ลิฟต์ปิดลงอย่างช้า ๆ หัวใจของมี่เฟยเอ๋อร์จุกอยู่ที่ลำคอ เพราะกลัวว่าจะมีใครเดินเข้ามา จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดสนิท มี่เฟยเอ๋อร์ก็โล่งอก และรู้สึกได้ทันทีว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นมาก กลับถึงบ้าน หยางเหมิงได้เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว และกำลังมองคอมพิวเตอร์บนโต๊ะอาหารพร้อมกับขมวดคิ้ว “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าบึ้งแต่เช้า เธอไม่กลัวเป็นริ้วรอยเหรอ” มี่เฟยเอ๋อร์ถามหยางเหมิง “พี่เฟยเอ๋อร์ ใครเป็นเจ้านายของบริษัทเรา ทำไมฉันหาไม่เจอเลย” หยางเหมิงถามมี่เฟยเอ๋อร์อย่างสงสัย เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกำลังจะไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ในการทำงาน เธอต้องเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทก่อน แต่เมื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวบนอินเทอร์เน็ต กลับพบว่าคอลัมน์ของประธานว่างเปล่า ไม่มีชื่อของใครสักคน และคนที่มีอำนาจมากที่สุดคือจงเหลียง ไม่ใช่เจ้านายตัวจริง “เธอโง่เหรอ ลืมไปแล้วเหรอที่ฉันเคยบอกเธอเรื่องเบื้องหลังของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว?” มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างหมดหนทาง “แน่นอนฉันจำได้ ไม่ใช่ตระกูลหานในเหยียนจิงเหรอ ฉันพยายามค้นหาแล้ว
"หยางเหมิง ฉันเตือนเธอแล้ว อย่าเข้าใกล้คนแบบนี้มากเกินไป เขาแค่แสแสร้งแกล้งทำเป็นเป็นคนใสซื่อ เพื่อโกหกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเธอ" มี่เฟยเอ๋อร์เตือนหยางเหมิง "พี่เฟยเอ๋อร์ ทำไมพี่ต้องอคติกับเขาขนาดนี้" หยางเหมิงถามอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่เธอได้พบกับหานซานเฉียนเป็นครั้งแรก มี่เฟยเอ๋อร์ก็เกลียดหานซานเฉียนมาก แต่ในความเห็นของหยางเหมิง หานซานเฉียนกลับไม่ 'ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ เขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นด้วยซ้ำ และเขาไม่ได้มองพวกเธอด้วยสายตาว่างเปล่า หยางเหมิงชอบหานซานเฉียนที่เป็นแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่ามีเฟยเอ๋อร์จะรู้สึกแตกต่างไปจากเธออย่างสิ้นเชิง มี่เฟยเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเธอเริ่มเกลียดหานซานเฉียนมาจากไหน อันที่จริงลึก ๆ ในใจของเธอนั้น ได้ซ่อนหัวใจที่อยากอยู่ภายใต้แสงสปอตไลท์ แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็หวังว่าจะเป็นจุดสนใจในทุก ๆ ที่ที่เธอไป แต่เมื่อเธอได้พบกับหานซานเฉียน ครั้งแรกหานซานเฉียนไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้มี่เฟยเอ๋อร์อารมณ์เสียอย่างมาก แต่เธอก็คิดแค่ว่าหานซานเฉียนแสร้งทำเป็นจริงจัง และแล้วหมาป่าในคราบลูกแกะแบบนี้ มี่เฟยเอ๋อร์ก็ระบุว่าเป็นบุคคลอันตราย ตามธรรมชาติของเธอ นี่แ
เมื่อชิงอวิ๋นเห็นหานซานเฉียน น้ำมูกน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา และที่ประตูสถานกักกัน เขากอดต้นขาของหานซานเฉียนและร้องไห้อย่างขมขื่น จ้องมองเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยความงุนงง คงจะสงสัยว่าผู้ชายคนนี้บ้าหรือเปล่า “พี่ ในที่สุดพี่ก็มาสักที พี่ไม่รู้หรอกว่าฉันถูกทำร้ายมามากขนาดไหน และฉันก็เกือบถูกข่มขืน” ชิงอวิ๋นเช็ดน้ำตา ดูเหมือนเจ็บปวดหัวใจ "นายสมควรได้รับการลงโทษ แม้แต่คนที่อยู่ในห้องขังก็ทนไม่ได้ในสิ่งที่นายทำ" หานซานเฉียนพูดอย่างเหยียดหยาม แม้ว่าจะเป็นนักโทษในสถานกักกัน หรือเรือนจำ แต่ก็มีการแบ่งชนชั้นเช่นกัน ซึ่งที่ชิงอวิ๋นโดนก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะถูกดูถูกรังแกอยู่ข้างใน “พี่ครับ ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ ผมผิดเอง พวกเธอจีบผมก่อน แต่เมื่อเห็นว่าผมไม่มีเงิน ไม่อยากโดนเอาเปรียบ พวกเขาเลยลอบกัดผม" ชิงอวิ๋นร้องไห้อย่างอดไม่ได้ "โลกนี้มีของฟรีด้วยเหรอ? นายคิดว่านายเป็นผู้ชายที่หล่อจนไม่มีใครเทียบได้ และผู้หญิงทุกคนจะยอมตกอยู่ในอ้อมแขนของนาย" หานซานเฉียนกล่าว ชิงอวิ๋นถอนหายใจและพูดว่า "พี่ ถ้าฉันมีรูปร่างหน้าตาของพี่ ฉันก็คงกอดซ้ายกอดขวาได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่เรามันช่างต่างกันเหลือเ
