หลังจากพูดจบ ซู่กั๋วเย่าก็ผลักเจียงหลานออกจากบ้าน ในตอนนี้ ที่สุดซูกั๋วเย่าก็รู้สึกว่าเขาได้เป็นผู้ชาย จริง ๆ สักที“ซูกั๋วเย่า ฉันจะทำให้คุณเสียใจ และจะทำให้คุณได้รู้ถึงผลที่ตามมาของการทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะทำให้คุณตายพร้อมกับไอ้ขยะนั่นหานซานเชียนนั่น!” เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของเจี่ยงหลานดังมาจากประตู แต่ซูกั๋วเย่าไม่สะทกสะท้านสักนิด เขารู้ดีว่าอย่างไรเจี่ยงหลานก็ต้องไม่พอใจ และจะต้องหาทางแก้แค้นเขาทุกวิถีทาง แต่แล้วอย่างไรล่ะ? หากต้องให้เขายอมใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปให้เขาตายเสียยังดีกว่า“เหอถิง เทน้ำเย็นให้ฉันแก้วนึง” ซูกั๋วเย่ากลับมาที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดขึ้นเหอถิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลซู และไม่ถามและไม่ออกความเห็นอะไรมาจนถึงตอนนี้ในสายตาของเหอถิง ไม่ช้าก็เร็วเจี่ยงหลานจะต้องจุดไฟเผาตัวเอง แม้ว่าเวลาจะมาถึงเร็วกว่าที่เธอคิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอประหลาดใจ ผู้หญิงที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อรนหาความตายจะจบลงด้วยดีได้อย่างไร?"คุณจะแจ้งหยิงเซี่ยไหมคะ?" หลังจากเดินถือน้ำไปให้ซูกั๋วเย่า เหอถิงก็ถามขึ้น"เดี๋ยวฉันจะไปบริษัทของเธอสักหน่อย ป้องกันไม่ให้เ
หาคนไปฆ่าหานซานเฉียนอย่างงั้นเหรอ!สำหรับซูหยิงเซี่ยคำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเจี่ยงหลานไม่ต้องการให้หานซานเฉียนกลับมาที่ตระกูลซู แต่เธอไม่คิดเลยว่าเจี่ยงหลานจะมีเจตนาร้ายเช่นนี้!“พ่อคะ ทุกอย่างที่พ่อพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามซู่กัวเหยาด้วยใบหน้าเย็นชา"เป็นความจริงแน่นอน ทุกสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับหานซานเฉียน เธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง พ่อไล่เธอออกไปเพราะเห็นแก่ความสงบสุขของตระกูลซู" ซูกั๋วเย่ากล่าว ตอนนี้คนที่สามารถตัดสินใจเรื่องในตระกูลซูได้คือซูหยิงเซี่ย ดังนั้นที่เขาขับไล่เจี่ยงหลานออกไปนั้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เว้นแต่ซูหยิงเซี่ยจะเห็นด้วยกับเขาเธอเป็นเจ้าบ้าน และเธอต้องไปลงความเห็นกับฝ่ายทรัพย์สิน เจี่ยงหลานถึงจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงอีก"พ่อคงไม่ได้โกหกหนูเพียงเพราะใส่ร้ายแม่หรอกใช่ไหมคะ" ซูหยิงเซี่ยถามซูกั๋วเย่า ทั้งสองคนหย่าร้างกันแล้ว แต่เธอคือผู้ตัดสินใจได้ว่าใครมีสิทธิ์อยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขา ซูหยิงเซี่ยจึงคิดว่าซูกั๋วเย่าอาจจงใจใส่ร้ายเจี่ยงหลานเพราะเรื่องนี้“สิ่งที่พ่อพูดคือเรื่องจริงทั้งหมด
เฉินหลิงเหยาหัวเราะและพูดว่า "พวกเธอคงไม่ได้ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์วันเกิดฉันใช่ไหม อีกตั้งสามวันกว่าจะถึงวันเกิดฉันนี่นา""คนที่ฉลาดเกินไปมักจะไม่ได้เซอร์ไพรส์" ฉี๋อีหยุนกล่าวเฉินหลิงเหยาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดว่า "ใช่ ใช่ ฉันห้ามฉลาดเกินไป ฉันจะออกไปทำงานต่อแล้ว พวกเธอค่อย ๆ คุยกัน"ฉี๋อีหยุนเดินไปที่โต๊ะทำงานของซูหยิงเซี่ยและนั่งลงซูหยิงเซี่ยลดศีรษะลง ไม่กล้ามองตาของฉี๋อีหยุน หรืออีกอย่างคือ เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ฉี๋อีหยุนกำลังจะพูดต่อไปนี้"ฉันวางแผนที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว และช่วยบริษัทสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้นในหยุนเฉิง" ฉี๋อีหยุนกล่าวซูหยิงเซี่ยกัดฟันและพูดว่า "เมื่อวานนี้เธอกับหานซานเฉียนทานอาหารเย็นด้วยกันเหรอ?"ฉี๋อีหยุนชำเลืองมอง เธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แถมท่าทางของเธอก็ดูเหมือนต้องการหลบหนีจากบางสิ่ง"เธอคงไม่คิดว่าฉันมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาหรอกใช่ไหม?" ฉี๋อีหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเธออยากจะบอกซูหยิงเซี่ยว่าเธออาศัยอยู่กับหานซานเฉียน แต่ฉี๋อีหยุนรู้ว่าถ้าเธอทำแบบนั้นจริง ๆ หานซานเฉียนจะต้องไล่เธอออกจากบ้านใน
