แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: เจว๋เหริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2021-07-09 19:00:01
“เถ้าแก่ ขอบุหรี่หน่อยครับ”

“นายนี่ตรงเวลาทุกวันเลยนะ”

ณ ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามของบริษัทซู เจ้าของร้านมองไปที่หานซานเฉียนพร้อมกับถอนหายใจ

วันหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้จะมาที่นี่อย่างตรงต่อเวลาเสมอ นี่ก็เป็นเวลาสามปีแล้ว ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก ตอนแรกเถ้าแก่ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ค่อย ๆ สังเกตได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ซูหยิงเซี่ยออกมาจากบริษัท ชายหนุ่มคนนี้ก็จะตามออกมาด้วย

สําหรับตัวตนของหานซานเชียน เถ้าแก่พอจะเดาได้คร่าว ๆ แต่ก็ไม่ได้บอกแน่ชัดว่าตระกูลมีปมที่ยากจะอ่านออกได้ ลูกเขยของตระกูลซูคนนี้ได้รับการปฏิบัติราวกับขยะจากคนทั้งหยุนเฉิง บางทีเขาอาจไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้

“ผมไม่มีอะไรทำอยู่แล้วครับ” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เถ้าแก่เป็นชายวัยกลางคน เขาชื่นชมความพากเพียรของหานซานเฉียนมาก เวลาผ่านมาสามปีแล้วที่เขามาที่นี่ในเวลาสี่โมงครึ่งตรงเวลาทุกวัน และคอยปกป้องซูหยิงเซี่ยอยู่อย่างเงียบ ๆ เสมอ

“เมื่อไหร่นายถึงจะไปรับเธอหลังเลิกงานล่ะ? เอาแต่มองแบบนี้ทุกวัน มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ” ในร้านไม่มีลูกค้า เถ้าแก่จึงได้พูดกับหานซานเฉียน

หานซานเฉียนมองไปที่ประตูของบริษัทซูและยิ้มเบา ๆ ก่อนจะตอบว่า “มันยังไม่ถึงเวลาครับ”

“น้องชาย มีคำกล่าวอยู่คำนึง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือเปล่า” เถ้าแก่เอ่ย

“แน่นอนครับ”

“ฉันคิดว่านายดูไม่เหมือนคนธรรมดาเลย ทำไม...ทำไมนายถึงแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลซูล่ะ?” แม้ว่าเถ้าแก่ไม่ได้มีสายตาที่เฉียบแหลม แต่ทุกวันเขาก็ติดต่อกับลูกค้าจำนวนมาก ในสายตาของเขา หานซานเฉียนนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ มันยากที่จะบอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่เถ้าแก่คิดว่าเขาแตกต่างจากคนเหล่านั้น

“มีเลือดมีเนื้อ กิน ดื่ม และนอนไม่ต่างจากคนอื่น ผมเป็นคนธรรมดานั่นแหละครับ” หานซานเฉียนตอบ

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” เถ้าแก่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ต้องทนกับคำวิจารณ์มากมาย ถ้าฉันเป็นนาย ฉันคงปวดประสาทไปนานแล้ว”

ปวดประสาทอย่างนั้นเหรอ?

หานซานเฉียนยิ้มออกมา ในฐานะที่เขาเป็นเหมือนคนต่ำต้อยและลูกชายที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลซู ซูหยิงเซี่ยยังไม่ปวดประสาทเลย แล้วเขามีสิทธิ์อะไรที่จะปวดประสาทกัน

ในสายตาของคนอื่น หานซานเฉียนต้องทนต่อความอัปยศอดสู

แต่ในสายตาของหานซานเฉียนนั้น ซูหยิงเซี่ยถูกเยาะเย้ยยิ่งกว่าเขา

“สิ่งที่ผมอดทน ยังเทียบกับสิ่งที่เธอเจอไม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าว

เถ้าแก่ถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก

หลังจากซูหยิงเซี่ยเลิกงาน หานซานเฉียนก็บอกลาเถ้าแก่ตามปกติ และขับรถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กออกไป

