ้า ๆ ได้ทุกอย่าง" ฉี๋อีหยุนกล่าวสุดหนทาง?ระดับไหนถึงจะเรียกว่าสุดหนทางกันล่ะ จุดนี้มันไม่มีความชัดเจน และเขาทำได้เพียงค่อย ๆ มองหาด้วยตัวเอง"ตอบแทนคำแนะนำของคุณ วันนี้ผมจะเลี้ยงข้าวคุณ เป็นไง?" หานซานเฉียนกล่าว"ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" ฉี๋อีหยุนลุกขึ้นจากโซฟาโดยไม่ลังเล เธอไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงมื้ออาหารธร
“หน้าตาสวยแล้วยังไงล่ะ อยู่กับขยะอย่างเขา ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็กลายเป็นหญิงแก่หน้าเหลืองอยู่ดี” มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม"พี่เฟยเอ๋อร์ พี่ไม่รู้ว่าพี่หาน..." พูดถึงตรงนี้ หยางเหมิงก็ปิดปากของตัวเองทันที เธอเกือบจะโพล่งตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียนออกมาซะแล้ว“รู้อะไร?” มี่เฟยเอ๋อร์ถามอย่างงุนงง"ไม่...ไม่มีอะไร" หยางเหมิงรีบปกปิดความตื่นตระหนกและพูดว่า "พี่เฟยเอ๋อร์ รีบกลับบ้านกันเถอะ ฉันต้องทำอาหารอีก ฉันหิวจนท้องร้องแล้ว"มี่เฟยเอ๋อร์ก้าวไปขวางหน้าหยางเหมิงและพูดว่า "เด็กน้อย ตอนนี้เธอกำลังปกปิดฉันอย่างงั้นเหรอ"หยางเหมิงก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้ามองหน้ามี่เฟยเอ๋อร์ เพราะหากยังไม่ได้รับการอนุญาติจากหานซานเฉียน เธอก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาแก่มี่เฟยเอ๋อร์“พี่เฟยเอ๋อร์ ฉันไม่มีอะไรปกปิดพี่จริง ๆ” หยางเหมิงกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์กัดฟัน เธอแน่ใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหานซานเฉียน และไมรู้ว่าไอ้ขยะนั่นได้ล้างสมองอะไรหยางเหมิงอีก“ก็ได้ ฉันจะไม่บังคับเธอ รอเขากลับมา ฉันค่อยไปถามเขาเอาเอง ถ้าเขากล้าโกหกเธอ หรือว่าทำร้ายเธอล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่” มี่เฟยเอ๋อ
เดิมทีร้านอาหารมีลูกค้าไม่มากนัก แต่เพราะการปรากฎตัวของฉี๋อีหยุนทำให้ตอนนี้ประชากรแน่นขนัด และไม่มีที่นั่งว่างเหลืออยู่แล้ว แถมยังมีคนจำนวนมากเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไม่ยอมจากไปไหน หานซานเฉียนถอนหายใจ และเขาก็ได้ยินการคาดเดาจากเหล่าฝูงชนไปต่าง ๆ นา ๆหลายคนคิดว่าฉี๋อีหยุนเป็นดารา ในสายตาของพวกเขาดูเหมือนว่า มีเพียงดาราเท่าถึงจะมีหน้าตาสวยงามแบบนี้ได้"ในเมื่อฉันมีพลังดึงดูดขนาดนี้ คุณไม่พิจารณาให้ฉันเป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวหน่อยเหรอ บางทีฉันอาจช่วยให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวให้ได้รับความชื่นชอบมากขึ้นในหยุนเฉิงนะ" ฉี๋อีหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มหานซานเฉียนตกตะลึง ข้อเสนอนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวจะเพิ่มอิทธิพล แต่หากมีทางลัดที่สามารถทำได้ นี่ก็เป็นวิธีที่ดีทีเดียว ดูจากพลังดึงดูดของฉี๋อีหยุนในวันนี้ มันอาจจะได้ผลจริง ๆ ก็ได้แต่หานซานเฉียนไม่แน่ใจว่าซูหยิงเซี่ยจะคิดอย่างไรหลังจากรู้เรื่องนี้ "หยุดก่อน ผมไม่อยากให้หยิงเซี่ยสงสัยความสัมพันธ์ของเรา" หานซานเฉียนกล่าวหัวใจของฉี๋อีหยุนบีบรัด เป็นเพราะซูหยิงเซี่ยอีกแล้ว ความสัมพ
