เขาเดินโซซัดโซเซไปขวางทางข้างหน้าเซี่ยอวี๋ฟู๋ แล้วพูดต่อว่า “เมื่อกี้เธอตบหน้าฉันหนึ่งทีแรงดีใช้ได้เลยนี่ ฉันชอบนิสัยที่รุนแรงของเธอนะ ไม่รู้ว่าตอนอยู่บนเตียงเธอจะรุนแรงแบบเมื่อกี้ไหม”พูดจบชายคนนั้นก็ดึงมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋ไว้ ขณะนั้นเซี่ยอวี๋ฟู๋ก็รู้สึกตกใจมาก เธอรีบสลัดมือเขาเป็นพัลวันแล้วพูดว่า “อย่ามายั่วโมโหฉันนะ ฉันเป็นแฟนของข่งอู่ นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”นี่คือแผนของเซี่ยอวี๋ฟู๋ เธอหาโอกาสให้ข่งอู่เป็นฮีโร่มาช่วยผู้หญิงอย่างเธอ เธอจะได้แสดงความอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา และถ้าข่งอู่แสดงความห่วงใยออกมามันจะดียิ่งขึ้นไปอีก“ข่งอู่? อะไรวะ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เมื่อกี้เธอตีฉัน ถ้าคืนนี้ไม่ไปกับฉัน เรื่องนี้ไม่จบแน่” ชายคนนั้นพูดทันใดนั้นหานซานเฉียนที่มาเข้าห้องน้ำก็บังเอิญเห็นฉากนี้เข้าพอดี เขาค่อนข้างรู้สึกคุ้นหน้าชายคนที่ขวางเซี่ยอวี๋ฟู๋อยู่ เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“เป็นอะไรไหม?” หานซานเฉียนเดินตรงเข้าไปถามเซี่ยอวี๋ฟู๋สร้างโอกาสนี้ให้ข่งอู่ ไม่ใช่ให้หานซานเฉียนเข้ามาทำลาย เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เกี่ยวอะไรกับนาย ไสหัวไปซะ อย่ามายุ่ง”ขณะที่เซี
ข่งอู่สลัดมือออกจากเซี่ยอวี๋ฟู๋ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เธอไม่ใช่แฟนของฉัน เรื่องวันนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” เมื่อเซี่ยอวี๋ฟู๋ได้ยินประโยคนี้ก็หน้าซีดทันที เธอจงใจสร้างโอกาสนี้ขึ้นมาให้ข่งอู่เป็นฮีโร่ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไร้น้ำใจขนาดนี้!“ข่งอู่ คุณหมายความว่ายังไง ฉันชอบคุณมาตั้งนาน แต่คุณจะไร้น้ำใจกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ” เซี่ยอวี๋ฟู๋กัดฟันด้วยความเจ็บใจ“เซี่ยอวี๋ฟู๋ ทำบุญให้ตัวเองเยอะ ๆ หน่อยนะ ชายคนนี้เป็นลูกน้องของพี่ใหญ่ม่อ เธอรีบโทรหาพ่อเธอสิ ให้พ่อเธอมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถ้าเธอดวงดี พ่อเธอก็อาจจะช่วยได้ แต่ถ้าดวงไม่ดี เธอก็ต้องชดใช้ด้วยร่างกาย” ข่งอู่พูด เซี่ยอวี๋ฟู๋รู้สึกช็อกด้วยความตกใจ ชายคนนี้เป็นลูกน้องของพี่ใหญ่ม่ออย่างงั้นเหรอเธอแค่มองหาแพะรับบาปเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะลามไปถึงม่อหยาง!ต่อให้เป็นพ่อของเธอก็ยังต้องให้ความเคารพต่อม่อหยาง หากเธอใส่ความลูกน้องของเขา ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรกันล่ะ?“สาวน้อย ดวงซวยแล้วสินะ?” ชายคนนั้นพูดไปหัวเราะไปเซี่ยอวี๋ฟู๋เข่าอ่อน ในใจรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เป็นไปได้อย่างไร ทำไมฉันถึงไปยั่วโมโหคนของพี่ใหญ่ม่อนะ?