ซูหยิงเซี่ยยืนอยู่ที่ประตูบริษัท จนกระทั่งร่างของหานซานเฉียนลับตาไป

เป็นเวลาสามปีแล้วที่หานซานเฉียนมารอซูหยิงเซี่ยเลิกงานทุกวัน

และซูหยิงเซี่ยก็รอให้หานซานเฉียนกลับไปก่อนเธอถึงจะขึ้นรถ

เมื่อกลับถึงบ้าน ซูกั๋วเย่าบอกกับเจี่ยงหลานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ประชุม เจี่ยงหลานก็รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าขึ้นมาทันที

“ซูหยิงเซี่ย ลูกบ้าหรือเปล่า ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าเราจะอยู่ยังไงถ้าถูกไล่ออกจากตระกูลซู”

“ซูไห่เฉาจงใจเล่นงานลูก ลูกไม่รู้หรือไงว่าเขาต้องการอะไร”

ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเฉยเมยว่า “ลูกรู้ว่าเขาไม่ต้องการให้เราได้ทรัพย์สมบัติของตระกูลซู”

เมื่อเจียงหลานได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ และเธอก็แผดเสียงออกมาว่า “ในเมื่อลูกก็รู้ แล้วลูกจะไปตกลงทำไม พวกเขายังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วลูกจะทำได้ยังไง”

ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกสับสนมาก เธอเชื่อในตัวหานซานเฉียน แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นถูกหรือผิดกันแน่

แม้ว่าสถานะครอบครัวของเธอในบริษัทจะต่ำมาก แต่คุณย่าเสียชีวิต เธอก็จะได้รับเงินจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าเธอถูกขับไล่ออกจากตระกูลซู เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย

การเชื่อในตัวหานซานเฉียนกับชะตาในอนาคตมันเป็นเดิมพันที่มีราคาสูง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พูดมันออกไปแล้ว จะเปลี่ยนใจได้เหรอ?

“แม่คะ แม่ไม่เชื่อในตัวลูกอย่างนั้นเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม

เจี่ยงหลานรู้สึกโกรธมาก จนทุบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “ลูกจะให้แม่เชื่อในตัวลูกได้ยังไง ในเมื่อคนในตระกูลซูยังสิ้นหวัง แล้วอะไรคือเหตุผลที่ลูกคิดว่าลูกจะทำมันได้?”

นั่นสิเหตุผลอะไรกันล่ะ?

ซูหยิงเซี่ยไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไม แต่ที่เธอตอบตกลงทำงานนี้ เป็นเพราะข้อความนั้นจากหานซานเฉียน

เมื่อหานซานเฉียนกลับถึงบ้าน เขาเดินไปหาซูหยิงเซี่ยและพูดกับแม่ของเธอว่า “คุณแม่ควรเชื่อเธอนะครับ ผมเชื่อว่าหยิงเซี่ยจะต้องทำได้แน่นอน”

เจี่ยงหลานเหลือบตามองหานซานเฉียนอย่างเหลืออด และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับแก ถ้าไม่ใช่เพราะแกแต่งงานกับบ้านเรา ลูกสาวคนสวยของฉันก็จะได้แต่งงานกับครอบครัวที่มั่งคั่งและมีอนาคตที่ดี แกทำลายครอบครัวเรา แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น”

หานซานเฉียนเงียบและเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหาร

“หานซานเฉียน ฉันเชื่อคุณได้ใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียนทันที

หานซานเฉียนหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน”

“เกิดอะไรขึ้น?” เจี่ยงหลานเห็นว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบถามซูหยิงเซี่ยเรื่องนี้ หรือว่าเป็นเพราะคนต่ำต้อยคนนี้ที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยตกลงทำงานนี้

“แกกลับมานี่ พูดให้ชัดเจน แกเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย? แกบอกให้หยิงเซี่ยตกลงทำงานนี้เหรอ?” เจียงหลานถามหานซานเฉียน

ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าถ้าแม่ของเธอรู้เกี่ยวกับข้อความนั้น แม่จะต้องทำให้หานซานเฉียนลำบากแน่ และอาจถึงขั้นไล่หานซานเฉียนออกจากบ้าน

