หลังจากซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาเลิกงาน พวกเขาก็จับมือกันเดินออกจากบริษัท ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้สนิทกันมาเป็นเวลาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้น เด็กผู้หญิงจะไม่รู้สึกขัดขืนเมื่อเดินจับมือกันบนถนน ซึ่งเด็กผู้ชายไม่สามารถทำได้ เมื่อเฉินหลิงเหยาเห็นรถสปอร์ตจอดอยู่หน้าบริษัท เธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่ารถคันหรูคันนี้จะมุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ข่าวการหย่าร้างของซูหยิงเซี่ยเพิ่งแพร่กระจาย จะมีคนมาไล่ตามเธอเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ “หยิงเซี่ย เสน่ห์ของเธอยังแรงเหมือนเดิมเลยนะ เธอเพิ่งหย่าก็มีคนไล่ตามจีบแล้ว” เฉินหลิงเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม สำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ เธออาจจะพอใจกับเรื่องนี้ แต่สำหรับซูหยิงเซี่ยแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดี แต่มันจะกลายเป็นปัญหาและเป็นภาระของเธอ แต่การหย่าแบบนี้ ก็เป็นวิธีปกป้องเธอของหานซานเฉียน เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่ซูหยิงเซี่ยจะยอมรับความรักของผู้ชายคนอื่นในเวลานี้ หานเฟิงยืนพิงประตูรถ ฉากของหนุ่มหล่อกับรถหรูดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย เด็กสาวหลายคนในบริษัทต่างพากันอิจฉา ใครจะไม่อยากมีแฟนรวยและหล่อแบบนี้? แต่พวกเธอก็รู้ว่าเขาอยู่ระด
“ไม่ ไม่มีอะไร แค่พูดลอย ๆ” เฉินหลิงเหยารีบปกปิดมัน แล้วเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “เธอคิดว่าวันนี้อีหยุนจะมาในรูปแบบไหน ครั้งที่แล้วเธอสวยมากถึงขนาดที่ แม้แต่ฉันเองก็ยังละอายใจ” เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ซูหยิงเซี่ยยิ้มเล็กน้อย เมื่อฉี๋อีหยุนถอดแว่นตา เธอช่างงดงามอย่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ แม้แต่เธอก็ไม่กล้าเปรียบเทียบ แต่คนเหล่านี้คือเพื่อนรักของเธอเอง ซูหยิงเซี่ยจึงไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามใด ๆ ตรงกันข้าม เธอมีความสุขมาก ยิ่งฉี๋อีหยุนสวยมากเท่าไหร่ การหาคนที่ดีก็ง่ายขึ้นเท่านั้น ตอนที่ซูหยิงเซี่ยยังเรียนอยู่ เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉี๋อีหยุนจะเจอผู้ชายที่ดี ที่จะแต่งงานกันในอนาคตเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต “ฉันหวังว่าเธอจะไม่ใส่แว่น จะได้หาแฟนได้ง่ายขึ้น” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ไม่เพียงแต่ง่ายเท่านั้น ยังมีแมลงวันมากมายที่ต้องการจะบินวนรอบตัวเธออีกด้วย” หลังจากที่เฉินหลิงเหยาพูดจบ เธอก็ถอนหายใจและพูดต่อว่า “ไม่เหมือนฉัน ไม่ว่าฉันจะแต่งตัวสวยแค่ไหน ฉันก็ถูกเธอสองคนบดบังอยู่ดี สงสัยฉันคงต้องเป็นโสดตลอดชีวิตแล้วล่ะ” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่เฉินหลิงเหยาด้วยรอยยิ้มและพูดว
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเฉินหลิงเหยากระทบกับฉี๋อีหยุน แต่ฉี๋อีหยุนไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้น่าลำบากใจแค่ไหน และความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนี้ไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยการแทรกกลาง ยิ่งไปกว่านั้น ความรักของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ยนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำ แม้ว่าจุดประสงค์ของการติดต่อครั้งแรกของฉี๋อีหยุนกับหานซานเฉียน คือการให้หานซานเฉียนช่วยเหลือตระกูลฉี๋ บางครั้งฉี๋อีหยุนยังถามตัวเองว่าเธอมีความรู้สึกต่อหานซานเฉียนจริง ๆ หรือไม่ เธอไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ ฉี๋อีหยุนก็เข้าใจว่าความตั้งใจเดิมของตัวเองสั่นคลอน