“หยิงเซี่ย คืนนี้ลูกก็จะไม่กลับบ้านเหรอ?” เจี่ยงหลานถามซูหยิงเซี่ยที่อยู่ปลายสายกำลังกินอาหารเย็นกับเฉินหลินเหยาอยู่ และเธอก็ตั้งใจว่าคืนนี้จะไปนอนค้างที่บ้านของเฉินหลินเหยา"แม่คะ แม่โทรหาลูกมีอะไรรึเปล่าคะ?" ซูหยิงเซี่ยถาม“มีสิ มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากด้วย ลูกรีบกลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้เลย”เจี่ยงหลานกล่าว“ได้ค่ะ หลังจากินข้าวเสร็จแล้วลูกจะรีบกลับไป”หลังจากวางสายเฉินหลินก็ถามซูหยิงเซี่ย "มีอะไรเหรอ?""แม่ของฉันบอกว่ามีเรื่องร้ายแรง แต่ฉันเดาว่าเธอคงเอะอะไปเองมากกว่า" ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้"ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณป้า ทำไมถึงได้ต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหานซานเฉียนนัก?" เฉินหลินเหยาถามด้วยความงงงวย เธอได้ยินซูหยิงเซี่ยบ่นเรื่องนี้บ่อย ๆ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าเจี่ยงหลานทำอะไรบ้าง และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกไม่เข้าใจเอาซะเลยในอดีตตอนที่หานซานเฉียนยังเป็นคนกระจอกอยู่ เจี่ยงหลานยุยงความขัดแย้งก็แล้วไป แต่ตอนนี้เธอไม่เข้าใจเหรอว่าที่ตระกูลมีทุกอย่างในวันนี้ได้ก็เพราะหานซานเฉียน?ถ้าไม่ใช่เพราะหานซานเฉียน เธอจะได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาได้อย่างไร และเธอจะม
"หยิงเซี่ยลูกตาบอดหรือเปล่า หลักฐานอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ลูกยังจะปกป้องมันอีกเหรอ?" เจี่ยงหลานพูดด้วยความโกรธ เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าซูหยิงเซี่ยถูกวางยาพิษชนิดใด ทำไมถึงได้มั่นคงกับหานซานเฉียนนัก เธอไม่รู้เลยเหรอว่าหานซานเฉียนจะนำวิกฤตอะไรมาสู่ตระกูลซูบ้าง?และตอนนี้ความจริงที่ว่าเขานอกใจ ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ซูหยิงเซี่ยตัดขาดกับเขาได้อีกเหรอ? "นั่นคืออีหยุน อีหยุนเป็นเพื่อนสนิทของลูก เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีความสัมพันธ์กับซานเฉียน" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเมื่อได้ยินคำว่าอีหยุน เจี่ยงหลานก็ผงะทันที เธอเคยเห็นผู้หญิงในรูปมากกว่าหนึ่งครั้ง จะเป็นฉี๋อีหยุนได้อย่างไร"ดวงตาของลูกฝ้าฟางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หน้าตาของอีหยุนธรรมดาจะตายไป เธอจะเป็นคนในรูปนี้ได้ยังไง" เจี่ยงหลานกล่าวฉี๋อีหยุนที่สวมแว่นตานั้นธรรมดาจริง แต่ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าฉี๋อีหยุนมีรูปลักษณ์อย่างไรหลังจากถอดแว่นตา เธอไม่มีทางจำผิดแน่"แม่คะ นี่คืออีหยุนจริง ๆ พวกเขาอาจจะแค่ไปทานข้าวด้วยกันเฉย ๆ ก็ได้" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเจี่ยงหลานกัดฟัน นี่เป็นโอกาสที่จะจู่โจมหานซานเฉียนได้ เป็นฉี๋อีหยุนแล้วอย่างไร ทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันไม่ไ