แต่เซี่ยอวี๋ฟู๋กล้าบอกให้หานซานเฉียนไสหัวไป นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรค่าแก่การสงสารของเธอแม้แต่น้อย“ข่งอู่ เธอใช้ความคิดกับกับนายไม่น้อย นายไม่ใจเต้นเลยสักนิดเหรอ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มข่งอู่ส่ายหัวอย่างไม่ลังเล ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกดีกับเธอ ตอนนี้เขายิ่งไม่อยากจะช่วยเซี่ยอวี๋ฟู๋ ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้พี่ใหญ่ม่อไม่พอใจ แต่เธอยังทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจอีกด้วย และการทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจนั้น หมายถึงทำให้ตระกูลเทียนไม่พอใจไปด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นห่วงโซ่“คุณหนูเทียน ผู้หญิงที่เจ้าแผนการแบบนี้ แต่งงานกับเธอไปก็ไม่มีผลดีอะไรหรอกครับ” ข่งอู่กล่าวเทียนหลิงเอ๋อร์พยักหน้า แล้วพูดว่า “ทานอาหารกันต่อดีกว่า ต่อไปนี้ก็อยู่ห่าง ๆ เธอไว้ล่ะ เดี๋ยวจะโดนเอี่ยวไปด้วย”เซี่ยอวี๋ฟู๋ในตอนนี้กำลังรู้สึกสิ้นหวังข้้นสุด เธอไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงถึงขั้นนี้ แล้วเธอก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะออกมาร้ายแรงขนาดนี้ เพราะแค่ไล่หานซานเฉียนออกไปเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน พ่อของเซี่ยอวี๋ฟู๋ เซี่ยจิ่นเหยียนก็รีบเดินเข้ามา เนื้อตัวของของเต็มไปด้วยเหงื่อเมื่อเซี่ยจิ่นเหยียนเห็
วันครอบครัวของตระกูลซูหานซานเฉียนตื่นมาล้างหน้าแปลงฟันแต่เช้าตรู่ จากครั้งที่แล้วที่หญิงชราตระกูลซูเสียชีวิตเขาก็ถูกไล่ออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลซู ตามหลักเหตุผลแล้วในวันครอบครัวนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม เพียงแต่ตอนนี้เจี่ยงหลานไม่กล้ามาพูดจาซี้ซั้วต่อหน้าหานซานเฉียนอีกแล้ว ดังนั้นต่อให้เธอรู้ว่าหานซานเฉียนกำลังเตรียมตัวไปเข้าร่วมวันครอบครัวตระกูลซู เธอก็ทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้นเมื่อเธอนึกถึงภาพของหนานกงเชียนชิวที่แขวนคอตายในห้องรับแขกวันนั้น จนถึงทุกวันนี้เจี่ยงหลานก็ยังรู้สึกกลัว แม้ว่าเธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกเขยไร้ประโยชน์ของเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าประเมินเขาต่ำอีกต่อไป “คุณก็จะไปด้วยกันเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียน“เมื่อสองวันก่อนผมเจอกับซูไห่เฉา เขาบอกว่าให้ผมไปร่วมสนุกด้วยน่ะ” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะ วันนี้ฉือจิงก็จะมาด้วย ถึงตอนนั้นจะให้ซูอี้หานเอาสินสอดที่ทั้งหมดคืนกลับมา ละครสนุก ๆ อย่างนี้เขาจะพลาดได้อย่างไรล่ะ?ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน ซูไห่เฉาเปลี่ยนไปแล้วเหรอ ทำไมถึงยอมให้หานซานเฉียนไปร่วมงานด้วยล่ะ?ทันใดนั้นเจี่ยงหลานก็อดไม่ได้ที่จะถามหานซานเฉียน
