เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น หานซานเฉียนก็ได้รับโทรศัพท์จากข่งอู่ หลังจากทราบที่อยู่ของงานเลี้ยงแล้วจึงขับรถออดี้ออกไปช่วงนี้เขาไม่ได้ขับรถแลมโบกินีสุดล้ำแล้ว เนื่องจากได้รับความเสียหายจากฝีมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋มาไม่น้อย จึงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมแปลงโฉมใหม่ อีกอย่างมันยังใช้เงินไม่น้อยด้วย เขาได้ยินมาว่าพนักงานบริษัทประกันต่างพากันร้องไห้ยกใหญ่เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง หานซานเฉียนพบว่ามันเป็นคลับเฮ้าส์ส่วนตัว แล้วยังดูดีมีระดับมาก รถยนต์สุดหรูหลายคันจอดอยู่หน้าประตูจนแทบจะกลายเป็นงานแสดงรถหรูอยู่แล้ว แม้ออดี้ A6 ของหานซานเฉียนนั้นเป็นรถที่ดูดีแล้ว แต่มันก็มืดสลัวอยู่ที่หน้าประตูคลับเฮ้าส์ไม่มีใครแล เมื่อหานซานเฉียนหาที่จอดรถได้และกำลังจอดรถนั้น พนักงานบริการก็วิ่งเข้ามาเคาะหน้าต่างรถของหานซานเฉียนด้วยสีหน้าหงุดหงิดหานซานเฉียนเหยียบเบรกพร้อมกับลดกระจกลง ถามอย่างงุนงงว่า “มีอะไรเหรอครับ?” “ขออภัยครับ ที่นี่ไม่มีที่จอดรถแล้ว คุณเปลี่ยนไปจอดที่อื่นเถอะครับ” พนักงานบริการมองหานซานเฉียนแล้วพูดอย่างไม่แยแส“ที่นี่ไม่ใช่ที่จอดรถเหรอ?” หานซานเฉียนลงจากรถ แล้วชี้ไปที่ช่องจอดรถ พนัก
เมื่อรู้เท่าทันการกระทำของอีกฝ่าย หานซานเฉียนเบี่ยงตัวหลบแล้วถีบสวนกลับไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ทำให้ชายหนุ่มล้มลงกับพื้นกลิ้งไปสองสามตลบกว่าจะหยุดลง“บ้าเอ๊ย แกเป็นใครกันวะถึงกล้าทำแบบนี้!?” ชายคนนั้นกัดฟันตะโกนลั่น “อย่าถามว่าผมเป็นใคร ผมเป็นคนที่คุณไม่สามารถยั่วยุได้ไงล่ะ” หานซานเฉียนยังคงเดินต่อไปทางคลับเฮ้าส์ พนักงานบริการตกตะลึง คนขับรถออดี้โทรม ๆ กล้าเตะคนขับรถปอร์เช่ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง? พนักงานบริการรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นมาพร้อมกับถามว่า “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มสะบัดมือจากพนักงานบริการออก กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ตายสิ แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน!? บ้าเอ๊ย ไม่ยอมเลื่อนรถงั้นเหรอ เดี๋ยวฉันจะเล่นกับแกเอง” เมื่อชายหนุ่มพูดจบก็ขึ้นรถพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วพุ่งเช้าชนออดี้อย่างแรงจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็จอดรถปอร์เช่ด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนเป็นอีกโฉมหนึ่งระหว่างขับเข้าไปในช่องจอดรถ พนักงานบริการใจหายวาบ มันเป็นรถมูลค่านับหลายล้าน แต่กลับเอารถมาชนกันเล่น คนรวยเหล่านี้ไม่เห็นความสำคัญของเงินเลยสินะ อีกอย่าง
เจียงเทายิ้มขณะเดินเข้าไปหาหานซานเฉียน แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “โอโห เพิ่งดูรายการเกี่ยวกับการคัดแยกขยะเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างนายน่าจะเป็นขยะแห้ง แต่ตอนนี้ถูกไวน์สาดจนกลายเป็นขยะเปียกแล้วเหรอเนี่ย?”“เจียงเทา ขยะยังจะแบ่งแยกเป็นแห้งเปียกอะไรได้อีก มันก็แค่กองขยะเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?” ชายคนนั้นพูดเยาะเย้ย หานซานเฉียนเช็ดไวน์บนใบหน้าเขาออก พูดอย่างเรียบเฉยกับชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังเยาะเย้ยเขาว่า “ผมจะให้โอกาสพวกคุณ คุกเข่าขอโทษผมซะ”ทั้งสองหยุดหัวเราะ มองหานซานเฉียนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ต้องการให้พวกเราขอโทษเหรอ? ฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?” เจียงเทาจงใจทำท่าแคะหู เขาสงสัยว่าตนเองหูแว่วไปหรือเปล่า“นายเป็นใครพวกเราถึงจะต้องขอโทษ นายคงไม่รู้จักแม้แต่เจ้าของงานด้วยซ้ำ ถึงได้ลอบเข้ามาใช่ไหม?” ชายคนนั้นตะโกนลั่น การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่ในงานรู้จักเจียงเทา ดังนั้นในสายตาของพวกเขา หานซานเฉียนเป็นเหมือนคนเลวทรามต่ำช้า“ทุกวันนี้พวกไร้ชนชั้นเริ่มมีตาแต่ไร้แววมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกล้าเข้ามาในงานเลี้ยงระดับนี้ แล้วยังกล้าล่วงเกินเจียงเทาอีก นี
