Share

บทที่ 5

Author: เจว๋เหริน
“เถ้าแก่ ขอบุหรี่หน่อยครับ”

“นายนี่ตรงเวลาทุกวันเลยนะ”

ณ ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามของบริษัทซู เจ้าของร้านมองไปที่หานซานเฉียนพร้อมกับถอนหายใจ

วันหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้จะมาที่นี่อย่างตรงต่อเวลาเสมอ นี่ก็เป็นเวลาสามปีแล้ว ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก ตอนแรกเถ้าแก่ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ค่อย ๆ สังเกตได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ซูหยิงเซี่ยออกมาจากบริษัท ชายหนุ่มคนนี้ก็จะตามออกมาด้วย

สําหรับตัวตนของหานซานเชียน เถ้าแก่พอจะเดาได้คร่าว ๆ แต่ก็ไม่ได้บอกแน่ชัดว่าตระกูลมีปมที่ยากจะอ่านออกได้ ลูกเขยของตระกูลซูคนนี้ได้รับการปฏิบัติราวกับขยะจากคนทั้งหยุนเฉิง บางทีเขาอาจไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้

“ผมไม่มีอะไรทำอยู่แล้วครับ” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เถ้าแก่เป็นชายวัยกลางคน เขาชื่นชมความพากเพียรของหานซานเฉียนมาก เวลาผ่านมาสามปีแล้วที่เขามาที่นี่ในเวลาสี่โมงครึ่งตรงเวลาทุกวัน และคอยปกป้องซูหยิงเซี่ยอยู่อย่างเงียบ ๆ เสมอ

“เมื่อไหร่นายถึงจะไปรับเธอหลังเลิกงานล่ะ? เอาแต่มองแบบนี้ทุกวัน มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ” ในร้านไม่มีลูกค้า เถ้าแก่จึงได้พูดกับหานซานเฉียน

หานซานเฉียนมองไปที่ประตูของบริษัทซูและยิ้มเบา ๆ ก่อนจะตอบว่า “มันยังไม่ถึงเวลาครับ”

“น้องชาย มีคำกล่าวอยู่คำนึง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือเปล่า” เถ้าแก่เอ่ย

“แน่นอนครับ”

“ฉันคิดว่านายดูไม่เหมือนคนธรรมดาเลย ทำไม...ทำไมนายถึงแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลซูล่ะ?” แม้ว่าเถ้าแก่ไม่ได้มีสายตาที่เฉียบแหลม แต่ทุกวันเขาก็ติดต่อกับลูกค้าจำนวนมาก ในสายตาของเขา หานซานเฉียนนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ มันยากที่จะบอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่เถ้าแก่คิดว่าเขาแตกต่างจากคนเหล่านั้น

“มีเลือดมีเนื้อ กิน ดื่ม และนอนไม่ต่างจากคนอื่น ผมเป็นคนธรรมดานั่นแหละครับ” หานซานเฉียนตอบ

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” เถ้าแก่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ต้องทนกับคำวิจารณ์มากมาย ถ้าฉันเป็นนาย ฉันคงปวดประสาทไปนานแล้ว”

ปวดประสาทอย่างนั้นเหรอ?

หานซานเฉียนยิ้มออกมา ในฐานะที่เขาเป็นเหมือนคนต่ำต้อยและลูกชายที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลซู ซูหยิงเซี่ยยังไม่ปวดประสาทเลย แล้วเขามีสิทธิ์อะไรที่จะปวดประสาทกัน

ในสายตาของคนอื่น หานซานเฉียนต้องทนต่อความอัปยศอดสู

แต่ในสายตาของหานซานเฉียนนั้น ซูหยิงเซี่ยถูกเยาะเย้ยยิ่งกว่าเขา

“สิ่งที่ผมอดทน ยังเทียบกับสิ่งที่เธอเจอไม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าว

เถ้าแก่ถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก

หลังจากซูหยิงเซี่ยเลิกงาน หานซานเฉียนก็บอกลาเถ้าแก่ตามปกติ และขับรถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กออกไป