เมื่อฉี๋อีหยุนบอกซูหยิงเซี่ยเกี่ยวกับภูมิหลังและปัญหาที่เธอรวมไปถึงความร่วมมือระหว่างเธอกับหานซานเฉียน ซูหยิงเซี่ยก็แทบจะจิตหลุดใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สายตาล่องลอย จิตวิญญาณโบยบินออกไปข้างนอก นานกว่าจะกลับคืนสู่ร่าง ในสายตาของซูหยิงเซี่ย เธอนึกว่าฉี๋อีหยุนเป็นเด็กจากครอบครัวที่ยากจน ต้องทนทุกข์ทรมานมากตั้งแต่เด็ก และรู้สึกด้อยค่าจนไม่กล้าใช้ความสวยของตัวเองไปเผชิญกับโลกภายนอกแต่ตอนนี้ ซูหยิงเซี่ยรู้แล้วว่าความคิดของเธอนั้นโง่เง่าแค่ไหน ครอบครัวของฉี๋อีหยุนนั้นยิ่งใหญ่กว่าตระกูลซูเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลในพื้นที่จีนของสหรัฐอเมริกา หรือสินทรัพย์ทางการเงิน ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยก็เทียบไม่ได้เลยทันใดนั้นใบหน้าของซูหยิงเซี่ยก็แดงราวกับลูกแอปเปิ้ล เธอเคยแอบเปลี่ยนยาสีฟันและแชมพูให้ฉี๋อีหยุน เพราะกลัวว่าถ้ามันหมดแล้วเธอจะไม่กล้าบอกจนกระทั่งวันนี้เองซูหยิงเซี่ยถึงได้รู้ว่าการประหยัด เพื่อแอบซื้อของใช้ไปเปลี่ยนให้ฉี๋อีหยุนมันเป็นเรื่องที่โง่เขลามาก เธอไม่ต้องการการดูแลในด้านนี้เลยด้วยซ้ำ! เธอต่างห่างที่เป็นเจ๊ตัวจริง แถมยังหลบซ่อนมาตลอด"อีหยุน ครอบครัวของเธอร่ำรวยสุด
"เรื่องของเจียงหูก็คือเรื่องของเจียงหู อย่าโยงผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้องด้วย ฉันคิดว่านายเข้าใจเรื่องดีกว่าฉันซะอีก" หานซานเฉียนกล่าวนิ่ง ๆ ภรรยาของม่อหยางต้องจบชีวิตเพราะฉางปินทำผิดกฎ ดังนั้นในมุมมองของหานซานเฉียน เขาน่าจะยืนหยัดในเรื่องนี้มากเสียอีกม่อหยางถอนหายใจ เขาเชื่อในคำกล่าวที่คนหนึ่งทำผิดก็แบกรับไว้คนเดียวอย่าพาดพิงถึงครอบครัว แต่เมื่อเจอกับคนอย่างหลิวต้า เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริง ๆ“นายไม่ได้เจอหลิวต้า ถึงได้ไม่รู้ว่าตอนนี้มันบ้าถึงขนาดไหนแล้ว ฉันจะบอกนายให้ก็แล้วกัน ตอนนี้มันกล้าที่จะอยากได้ตำแหน่งหัวหน้าส่วนกลางแล้วด้วยซ้ำ” ม่อหยางกล่าว"ไม่ใช่หรอกมั้ง?" หานซานเฉียนประหลาดใจ หลิวต้าบ้าเกินไปแล้วจริง ๆ ด้วยคำสัญญาที่หานเหยียนให้ไว้เขายังกล้าที่จะจินตนาการถึงความเกินจริงไปมากได้ขนาดนี้ม่อหยางผายมืออย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "ฉันไม่ได้พูดไปเรื่อย ถ้านายไม่เชื่อก็แค่ถามหลินหย่งสิ"หานซานเฉียนมองไปที่หลินหย่ง และก่อนที่เขาจะทันได้ถาม หลินหย่งก็พูดขึ้นก่อนว่า "พี่ซานเฉียน ตอนนี้หลิวต้ามันบ้ามากจริง ๆ ครับพี่""ดูเหมือนว่าต้องให้หานเหยียนสาดน้ำเย็นใส่หน้ามันสักขัน" หานซานเ