แต่เมื่อผ่านไปสักครู่หนึ่ง เสียงเอะอะก็กลับมาดำเนินต่อไป“เจียงเทา นายกำลังทำบ้าอะไร? ยังไม่รีบจัดการเจ้าคนไร้ค่านี่อีก”“นายคงเอาชนะคนขี้แพ้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นนายกลายเป็นเรื่องตลกแทนแน่”“มีใครเต็มใจยื่นมือเข้ามาช่วยคุณชายเจียงไหม ดูเหมือนว่าคุณชายเจียงของเราจะเอาชนะคนขี้แพ้คนนี้ไม่ได้แหละ”เมื่อเจียงเทาได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของก็ย่ำแย่อย่างที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มือของเขาก็ถูกคว้าไว้แน่นจนไม่สามารถชักมือออกได้เลย“เจ้าคนขี้แพ้ ปล่อยนะ!” เจียงเทากัดฟันพูด“ผมเคยพูดไปแล้วว่า โอกาสน่ะ… ให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” เมื่อหานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เตะเข้าไปที่หัวเข่าด้านซ้ายของเจียงเทาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเสียงกระดูกแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน ขาซ้ายของเจียงเทางอกลับไปด้านหลังทันที แสดงให้เห็นส่วนโค้งที่น่าขนลุก“ซี้ด...”“นี่… นี่เขาหักขาของเจียงเทาหักไปแล้วเหรอ?”“บ้าเอ๊ย! เจ้าหมอนี่เป็นใคร? ทำไมถึงได้ลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้?”สีหน้าของผู้คนที่มามุงดูเปลี่ยนไปอย่างมาก ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเจียงเทารู้สึกขาอ่อนแรงทันที เพราะเขาได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างชัดเจนท
“พี่ข่งมาแล้ว มาดูกันว่าเขาจะจัดการยังไง”“เจ้าหมอนี่กล้ามาก่อกวนในพื้นที่ของพี่ข่ง ตายแน่นอน”“บ้าเอ๊ย! ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นพื้นที่ของพี่ข่งล่ะก็ ฉันคงสอนบทเรียนให้เขาไปนานแล้ว”“ใช่แล้ว คนไร้ค่าแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่ข่ง ฉันก็สอนบทเรียนให้เขาแล้วเหมือนกัน”ในเวลานี้คนขี้ขลาดที่ไม่กล้าพูด กล้าอวดอ้างอย่างไร้ยางอาย ความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจบนใบหน้าเผยออกมาอย่างไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาสามารถเหยียบย่ำหานซานเฉียนเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าของตนเองได้แต่คนเหล่านี้จะเข้าใจความรู้สึกอยากตายของข่งอู่ในเวลานี้ได้อย่างไร?มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเชิญหานซานเฉียนมาที่นี่ได้ แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะคนอวดเบ่งคนเดียว ถ้าข่งอู่รู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ต่อให้กลั้นฉี่จนตาย เขาก็จะไม่ไปห้องน้ำขณะที่ทุกคนกำลังรอให้ข่งอู่สั่งสอนบทเรียนแก่หานซานเฉียน ข่งอู่ก็เข้าไปยืนอยู่ข้างกายของเขาพร้อมกับก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “พี่หาน ขอโทษด้วยนะครับ”“นี่คืองานเลี้ยงที่คุณเชิญผมมาใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาร่างกายของข่งอู่สั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือดแล้วพูด