“แม่คะ เรื่องนี้ลูกเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว

“ไม่เกี่ยวอย่างนั้นเหรอ แม่ว่าลูกหลงเจ้าคนต่ำต้อยนี้ ลูกเชื่อสิ่งที่เขาพูดใช่ไหม? ซูหยิงเซี่ยลูกบ้าหรือเปล่า” เจี่ยงหลานคว้าไหล่บางของซูหยิงเซี่ยเอาไว้ ด้วยอารมณ์โกรธของเธอ เธอจึงเผลอบีบไหล่ของลูกสาวจนเธอรู้สึกเจ็บปวด

เมื่อหานซานเฉียนเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของซูหยิงเซี่ย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นราวกับน้ำแข็ง เขาคว้าข้อมือแม่ของเธอ และพูดอย่างเย็นชาว่า “หยิงเซี่ยจะทำได้หรือไม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณแม่ก็รู้เองว่าทำไมคุณแม่ถึงต้องเชื่อเธอครับ”

เจี่ยงหลานยิ่งรู้สึกโกรธจัด เพราะเขาไม่สิทธิ์มาพูดอะไรทั้งนั้น

“แกปล่อยฉัน ครอบครัวของเราไม่ฟังคำพูดของแก” เจี่ยงหลานกล่าว

หานซานเฉียนมองไปที่เจียงหลานด้วยสายตาเย็นยะเยือก เขาไม่ยอมปล่อยข้อมือเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความแข็งข้อแบบนี้ในตระกูลซู

เมื่อเจี่ยงหลานมองไปยังนัยน์ตาของหานซานเฉียน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหวาดกลัว ราวกับว่าเขาอยากจะฆ่าเธอจริง ๆ

เมื่อซูกั๋วเย่าเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบเข้ามาห้ามและพูดว่า “พวกคุณหยุดได้แล้ว ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้เราควรจะช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้หยิงเซี่ยทำงานนี้ให้สำเร็จดีกว่า”

หลังจากที่เจี่ยงหลานปล่อยซูหยิงเซี่ยให้เป็นอิสระแล้ว หานซานเฉียนก็ปล่อยเธอเช่นกัน และเขาก็พูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ผมจะทำไปอาหาร”

เจี่ยงหลานกัดฟันด้วยความเคียดแค้นพลางมองไปที่ข้อมือสีแดง และพูดอย่างโกรธจัดว่า “ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะหาทางไล่แกออกไปจากบ้านของเราให้ได้ ไอ้คนไร้ค่า”

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เจี่ยงหลานไม่ได้มาที่โต๊ะ ซูกั๋วเย่าพูดเกี่ยวกับบริษัทลั่วเฉวที่โต๊ะอาหาร ในใจเขาเองก็รู้สึกกลัวมาก เพราะในวันพรุ่งนี้ถ้าซูหยิงเซี่ยทำไม่สำเร็จ พวกญาติของตระกูลซู และซูไห่เฉาจะไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ หากพวกเขาถูกไล่ออกจากตระกูลซูจริง พวกเขาจบเห่แน่

หลังอาหารเย็น หานซานเฉียนไปอาบน้ำ เขากลับมาที่ห้องและพบว่าซูหยิงเซี่ยกำลังนั่งอยู่บนเตียง และมองตรงมาที่เขา

หานซานเฉียนนอนอยู่ที่ข้างล่าง เขาพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “เจ้าของบริษัทลั่วเฉวเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม”

“อ้อ” ซูหยิงเซี่ยตอบง่าย ๆ และไม่ได้ถามอะไรต่อ

ห้องเงียบมากจนอาจจะได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา ตลอดสามปีที่ผ่านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

แต่วันนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกแปลก โดยเฉพาะตอนที่หานซานเฉียนจับข้อมือแม่ของเธอในตอนนั้น ซูหยิงเซี่ยไม่เคยเห็นแววตาแบบนั้นของเขาเลย

“คราวหน้าไม่ต้องไปรอฉันที่หน้าบริษัทแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดขึ้น

หานซานเฉียนแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดว่าซูหยิงเซี่ยจะรู้เรื่องนี้

“ได้”