“หานซานเฉียน ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ ลืมไปแล้วหรือไงว่าแกไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว” ซูอี้หานกล่าวกับหานซานเฉียนอย่างเย่อหยิ่ง“ซูไห่เฉาเชิญให้ฉันมา ฉันก็ต้องมาได้สิ” หานซานเฉียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ยิ่งซูอี้หานบินขึ้นไปสูงเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตกลงมาได้น่าสมเพชเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอคิดจะโอ้อวดเรื่องอะไรอีก หลังจากที่ฉือจิงปรากฎตัว นึกไม่ออกเลยว่าเธอจะอยู่ในสภาพไหน“หึหึ” ซูอี้หานหัวเราะเยาะ เธอตกลงกับซูไห่เฉาไปแล้วนี่ว่าไม่อนุญาตให้หานซานเฉียนเข้าร่วมในวันครอบครัวรวมตระกูล แล้วซูไห่เฉาจะเป็นคนเชิญหมอนี่มาได้อย่างไรกันเธอจึงหันไปพูดกับซูหยิงเซี่ย “ซูหยิงเซี่ย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าเจ้าคนไร้ค่านี่ไม่มีสิทธิ์มาที่คฤหาสน์ตระกูลซู เธอเองก็มาในฐานะที่เป็นหัวหน้าโครงการเฉิงซี ไม่เห็นจำเป็นต้องพาหมอนี่มาด้วย หรือเธอคงจะคิดว่าจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องไว้หน้าซูไห่เฉาสินะ”สถานะปัจจุบันระหว่างซูหยิงเซี่ยและซูไห่เฉาเรียกได้ว่าต่างคนต่างอยู่ ถ้าซูไห่เฉาไม่มาแทรกแซงโครงการเฉิงซี เธอเองก็ไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเช่นกัน“ซูอี้หาน การที่จะให้หานซานเฉียนมาหรือไม่ เธอไม่ได้เป็นคนตัด
เมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้หาน ซูหยิงเซี่ยก็หัวเราะไม่หยุดและกล่าวว่า “เงินของเธอใกล้จะหมดแล้วไม่ใช่หรือไง?”“ถ้าฉันใช้หมดแล้วมันจะเป็นยังไงเหรอ เธอคงคิดว่าฉันจะต้องการความเห็นใจจากเธออย่างนั้นสินะ อย่าตลกไปหน่อยเลย ในสายตาฉัน เธอมันก็เป็นแค่หัวหน้าโครงการเฉิงซี ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้ว” ซูอี้หานพูดด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรกับการใช้จ่ายของเธออยู่แล้ว แถมเธอยังไม่เคยลังเลที่จะใช้เงิน เพราะไม่ช้าก็เร็ว เธอก็จะได้แต่งงานเข้าตระกูลหาน ตอนนี้เธอก็แค่ใช้จ่ายเงินไปไม่กี่ล้านเท่านั้น จะต้องไปสนใจอะไร“ชีวิตคนรวยอย่างฉัน พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะฉะนั้นเธอควรจะรับใช้ตระกูลซูอย่างซื่อสัตย์จะดีกว่า"“ก็หวังว่าเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการนะ ขอให้โชคดี” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“เหอะ” ซูอี้หานหัวเราะออกมาและพูดว่า “การอวยพรที่เสแสร้งของเธอ ฉันไม่ต้องการหรอก ฉันรู้ว่าเธออิจฉาฉัน ไม่ต้องปิดบังหรอก ใคร ๆ เขาก็ดูออกกันทั้งนั้นแหละ”“หึ ฉันน่ะอิจฉาเธอจริง ๆ เลย ของแบรนด์เนมเยอะแยะขนาดนี้ ฉันใส่ไม่ไหวหรอก” ซูหยิงเซี่ยกล่าวเมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยยอมแพ้ แถมยังมีท่าทีอิจฉาเธอ ซูอี้หานก็ยิ่งภูมิใจ เธอ