ทุกคนที่อยู่ในงานรู้สึกเหงื่อที่ไหลออกมาจนท่วมตัว ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นชายแปลกหน้าคนนี้ ไม่ใช่แค่ข่งอู่ไม่กล้ายั่วยุเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาอยู่สูงกว่าข่งอู่อีกด้วยอย่าบอกนะว่า… เขาเป็นคนของตระกูลเทียน?แต่ข่งอู่เรียกเขาว่าพี่หาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้แซ่เทียน แต่พวกเขาก็นึกไม่ออกว่าในเมืองหยุนเฉิงนอกจากตระกูลเทียนแล้วจะมีใครที่สมควรได้รับความเกรงกลัวจากข่งอู่อีกเวลานี้กำลังมีคนขี้ขลาดคุกเข่าลงกับพื้น เพื่อชดใช้ให้กับความจองหองของพวกเขา“พี่หานครับ รถของคุณผมจะเปลี่ยนคันใหม่ให้เอง ส่วนสองคนนี้อยากจะจัดการยังไงก็เชิญเลยครับ” ข่งอู่พูดกับหานซานเฉียนเจียงเทากลายเป็นคนพิการไปแล้ว แต่ชายอีกคนแค่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าเท่านั้น เมื่อได้ยินคำพูดของข่งอู่ เขาก็คุกเข่าให้หานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว แล้วเอาหัวโขกพื้นโค้งคำนับไม่หยุด “พี่หานครับ ผมตาบอดไปแล้ว ผมทำผิดเอง ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะครับ”หานซานเฉียนถอนหายใจออกมา งานเลี้ยงที่ดีกลับกลายเป็นแบบนี้อย่างอธิบายไม่ถูกขาของเจียงเทาพิการไปแล้วจึงไม่จำเป็นต้องติดใจเอาผิดอีกต่อไป อีกอย่างข
คฤหาสน์ใจกลางภูเขาใกล้ถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว เจี่ยงหลานได้รับโทรศัพท์จำนวนมากจากบ้านเกิดของเธอ พวกเขาถามเธอว่าปีนี้จะกลับไปเมื่อไหร่ ในช่วงเวลานั้นบรรดาญาติมิตรเหล่านี้ไม่ได้พูดถึงหานซานเฉียนแม้แต่คำเดียว เพราะพวกเขาคิดว่าเจี่ยงหลานคงไม่พาหานซานเฉียนมาด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา หานซานเฉียนได้กลับไปเยี่ยมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ญาติ ๆ ทุกคนในบ้านของเจี่ยงหลานรู้ว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับหานซานเฉียนเลยผิดกับเจี่ยงหลาน ญาติมิตรเหล่านั้นต้องการพบเธอมากเป็นพิเศษในปีนี้ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ซูหยิงเซี่ยก็มีตำแหน่งสูงในบริษัท บรรดาญาติมิตรล้วนอยากได้ผลประโยชน์จากพวกเธอ ซูหยิงเซี่ยยังได้รับโทรศัพท์จากเจี่ยงหว่าน ผู้เป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอเจี่ยงหว่านอายุมากกว่าเธอเล็กน้อย เธอกำลังคบกับแฟนหนุ่มที่มีฐานะทางครอบครัวดี ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมักชอบพูดโอ้อวดต่อหน้าซูหยิงเซี่ย แถมยังเอาแฟนหนุ่มของตัวเองมาเปรียบเทียบกับแฟนของซูหยิงเซี่ยด้วยซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าเจี่ยงหว่านมีนิสัยอย่างไร ทุกครั้งที่เธอหยิบยกเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาพูด ซูหยิงเซี่ยจึงต้องทนฟังแบบหู
หานซานเฉียนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเหน็บแนมของเธออย่างชัดเจน แต่งานเลี้ยงครั้งนี้ ซูหยิงเซี่ยเป็นคนขอให้เขาไปเองนี่นา“เรื่องนี้… ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ” หานซานเฉียนพูดในขณะเดียวกัน เจี่ยงหลานก็วางสายโทรศัพท์แล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ญาติ ๆ ทุกคนโทรมาหมดแล้ว แต่ครอบครัวลุงของเธอกลับไม่มีแม้แต่ข้อความใด ๆ ด้วยซ้ำ มันน่าโมโหจริง ๆ”ครอบครัวเจี่ยงเฟิงกวางได้ยืมเงินไปสองแสนหยวนแล้วทำหายก่อนจะกลับถึงบ้าน ทำให้ทั้งสามคนยังรู้สึกโกรธอยู่ แน่นอนว่าไม่มีทางโทรศัพท์มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแน่นอนแม้พวกเขาจะไม่ได้วางแผนคืนเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็กลัวว่าเจี่ยงหลานจะพูดถึงเรื่องนี้“แม่คะ พวกคุณลุงเป็นคนยังไงแม่ยังไม่รู้อีกเหรอ? ตอนนี้เขาไม่อยากให้แม่กลับไปแน่ พวกเขาคงกลัวแม่ขอเงินคืนจากเขา” ซูหยิงเซี่ยกล่าวเจี่ยงหลานรู้เหตุผลข้อนี้เช่นกัน แม้ตอนนี้ครอบครัวของเธอจะร่ำรวย ไม่ได้ร้อนเงินสองแสนนั่น แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้นที่เธอเผลอให้เงินไปรวดเดียวสองแสนหยวนก็ยังคงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ“ไม่ได้ กลับไปครั้งนี้ ถ้ามีโอกาสต้องให้พวกเขาคืนเงินให้ได้ นี่มันสองแสนหยวนเลยนะ” เจี่ยงหลานกล่าวหานซานเฉียนยิ้ม