ซูหยิงเซี่ยหันหลังให้หานซานเฉียน เธอกัดริมฝีปากแน่น และหัวใจของเธอก็รู้สึกเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก

เธอคิดเสมอว่าเธอต้องการจะหย่ากับหานซานเฉียนเพื่อจะได้เป็นอิสระ แต่พอเมื่อวานนี้เเม่ของเธอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เธอถึงได้รู้ว่าเธอทำไม่ได้

ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเขาจะไร้ค่าหรือไร้ประโยชน์เพียงใด เขาก็อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดสามปี

ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าเขาต่ำต้อยแค่ไหน ไม่ว่าทัศนคติของเขาจะเย็นชาเพียงใด แต่เขาก็ยิ้มอย่างสดใสต่อหน้าเธอเสมอ

หัวใจของมนุษย์ทำมาจากเลือดเนื้อ และหัวใจของซูหยิงเซี่ยไม่ได้เป็นเหล็ก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอเคยชินกับการที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ไปแล้ว

“มารอรับฉันที่หน้าประตูบริษัทแทน”

หานซานเฉียนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขามองดูแผ่นหลังของซูหยิงเซี่ยที่นอนตะแคงอยู่ สีหน้าที่ตกตะลึงของเขาค่อย ๆ เต็มไปด้วยความสุข

ซูหยิงเซี่ยไม่เห็นสีหน้าของหานซานเฉียน และไม่ได้ยินคำตอบของเขา เธอจึงคิดว่าเขาไม่เต็มใจ เธอเลยพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ถ้านายไม่เต็มใจก็ลืมมันซะ”

หานซานเฉียนลุกขึ้นนั่งและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เต็มใจ...เต็มใจ ผมเต็มใจ”

ซูหยิงเซี่ยสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของหานซานเฉียน น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวกับไข่มุก แท้ที่จริงแล้วเธอไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้

“สามปีมานี้ ฉันขอโทษนะ”
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Pipo Pippoo
เนื่อเรื่อง​มันซ้ำกับหลายเรื่อง แค่ปลี่ยนตัวละคร ไม่น่าอ่าน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 6

    วันรุ่งขึ้น ซูไห่เฉานั่งอยู่ในสำนักงาน ทันทีที่รับสาย ๆ หนึ่ง เขาก็หัวเราะจนน้ำตาไหลเพื่อนร่วมงานในตระกูลซูอีกสองสามคนมองดูซูไห่เฉาที่กำลังหัวเราะอย่างงุนงง“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น นายตลกอะไรนักหนา?”“หยุดหัวเราะ แล้วบอกเราเร็ว ๆ สิ” “คงไม่ใช่เพราะซูหยิงเซี่ยหนีไปแล้วใช่ไหม?”ซูไห่เฉาจับท้องของเขาและพูดว่า “ฉันหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว ซูหยิงเซี่ยนี่โง่จริง ๆ”“เกิดอะไรขึ้น รีบบอกมาเร็วเข้า” ญาติของตระกูลซูหลายคนกระวนกระวายราวกับมดที่อยู่บนหม้อไฟ“ผู้หญิงบ้าคนนี้ให้หานซานเฉียนขับรถยนต์ไฟฟ้าพาเธอไปยังบริษัทลั่วเฉวน่ะสิ เธอเสียสติไปแล้วสินะ” ซูไห่เฉาพูดเมื่อได้ยินประโยคนี้ เสียงหัวเราะมากมายก็ดังขึ้นในสำนักงาน ไม่มีใครหยุดหัวเราะได้เลย ทุกคนต่างหัวเราะกันดังลั่น“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เธอจะไปเจรจาเรื่องความร่วมมือในสภาพแบบนี้ บริษัทลั่วเฉวคงจะยอมเจรจากับเธออยู่หรอกนะ?”“ฉันว่าเธอคงยอมแพ้แล้วล่ะ แต่ก็นะ พวกเรายังขอเจรจาไม่ได้เลย แล้วเธอจะทำได้ยังไง”“ไห่เฉา วิธีนี้ของนายใช้ได้เลยนะ ครั้งนี้ซูหยิงเซี่ยไม่รอดแน่ เธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลซู เมื่อถึงเวลาแบ่งทรัพย์สมบัติ เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-09
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 7

