เจี่ยงหว่านมองรูปถ่ายในโทรศัพท์ อยู่ ๆ เธอก็ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าซูหยิงเซี่ยและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ฉันให้ดู เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองปินเซี่ยน เธอคงจะเคยได้ยินชื่อของเขาใช่ไหม เขาชื่อถังจง หลิ่วจื้อเจี๋ยเป็นเพื่อนกับเขาล่ะ”แม้แต่หลิ่วจื้อเจี๋ยเองก็หน้าแดงด้วยความอับอาย จากคำที่เธอกล่าวโป้ปดออกมา ด้วยฐานะของเขา เขาจะไปเป็นเพื่อนกับถังจงได้อย่างไร เจี่ยงหว่านเป็นคนที่สามารถพูดอะไรออกมาก็ได้เพื่อโอ้อวดอย่างแท้จริงแต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยไม่รู้จักถังจง เธอจึงไม่ถูกจับได้ว่าโกหกแต่เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นรูปถ่าย เธอก็ไม่ได้สนใจถังจงเลย เธอสนใจแค่แผ่นหลังนั้นที่ทำให้เธอตะลึงเท่านั้นหลังจากเคยผ่านเหตุการณ์เจ้าชายเปียโนตัวน้อย ซูหยิงเซี่ยก็จดจำแผ่นหลังของหานซานเฉียนได้เป็นอย่างดี หรือพูดได้ว่าเธอจดจำมันจนลงลึกถึงกระดูกของเธอเลย แผ่นหลังในรูปภาพที่เธอเห็นอยู่นี้เธอรู้สึกคุ้นเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่หานซานเฉียนแล้วจะเป็นใครได้อีก!เมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยใจลอย เจี่ยงหว่านก็คิดว่าเธอคงตกใจจึงพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “อันที่จริงแล้วคนมีชื่อเสียงแบบนี้นิสัยดีมากนะ ก่อนหน้านี้เขายังเคยชวนพวกฉั
เมื่อได้ยินหานซานเฉียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ เจี่ยงหว่านก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เขาควรจะแสดงท่าทีอิจฉาสิจึงจะถูกแม้แต่ซูหยิงเซี่ยเองก็ดูเหมือนจะไม่มีความอิจฉาเลย แบบนี้ไม่ได้การแล้ว“จริงสิ ช่วงบ่ายนี้เราไปเดินเล่นที่ห้างกันเถอะ มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เปิดใหม่ที่เมืองปินเซี่ยน พวกเธอคงยังไม่เคยไป ด้านในมีแต่แบรนด์ดัง ๆ ทั้งนั้นเลย” เจี่ยงหว่านกล่าวเมื่อไปที่ห้างสรรพสินค้า เจี่ยงหว่านจะมีโอกาสโอ้อวดอีกแน่นอน แต่ซูหยิงเซี่ยเอาแต่ส่ายหัวปฏิเสธแล้วพูดว่า “ฉันไม่ไปหรอก ฉันอยากกลับไปดูหมู่บ้านสักหน่อย”“ที่หมู่บ้านมีอะไรน่าดูกัน ในหมู่บ้านมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก เขาย้ายไปอยู่เมืองหลวงกันหมดแล้ว”“ถึงจะไม่มีคนอยู่แล้วแต่ก็ยังมีความทรงจำอยู่ตั้งเยอะ ฉันอยากไปดูแม่น้ำที่เคยเล่นเมื่อสมัยก่อนน่ะ” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยเจี่ยงหว่านโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่ไปหรอกนะ ช่วงนี้ยุงเยอะจะตาย ฉันไม่อยากโดนกัด แต่ละเดือนฉันหมดค่าสกินแคร์ไปตั้งหลายหมื่น เธอจะให้ฉันไปที่แบบนั้นได้ยังไงกัน”“พี่หว่าน ถ้าพี่ไม่อยากไปก็ชวนหลิ่วจื้อเจี๋ยไปห้างกับพี่สิ ฉันจะไปกับหานซานเฉียน ถือโอกาสพาเขาไปดูด้วย” ซูอี้หานกล่าวไปห้าง
