เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น หานซานเฉียนก็ได้รับโทรศัพท์จากข่งอู่ หลังจากทราบที่อยู่ของงานเลี้ยงแล้วจึงขับรถออดี้ออกไปช่วงนี้เขาไม่ได้ขับรถแลมโบกินีสุดล้ำแล้ว เนื่องจากได้รับความเสียหายจากฝีมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋มาไม่น้อย จึงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมแปลงโฉมใหม่ อีกอย่างมันยังใช้เงินไม่น้อยด้วย เขาได้ยินมาว่าพนักงานบริษัทประกันต่างพากันร้องไห้ยกใหญ่เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง หานซานเฉียนพบว่ามันเป็นคลับเฮ้าส์ส่วนตัว แล้วยังดูดีมีระดับมาก รถยนต์สุดหรูหลายคันจอดอยู่หน้าประตูจนแทบจะกลายเป็นงานแสดงรถหรูอยู่แล้ว แม้ออดี้ A6 ของหานซานเฉียนนั้นเป็นรถที่ดูดีแล้ว แต่มันก็มืดสลัวอยู่ที่หน้าประตูคลับเฮ้าส์ไม่มีใครแล เมื่อหานซานเฉียนหาที่จอดรถได้และกำลังจอดรถนั้น พนักงานบริการก็วิ่งเข้ามาเคาะหน้าต่างรถของหานซานเฉียนด้วยสีหน้าหงุดหงิดหานซานเฉียนเหยียบเบรกพร้อมกับลดกระจกลง ถามอย่างงุนงงว่า “มีอะไรเหรอครับ?” “ขออภัยครับ ที่นี่ไม่มีที่จอดรถแล้ว คุณเปลี่ยนไปจอดที่อื่นเถอะครับ” พนักงานบริการมองหานซานเฉียนแล้วพูดอย่างไม่แยแส“ที่นี่ไม่ใช่ที่จอดรถเหรอ?” หานซานเฉียนลงจากรถ แล้วชี้ไปที่ช่องจอดรถ พนัก
เมื่อรู้เท่าทันการกระทำของอีกฝ่าย หานซานเฉียนเบี่ยงตัวหลบแล้วถีบสวนกลับไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ทำให้ชายหนุ่มล้มลงกับพื้นกลิ้งไปสองสามตลบกว่าจะหยุดลง“บ้าเอ๊ย แกเป็นใครกันวะถึงกล้าทำแบบนี้!?” ชายคนนั้นกัดฟันตะโกนลั่น “อย่าถามว่าผมเป็นใคร ผมเป็นคนที่คุณไม่สามารถยั่วยุได้ไงล่ะ” หานซานเฉียนยังคงเดินต่อไปทางคลับเฮ้าส์ พนักงานบริการตกตะลึง คนขับรถออดี้โทรม ๆ กล้าเตะคนขับรถปอร์เช่ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง? พนักงานบริการรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นมาพร้อมกับถามว่า “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มสะบัดมือจากพนักงานบริการออก กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ตายสิ แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน!? บ้าเอ๊ย ไม่ยอมเลื่อนรถงั้นเหรอ เดี๋ยวฉันจะเล่นกับแกเอง” เมื่อชายหนุ่มพูดจบก็ขึ้นรถพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วพุ่งเช้าชนออดี้อย่างแรงจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็จอดรถปอร์เช่ด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนเป็นอีกโฉมหนึ่งระหว่างขับเข้าไปในช่องจอดรถ พนักงานบริการใจหายวาบ มันเป็นรถมูลค่านับหลายล้าน แต่กลับเอารถมาชนกันเล่น คนรวยเหล่านี้ไม่เห็นความสำคัญของเงินเลยสินะ อีกอย่าง
เจียงเทายิ้มขณะเดินเข้าไปหาหานซานเฉียน แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “โอโห เพิ่งดูรายการเกี่ยวกับการคัดแยกขยะเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างนายน่าจะเป็นขยะแห้ง แต่ตอนนี้ถูกไวน์สาดจนกลายเป็นขยะเปียกแล้วเหรอเนี่ย?”“เจียงเทา ขยะยังจะแบ่งแยกเป็นแห้งเปียกอะไรได้อีก มันก็แค่กองขยะเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?” ชายคนนั้นพูดเยาะเย้ย หานซานเฉียนเช็ดไวน์บนใบหน้าเขาออก พูดอย่างเรียบเฉยกับชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังเยาะเย้ยเขาว่า “ผมจะให้โอกาสพวกคุณ คุกเข่าขอโทษผมซะ”ทั้งสองหยุดหัวเราะ มองหานซานเฉียนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ต้องการให้พวกเราขอโทษเหรอ? ฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?” เจียงเทาจงใจทำท่าแคะหู เขาสงสัยว่าตนเองหูแว่วไปหรือเปล่า“นายเป็นใครพวกเราถึงจะต้องขอโทษ นายคงไม่รู้จักแม้แต่เจ้าของงานด้วยซ้ำ ถึงได้ลอบเข้ามาใช่ไหม?” ชายคนนั้นตะโกนลั่น การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่ในงานรู้จักเจียงเทา ดังนั้นในสายตาของพวกเขา หานซานเฉียนเป็นเหมือนคนเลวทรามต่ำช้า“ทุกวันนี้พวกไร้ชนชั้นเริ่มมีตาแต่ไร้แววมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกล้าเข้ามาในงานเลี้ยงระดับนี้ แล้วยังกล้าล่วงเกินเจียงเทาอีก นี
