“แล้วคุณต้องการร่วมมือกับฉันไหม?” เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนกำลังครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ฉี๋อีหยุนจึงถาม หานซานเฉียนพลันยืนขึ้น แล้วเดินไปที่หน้าต่างและพูดเสียงเรียบว่า “ผมไม่อยากทำให้ซูหยิงเซี่ยเสียใจ เนื่องจากตระกูลหานในอเมริกาก็เป็นศัตรูของคุณเหมือนกัน การร่วมมือจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่คุณต้องจำไว้ว่า ไม่ว่าในกรณีใด คุณไม่สามารถทำอะไรที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยเสียใจได้ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด” เมื่อฟังเสียงที่เคร่งขรึมของหานซานเฉียนแล้ว ในใจฉี๋อีหยุนก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย เพียงเพื่อซูหยิงเซี่ยเหรอ? “อย่าบอกนะว่าในใจของคุณไม่มีฉันเลย คุณรู้ไหมว่ามีผู้ชายกี่คนที่ชอบฉัน สำหรับพวกเขาแล้ว การได้จูบกับผู้หญิงสวยถือเป็นความโชคดีในชีวิต และตอนนี้โอกาสนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างไม่พอใจ หานซานเฉียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “คุณสวยจริง ความสวยสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชายส่วนใหญ่ได้ แต่สำหรับผมเป็นข้อยกเว้น ความรักของผมในชีวิตนี้มอบให้ซูหยิงเซี่ยไปหมดแล้ว ผมจะไม่ตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นอีก” หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็ออกจากห้องไป ฉี๋อีหยุนนั่งอยู่บนโซฟาด
จงเหลียงกัดฟันด้วยความเคียดแค้นและพูดว่า “กลุ่มตระกูลหานนี้ จงใจมุ่งเป้าหมายมาที่พวกเรา” “การแสดงออกของเธอนั้นมุ่งเป้ามาที่ฉัน และตอนนี้ฉันสามารถก้าวไปอีกขั้นหนึ่งได้” ไม่ใช่ว่าหานซานเฉียนจะไม่คิดหาวิธี และไม่ใช่ว่าเขาอยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เขาไม่มีทางเลือก เงินเป็นเพียงตัวเลขที่ไม่สำคัญสำหรับเขา แต่ประโยคนี้ใช้ในชีวิตได้เท่านั้น และสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้คือ แรงกดดันอย่างท่วมท้นของโลกธุรกิจ และเงินนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำคัญ ตระกูลหานในอเมริกามีมรดกมานับร้อยปี จะไปพลิกกระแสน้ำด้วยเงินเพียงพันล้านในมือได้อย่างไร? จู่ ๆ ประตูสำนักงานก็ถูกผลักออก เลขาสาวสวยเดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก และพูดกับจงเหลียงว่า “พี่จง มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหานเหยียนมาค่ะ” เมื่อได้ยินชื่อนี้ จงเหลียงพลันโกรธขึ้นมาทันที เพิ่งพูดอยู่หยก ๆ หานเหยียนก็มาถึงสำนักงานแล้ว และยังมีหานเฟิงกับหานชิงติดตามมาด้วย หานเฟิงเดินพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว “นอกจากหานซานเฉียน คนอื่น ๆ ไสหัวออกไป” หานเฟิงพูดอย่างหยิ่งยโส จงเหลียงมองไปที่หานซานเฉียน เขาไม่ฟังที่หานเฟิงพูด เว้นแต่ว่าหานซานเฉียนจะเป็นคน
“สวะอย่างแกจะไปมีกำลังได้ยังไง นายน้อยเฟิง คุณขี้เล่นจริง ๆ เลยนะคะ” หานชิงปิดปากและหัวเราะเบา ๆ หานเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ฉันจะถามคำถามโง่ ๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะ” “หานซานเฉียน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้นาย ฉันหวังว่านายจะคิดได้ ไม่อย่างนั้น นายจะไม่มีทางรอด” หานเหยียนกล่าว เธอไม่ได้มาที่หยุนเฉิงเพื่อฆ่าหานซานเฉียน สำหรับหานเหยียนแล้ว การเล่นกับสวะให้ตายก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกถึงความสำเร็จ การรีบจัดการเรื่องให้เสร็จ และออกจากจีนเป็นความต้องการของหานเหยียน แต่ถ้าหานซานเฉียนยืนยันที่จะแข็งกร้าว หานเหยียนก็ไม่รังเกียจที่จะสอนบทเรียนนองเลือดให้ เมื่อเห็นทั้งสามออกจากสำนักงาน หานซานเฉียนก็ต่อยโต๊ะทันที โต๊ะไม้เนื้อแข็งสั่นสะเทือน เนื่องจากแรงมหาศาล และมีรอยแตกปรากฏขึ้นบนผิวโต๊ะ จงเหลียงตกใจมาก เขาไปเลือกซื้อโต๊ะทำงานตัวนี้ด้วยตัวเอง จู่ ๆ ก็ถูกนายน้อยต่อยแรงขนาดนี้! “นายน้อย พวกเขาน่าเคียดแค้นจริง ๆ เราต้องจัดการกับพวกเขาด้วยวิธีอื่นไหมครับ?” จงเหลียงพูดพร้อมกัดฟัน หายซานเฉียนรู้ว่าจงเหลียงหมายถึงอะไร แม้แต่ฉี๋อีหยุนก็ยังมีผู้มีฝีมืออย่างตงฮ้าวอยู่ข้าง ๆ ดังนั้นเป็นไปได