วันนี้ในหยุนเฉิง มีคนมากมายที่จับตามองซูหยิงเซี่ย นี่ไม่ใช่คำพูดที่ตื่นตระหนกของม่อหย่าง ในฐานะผู้หญิงที่สวยที่สุดในหยุนเฉิง ซูหยิงเซี่ยมีอิทธิพลอย่างมาก แม้ว่าจะมีข่าวลือว่ามีผู้หญิงที่สวยกว่า แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นด้วยตาของตัวเอง ดังนั้นในใจของหลาย ๆ คน ซูหยิงเซี่ยยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่ง นอกจากนี้การพัฒนาของบริษัทตระกูลซูในหยุนเฉิงนั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก ในฐานะประธาน ซูหยิงเซี่ยจึงเป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมากขึ้นไปอีก สาวสวยที่มีอาชีพการงานกลับมาโสดอีกครั้ง แล้วจะไม่มีใครไล่ตามจีบเธอได้อย่างไร? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ข่าวที่เผยแพร่โดยเจี่ยงหลานได้ดึงดูดคู่ครองเหล่านั้น เทพธิดาในระดับนี้ยังคงสมบูรณ์แบบ และไม่มีอะไรหรือสิ่งใดสามารถเทียบเทียมได้ อย่างไรก็ตาม หานซานเฉียนไม่ได้คำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ เขาเชื่อในตัวซูหยิงเซี่ย และการบ่มเพาะความสัมพันธ์เป็นเวลาสามปี ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะสามารถมีได้ คลับเมจิกซิตี้เปิดตรงเวลาเก้าโมงเช้า และมีคิวยาวที่ประตูตั้งแต่ตอนแปดโมงครึ่ง ในหยุนเฉิงไม่มีไนต์คลับที่ใดที่จะสามารถสร้างความตื่นเต้น และไม่ธรรมดาแบบนี้ได้ "เฟยเอ๋อร์ คืนนี้เราจ
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้ขอให้นายจ่ายเงินคืน ดังนั้นอย่าแสร้งทำเป็นยากจนต่อหน้าฉัน” หานซานชียนพูดอย่างรู้ทัน ม่อหยางยกยิ้มช้า ๆ และพูดย้ำอีกครั้ง "ฉันไม่ได้ทำเงินได้มากมายนักหรอก" “เอ๊ะ” เมื่อมองลงไปข้างล่าง จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ทำหน้าสงสัย “เจอคนรู้จักเหรอ?” ม่อหยางถามอย่างสงสัย "เพื่อนบ้านน่ะ ฉันไม่นึกว่าเธอจะมาสถานที่แบบนี้" หานซานเฉียนพูดอย่างคาดไม่ถึง การปรากฏตัวของมี่เฟยเอ๋อร์ในสถานที่แบบนี้เกินความคาดหมายของเขาจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าหญิงภูเขาน้ำแข็งองค์นี้จะเย็นชาแค่ภายนอก จริง ๆ แล้วในใจเธอนั้นยังมีไฟซ่อนอยู่ มองตามสายตาของหานซานเฉียน ม่อหยางก็เห็นมี่เฟยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ แต่คนที่สะดุดตาที่สุดคือมี่เฟยเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย และพูดด้วยรอยยิ้ม "เพื่อนบ้านของนายสวยมาก นายจะไม่เข้าไปหน่อยเหรอ?" "ฉันจะมีสิทธิ์อะไรไปยุ่ง เธอมีท่าทีเป็นศัตรูกับฉันมาก ในสายตาของเธอ ฉันก็คงเป็นแค่ไอ้กระจอก" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กระจอก! คำสองคำนี้ทำให้ม่อหยางประหลาดใจ มีคนยังมองว่าหานซานเฉียนเป็นไอ้กระจอกอยู่อีกหรอ? ไม่ต้องพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียน เพียงแค่รูปร่าง
"ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ขอโทษเพื่อนของผมด้วย" ในช่วงเวลาที่สำคัญ ฉินจ้าวก้าวไปข้างหน้า นี่เป็นโอกาสของเขาที่จะเป็นฮีโร่เพื่อกอบกู้ชื่อเสียง และเขาย่อมไม่พลาด ชายหนุ่มมองไปที่ฉินจ้าวอย่างดูถูกและพูดว่า "คุณเกี่ยวอะไร?" ฉินจ้าวไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับไอ้สารเลวแบบนี้ แต่เขาจะไม่ถอยต่อหน้ามี่เฟยเอ๋อร์ ถ้าเขาไม่สามารถปกป้องแบบลูกผู้ชายได้ เขาจะใช้อะไรเพื่อจีบมี่เฟยเอ๋อร์ในอนาคต? ฉินจ้าวคว้าคอเสื้อของชายหนุ่ม และขู่ด้วยการกัดฟัน "ไอหนู ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษเพื่อนของฉันซะ" ชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่มีเงินหรืออำนาจ แต่เขาก็ให้ความสำคัญศักดิ์ศรีมากกว่าสิ่งอื่นใด อาจกล่าวได้ว่าเขามีชีวิตอยู่เพื่อศักดิ์สรี ถ้าเขาต้องอับอายในที่สาธารณะ ในอนาคตเขาจะทำอย่างไร? “ไอ้บ้า คิดจะสู้กับฉัน มีความสามารถหรอ” ชายหนุ่มเตะหน้าท้องของฉินจ้าว ฉินจ้าวที่ไม่ทันตั้งตัว ถอยหลังไปหลายก้าว และล้มลงบนฟลอร์เต้นรำ ความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ในกรณีที่ไม่บานปลาย คลับเมจิกซิตี้จะไม่เข้ามาแทรกแซง ความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นทุกวัน และพวกเขาสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอ
“พี่ชาย ดูแลเพื่อนพี่อย่าให้ออกมาเล่นแบบนี้” หลังจากชายหนุ่มพูดจบ เขาก็ออกจากฟลอร์เต้นรำไป ฉินจ้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าธงของตระกูลเทียนยังคงมีประโยชน์ ไม่เช่นนั้นปัญหาในวันนี้ก็คงจะไม่ง่ายที่จะแก้ไขได้ “คุณเป็นอะไรไหม?” ฉินจ้าวถามมี่เฟยเอ๋อร์ “ไม่เป็นไร คุณเป็นยังไงบ้าง ไปโรงพยาบาลไหม?” มี่เฟยเอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วง เมื่อรู้สึกถึงความกังวลของมี่เฟยเอ๋อร์ ความเจ็บปวดของฉินจ้าวบริเวณช่องท้องของเขาก็ลดลงครึ่งหนึ่งในทันที และมันก็คุ้มค่ากับความพยายามที่จะให้มี่เฟยเอ๋อร์ดูแล “ไม่เป็นไร” ฉินจ้าวพูดพร้อมโบกมือ มี่เฟยเอ๋อร์ไม่ชอบฉินจ้าว แต่เมื่อเทียบกับหานซานเฉียนแล้ว จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าฉินจ้าวยังดูเป็นสุภาพบุรุษกว่า อย่างน้อยเขาก็กล้าที่จะออกมา แต่หานซานเฉียนทำได้เพียงแอบหนีไปพร้อมกับรอยเท้าของเขา แม้ว่าฉินจ้าวจะไม่เก่งเท่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในจิตนาการของเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความกล้าหาญ ไม่เหมือนผู้ชายอย่างหานซานเฉียนที่ไม่มีมันเลย มี่เฟยเอ๋อร์ไม่อยากจะพูด หยางเหมิงประทับใจอะไรกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าหลังจากกลับบ้าน หยางเหมิงจะต้องถูกล้างสมอ
“อู๋เฟิง คนไร้ค่าแบบนี้ไม่กล้าท้าทายคุณหรอก เขาคือคนที่คุณหนูต้องการจัดการเอง” หานชิงหัวเราะเบา ๆ ขอบสนาม เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในดวงตาของอู๋เฟิงก็แสดงออกถึงความดูถูก มันยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น และเขาพูดด้วยความเย้ยหยัน "ที่แท้เขาก็คือคนไร้ค่านี้คือคนที่ทำให้คุณหนูเสียเวลา และเป็นเพียงแค่ลูกไก่ในกำมือ ที่จะบีบก็ตาย ฉันแนะนำนะให้แก ทำตามคำขอของคุณหนู ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้ชีวิตแกแย่ยิ่งกว่าตาย" กล้ามเนื้อของหานซานเฉียนตึงขึ้น แม้ว่าเขาจะเคยชินกับการอดกลั้น หลังจากทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบมานานกว่าสามปี แต่คำพูดเหล่านี้ก็ยังทำให้เขาโกรธเคือง แน่นอนว่าไม่ใช่คำพูดที่ยั่วยุเหล่านี้ที่ทำให้เขาขุ่นเคือง สำหรับความใจเย็นของหานซานเฉียน คำพูดไม่กี่คำไม่สามารถกระตุ้นความโกรธของเขาได้ สาเหตุหลักของความโกรธคือ คำขอของหานเหยียน เปลี่ยนนามสกุล? ทำไมเธอถึงมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนนามสกุล? นี่คือการแสดงของคนพาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ “สือเอ้อร์ เป็นยังไงบ้าง?” หานซานเฉียนถามพร้อมกับพยุงเตาสือเอ้อร์ เตาสือเอ้อร์หมดเรี่ยวหมดแรง ตัวสั่นเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าสมเพช "พี่ซานเฉียน ฉันข