การโต้เถียงหยุดลงในช่วงรับประทานอาหาร เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนกลายเป็นหัวข้อสนทนา แถมยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับหลิ่วจื้อเจี๋ยไม่หยุด เจี่ยงหว่านรู้สึกมีความสุขมาก เธอต้องการที่จะกดทับหานซานเฉียนเพื่อจะได้ชูให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของหลิ่วจื้อเจี๋ย จะได้รู้สึกว่าเธอนั้นเหนือกว่าซูหยิงเซี่ยหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ เจี่ยงป๋อและสวี่ฟางที่เป็นเจ้าบ้านก็จงใจไม่ยอมเก็บจานอาหาร ทั้งสองคนเอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา แถมสายตาของทั้งคู่ก็เอาแต่จ้องไปที่หานซานเฉียนอย่างดูถูกหลังจากที่ซูกั๋วเย่ามาถึงที่บ้านตระกูลเจี่ยง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขาเองก็ถูกคนในตระกูลเจี่ยงดูถูก ผู้คนในตระกูลเจี่ยงต่างคิดว่าเมื่อเจี่ยงหลานแต่งงานเข้าตระกูลซู พวกเขาก็จะพลอยได้ดีไปด้วย แต่ความจริงก็คือซูกั๋วเย่าไม่ได้มีบทบาทสำคัญในตระกูลซู ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่ค่อยจะรอด แล้วจะให้คอยส่งเสียช่วยเหลือญาติพี่น้องตระกูลเจี่ยงได้อย่างไร ดังนั้นสถานะของซูกั๋วเย่าในบ้านตระกูลเจี่ยงจึงต่ำต้อยมาก“หานซานเฉียน มัวทำหน้ามึนงงอะไร งานพวกนี้นายคุ้นเคยดีอยู่แล้วนี่ กระตือรือร้นหน่อยสิ”เจี่ยงป๋อพูดอย่างไม่พอใจซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกโ
หลิ่วจื้อเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ รู้ว่าตัวเองควรเสนอตัว รีบพูดว่า “สามแสนหยวนเอง แพงตรงไหนกัน ถ้าเธอชอบก็ซื้อสิ”ละครนี้ถูกจัดฉากตามลำดับวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างดีแล้ว เพียงแต่เจี่ยงหว่านยังคงแสดงท่าทางแปลกใจ เธอโอบลำคอของหลิ่วจื้อเจี๋ยแล้วจูบเขาสองครั้ง พูดว่า “จื้อเจี๋ย คุณดีกับฉันมากเลยค่ะ”ซูหยิงเซี่ยรู้สึกรำคาญ เจี่ยงหว่านแสดงอย่างไม่มืออาชีพเอาซะเลย ทำไมเธอจะดูไม่ออก?เจี่ยงหว่านลากซูหยิงเซี่ยไปมาอย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วพูดว่ากระเป๋าสวยไปหมดเลย เพื่อให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกอิจฉาแต่ซูหยิงเซี่ยกลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยสักนิดกระเป๋าราคาสามแสนหยวนแล้วยังไงล่ะ หานซานเฉียนซื้อคฤหาสน์ที่มูลค่าแปดล้านกว่าหยวนพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ให้เธอ เพียงแค่ตรงจุดนี้หลิ่วจื้อเจี๋ยก็เทียบไม่ได้แล้ว“คุณชอบร้านนี้ไหม?” ทันใดนั้นหานซานเฉียนก็เดินไปอยู่ข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยและเอ่ยถามเธอ ไม่ว่าซูหยิงเซี่ยจะชอบหรือไม่ชอบกระเป๋าใบนั้น หรือจะชอบหรือไม่ชอบร้านนี้ก็ตาม“ถ้าหยิงเซี่ยชอบ นายซื้อไหวหรือเปล่าล่ะ ทำไมต้องถามเยอะด้วย?” เจี่ยงหว่านหัวเราะออกมาเบา ๆ การปรากฎตัวออกมาของหานซานเฉียนในตอนนั้นเป็นโอกาสอันดีสำหร