“หยิงเซี่ย จริง ๆ แล้ว...ผมเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว” หานซานเฉียนกล่าว “อะไรนะ!” “อะไรนะ!” เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่ายืนขึ้นจากโซฟา และมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาไม่เชื่อ ที่แท้ทรัพย์สินของลั่วเฉวเป็นของหานซานเฉียน! กล่าวได้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเคยมีซูหยิงเซี่ยเป็นผู้รับผิดชอบ แต่จริง ๆ แล้วหานซานเฉียนเป็นคนจัดการอย่างลับ ๆ เจี่ยงหลานคิดมาเสมอว่าซูหยิงเซี่ยเก่ง นั่นคือเหตุผลที่จงเหลียงให้ความสำคัญกับเธอ และรู้สึกว่าหานซานเฉียนเกาะผู้หญิงกิน เธอจึงเกลียดหานซานเฉียนมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ความคิดดังกล่าวทำให้เจี่ยงหลานหน้าหงาย สิ่งที่เธอคิดล้วนเป็นเรื่องตลก ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินในสายตาของเธอ กลับได้ควบคุมทุกอย่างไว้ตั้งนานแล้ว การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในตระกูลซู เป็นเพราะชายคนนี้? “เธอกำลังล้อเล่นเหรอ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวจะเป็นบริษัทของเธอได้ยังไง” เจี่ยงหลานไม่เชื่อ ซูกั๋วเย่าก็มีท่าทางเช่นเดียวกัน หลังจากเป็นสวะในตระกูลซูมาหลายปี จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทใหญ่ เขาจะเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? “หาน
หานซานเฉียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ส่วนเจี่ยงหลาน และซูกั๋วเย่าที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ดูอกสั่นขวัญหาย ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของหานซานเฉียนมาก่อน พวกเขาคงมีความสุขที่ได้เห็นฉากนี้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ตัวตนของหานซานเฉียนแล้ว พฤติกรรมของซูหยิงเซี่ยจึงทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกมาก เขาคือนายน้อยของตระกูลหาน จะไปดึงหูตามอำเภอใจได้อย่างไร! เจี่ยงหลานรีบเดินเข้าไปหาซูหยิงเซี่ยและพูดว่า “หยิงเซี่ย เธอทำอะไรของเธอ รีบปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลหาน” ซูหยิงเซี่ยไม่ปล่อยมือ แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังมากเกินไปและพูดว่า “นายน้อยแห่งตระกูลหานแล้วไงล่ะคะเขาไม่ใช่สามีของหนูเหรอ?” เจี่ยงหลานตกตะลึงกับประโยคนี้ จริงด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยของตระกูลหาน แต่เขาก็เป็นสามีของซูหยิงเซี่ย และลูกเขยของเธอด้วย! สามีภรรยาคู่นี้จีบกันไม่เลิก เธอจะไปยุ่งอะไรกับเขา เมื่อกลับมาที่โซฟาด้วยรอยยิ้ม เจี่ยงหลานก็ไม่กังวลและหวาดกลัวอีกต่อไป เธอมีความสุขมากที่หานซานเฉียนเปลี่ยนจากภาพลักษณ์สวะ มาเป็นนายน้อยของตระกูลหาน สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าโอ้อวดมาก ถ้าพวกญาติ ๆ รู้ พวกเธอยังจะก
“มีเงินเท่าไหร่ล่ะ?” เจี่ยงหลานเปิดเผยด้านที่หมกมุ่นเรื่องเงินของเธออีกครั้ง เธอจึงอดถามไม่ได้“ผมเกรงว่าพวกเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเงินเท่าไหร่ครับ” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน เขาคิดเสมอว่าเงินไม่สำคัญ แต่ตอนนี้หานซานเฉียนเข้าใจถึงความสำคัญของเงินแล้ว แต่เมื่อเขาต้องการที่จะต่อต้าน เงินเป็นอาวุธที่ใช้งานง่าย และทรงพลังที่สุดเจี่ยงหลานกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว มีเงินมากมายจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเท่าไหร่ มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ!“ตอนนี้เธอไม่มีความสามารถที่จะจัดการกับหานเหยียนเหรอ? หลังจากที่รู้สึกประหลาดใจ เจี่ยงหลานก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับตัวเองอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวตนของนายน้อยแห่งตระกูลหานนั้นไม่มีอะไรเลย และก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยต่อไปได้หรือไม่หานซานเฉียนรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของเจี่ยงหลานที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่เขาคุ้นเคยกับสิ่งเจี่ยงหลานเป็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ต่อต้านมากนัก“สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีทางที่ดีเลยจริง ๆ” หานซานเฉียนกล่าวจู่ ๆ เจี่ยงหลานก็มีสีหน้าเย็นชา เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ฉันขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนนะ”“แม่
ในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์บนภูเขา เจี่ยงหลานเป็นกังวลตั้งแต่กลับมาที่ห้อง แม้ว่าตัวตนของหานซานเฉียนจะทำให้เธอตกใจ แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เจี่ยงหลานก็พบว่าตัวตนดังกล่าวไม่มีความหมายเลย เพราะคู่ต่อสู้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตระกูลหานในเหยียนจิงมาก ซึ่งเกินความเข้าใจของเธอ และถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ จะเป็นการนำภัยคุกคามครั้งใหญ่มาสู่พวกเขาอย่างแน่นอน เจี่ยงหลานเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แม้กระทั่งตอนนี้เธอไม่ได้เป็นห่วงหานซานเฉียนเลย เธอห่วงแต่ตัวเอง ถ้าหานซานเฉียนไม่มีทางจัดการกับหานเหยียน เธออาจเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้ เจี่ยงหลานมีความสุขกับชีวิตที่สะดวกสบายแบบนี้ และเธอไม่ต้องการให้ใครมาชักจูง “คุณกำลังคิดอะไรอยู่” ซูกั๋วเย่าถาม เมื่อเห็นเจี่ยงหลานเงียบขรึม “ฉันก็กำลังพยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้ตระกูลซูเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้น่ะสิ คุณคิดว่าคนอื่นจะไม่มีสมองเหมือนคุณเหรอ ไม่สนใจอะไรสักอย่าง? เจี่ยงหลานพูด พลางมองซูกั๋วเย่าด้วยสายตาเย็นชา ซูกั๋วเย่าถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องแบบนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตการเข้าไปยุ
เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความโกรธ พลันเดินไปหาซูกั๋วเย่าแล้วตบหน้าเขาสองครั้ง และพูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็กินอุจจาระไปคนเดียวเถอะ เจี่ยงหลานอย่างฉันไม่มีทางสูญเสียทุกอย่างที่มีในตอนนี้” ใบหน้าของซูกั๋วเย่าแสบร้อนด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังไม่สะดุ้งแม้แต่น้อย กลับพูดเตือนว่า “ผมว่าทางที่ดีคุณอย่างทำแบบนี้เลย ทำลายความรักของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าคุณจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเธอก็ตาม สุดท้ายคุณก็จะทำให้หยิงเซี่ยเกลียดคุณ” “หึ” เจี่ยงหลานตะคอกเสียงเย็นชาและพูดว่า “ฉันไม่คุยเรื่องนี้กับหยิงเซี่ยอยู่แล้ว ฉันจะทำให้หานซานเฉียนถอนตัวออกไปเอง เขารักหยิงเซี่ยไม่ใช่เหรอ เขาก็ต้องปกป้องหยิงเซี่ยจากอันตรายเพียงคนเดียว” ซูกั๋วเย่าถอนหายใจ เขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมมากแค่ไหน เจี่ยงหลานก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ สำหรับเธอแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนและหยิงเซี่ยนั้นไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญคือ ชีวิตที่ร่ำรวยของตัวเองเท่านั้น ที่ชั้นล่าง หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของหานซานเฉียน แม้ว่าเธอจะดูไม่เศร้าเลย แต่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบสองแก้มของเธอ ในช่