และไม่ต้องการเพียงแค่ใช้หานซานเฉียนอีกต่อไป ในระหว่างมื้ออาหาร เฉินหลิงเหยาเริ่มพูดถึงหัวข้อนี้ และหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหานซานเฉียน หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เฉินหลิงเหยาไปส่งฉี๋อีหยุนกลับไปที่โรงแรม และปล่อยให้ซูหยิงเซี่ยกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน เมื่อใดก็ตามที่ซูหยิงเซี่ยนึกถึงคำว่ากลับบ้าน เธอจะรู้สึกว่างเปล่าในใจ เพราะไม่เห็นหานซานเฉียนในบ้านนั้นอีก จึงทำให้ซูหยิงเซี่ยไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของอีกต่อไป จนกระทั
ลิฟต์ปิดลงอย่างช้า ๆ หัวใจของมี่เฟยเอ๋อร์จุกอยู่ที่ลำคอ เพราะกลัวว่าจะมีใครเดินเข้ามา จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดสนิท มี่เฟยเอ๋อร์ก็โล่งอก และรู้สึกได้ทันทีว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นมาก กลับถึงบ้าน หยางเหมิงได้เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว และกำลังมองคอมพิวเตอร์บนโต๊ะอาหารพร้อมกับขมวดคิ้ว “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าบึ้งแต่เช้า เธอไม่กลัวเป็นริ้วรอยเหรอ” มี่เฟยเอ๋อร์ถามหยางเหมิง “พี่เฟยเอ๋อร์ ใครเป็นเจ้านายของบริษัทเรา ทำไมฉันหาไม่เจอเลย” หยางเหมิงถามมี่เฟยเอ๋อร์อย่างสงสัย เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกำลังจะไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ในการทำงาน เธอต้องเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทก่อน แต่เมื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวบนอินเทอร์เน็ต กลับพบว่าคอลัมน์ของประธานว่างเปล่า ไม่มีชื่อของใครสักคน และคนที่มีอำนาจมากที่สุดคือจงเหลียง ไม่ใช่เจ้านายตัวจริง “เธอโง่เหรอ ลืมไปแล้วเหรอที่ฉันเคยบอกเธอเรื่องเบื้องหลังของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว?” มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างหมดหนทาง “แน่นอนฉันจำได้ ไม่ใช่ตระกูลหานในเหยียนจิงเหรอ ฉันพยายามค้นหาแล้ว
"หยางเหมิง ฉันเตือนเธอแล้ว อย่าเข้าใกล้คนแบบนี้มากเกินไป เขาแค่แสแสร้งแกล้งทำเป็นเป็นคนใสซื่อ เพื่อโกหกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเธอ" มี่เฟยเอ๋อร์เตือนหยางเหมิง "พี่เฟยเอ๋อร์ ทำไมพี่ต้องอคติกับเขาขนาดนี้" หยางเหมิงถามอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่เธอได้พบกับหานซานเฉียนเป็นครั้งแรก มี่เฟยเอ๋อร์ก็เกลียดหานซานเฉียนมาก แต่ในความเห็นของหยางเหมิง หานซานเฉียนกลับไม่ 'ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ เขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นด้วยซ้ำ และเขาไม่ได้มองพวกเธอด้วยสายตาว่างเปล่า หยางเหมิงชอบหานซานเฉียนที่เป็นแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่ามีเฟยเอ๋อร์จะรู้สึกแตกต่างไปจากเธออย่างสิ้นเชิง มี่เฟยเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเธอเริ่มเกลียดหานซานเฉียนมาจากไหน อันที่จริงลึก ๆ ในใจของเธอนั้น ได้ซ่อนหัวใจที่อยากอยู่ภายใต้แสงสปอตไลท์ แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็หวังว่าจะเป็นจุดสนใจในทุก ๆ ที่ที่เธอไป แต่เมื่อเธอได้พบกับหานซานเฉียน ครั้งแรกหานซานเฉียนไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้มี่เฟยเอ๋อร์อารมณ์เสียอย่างมาก แต่เธอก็คิดแค่ว่าหานซานเฉียนแสร้งทำเป็นจริงจัง และแล้วหมาป่าในคราบลูกแกะแบบนี้ มี่เฟยเอ๋อร์ก็ระบุว่าเป็นบุคคลอันตราย ตามธรรมชาติของเธอ นี่แ