เป็นไปได้ไง!คนไร้ประโยชน์อย่างเขาไปเอาความกล้ามาจากที่ไหน หากหย่าแล้วเขาจะไม่เหลืออะไรเลยเจี่ยงหลานรอจนถึงตีสอง ซูกั๋วเย่าก็ยังไม่กลับมา แต่เธอก็คิดว่าอย่างไรซะซูกั๋วเย่าก็ต้องขอความเมตตาแน่นอน แต่คราวนี้อาจใช้เวลานานกว่าเดิมเท่านั้นเอง"อยากให้ฉันกลัวงั้นเหรอ? ซูกั๋วเย่า คนไร้ประโยชน์อย่างคุณไม่มีสิทธิ์" หลังจากพูดกับตัวเอง เจี่ยงหลานก็นอนหลับไป เธอแน่ใจมากว่าพรุ่งนี้เช้าพอเธอลืมตาขึ้นมา ซูกั๋วเย่าจะต้องรีบเอาอาหารเช้ามาให้เพื่อขอโทษเธออย่างแน่นอนซูกั๋วเย่าอยู่ในห้องเก็บของ หัวใจของเขายังคงมั่นคงไม่หวั่นไหว เขาไม่กลัวคำว่าหย่าอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกโล่งใจเสียมากกว่า ดูเหมือนว่าการหย่าเท่านั้นที่จะทำให้เขาค้นพบการใช้ชีวิตอีกครั้งแม้ว่าเขาจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเอาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายกลับมาได้คราวนี้ซูกั๋วเย่าเป็นผู้ชายยืนยัดและสง่างาม!เช้าวันรุ่งขึ้น เจี่ยงหลานตื่นขึ้นมาไม่เห็นอาหารเช้า แถมยังไม่เห็นซูกั๋วเย่า เธอรู้สึกโกรธมากจึงรีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นซูกั๋วเย่ากำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร เจี่ยงหลานก็ตะโกนขึ้นมาทันที "ซูกั๋วเย่า คุณไม่เอา
ท่าทีของซูกั๋วเย่าแตกต่างจากปกติ แต่เจี่ยงหลานยังคงทำสีหน้าเย้ยหยัน จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่คิดว่าซูกั๋วเย่าจะกล้าหย่ากับเธอจริง ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ซูกั๋วเย่าเป็นแค่คนกระจอกที่ไม่เคยตีและไม่เคยเถียงกลับเจี่ยงหลาน แล้วจู่ ๆ เขาจะแข็งข้อขึ้นมาได้อย่างไร"ซูกั๋วเย่า วันนี้ไม่ว่าคุณจะอ้อนวอนฉันยังไง ฉันก็จะไม่มีวันยกโทษให้คุณแน่" เจี่ยงหลานพูดอย่างเย็นชาหลังอาหารเช้า ซูกั๋วเย่ารออยู่ที่ประตู พอเจี่ยงหลานเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเธอก็เดินไปที่ประตูด้วยท่าทางมั่นใจและพูดว่า "ไปสิ คุณคิดว่าฉันจะกลัวคุณรึไง?"ซูกั๋วเย่าขับรถไปจนถึงสำนักงานกิจการพลเรือน ตลอดเส้นทางเจี่ยงหลานก็พูดเสียดสีและเยาะเย้ยซูกั๋วเย่ามากมาย เพราะในใจของเธอยังคงคิดว่าซูกั๋วเย่าไม่มีทางกล้าหย่ากับเธอแน่นอนแม้ว่าเขาจะแสดงได้จนถึงวินาทีสุดท้าย แต่เจี่ยงหลานก็เชื่อว่าในที่สุดเขาต้องขอความเมตตาจากเธออยู่ดี หลังจากมาถึงสำนักงานกิจการพลเรือนก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นต่อหน้าซูกั๋วเย่า มีคนรอหย่าร้างมากกว่าคนรอจดทะเบียนสมรสเสียอีก "ดูเหมือนว่ากระแสการหย่ากำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้นะ ไม่คิดเลยว่าอายุปูนนี้แล้วฉันยังตามกระ