“ผมออกไปข้างนอกสักพักนะครับ” หานซานเฉียนพูดกับซูหยิงเซี่ย ซูหยิงเซี่ยเดินไปหาหานซานเฉียนอย่างกระวนกระวาย และถามว่า “เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” “เปล่าครับ ผมจะไปหาเพื่อน ไม่ต้องห่วงนะ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยรู้ว่าหานซานเฉียนพยายามพูดให้เธอสบายใจ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเธอสามารถทำให้หานซานเฉียนเครียดได้ แต่ในฐานะผู้หญิง ตอนนี้เธอทำได้เพียงสนับสนุนหานซานเฉียนอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้างหลังเขา “ระวังตัวด้วยนะคะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “รอสักพักนะ เดี๋ยวผมกลับมาทานข้าวด้วย” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่หานซานเฉียนออกจากประตู เจี่ยงหลานก็พูดว่า “แกระวังให้ดีนะ ดีไม่ดีเขาอาจจะไปประชุมที่โรงแรมเป็นการส่วนตัวกับใครบางคนก็ได้” ซูหยิงเซี่ยมองเจี่ยงหลานด้วยสายตาโกรธเคือง และพูดอย่างไม่พอใจว่า “แม่ แม่จำเป็นต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราเลยเหรอคะ?” “ฉันแค่อยากจะเตือนแกไว้ ฉันแค่ไม่อยากให้แกเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว” เจี่ยงหลานกล่าวอย่างมั่นใจ ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ การโต้เถียงกับเจี่ยงหลานเกี่ยวกับปัญหาแบบนี้ ทำให้เธอปวดหัวจริง ๆ หานซานเฉี
ฉี๋อีหยุนตั้งใจแต่งหน้าอ่อน ๆ และสวมชุดเดรสเดินไปมาอยู่ในห้อง คอยส่องกระจกในห้องน้ำ ปกติเธอเป็นคนที่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เธอกลับดูประหม่ามาก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เจอหานซานเฉียน แต่ทุกครั้งที่เธอเจอ เธอกลับรู้สึกไม่สามารถซ่อนความรู้สึกไว้ได้ ราวกับว่าลูกกวางวิ่งเข้ามาชนหัวใจของเธอ เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดตรงที่ประตู เส้นประสาทของเธอก็ตึงขึ้นทันที พลันเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ยิ่งทำให้เธอประหม่ามากกว่าเดิม ฉี๋อีหยุนสูดหายใจลึก ก่อนเปิดประตู หานซานเฉียนเดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ฉี๋อีหยุนหายใจถี่ เธอตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อเขา แต่กลับไม่สามารถให้หานซานเฉียนสนใจได้ แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่เธอคิดไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อมันก็เกิดขึ้นจริง ก็ยังทำให้เธอรับไม่ได้ “คุณมองมาที่ฉันบ้างไม่ได้เหรอ?” ฉี๋อีหยุนไม่พอใจ หานซานเฉียนไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อเธอเลย แต่เธอรู้สึกว่า อย่างน้อยการแต่งตัวของเธอก็ควรจะทำให้หานซานเฉียนเหลียวมองบ้าง นี่เท่ากับเป็นการดูถูกเธอ “คุณต้องการหลอกใช้ให้ผมทำอะไรก็พูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ ฉี๋
จริง ๆ แล้วมีปัญหาหนึ่งที่ฉี๋อีหยุนคิดมานานแล้ว หลังจากที่เธอและหานซานเฉียนมีศัตรูร่วมกัน เธอไม่จำเป็นต้องทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ย ตราบใดที่เธอและหานซานเฉียนได้ร่วมมือกัน หานซานเฉียนก็สามารถช่วยแก้ปัญหาของตระกูลฉี๋ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมาอยู่ต่อหน้าเธอ สำหรับฉี๋อีหยุนผู้มีเกณฑ์การคัดเลือกที่เข้มงวดมากนั้น ในใจของเธอยังคงไม่มีทางยอมแพ้หานซานเฉียน แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่ได้รักเขา แต่เธอรู้สึกว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูหยิงเซี่ยก็จะแตกหักทันที “ตระกูลหานมีความแค้นอะไรกับคุณ” หานซานเฉียนถาม “ตระกูลหานเป็นแค่คนที่ช่วยเหลือศัตรูของตระกูลฉี๋เท่านั้น แต่ถ้าคุณสามารถแก้ปัญหาฝ่ายตรงข้ามของตระกูลหานและตระกูลฉี๋ได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมหานเหยียนถึงมาหาคุณ แต่เท่าที่ฉันรู้เกี่ยวกับตระกูลหานในอเมริกานั้น พวกเขาจะต้องเรียกร้องจากคุณมากแน่นอน” ฉี๋อีหยุนกล่าว หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน และพูดว่า “ไม่ใช่แค่มาก มันไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ พวกเขาสั่งให้ผมเปลี่ยนนามสกุล ผมจะทำตามคำขอแบบนี้ได้ยังไงล่ะ”