ใครกันที่ใจป้ำอย่างนี้กระเป๋าราคาหลายแสนหยวนแบบนี้ บอกว่าจะให้ก็ให้เลยเหรอ?เจี่ยงหว่านกับหลิ่วจื้อเจี๋ยทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าของเสียง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีคุณถังจง!ทำไมถึงเป็นคุณถังจงล่ะ!ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ตอนเช้าเจี่ยงหว่านยังพูดโม้ว่าหลิ่วจื้อเจี๋ยเป็นเพื่อนของถังจงอยู่เลย ตอนนี้ถังจงปรากฎตัวขึ้นแล้ว ทีนี้จะปิดบังความจริงกันยังไงล่ะเนี่ย?ซูหยิงเซี่ยเคยเห็นถังจงในรูปถ่าย เธอจึงจำเขาได้ในทันที สำหรับเหตุผลที่ถังจงให้กระเป๋าเธอ เธอพอจะคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับหานซานเฉียนแน่ ๆหรือว่าหานซานเฉียนจัดการให้ถังจงมาปรากฎตัวที่นี่?แม้แต่คนอย่างถังจง เขาก็สามารถเรียกใช้ได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ?ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิดแล้ว เพราะว่าถังจงไม่ได้ถูกหานซานเฉียนเรียกให้มาพบ แต่พวกเขาบังเอิญเดินมาเจอต่างหาก ถึงขนาดเรียกใช้ได้ตามใจ คงเกินจริงไปหน่อยกระมัง“ประธานถัง คุณ คุณมาได้ยังไงครับ” หลิ่วจื้อเจี๋ยพูดอย่างลื่นไหลไปตามน้ำถังจงไม่ได้มองหลิ่วจื้อเจี๋ยเลยแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปหน้าซูหยิงเซี่ย แล้วพูดว่า “คุณซูครับ ถ้าคุณชอบสินค้าตัวไหนในห้างนี้ คุณสา
สีหน้าของหลิ่วจื้อเจี๋ยเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที ตอนนี้บริษัทของเขาเพิ่งเริ่มได้ไม่นานเท่าไหร่ เดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง ถ้าถูกคุณถังจงพุ่งเป้าแล้ว ต่อให้มีเขาอีกสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังจงอยู่ดี“ประธานถังครับ ผมเองครับ ผมคือหลิ่วจื้อเจี๋ย แต่ผมไม่ได้ใช้ชื่อของคุณไปเที่ยวโอ้อวดต้มตุ๋นนะครับ เพียงแต่เอาไปคุยโม้เท่านั้นเองครับ หวังว่าคุณจะไม่ต่อว่าผม” หลิ่วจื้อเจี๋ยเดินไปข้างหน้าถังจงแล้วพูดอย่างเคารพน้อบน้อม“เอาชื่อของผมไปคุยโม้ คุณกล้าไม่น้อยเลยนะ ไม่เคยมีใครบอกคุณเหรอว่าใช้ชื่อของผมตามอำเภอใจ จุดจบคืออะไร?”หน้าผากหลิ่วจื้อเจี๋ยเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาอยากให้เจี่ยงหว่านออกมารับเคราะห์ แม้ว่าเขาจะชอบเจี่ยงหว่านมาก แต่เขาจะไม่เอาอนาคตของบริษัทตัวเองไปผูกไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งเด็ดขาดยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่าผู้หญิงเลือกมากอย่างเจี่ยงหว่าน ขอแค่มีฐานะร่ำรวย มีเกียรติ ถ้าบริษัทของเขาพังทลายลงครั้งหนึ่ง เจี่ยงหว่านต้องทอดทิ้งเขาแน่นอน“ประธานถังครับ ผมขอโทษครับ แม้ว่าเรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนทำ แต่เธอเป็นแฟนของผม ผมก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ผมจะให้เธอมาขอโทษคุณครับ” เมื่อหลิ่วจื้อเจี๋ยพูด