    เมื่อการเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น ซูหยิงเซี่ยเดินออกมาจากบริษัทลั่วเฉวราวกับว่าวิญญาณออกจากเธอไปแล้ว ชายที่สอดแนมในระยะไกลเห็นฉากนี้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรรายงานกับซูไห่เฉาทันทีหลังจากที่ซูไห่เฉาได้รับข่าว เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก เขาวางแผนจัดประชุมภายในขึ้นทันที และในระหว่างนั้นเขาจะไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซู"เป็นไงบ้าง?" หานซานเฉียนเดินดิ่งเข้าไปหาซูหยิงเซี่ย เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของเธอ ในใจจึงคิดว่าจงเหลียงให้การต้อนรับบกพร่องหรือ? “เซ็นสัญญาแล้ว” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียน และกล่าวด้วยน้ำเสียงทึมทื่อหานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อได้เซ็นสัญญาแล้ว ทำไมคุณถึงดูสิ้นหวังแบบนี้ล่ะ”ซูหยิงเซี่ยไม่ได้รู้สึกสิ้นหวัง แต่เธอรู้สึกเหมือนเธอฝันไปขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของซูหยิงเซี่ยก็ดังขึ้น และหลังจากเห็นชื่อซูไห่เฉา เธอพูดขึ้นอย่างหมดคำจะพูดว่า“ซูไห่เฉานี่รอไม่ไหวเลยเหรอ”“แต่คราวนี้เขาต้องผิดหวังแน่” หานซานเฉียนกล่าว“ทั้งหมดนี้คือคุณงามความดีของคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บ้านของเราต้องจบเห่แน่” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนอย่างซาบซึ้งใจ“อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้นอกจากคุณนะ”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-09
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 8

    ในที่สุดหญิงชราก็มองมาที่ซูหยิงเซี่ย และขอให้ผู้ช่วยนำแว่นของเธอมาให้เพื่ออ่านสัญญาทั้งหมดญาติ ๆ ต่างพากันยืดคอเพื่อต้องการอ่านเนื้อหาของสัญญา เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าซูหยิงเซี่ยจะสามารถเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนได้จริง เพราะพวกเขาทุกคนไม่เคยเห็นแม้แต่เจ้าของบริษัทลั่วเฉว แล้วทำไมซูหยิงเซี่ยถึงทำได้?เธอมีฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในตระกูลซู และไม่เคยเป็นที่น่าพอใจเลย ไม่มีใครปฏิบัติกับซูหยิงเซี่ยเหมือนเป็นญาติพี่น้อง แต่ถ้าครั้งนี้เธอขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ แล้วถ้าหญิงชราเห็นคุณค่าของเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร?ในบรรดาญาติ ๆ ของพวกเขา ซูไห่เฉาเป็นคนที่ไม่อยากจะเชื่อมากที่สุด เพราะถ้าหากซูหยิงเซี่ยขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าในอนาคตเขาจะต้องยกน้ำชาให้แก่ซูหยิงเซี่ย และเขาต้องเรียกเธอว่าพี่เซี่ย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก“ซูหยิงเซี่ย เธออาจจะร่างสัญญาขึ้นมาเองก็ได้ ใครจะไปเชื่อเธอ ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวด้วยซ้ำ” ซูไห่เฉาพูดอย่างประชดประชัน“ใช่ ฉันไม่ได้เจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวจริง ๆ นั่นแหละ” เพราะคุณจงเหลียง ผู้ดูแลโครงการเฉิงซีบอกเธอว่าเจ้าของบริษัทยุ่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-09
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 9

    บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูหลายคนลุกขึ้นยืนพูดแทนซูไห่เฉา เมื่อเห็นคนเหล่านั้นเข้าข้างและปกป้องเขา ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ พวกเขาช่างไร้ยางอายจริง ๆ ซูไห่เฉาเป็นคนให้สัญญาเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความผิดของเธอซะงั้นหากเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนไม่สำเร็จ หากซูไห่เฉาจะไล่เธอออกจากตระกูลซู แล้วคนเหล่านี้จะลุกขึ้นมาโต้แย้งช่วยเธอไหม?“ในเมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้” หญิงชราพูดเมื่อบรรดาญาติ ๆ ที่ต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมของซูไห่เฉา เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกเหมือนมะเขือที่ถูกทุบ พวกเขาไม่กล้าพูดไร้สาระอะไรอีกซูไห่เฉาแสดงสีหน้าบูดบึ้งราวกับว่าเขากินอุจจาระเข้าไป แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่พอใจเป็นหมื่นพันเท่า แต่ในเมื่อคุณย่าพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เขาจะไม่ยอมได้อย่างไรซูไห่เฉายกถ้วยน้ำชามาให้ซูหยิงเซี่ยดื่ม และตะโกนอย่างไม่เต็มใจว่า “พี่เซี่ย”เมื่อเขาก้มหัวลง ดวงตาของซูไห่เฉาก็ฉายแววน่ากลัว และคิดในใจว่า ครั้งนี้เธอคงรู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ฉันเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบริษัท ถ้าฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตาย มันยังมีอีกหลายวิธีที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-10
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 10

    “คุณย่าครับ คุณย่าจะให้ซูหยิงเซี่ยรับผิดชอบเรื่องนี้จริงเหรอครับ?” ซูไห่เฉาพูดกับคุณย่าของเขาในห้องนั่งเล่นที่บ้านพักของตระกูลซูหญิงชรายิ้มรับและตอบว่า “สัญญานี้หยิงเซี่ยเป็นคนเจรจามาได้ ฉันมอบหมายให้เธอเป็นคนรับผิดชอบแล้วมันผิดตรงไหน?”“แม่ครับ แม่ลองคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบนะครับ ซูหยิงเซี่ยเป็นผู้หญิง ถ้าเธอสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเราได้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับซูไห่เฉานะครับ” ซูกั๋วหลินกล่าวหญิงชราของตระกูลซูมองทั้งสองอย่างไม่พอใจและกล่าวว่า “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน”“คุณย่าครับ ถึงแม้ว่าหานซานเฉียนจะเข้ามาเป็นภาระในตระกูลเรา แต่เขาก็เป็นคนละนามสกุลกับเรา ตลอดสามปีที่ผ่านมา เจ้าคนต่ำต้อยนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าบริษัทต้องไปอยู่ในความดูแลของซูหยิงเซี่ย คุณย่าไม่กลัวว่าทรัพย์สินของตระกูลซูของเราจะตกไปอยู่ในมือของคนนามสกุลคนอื่นเหรอครับ” ซูไห่เฉากล่าว“หยิงเซี่ยกับเจ้าคนต่ำต้อยนี้ไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์อะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ของตระกูลซู ฉันคงจะให้พวกเขาหย่ากันไปนานแล้ว เหตุการณ์ที่พวกแกกังวลไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น” หญิงชรากล่าวซูไห่เฉากัดฟันและพูดต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-10
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 11

    “คุณผู้หญิงซูอยู่ที่ไหนครับ” จงเหลียงถามอย่างไม่แยแสซูไห่เฉาคิดว่าจงเหลียงแค่ถามไปอย่างงั้น เขาจึงหาเหตุผลมาอ้างง่าย ๆ ว่า “เธอป่วยครับ จากนี้ไปผมจะรับผิดชอบติดตามความร่วมมือกับบริษัทคุณเองครับ”จงเหลียงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เราค่อยคุยกันหลังจากที่คุณผู้หญิงซูหายเป็นปกติแล้วดีกว่าครับ”หลังจากพูดจบ จงเหลียงก็หันหลังกลับและเดินออกไปทันทีซูไห่เฉาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบวิ่งตามจงเหลียงไปทันทีและพูดว่า “พี่จงครับ ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ คุณวางใจได้เลย ผมมีความสามารถมากกว่าซูหยิงเซี่ยแน่นอนครับ การเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของคุณ....”ก่อนที่ซูไห่เฉาจะพูดจบ จงเหลียงก็หยุดอยู่ที่ด้านข้างของรถของเขาแล้วพูดว่า “มีคนจำนวนมากที่ต้องการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทลั่วเฉว ในเมื่อตระกูลซูไม่มีความซื่อสัตย์ ผมคงต้องพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง”เมื่อซูไห่เฉาเห็นรถของคุณจงเหลียงขับออกไป เขาก็ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจงเหลียงคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ทัศนคติของเขาเด็ดขาดอย่างไม่น่าเชื่อพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ!ประโยคนี้ทำให้ซูไห่เฉาหัวหมุน เดิมทีต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-10
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 12