“แล้วคุณต้องการร่วมมือกับฉันไหม?” เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนกำลังครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ฉี๋อีหยุนจึงถาม หานซานเฉียนพลันยืนขึ้น แล้วเดินไปที่หน้าต่างและพูดเสียงเรียบว่า “ผมไม่อยากทำให้ซูหยิงเซี่ยเสียใจ เนื่องจากตระกูลหานในอเมริกาก็เป็นศัตรูของคุณเหมือนกัน การร่วมมือจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่คุณต้องจำไว้ว่า ไม่ว่าในกรณีใด คุณไม่สามารถทำอะไรที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยเสียใจได้ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด” เมื่อฟังเสียงที่เคร่งขรึมของหานซานเฉียนแล้ว ในใจฉี๋อีหยุนก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย เพียงเพื่อซูหยิงเซี่ยเหรอ? “อย่าบอกนะว่าในใจของคุณไม่มีฉันเลย คุณรู้ไหมว่ามีผู้ชายกี่คนที่ชอบฉัน สำหรับพวกเขาแล้ว การได้จูบกับผู้หญิงสวยถือเป็นความโชคดีในชีวิต และตอนนี้โอกาสนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างไม่พอใจ หานซานเฉียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “คุณสวยจริง ความสวยสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชายส่วนใหญ่ได้ แต่สำหรับผมเป็นข้อยกเว้น ความรักของผมในชีวิตนี้มอบให้ซูหยิงเซี่ยไปหมดแล้ว ผมจะไม่ตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นอีก” หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็ออกจากห้องไป ฉี๋อีหยุนนั่งอยู่บนโซฟาด
จงเหลียงกัดฟันด้วยความเคียดแค้นและพูดว่า “กลุ่มตระกูลหานนี้ จงใจมุ่งเป้าหมายมาที่พวกเรา” “การแสดงออกของเธอนั้นมุ่งเป้ามาที่ฉัน และตอนนี้ฉันสามารถก้าวไปอีกขั้นหนึ่งได้” ไม่ใช่ว่าหานซานเฉียนจะไม่คิดหาวิธี และไม่ใช่ว่าเขาอยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เขาไม่มีทางเลือก เงินเป็นเพียงตัวเลขที่ไม่สำคัญสำหรับเขา แต่ประโยคนี้ใช้ในชีวิตได้เท่านั้น และสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้คือ แรงกดดันอย่างท่วมท้นของโลกธุรกิจ และเงินนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำคัญ ตระกูลหานในอเมริกามีมรดกมานับร้อยปี จะไปพลิกกระแสน้ำด้วยเงินเพียงพันล้านในมือได้อย่างไร? จู่ ๆ ประตูสำนักงานก็ถูกผลักออก เลขาสาวสวยเดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก และพูดกับจงเหลียงว่า “พี่จง มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหานเหยียนมาค่ะ” เมื่อได้ยินชื่อนี้ จงเหลียงพลันโกรธขึ้นมาทันที เพิ่งพูดอยู่หยก ๆ หานเหยียนก็มาถึงสำนักงานแล้ว และยังมีหานเฟิงกับหานชิงติดตามมาด้วย หานเฟิงเดินพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว “นอกจากหานซานเฉียน คนอื่น ๆ ไสหัวออกไป” หานเฟิงพูดอย่างหยิ่งยโส จงเหลียงมองไปที่หานซานเฉียน เขาไม่ฟังที่หานเฟิงพูด เว้นแต่ว่าหานซานเฉียนจะเป็นคน