หานซานเฉียนเดินไปอยู่ด้านข้างของซูหยิงเซี่ย แล้วยื่นถุงสินค้าให้กับซูหยิงเซี่ย“หยิงเซี่ย เธอไม่เปิดดูหน่อยเหรอ? อยากรู้จังว่าเขาจะซื้ออะไรมา” เจี่ยงหว่านพูดอย่างประหลาดใจไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรมา สำหรับซูหยิงเซี่ยนั้นไม่สำคัญ เพียงแค่เป็นของที่หานซานเฉียนมอบให้ เธอก็ชอบหมด“กลับบ้านไปค่อยดูค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าวเจี่ยงหว่านอยากเปิดโปงความไร้ค่าของหานซานเฉียน เธอไม่สามารถอดทนรอจนถึงบ้านแล้วค่อยเปิดดู ไม่อย่างนั้นภายในใจของเธอจะสงบลงได้อย่างไร?เพราะเรื่องการขายหน้าของคุณถังจงเมื่อครู่นี้ เธอจึงจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้คืนกลับมาถึงจะรู้สึกดีเจี่ยงหว่านแย่งของที่อยู่ในมือซูหยิงเซี่ยไป แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ของที่มีลับลมคมในอะไร ทำไมต้องรอให้ถึงบ้านล่ะ หรือเธอกลัวว่าของมันจะราคาถูกเกินไปจนรู้สึกอับอายขายหน้า?”“เจี่ยงหว่าน อย่าทำตัวให้มันมากเกินไปนะ” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่พอใจ การที่เธอเรียกชื่อเจี่ยงหว่านอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอกำลังโกรธมากการกระทำของเจี่ยงหว่านมันเกินไปจริง ๆ อีกทั้งยังไม่มีมารยาทแม้แต่น้อย แต่เธอไม่สนใจและพูดว่า “หยิงเซี่ย เธอเปลี่ยนไปเป็นค
“เธอคงภาวนาไม่ให้คนอื่นไปแจ้งความกับตำรวจสินะ ไม่ต้องกลัวไปหรอก แค่อาจจะต้องติดคุกในช่วงเทศกาลแข่งเรือมังกรเท่านั้นเอง”เมื่อกลับเข้ามาในร้าน เจี่ยงหว่านก็เอากระเป๋าตรงไปยังบนเคาน์เตอร์ แล้วพูดกับพนักงานเก็บเงินว่า “พวกคุณทำงานกันยังไงเนี่ย ของราคาแพงขนาดนี้ โดนคนสับเปลี่ยนไปแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก ไม่กลัวเจ้านายไล่พวกคุณออกเหรอคะ?”พนักงานขายสองสามคนเริ่มแสดงสีหน้างุนงง“คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด คุณหมายความว่ายังไงคะ” พนักงานตรงเคาน์เตอร์ถาม“หมายความว่าไงเหรอ? คุณก็ดูเอาเองสิ สิ่งที่เขาซื้อคืออะไร แล้วสิ่งที่เขาเอาไปคืออะไร” เจี่ยงหว่านกล่าวพนักงานที่เคาน์เตอร์มองเจี่ยงหว่านครู่นึ่งด้วยความแปลกใจ แล้วก็หันไปมองหานซานเฉียนด้วยความสับสนไปหมด“มีอะไรไม่ถูกต้องเหรอคะ? คุณผู้ชายท่านนี้ซื้อกระเป๋าใบนี้จริง ๆ ค่ะ” พนักงานเคาน์เตอร์ตอบ“มันจะเป็นไปได้ยังไง พวกคุณแหกตามองให้ดี ๆ สิ เขาจะซื้อกระเป๋าใบนี้ได้ยังไงกัน” เจี่ยงหว่านพูดอย่างร้อนรน เธอต้องทำให้หานซานเฉียนอับอายขายหน้าให้ได้ ถึงจะกลับออกไปอย่างมาดมั่น ไม่ใช่เธอมาอับอายขายหน้าเสียเอง“คุณผู้หญิงคะ กรุณาให้เกียรติกันหน