แต่เมื่อผ่านไปสักครู่หนึ่ง เสียงเอะอะก็กลับมาดำเนินต่อไป“เจียงเทา นายกำลังทำบ้าอะไร? ยังไม่รีบจัดการเจ้าคนไร้ค่านี่อีก”“นายคงเอาชนะคนขี้แพ้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นนายกลายเป็นเรื่องตลกแทนแน่”“มีใครเต็มใจยื่นมือเข้ามาช่วยคุณชายเจียงไหม ดูเหมือนว่าคุณชายเจียงของเราจะเอาชนะคนขี้แพ้คนนี้ไม่ได้แหละ”เมื่อเจียงเทาได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของก็ย่ำแย่อย่างที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มือของเขาก็ถูกคว้าไว้แน่นจนไม่สามารถชักมือออกได้เลย“เจ้าคนขี้แพ้ ปล่อยนะ!” เจียงเทากัดฟันพูด“ผมเคยพูดไปแล้วว่า โอกาสน่ะ… ให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” เมื่อหานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เตะเข้าไปที่หัวเข่าด้านซ้ายของเจียงเทาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเสียงกระดูกแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน ขาซ้ายของเจียงเทางอกลับไปด้านหลังทันที แสดงให้เห็นส่วนโค้งที่น่าขนลุก“ซี้ด...”“นี่… นี่เขาหักขาของเจียงเทาหักไปแล้วเหรอ?”“บ้าเอ๊ย! เจ้าหมอนี่เป็นใคร? ทำไมถึงได้ลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้?”สีหน้าของผู้คนที่มามุงดูเปลี่ยนไปอย่างมาก ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเจียงเทารู้สึกขาอ่อนแรงทันที เพราะเขาได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างชัดเจนท
“พี่ข่งมาแล้ว มาดูกันว่าเขาจะจัดการยังไง”“เจ้าหมอนี่กล้ามาก่อกวนในพื้นที่ของพี่ข่ง ตายแน่นอน”“บ้าเอ๊ย! ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นพื้นที่ของพี่ข่งล่ะก็ ฉันคงสอนบทเรียนให้เขาไปนานแล้ว”“ใช่แล้ว คนไร้ค่าแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่ข่ง ฉันก็สอนบทเรียนให้เขาแล้วเหมือนกัน”ในเวลานี้คนขี้ขลาดที่ไม่กล้าพูด กล้าอวดอ้างอย่างไร้ยางอาย ความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจบนใบหน้าเผยออกมาอย่างไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาสามารถเหยียบย่ำหานซานเฉียนเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าของตนเองได้แต่คนเหล่านี้จะเข้าใจความรู้สึกอยากตายของข่งอู่ในเวลานี้ได้อย่างไร?มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเชิญหานซานเฉียนมาที่นี่ได้ แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะคนอวดเบ่งคนเดียว ถ้าข่งอู่รู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ต่อให้กลั้นฉี่จนตาย เขาก็จะไม่ไปห้องน้ำขณะที่ทุกคนกำลังรอให้ข่งอู่สั่งสอนบทเรียนแก่หานซานเฉียน ข่งอู่ก็เข้าไปยืนอยู่ข้างกายของเขาพร้อมกับก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “พี่หาน ขอโทษด้วยนะครับ”“นี่คืองานเลี้ยงที่คุณเชิญผมมาใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาร่างกายของข่งอู่สั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือดแล้วพูด