เมื่อชิงอวิ๋นเห็นหานซานเฉียน น้ำมูกน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา และที่ประตูสถานกักกัน เขากอดต้นขาของหานซานเฉียนและร้องไห้อย่างขมขื่น จ้องมองเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยความงุนงง คงจะสงสัยว่าผู้ชายคนนี้บ้าหรือเปล่า “พี่ ในที่สุดพี่ก็มาสักที พี่ไม่รู้หรอกว่าฉันถูกทำร้ายมามากขนาดไหน และฉันก็เกือบถูกข่มขืน” ชิงอวิ๋นเช็ดน้ำตา ดูเหมือนเจ็บปวดหัวใจ "นายสมควรได้รับการลงโทษ แม้แต่คนที่อยู่ในห้องขังก็ทนไม่ได้ในสิ่งที่นายทำ" หานซานเฉียนพูดอย่างเหยียดหยาม แม้ว่าจะเป็นนักโทษในสถานกักกัน หรือเรือนจำ แต่ก็มีการแบ่งชนชั้นเช่นกัน ซึ่งที่ชิงอวิ๋นโดนก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะถูกดูถูกรังแกอยู่ข้างใน “พี่ครับ ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ ผมผิดเอง พวกเธอจีบผมก่อน แต่เมื่อเห็นว่าผมไม่มีเงิน ไม่อยากโดนเอาเปรียบ พวกเขาเลยลอบกัดผม" ชิงอวิ๋นร้องไห้อย่างอดไม่ได้ "โลกนี้มีของฟรีด้วยเหรอ? นายคิดว่านายเป็นผู้ชายที่หล่อจนไม่มีใครเทียบได้ และผู้หญิงทุกคนจะยอมตกอยู่ในอ้อมแขนของนาย" หานซานเฉียนกล่าว ชิงอวิ๋นถอนหายใจและพูดว่า "พี่ ถ้าฉันมีรูปร่างหน้าตาของพี่ ฉันก็คงกอดซ้ายกอดขวาได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่เรามันช่างต่างกันเหลือเ
วันนี้ในหยุนเฉิง มีคนมากมายที่จับตามองซูหยิงเซี่ย นี่ไม่ใช่คำพูดที่ตื่นตระหนกของม่อหย่าง ในฐานะผู้หญิงที่สวยที่สุดในหยุนเฉิง ซูหยิงเซี่ยมีอิทธิพลอย่างมาก แม้ว่าจะมีข่าวลือว่ามีผู้หญิงที่สวยกว่า แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นด้วยตาของตัวเอง ดังนั้นในใจของหลาย ๆ คน ซูหยิงเซี่ยยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่ง นอกจากนี้การพัฒนาของบริษัทตระกูลซูในหยุนเฉิงนั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก ในฐานะประธาน ซูหยิงเซี่ยจึงเป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมากขึ้นไปอีก สาวสวยที่มีอาชีพการงานกลับมาโสดอีกครั้ง แล้วจะไม่มีใครไล่ตามจีบเธอได้อย่างไร? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ข่าวที่เผยแพร่โดยเจี่ยงหลานได้ดึงดูดคู่ครองเหล่านั้น เทพธิดาในระดับนี้ยังคงสมบูรณ์แบบ และไม่มีอะไรหรือสิ่งใดสามารถเทียบเทียมได้ อย่างไรก็ตาม หานซานเฉียนไม่ได้คำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ เขาเชื่อในตัวซูหยิงเซี่ย และการบ่มเพาะความสัมพันธ์เป็นเวลาสามปี ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะสามารถมีได้ คลับเมจิกซิตี้เปิดตรงเวลาเก้าโมงเช้า และมีคิวยาวที่ประตูตั้งแต่ตอนแปดโมงครึ่ง ในหยุนเฉิงไม่มีไนต์คลับที่ใดที่จะสามารถสร้างความตื่นเต้น และไม่ธรรมดาแบบนี้ได้ "เฟยเอ๋อร์ คืนนี้เราจ
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้ขอให้นายจ่ายเงินคืน ดังนั้นอย่าแสร้งทำเป็นยากจนต่อหน้าฉัน” หานซานชียนพูดอย่างรู้ทัน ม่อหยางยกยิ้มช้า ๆ และพูดย้ำอีกครั้ง "ฉันไม่ได้ทำเงินได้มากมายนักหรอก" “เอ๊ะ” เมื่อมองลงไปข้างล่าง จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ทำหน้าสงสัย “เจอคนรู้จักเหรอ?” ม่อหยางถามอย่างสงสัย "เพื่อนบ้านน่ะ ฉันไม่นึกว่าเธอจะมาสถานที่แบบนี้" หานซานเฉียนพูดอย่างคาดไม่ถึง การปรากฏตัวของมี่เฟยเอ๋อร์ในสถานที่แบบนี้เกินความคาดหมายของเขาจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าหญิงภูเขาน้ำแข็งองค์นี้จะเย็นชาแค่ภายนอก จริง ๆ แล้วในใจเธอนั้นยังมีไฟซ่อนอยู่ มองตามสายตาของหานซานเฉียน ม่อหยางก็เห็นมี่เฟยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ แต่คนที่สะดุดตาที่สุดคือมี่เฟยเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย และพูดด้วยรอยยิ้ม "เพื่อนบ้านของนายสวยมาก นายจะไม่เข้าไปหน่อยเหรอ?" "ฉันจะมีสิทธิ์อะไรไปยุ่ง เธอมีท่าทีเป็นศัตรูกับฉันมาก ในสายตาของเธอ ฉันก็คงเป็นแค่ไอ้กระจอก" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กระจอก! คำสองคำนี้ทำให้ม่อหยางประหลาดใจ มีคนยังมองว่าหานซานเฉียนเป็นไอ้กระจอกอยู่อีกหรอ? ไม่ต้องพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียน เพียงแค่รูปร่าง