ซูหยิงเซี่ยยืนอยู่ที่ประตูบริษัท จนกระทั่งร่างของหานซานเฉียนลับตาไป

เป็นเวลาสามปีแล้วที่หานซานเฉียนมารอซูหยิงเซี่ยเลิกงานทุกวัน

และซูหยิงเซี่ยก็รอให้หานซานเฉียนกลับไปก่อนเธอถึงจะขึ้นรถ

เมื่อกลับถึงบ้าน ซูกั๋วเย่าบอกกับเจี่ยงหลานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ประชุม เจี่ยงหลานก็รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าขึ้นมาทันที

“ซูหยิงเซี่ย ลูกบ้าหรือเปล่า ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าเราจะอยู่ยังไงถ้าถูกไล่ออกจากตระกูลซู”

“ซูไห่เฉาจงใจเล่นงานลูก ลูกไม่รู้หรือไงว่าเขาต้องการอะไร”

ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเฉยเมยว่า “ลูกรู้ว่าเขาไม่ต้องการให้เราได้ทรัพย์สมบัติของตระกูลซู”

เมื่อเจียงหลานได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ และเธอก็แผดเสียงออกมาว่า “ในเมื่อลูกก็รู้ แล้วลูกจะไปตกลงทำไม พวกเขายังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วลูกจะทำได้ยังไง”

ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกสับสนมาก เธอเชื่อในตัวหานซานเฉียน แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นถูกหรือผิดกันแน่

แม้ว่าสถานะครอบครัวของเธอในบริษัทจะต่ำมาก แต่คุณย่าเสียชีวิต เธอก็จะได้รับเงินจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าเธอถูกขับไล่ออกจากตระกูลซู เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย

การเชื่อในตัวหานซานเฉียนกับชะตาในอนาคตมันเป็นเดิมพันที่มีราคาสูง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พูดมันออกไปแล้ว จะเปลี่ยนใจได้เหรอ?

“แม่คะ แม่ไม่เชื่อในตัวลูกอย่างนั้นเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม

เจี่ยงหลานรู้สึกโกรธมาก จนทุบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “ลูกจะให้แม่เชื่อในตัวลูกได้ยังไง ในเมื่อคนในตระกูลซูยังสิ้นหวัง แล้วอะไรคือเหตุผลที่ลูกคิดว่าลูกจะทำมันได้?”

นั่นสิเหตุผลอะไรกันล่ะ?

ซูหยิงเซี่ยไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไม แต่ที่เธอตอบตกลงทำงานนี้ เป็นเพราะข้อความนั้นจากหานซานเฉียน

เมื่อหานซานเฉียนกลับถึงบ้าน เขาเดินไปหาซูหยิงเซี่ยและพูดกับแม่ของเธอว่า “คุณแม่ควรเชื่อเธอนะครับ ผมเชื่อว่าหยิงเซี่ยจะต้องทำได้แน่นอน”

เจี่ยงหลานเหลือบตามองหานซานเฉียนอย่างเหลืออด และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับแก ถ้าไม่ใช่เพราะแกแต่งงานกับบ้านเรา ลูกสาวคนสวยของฉันก็จะได้แต่งงานกับครอบครัวที่มั่งคั่งและมีอนาคตที่ดี แกทำลายครอบครัวเรา แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น”

หานซานเฉียนเงียบและเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหาร

“หานซานเฉียน ฉันเชื่อคุณได้ใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียนทันที

หานซานเฉียนหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน”

“เกิดอะไรขึ้น?” เจี่ยงหลานเห็นว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบถามซูหยิงเซี่ยเรื่องนี้ หรือว่าเป็นเพราะคนต่ำต้อยคนนี้ที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยตกลงทำงานนี้

“แกกลับมานี่ พูดให้ชัดเจน แกเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย? แกบอกให้หยิงเซี่ยตกลงทำงานนี้เหรอ?” เจียงหลานถามหานซานเฉียน

ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าถ้าแม่ของเธอรู้เกี่ยวกับข้อความนั้น แม่จะต้องทำให้หานซานเฉียนลำบากแน่ และอาจถึงขั้นไล่หานซานเฉียนออกจากบ้าน