“สวะอย่างแกจะไปมีกำลังได้ยังไง นายน้อยเฟิง คุณขี้เล่นจริง ๆ เลยนะคะ” หานชิงปิดปากและหัวเราะเบา ๆ หานเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ฉันจะถามคำถามโง่ ๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะ” “หานซานเฉียน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้นาย ฉันหวังว่านายจะคิดได้ ไม่อย่างนั้น นายจะไม่มีทางรอด” หานเหยียนกล่าว เธอไม่ได้มาที่หยุนเฉิงเพื่อฆ่าหานซานเฉียน สำหรับหานเหยียนแล้ว การเล่นกับสวะให้ตายก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกถึงความสำเร็จ การรีบจัดการเรื่องให้เสร็จ และออกจากจีนเป็นความต้องการของหานเหยียน แต่ถ้าหานซานเฉียนยืนยันที่จะแข็งกร้าว หานเหยียนก็ไม่รังเกียจที่จะสอนบทเรียนนองเลือดให้ เมื่อเห็นทั้งสามออกจากสำนักงาน หานซานเฉียนก็ต่อยโต๊ะทันที โต๊ะไม้เนื้อแข็งสั่นสะเทือน เนื่องจากแรงมหาศาล และมีรอยแตกปรากฏขึ้นบนผิวโต๊ะ จงเหลียงตกใจมาก เขาไปเลือกซื้อโต๊ะทำงานตัวนี้ด้วยตัวเอง จู่ ๆ ก็ถูกนายน้อยต่อยแรงขนาดนี้! “นายน้อย พวกเขาน่าเคียดแค้นจริง ๆ เราต้องจัดการกับพวกเขาด้วยวิธีอื่นไหมครับ?” จงเหลียงพูดพร้อมกัดฟัน หายซานเฉียนรู้ว่าจงเหลียงหมายถึงอะไร แม้แต่ฉี๋อีหยุนก็ยังมีผู้มีฝีมืออย่างตงฮ้าวอยู่ข้าง ๆ ดังนั้นเป็นไปได
“หยิงเซี่ย จริง ๆ แล้ว...ผมเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว” หานซานเฉียนกล่าว “อะไรนะ!” “อะไรนะ!” เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่ายืนขึ้นจากโซฟา และมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาไม่เชื่อ ที่แท้ทรัพย์สินของลั่วเฉวเป็นของหานซานเฉียน! กล่าวได้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเคยมีซูหยิงเซี่ยเป็นผู้รับผิดชอบ แต่จริง ๆ แล้วหานซานเฉียนเป็นคนจัดการอย่างลับ ๆ เจี่ยงหลานคิดมาเสมอว่าซูหยิงเซี่ยเก่ง นั่นคือเหตุผลที่จงเหลียงให้ความสำคัญกับเธอ และรู้สึกว่าหานซานเฉียนเกาะผู้หญิงกิน เธอจึงเกลียดหานซานเฉียนมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ความคิดดังกล่าวทำให้เจี่ยงหลานหน้าหงาย สิ่งที่เธอคิดล้วนเป็นเรื่องตลก ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินในสายตาของเธอ กลับได้ควบคุมทุกอย่างไว้ตั้งนานแล้ว การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในตระกูลซู เป็นเพราะชายคนนี้? “เธอกำลังล้อเล่นเหรอ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวจะเป็นบริษัทของเธอได้ยังไง” เจี่ยงหลานไม่เชื่อ ซูกั๋วเย่าก็มีท่าทางเช่นเดียวกัน หลังจากเป็นสวะในตระกูลซูมาหลายปี จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทใหญ่ เขาจะเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? “หาน
หานซานเฉียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ส่วนเจี่ยงหลาน และซูกั๋วเย่าที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ดูอกสั่นขวัญหาย ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของหานซานเฉียนมาก่อน พวกเขาคงมีความสุขที่ได้เห็นฉากนี้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ตัวตนของหานซานเฉียนแล้ว พฤติกรรมของซูหยิงเซี่ยจึงทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกมาก เขาคือนายน้อยของตระกูลหาน จะไปดึงหูตามอำเภอใจได้อย่างไร! เจี่ยงหลานรีบเดินเข้าไปหาซูหยิงเซี่ยและพูดว่า “หยิงเซี่ย เธอทำอะไรของเธอ รีบปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลหาน” ซูหยิงเซี่ยไม่ปล่อยมือ แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังมากเกินไปและพูดว่า “นายน้อยแห่งตระกูลหานแล้วไงล่ะคะเขาไม่ใช่สามีของหนูเหรอ?” เจี่ยงหลานตกตะลึงกับประโยคนี้ จริงด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยของตระกูลหาน แต่เขาก็เป็นสามีของซูหยิงเซี่ย และลูกเขยของเธอด้วย! สามีภรรยาคู่นี้จีบกันไม่เลิก เธอจะไปยุ่งอะไรกับเขา เมื่อกลับมาที่โซฟาด้วยรอยยิ้ม เจี่ยงหลานก็ไม่กังวลและหวาดกลัวอีกต่อไป เธอมีความสุขมากที่หานซานเฉียนเปลี่ยนจากภาพลักษณ์สวะ มาเป็นนายน้อยของตระกูลหาน สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าโอ้อวดมาก ถ้าพวกญาติ ๆ รู้ พวกเธอยังจะก