ซูอี้หานแทบอดใจรอที่จะได้แนะนำตัวเองไม่ไหว เธอพูดกับฉือจิงว่า “ฉันชื่อซูอี้หานค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือแม่สามีในอนาคตของฉันหรือเปล่า?”คำพูดเหล่านี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยกลั้นหัวเราะไม่ไหว ซูอี้หานคนนี้หน้าไม่อายจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพูดแบบนี้ออกไป เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าสินสอดพวกนั้นเป็นของเธอ แถมยังเรียกฉือจิงว่าแม่สามีอีก น่าขำชะมัด“แล้วสินสอดที่ฉันส่งมาตอนนั้นล่ะ?” ฉือจิงถามซูไห่เฉาโดยไม่ได้เหลือบมองซูอี้หานเลยสักนิด “ผมให้ซูอี้หานไปแล้ว คุณไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้ขโมยอะไรไปแม้แต่ชิ้นเดียว” ซูไห่เฉากล่าว“ให้เธอ?” ฉือจิงมองไปยังซูอี้หานจากนั้นก็ถามว่า “ไหนล่ะสินสอดของฉัน?”“คุณแม่สามี อยู่กับฉันเองค่ะ สินสอดและของที่คุณให้มา ฉันดูแลมันอย่างดีเลยค่ะ” ซูอี้หานพูดด้วยรอยยิ้ม“แม่สามีงั้นเหรอ?” ฉือจิงแค่นเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “ฉันไม่ใช่แม่สามีของเธอหรอก และที่ฉันมาในวันนี้ก็เพราะจะมาขอสินสอดคืน”เปรี้ยง…ประโยคเมื่อครู่ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจซูอี้หาน ขอสินสอดคืนอย่างนั้นเหรอ!ทำไมล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมถึงมาขอสินสอดคืนล่ะ?ซูอี้หานใช้เงินไปเกือบหมดแล้ว แถมเธอยังใช้จ่ายมันอย่า
ซูไห่เฉาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ไม่กล้าแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าฉือจิงอีก เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลซู แต่ช่างกระจอกอะไรเช่นนี้ ผู้หญิงตรงหน้าสามารถเรียกคนตระกูลเทียนมาได้ง่าย ๆ แล้วเขาจะมีปัญญาเทียบเคียงเธอได้ยังไง “ซูอี้หาน รีบให้คนไปเอาสินสอดมาเดี๋ยวนี้” ซูไห่เฉาบอกกับซูอี้หาน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่เอาสินสอดมาคืน เราแย่แน่ เหตุผลอะไรไม่จำเป็นอีกแล้ว อำนาจของเธอตอนนี้เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักที่สุด ช่างกดดันเสียจนคนในตระกูลซูหายใจแทบไม่ออกใบหน้าที่สิ้นหวังของซูอี้หานนั้นไร้สีเลือด พวกเครื่องประดับอะไรก็ยังพอจะเอามาคืนได้อยู่หรอก แต่เงินน่ะเธอใช้ไปเกือบหมดแล้ว เธอจะไปหาจากที่ไหนมาคืนให้?“ไห่เฉา นายช่วยฉันหน่อยสิ” ซูอี้หานขอความช่วยเหลือจากซูไห่เฉาซูไห่เฉารู้ว่าช่วงนี้ซูอี้หานใช้จ่ายเงินหมดไปเยอะ บนร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยของแบรนด์เนม แต่เธอเองก็ไม่ควรที่จะใช้เงินแปดล้านกว่าหยวนจนหมดเกลี้ยงทีเดียวนี่ ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่มีปัญญาแก้หรอกแล้วตอนนี้ซูอี้หานก็ไม่สามารถแต่งงานเข้าตระกูลหานได้ สำหรับเขาเธอก็หมดประโยชน์แล้ว“เธอไม่ควรใช้เงินจนหมดนะอี้หาน” ซูไห่เฉากัดฟันพูดซูอี้