“แม่คะ เรื่องนี้ลูกเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว

“ไม่เกี่ยวอย่างนั้นเหรอ แม่ว่าลูกหลงเจ้าคนต่ำต้อยนี้ ลูกเชื่อสิ่งที่เขาพูดใช่ไหม? ซูหยิงเซี่ยลูกบ้าหรือเปล่า” เจี่ยงหลานคว้าไหล่บางของซูหยิงเซี่ยเอาไว้ ด้วยอารมณ์โกรธของเธอ เธอจึงเผลอบีบไหล่ของลูกสาวจนเธอรู้สึกเจ็บปวด

เมื่อหานซานเฉียนเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของซูหยิงเซี่ย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นราวกับน้ำแข็ง เขาคว้าข้อมือแม่ของเธอ และพูดอย่างเย็นชาว่า “หยิงเซี่ยจะทำได้หรือไม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณแม่ก็รู้เองว่าทำไมคุณแม่ถึงต้องเชื่อเธอครับ”

เจี่ยงหลานยิ่งรู้สึกโกรธจัด เพราะเขาไม่สิทธิ์มาพูดอะไรทั้งนั้น

“แกปล่อยฉัน ครอบครัวของเราไม่ฟังคำพูดของแก” เจี่ยงหลานกล่าว

หานซานเฉียนมองไปที่เจียงหลานด้วยสายตาเย็นยะเยือก เขาไม่ยอมปล่อยข้อมือเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความแข็งข้อแบบนี้ในตระกูลซู

เมื่อเจี่ยงหลานมองไปยังนัยน์ตาของหานซานเฉียน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหวาดกลัว ราวกับว่าเขาอยากจะฆ่าเธอจริง ๆ

เมื่อซูกั๋วเย่าเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบเข้ามาห้ามและพูดว่า “พวกคุณหยุดได้แล้ว ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้เราควรจะช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้หยิงเซี่ยทำงานนี้ให้สำเร็จดีกว่า”

หลังจากที่เจี่ยงหลานปล่อยซูหยิงเซี่ยให้เป็นอิสระแล้ว หานซานเฉียนก็ปล่อยเธอเช่นกัน และเขาก็พูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ผมจะทำไปอาหาร”

เจี่ยงหลานกัดฟันด้วยความเคียดแค้นพลางมองไปที่ข้อมือสีแดง และพูดอย่างโกรธจัดว่า “ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะหาทางไล่แกออกไปจากบ้านของเราให้ได้ ไอ้คนไร้ค่า”

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เจี่ยงหลานไม่ได้มาที่โต๊ะ ซูกั๋วเย่าพูดเกี่ยวกับบริษัทลั่วเฉวที่โต๊ะอาหาร ในใจเขาเองก็รู้สึกกลัวมาก เพราะในวันพรุ่งนี้ถ้าซูหยิงเซี่ยทำไม่สำเร็จ พวกญาติของตระกูลซู และซูไห่เฉาจะไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ หากพวกเขาถูกไล่ออกจากตระกูลซูจริง พวกเขาจบเห่แน่

หลังอาหารเย็น หานซานเฉียนไปอาบน้ำ เขากลับมาที่ห้องและพบว่าซูหยิงเซี่ยกำลังนั่งอยู่บนเตียง และมองตรงมาที่เขา

หานซานเฉียนนอนอยู่ที่ข้างล่าง เขาพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “เจ้าของบริษัทลั่วเฉวเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม”

“อ้อ” ซูหยิงเซี่ยตอบง่าย ๆ และไม่ได้ถามอะไรต่อ

ห้องเงียบมากจนอาจจะได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา ตลอดสามปีที่ผ่านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

แต่วันนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกแปลก โดยเฉพาะตอนที่หานซานเฉียนจับข้อมือแม่ของเธอในตอนนั้น ซูหยิงเซี่ยไม่เคยเห็นแววตาแบบนั้นของเขาเลย

“คราวหน้าไม่ต้องไปรอฉันที่หน้าบริษัทแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดขึ้น

หานซานเฉียนแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดว่าซูหยิงเซี่ยจะรู้เรื่องนี้

“ได้”