    ซูกั๋วหลินและซูไห่เฉาถูกทิ้งไว้ในห้องประชุมซูกั๋วหลินหน้าดำคร่ำเครียด เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันไม่รู้ว่าซูหยิงเซี่ยวางยาอะไรจงเหลียง ตำแหน่งของแกในบริษัทสูงกว่าเธอแท้ ๆ แต่เขากลับไม่ไว้หน้าแกแบบนี้”ซูไห่เฉากัดฟันกรอด เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ซูหยิงเซี่ยคงจะนอกใจไอ้คนต่ำต้อยนั่นน่ะสิ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” “จะเพราะอะไรก็ช่าง เรื่องนี้ต้องให้เธอเป็นคนจัดการเท่านั้น สิ่งที่คุณย่าพูด ท่านรักษาคำพูดเสมอ” ซูกั๋วหลินพูดพร้อมกับถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซูไห่เฉาก็ปวดหัว รู้อย่างงี้เมื่อคืนเขาไม่น่าโทรหาซูหยิงเซี่ยเลย เพราะตอนนี้เขาต้องไปขอร้องให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาตั้งตัวไม่ทัน“ผมคงต้องโทรหาเธอ”ซูไห่เฉาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของซูหยิงเซี่ยเขาไม่กล้าชักช้าในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากจงเหลียงเลือกบริษัทอื่นเป็นหุ้นส่วนขึ้นมาจริง ๆ คงไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ววันนี้ซูหยิงเซี่ยถูกสั่งให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ในใจของเธอรู้สึกหดหู่และขุ่นเคือง ขณะที่เธอดูทีวีอยู่ที่บ้าน โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นเธอกำลังจะลุกขึ้นไปรับโทรศ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-10
  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 13

    ซูไห่เฉาที่ถูกวางสายใส่รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ “ไอ้คนต่ำต้อย กล้าดียังไงมาวางสายใส่ฉัน!” ซูไห่เฉาพูดอย่างโกรธเกรี้ยวซูกั๋วหลินรู้สึกเป็นกังวล ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่ออกมารับหน้าแทน พวกเขาจบเห่แน่“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น ซูหยิงเซี่ยไม่ยอมช่วยเหรอ?” ซูกั๋วหลินถามซูไห่เฉายิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “หานซานเฉียนรับสายแทน มันบอกว่าซูหยิงเซี่ยป่วย”“ป่วยอย่างนั้นเหรอ?” ซูกั๋วหลินถ่มน้ำลายลงพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ฉันว่าเธอคงแกล้งป่วยน่ะสิและจงใจไม่ช่วยมากกว่า”ถึงซูกั๋วหลินจะรู้สึกโกรธจัด แต่เขาก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องขอให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนให้ได้ การร่วมมือกับเธอคือเรื่องเล็ก แต่การถูกไล่ออกจากตระกูลซูนั้นคือเรื่องใหญ่“ไห่เฉาไปกันเถอะ พ่อจะพาแกไปเอง” ซูกั๋วหลินกล่าวตั้งแต่ที่ซูไห่เฉาถูกหานซานเฉียนวางสายใส่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาโกรธมากและแน่นอนว่าต้องไปจัดการกับหานซานเฉียนเมื่อพวกเขามาถึงชุมชนที่ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยอาศัยอยู่ ซูกั๋วหลินก็แสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ครอบครัวซูต่ำต้อยที่สุดในตระ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-07-11

บทล่าสุด

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1455

    เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1454

    “เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1453

    เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1452

    เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1451

    “เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1450

    ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1449

    ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1448

    หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1447

    “ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ

DMCA.com Protection Status