หลังจากได้รับที่อยู่ของหานเหยียนแล้ว หานซานเฉียนก็ไปตามที่นัดหมายลำพัง หลังจากไปถึงแล้วเขาถึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย หานเหยียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู จนเคยชินกับคุณภาพชีวิตระดับสูง แล้วจะมาอาศํยอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร?อาคารของที่นี่มันดูล้าสมัยมาก ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นคนชราไม่ก็แรงงาน ไม่มีคนหนุ่มสาวเลยแม้แต่คนเดียวหานซานเฉียนรู้สึกแปลก ๆ แม้ว่าหานเหยียนและหานเฟิงจะแตกหักกัน แต่ในฐานะลูกคุณหนูอย่างเธอ ไม่มีทางที่จะอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้แน่นอน นิสัยของเธอนั้นหยิ่งยโสจนเธอไม่สนใจคนทั้งประเทศ ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอมีวิสัยทัศน์สูงส่งแค่ไหนณ ประตูชุมชน หานซานเฉียนกดโทรหาหานเหยียน หลังจากมีคนรับสายก็ถามขึ้นทันทีว่า "ฉันไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ส่วนไหน มารับฉันที่ประตูก็แล้วกัน"หานเหยียนที่อยู่ปลายสายอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดว่า "ฉันส่งให้นายอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ? นายมาตามที่อยู่ที่ฉันส่งไปให้สิ"หานซานเฉียนรู้สึกถึงความเร่งรีบจากน้ำเสียงของหานเหยียน แม้ว่าเธอจะจงใจซ่อนมันเอาไว้ แต่ก็ยังมีน้ำเสียงที่ผันผวนทำไมเธอถึงต้องรีบร้อน และทำ
"ไปช่วยเขาตอนนี้เลยไหม?" หานเหยียนกัดฟัน แผนการดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว จะปล่อยให้หานเฟิงรอดได้อย่างไร การรอดชีวิตของเขาจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเธอ“คุณหนู ถ้าหานซานเฉียนไม่ปรากฏตัว นายท่านจะต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่นอน เขาอาจไม่ฆ่าคุณหนู แต่ผมไม่รอดแน่” ตี้หยางบอกกับหานเหยียนอย่างกระวนกระวาย เขาคิดว่าแผนนี้สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมาก แต่ตอนนี้มีบางอย่างผิดพลาด ตี้หยางจึงเริ่มตื่นตระหนก แม้ว่าเขาจะมีพลังมาก แต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนีจากการตามล่าของตระกูลหานได้ และเมื่อใดก็ตามที่ตระกูลหานประกาศว่าเขาไม่ใช่สมาชิกของตระกูลหานอีกต่อไป ศัตรูมากมายก็จะโผล่ออกมาเอาชีวิตของเขาแน่นอน “ฉันจะโทรหาเขาอีกครั้ง” หานเหยียนพูดอย่างไม่เต็มใจขณะนี้หานซานเฉียนยืนอยู่ที่ประตูชุมชนยังไม่ได้กลับไป ในใจของเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเขาก็อยากรู้มากว่ามันคืออะไร จนอดไม่ได้ที่จะขึ้นไปดูที่ชั้นบนหากต้องการทราบข้อเท็จจริง วิธีเดียวคือต้องค้นหาด้วยตัวเองแต่นี่น่าจะเป็นกับดัก ดังนั้นหานซานเฉียนจึงลังเลมากหานซานเฉียนมองไปที่ร้านค้าใกล้เคียง เมื่อเขาเห็นกล้องวงจรปิดของร้านค้าร้านหน
ตอนนี้เขาพอจะเดาแผนการของหานเหยียนได้แล้ว หานซานเฉียนจึงไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน เพื่อให้โอกาสเธอได้ใส่ความเขา หลังจากได้เมมโมรี่การ์ดแล้ว หานซานเฉียนก็ขับรถออกไปจากที่นั่นทันทีตอนนั้นเองหานเหยียนก็โทรมาอีกครั้งและถามเขาว่าเขาจะไปถึงเมื่อไหร่ หานซานเฉียนอ้างว่าตัวเองมีธุระกะทันหัน ทำเอาหานเหยียนระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ"ไอ้ขยะ แกกลับไปแล้วได้ยังไง!" หานเหยียนทุบโทรศัพท์ของเธอแตกเป็นเสี่ยง ๆ แผนของเธอสมบูรณ์แบบ และพร้อมที่จะโทรหาพ่อของเธอเพื่อแจ้งข่าวแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะพังทลายลงแบบนี้"คุณหนู ถ้าคุณไม่ช่วยนายน้อย มันจะสายเกินไป" ตี้หยางเตือนหานเหยียนใบหน้าของหานเหยียนมืดมน ตอนนี้หานเฟิงอยากได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว ความสามารถในงานของเธอนั้นไม่มีความหมายเมื่อเทียบหานเฟิง คนส่วนใหญ่ในครอบครัวไม่เคยตั้งความหวังไว้กับเธอเลยดังนั้นสำหรับหานเหยียนคนปัจจุบัน โอกาสเดียวที่จะได้เป็นผู้นำตระกูลคือ การตายของหานเฟิงเท่านั้นตอนนี้เธอมาถึงจุดนี้แล้ว และไม่สามรถที่จะปล่อยให้หานเฟิงรอดชีวิตไปได้“ไม่ช่วย เขาต้องตายเท่านั้น ถ้าเขาไม่ตายแล้วฉันจะได้เป็นผู้นำตระกูลได้อย่างไร” หานเหยียนพูดเ