ซูหยิงเซี่ยหันหลังให้หานซานเฉียน เธอกัดริมฝีปากแน่น และหัวใจของเธอก็รู้สึกเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก

เธอคิดเสมอว่าเธอต้องการจะหย่ากับหานซานเฉียนเพื่อจะได้เป็นอิสระ แต่พอเมื่อวานนี้เเม่ของเธอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เธอถึงได้รู้ว่าเธอทำไม่ได้

ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเขาจะไร้ค่าหรือไร้ประโยชน์เพียงใด เขาก็อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดสามปี

ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าเขาต่ำต้อยแค่ไหน ไม่ว่าทัศนคติของเขาจะเย็นชาเพียงใด แต่เขาก็ยิ้มอย่างสดใสต่อหน้าเธอเสมอ

หัวใจของมนุษย์ทำมาจากเลือดเนื้อ และหัวใจของซูหยิงเซี่ยไม่ได้เป็นเหล็ก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอเคยชินกับการที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ไปแล้ว

“มารอรับฉันที่หน้าประตูบริษัทแทน”

หานซานเฉียนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขามองดูแผ่นหลังของซูหยิงเซี่ยที่นอนตะแคงอยู่ สีหน้าที่ตกตะลึงของเขาค่อย ๆ เต็มไปด้วยความสุข

ซูหยิงเซี่ยไม่เห็นสีหน้าของหานซานเฉียน และไม่ได้ยินคำตอบของเขา เธอจึงคิดว่าเขาไม่เต็มใจ เธอเลยพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ถ้านายไม่เต็มใจก็ลืมมันซะ”

หานซานเฉียนลุกขึ้นนั่งและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เต็มใจ...เต็มใจ ผมเต็มใจ”

ซูหยิงเซี่ยสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของหานซานเฉียน น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวกับไข่มุก แท้ที่จริงแล้วเธอไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้

“สามปีมานี้ ฉันขอโทษนะ”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pipo Pippoo
เนื่อเรื่อง​มันซ้ำกับหลายเรื่อง แค่ปลี่ยนตัวละคร ไม่น่าอ่าน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 6

    วันรุ่งขึ้น ซูไห่เฉานั่งอยู่ในสำนักงาน ทันทีที่รับสาย ๆ หนึ่ง เขาก็หัวเราะจนน้ำตาไหลเพื่อนร่วมงานในตระกูลซูอีกสองสามคนมองดูซูไห่เฉาที่กำลังหัวเราะอย่างงุนงง“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น นายตลกอะไรนักหนา?”“หยุดหัวเราะ แล้วบอกเราเร็ว ๆ สิ” “คงไม่ใช่เพราะซูหยิงเซี่ยหนีไปแล้วใช่ไหม?”ซูไห่เฉาจับท้องของเขาและพูดว่า “ฉันหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว ซูหยิงเซี่ยนี่โง่จริง ๆ”“เกิดอะไรขึ้น รีบบอกมาเร็วเข้า” ญาติของตระกูลซูหลายคนกระวนกระวายราวกับมดที่อยู่บนหม้อไฟ“ผู้หญิงบ้าคนนี้ให้หานซานเฉียนขับรถยนต์ไฟฟ้าพาเธอไปยังบริษัทลั่วเฉวน่ะสิ เธอเสียสติไปแล้วสินะ” ซูไห่เฉาพูดเมื่อได้ยินประโยคนี้ เสียงหัวเราะมากมายก็ดังขึ้นในสำนักงาน ไม่มีใครหยุดหัวเราะได้เลย ทุกคนต่างหัวเราะกันดังลั่น“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เธอจะไปเจรจาเรื่องความร่วมมือในสภาพแบบนี้ บริษัทลั่วเฉวคงจะยอมเจรจากับเธออยู่หรอกนะ?”“ฉันว่าเธอคงยอมแพ้แล้วล่ะ แต่ก็นะ พวกเรายังขอเจรจาไม่ได้เลย แล้วเธอจะทำได้ยังไง”“ไห่เฉา วิธีนี้ของนายใช้ได้เลยนะ ครั้งนี้ซูหยิงเซี่ยไม่รอดแน่ เธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลซู เมื่อถึงเวลาแบ่งทรัพย์สมบัติ เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย”