ทุกคนที่อยู่ในงานรู้สึกเหงื่อที่ไหลออกมาจนท่วมตัว ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นชายแปลกหน้าคนนี้ ไม่ใช่แค่ข่งอู่ไม่กล้ายั่วยุเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาอยู่สูงกว่าข่งอู่อีกด้วยอย่าบอกนะว่า… เขาเป็นคนของตระกูลเทียน?แต่ข่งอู่เรียกเขาว่าพี่หาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้แซ่เทียน แต่พวกเขาก็นึกไม่ออกว่าในเมืองหยุนเฉิงนอกจากตระกูลเทียนแล้วจะมีใครที่สมควรได้รับความเกรงกลัวจากข่งอู่อีกเวลานี้กำลังมีคนขี้ขลาดคุกเข่าลงกับพื้น เพื่อชดใช้ให้กับความจองหองของพวกเขา“พี่หานครับ รถของคุณผมจะเปลี่ยนคันใหม่ให้เอง ส่วนสองคนนี้อยากจะจัดการยังไงก็เชิญเลยครับ” ข่งอู่พูดกับหานซานเฉียนเจียงเทากลายเป็นคนพิการไปแล้ว แต่ชายอีกคนแค่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าเท่านั้น เมื่อได้ยินคำพูดของข่งอู่ เขาก็คุกเข่าให้หานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว แล้วเอาหัวโขกพื้นโค้งคำนับไม่หยุด “พี่หานครับ ผมตาบอดไปแล้ว ผมทำผิดเอง ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะครับ”หานซานเฉียนถอนหายใจออกมา งานเลี้ยงที่ดีกลับกลายเป็นแบบนี้อย่างอธิบายไม่ถูกขาของเจียงเทาพิการไปแล้วจึงไม่จำเป็นต้องติดใจเอาผิดอีกต่อไป อีกอย่างข
คฤหาสน์ใจกลางภูเขาใกล้ถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว เจี่ยงหลานได้รับโทรศัพท์จำนวนมากจากบ้านเกิดของเธอ พวกเขาถามเธอว่าปีนี้จะกลับไปเมื่อไหร่ ในช่วงเวลานั้นบรรดาญาติมิตรเหล่านี้ไม่ได้พูดถึงหานซานเฉียนแม้แต่คำเดียว เพราะพวกเขาคิดว่าเจี่ยงหลานคงไม่พาหานซานเฉียนมาด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา หานซานเฉียนได้กลับไปเยี่ยมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ญาติ ๆ ทุกคนในบ้านของเจี่ยงหลานรู้ว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับหานซานเฉียนเลยผิดกับเจี่ยงหลาน ญาติมิตรเหล่านั้นต้องการพบเธอมากเป็นพิเศษในปีนี้ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ซูหยิงเซี่ยก็มีตำแหน่งสูงในบริษัท บรรดาญาติมิตรล้วนอยากได้ผลประโยชน์จากพวกเธอ ซูหยิงเซี่ยยังได้รับโทรศัพท์จากเจี่ยงหว่าน ผู้เป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอเจี่ยงหว่านอายุมากกว่าเธอเล็กน้อย เธอกำลังคบกับแฟนหนุ่มที่มีฐานะทางครอบครัวดี ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมักชอบพูดโอ้อวดต่อหน้าซูหยิงเซี่ย แถมยังเอาแฟนหนุ่มของตัวเองมาเปรียบเทียบกับแฟนของซูหยิงเซี่ยด้วยซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าเจี่ยงหว่านมีนิสัยอย่างไร ทุกครั้งที่เธอหยิบยกเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาพูด ซูหยิงเซี่ยจึงต้องทนฟังแบบหู
หานซานเฉียนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเหน็บแนมของเธออย่างชัดเจน แต่งานเลี้ยงครั้งนี้ ซูหยิงเซี่ยเป็นคนขอให้เขาไปเองนี่นา“เรื่องนี้… ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ” หานซานเฉียนพูดในขณะเดียวกัน เจี่ยงหลานก็วางสายโทรศัพท์แล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ญาติ ๆ ทุกคนโทรมาหมดแล้ว แต่ครอบครัวลุงของเธอกลับไม่มีแม้แต่ข้อความใด ๆ ด้วยซ้ำ มันน่าโมโหจริง ๆ”ครอบครัวเจี่ยงเฟิงกวางได้ยืมเงินไปสองแสนหยวนแล้วทำหายก่อนจะกลับถึงบ้าน ทำให้ทั้งสามคนยังรู้สึกโกรธอยู่ แน่นอนว่าไม่มีทางโทรศัพท์มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแน่นอนแม้พวกเขาจะไม่ได้วางแผนคืนเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็กลัวว่าเจี่ยงหลานจะพูดถึงเรื่องนี้“แม่คะ พวกคุณลุงเป็นคนยังไงแม่ยังไม่รู้อีกเหรอ? ตอนนี้เขาไม่อยากให้แม่กลับไปแน่ พวกเขาคงกลัวแม่ขอเงินคืนจากเขา” ซูหยิงเซี่ยกล่าวเจี่ยงหลานรู้เหตุผลข้อนี้เช่นกัน แม้ตอนนี้ครอบครัวของเธอจะร่ำรวย ไม่ได้ร้อนเงินสองแสนนั่น แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้นที่เธอเผลอให้เงินไปรวดเดียวสองแสนหยวนก็ยังคงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ“ไม่ได้ กลับไปครั้งนี้ ถ้ามีโอกาสต้องให้พวกเขาคืนเงินให้ได้ นี่มันสองแสนหยวนเลยนะ” เจี่ยงหลานกล่าวหานซานเฉียนยิ้ม
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