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 7

    เมื่อการเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น ซูหยิงเซี่ยเดินออกมาจากบริษัทลั่วเฉวราวกับว่าวิญญาณออกจากเธอไปแล้ว ชายที่สอดแนมในระยะไกลเห็นฉากนี้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรรายงานกับซูไห่เฉาทันทีหลังจากที่ซูไห่เฉาได้รับข่าว เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก เขาวางแผนจัดประชุมภายในขึ้นทันที และในระหว่างนั้นเขาจะไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซู"เป็นไงบ้าง?" หานซานเฉียนเดินดิ่งเข้าไปหาซูหยิงเซี่ย เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของเธอ ในใจจึงคิดว่าจงเหลียงให้การต้อนรับบกพร่องหรือ? “เซ็นสัญญาแล้ว” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียน และกล่าวด้วยน้ำเสียงทึมทื่อหานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อได้เซ็นสัญญาแล้ว ทำไมคุณถึงดูสิ้นหวังแบบนี้ล่ะ”ซูหยิงเซี่ยไม่ได้รู้สึกสิ้นหวัง แต่เธอรู้สึกเหมือนเธอฝันไปขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของซูหยิงเซี่ยก็ดังขึ้น และหลังจากเห็นชื่อซูไห่เฉา เธอพูดขึ้นอย่างหมดคำจะพูดว่า“ซูไห่เฉานี่รอไม่ไหวเลยเหรอ”“แต่คราวนี้เขาต้องผิดหวังแน่” หานซานเฉียนกล่าว“ทั้งหมดนี้คือคุณงามความดีของคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บ้านของเราต้องจบเห่แน่” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนอย่างซาบซึ้งใจ“อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้นอกจากคุณนะ”

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 8

    ในที่สุดหญิงชราก็มองมาที่ซูหยิงเซี่ย และขอให้ผู้ช่วยนำแว่นของเธอมาให้เพื่ออ่านสัญญาทั้งหมดญาติ ๆ ต่างพากันยืดคอเพื่อต้องการอ่านเนื้อหาของสัญญา เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าซูหยิงเซี่ยจะสามารถเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนได้จริง เพราะพวกเขาทุกคนไม่เคยเห็นแม้แต่เจ้าของบริษัทลั่วเฉว แล้วทำไมซูหยิงเซี่ยถึงทำได้?เธอมีฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในตระกูลซู และไม่เคยเป็นที่น่าพอใจเลย ไม่มีใครปฏิบัติกับซูหยิงเซี่ยเหมือนเป็นญาติพี่น้อง แต่ถ้าครั้งนี้เธอขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ แล้วถ้าหญิงชราเห็นคุณค่าของเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร?ในบรรดาญาติ ๆ ของพวกเขา ซูไห่เฉาเป็นคนที่ไม่อยากจะเชื่อมากที่สุด เพราะถ้าหากซูหยิงเซี่ยขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าในอนาคตเขาจะต้องยกน้ำชาให้แก่ซูหยิงเซี่ย และเขาต้องเรียกเธอว่าพี่เซี่ย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก“ซูหยิงเซี่ย เธออาจจะร่างสัญญาขึ้นมาเองก็ได้ ใครจะไปเชื่อเธอ ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวด้วยซ้ำ” ซูไห่เฉาพูดอย่างประชดประชัน“ใช่ ฉันไม่ได้เจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวจริง ๆ นั่นแหละ” เพราะคุณจงเหลียง ผู้ดูแลโครงการเฉิงซีบอกเธอว่าเจ้าของบริษัทยุ่ง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 9

    บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูหลายคนลุกขึ้นยืนพูดแทนซูไห่เฉา เมื่อเห็นคนเหล่านั้นเข้าข้างและปกป้องเขา ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ พวกเขาช่างไร้ยางอายจริง ๆ ซูไห่เฉาเป็นคนให้สัญญาเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความผิดของเธอซะงั้นหากเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนไม่สำเร็จ หากซูไห่เฉาจะไล่เธอออกจากตระกูลซู แล้วคนเหล่านี้จะลุกขึ้นมาโต้แย้งช่วยเธอไหม?“ในเมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้” หญิงชราพูดเมื่อบรรดาญาติ ๆ ที่ต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมของซูไห่เฉา เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกเหมือนมะเขือที่ถูกทุบ พวกเขาไม่กล้าพูดไร้สาระอะไรอีกซูไห่เฉาแสดงสีหน้าบูดบึ้งราวกับว่าเขากินอุจจาระเข้าไป แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่พอใจเป็นหมื่นพันเท่า แต่ในเมื่อคุณย่าพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เขาจะไม่ยอมได้อย่างไรซูไห่เฉายกถ้วยน้ำชามาให้ซูหยิงเซี่ยดื่ม และตะโกนอย่างไม่เต็มใจว่า “พี่เซี่ย”เมื่อเขาก้มหัวลง ดวงตาของซูไห่เฉาก็ฉายแววน่ากลัว และคิดในใจว่า ครั้งนี้เธอคงรู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ฉันเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบริษัท ถ้าฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตาย มันยังมีอีกหลายวิธีที่

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 10

    “คุณย่าครับ คุณย่าจะให้ซูหยิงเซี่ยรับผิดชอบเรื่องนี้จริงเหรอครับ?” ซูไห่เฉาพูดกับคุณย่าของเขาในห้องนั่งเล่นที่บ้านพักของตระกูลซูหญิงชรายิ้มรับและตอบว่า “สัญญานี้หยิงเซี่ยเป็นคนเจรจามาได้ ฉันมอบหมายให้เธอเป็นคนรับผิดชอบแล้วมันผิดตรงไหน?”“แม่ครับ แม่ลองคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบนะครับ ซูหยิงเซี่ยเป็นผู้หญิง ถ้าเธอสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเราได้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับซูไห่เฉานะครับ” ซูกั๋วหลินกล่าวหญิงชราของตระกูลซูมองทั้งสองอย่างไม่พอใจและกล่าวว่า “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน”“คุณย่าครับ ถึงแม้ว่าหานซานเฉียนจะเข้ามาเป็นภาระในตระกูลเรา แต่เขาก็เป็นคนละนามสกุลกับเรา ตลอดสามปีที่ผ่านมา เจ้าคนต่ำต้อยนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าบริษัทต้องไปอยู่ในความดูแลของซูหยิงเซี่ย คุณย่าไม่กลัวว่าทรัพย์สินของตระกูลซูของเราจะตกไปอยู่ในมือของคนนามสกุลคนอื่นเหรอครับ” ซูไห่เฉากล่าว“หยิงเซี่ยกับเจ้าคนต่ำต้อยนี้ไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์อะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ของตระกูลซู ฉันคงจะให้พวกเขาหย่ากันไปนานแล้ว เหตุการณ์ที่พวกแกกังวลไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น” หญิงชรากล่าวซูไห่เฉากัดฟันและพูดต่

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 11

    “คุณผู้หญิงซูอยู่ที่ไหนครับ” จงเหลียงถามอย่างไม่แยแสซูไห่เฉาคิดว่าจงเหลียงแค่ถามไปอย่างงั้น เขาจึงหาเหตุผลมาอ้างง่าย ๆ ว่า “เธอป่วยครับ จากนี้ไปผมจะรับผิดชอบติดตามความร่วมมือกับบริษัทคุณเองครับ”จงเหลียงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เราค่อยคุยกันหลังจากที่คุณผู้หญิงซูหายเป็นปกติแล้วดีกว่าครับ”หลังจากพูดจบ จงเหลียงก็หันหลังกลับและเดินออกไปทันทีซูไห่เฉาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบวิ่งตามจงเหลียงไปทันทีและพูดว่า “พี่จงครับ ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ คุณวางใจได้เลย ผมมีความสามารถมากกว่าซูหยิงเซี่ยแน่นอนครับ การเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของคุณ....”ก่อนที่ซูไห่เฉาจะพูดจบ จงเหลียงก็หยุดอยู่ที่ด้านข้างของรถของเขาแล้วพูดว่า “มีคนจำนวนมากที่ต้องการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทลั่วเฉว ในเมื่อตระกูลซูไม่มีความซื่อสัตย์ ผมคงต้องพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง”เมื่อซูไห่เฉาเห็นรถของคุณจงเหลียงขับออกไป เขาก็ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจงเหลียงคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ทัศนคติของเขาเด็ดขาดอย่างไม่น่าเชื่อพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ!ประโยคนี้ทำให้ซูไห่เฉาหัวหมุน เดิมทีต

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 12

    ซูกั๋วหลินและซูไห่เฉาถูกทิ้งไว้ในห้องประชุมซูกั๋วหลินหน้าดำคร่ำเครียด เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันไม่รู้ว่าซูหยิงเซี่ยวางยาอะไรจงเหลียง ตำแหน่งของแกในบริษัทสูงกว่าเธอแท้ ๆ แต่เขากลับไม่ไว้หน้าแกแบบนี้”ซูไห่เฉากัดฟันกรอด เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ซูหยิงเซี่ยคงจะนอกใจไอ้คนต่ำต้อยนั่นน่ะสิ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” “จะเพราะอะไรก็ช่าง เรื่องนี้ต้องให้เธอเป็นคนจัดการเท่านั้น สิ่งที่คุณย่าพูด ท่านรักษาคำพูดเสมอ” ซูกั๋วหลินพูดพร้อมกับถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซูไห่เฉาก็ปวดหัว รู้อย่างงี้เมื่อคืนเขาไม่น่าโทรหาซูหยิงเซี่ยเลย เพราะตอนนี้เขาต้องไปขอร้องให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาตั้งตัวไม่ทัน“ผมคงต้องโทรหาเธอ”ซูไห่เฉาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของซูหยิงเซี่ยเขาไม่กล้าชักช้าในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากจงเหลียงเลือกบริษัทอื่นเป็นหุ้นส่วนขึ้นมาจริง ๆ คงไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ววันนี้ซูหยิงเซี่ยถูกสั่งให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ในใจของเธอรู้สึกหดหู่และขุ่นเคือง ขณะที่เธอดูทีวีอยู่ที่บ้าน โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นเธอกำลังจะลุกขึ้นไปรับโทรศ

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 13

    ซูไห่เฉาที่ถูกวางสายใส่รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ “ไอ้คนต่ำต้อย กล้าดียังไงมาวางสายใส่ฉัน!” ซูไห่เฉาพูดอย่างโกรธเกรี้ยวซูกั๋วหลินรู้สึกเป็นกังวล ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่ออกมารับหน้าแทน พวกเขาจบเห่แน่“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น ซูหยิงเซี่ยไม่ยอมช่วยเหรอ?” ซูกั๋วหลินถามซูไห่เฉายิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “หานซานเฉียนรับสายแทน มันบอกว่าซูหยิงเซี่ยป่วย”“ป่วยอย่างนั้นเหรอ?” ซูกั๋วหลินถ่มน้ำลายลงพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ฉันว่าเธอคงแกล้งป่วยน่ะสิและจงใจไม่ช่วยมากกว่า”ถึงซูกั๋วหลินจะรู้สึกโกรธจัด แต่เขาก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องขอให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนให้ได้ การร่วมมือกับเธอคือเรื่องเล็ก แต่การถูกไล่ออกจากตระกูลซูนั้นคือเรื่องใหญ่“ไห่เฉาไปกันเถอะ พ่อจะพาแกไปเอง” ซูกั๋วหลินกล่าวตั้งแต่ที่ซูไห่เฉาถูกหานซานเฉียนวางสายใส่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาโกรธมากและแน่นอนว่าต้องไปจัดการกับหานซานเฉียนเมื่อพวกเขามาถึงชุมชนที่ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยอาศัยอยู่ ซูกั๋วหลินก็แสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ครอบครัวซูต่ำต้อยที่สุดในตระ

Latest chapter

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1455

    เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1454

    “เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1453

    เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1452

    เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1451

    “เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1450

    ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1449

    ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1448

    หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1447

    “ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status