วันครอบครัวของตระกูลซูหานซานเฉียนตื่นมาล้างหน้าแปลงฟันแต่เช้าตรู่ จากครั้งที่แล้วที่หญิงชราตระกูลซูเสียชีวิตเขาก็ถูกไล่ออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลซู ตามหลักเหตุผลแล้วในวันครอบครัวนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม เพียงแต่ตอนนี้เจี่ยงหลานไม่กล้ามาพูดจาซี้ซั้วต่อหน้าหานซานเฉียนอีกแล้ว ดังนั้นต่อให้เธอรู้ว่าหานซานเฉียนกำลังเตรียมตัวไปเข้าร่วมวันครอบครัวตระกูลซู เธอก็ทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้นเมื่อเธอนึกถึงภาพของหนานกงเชียนชิวที่แขวนคอตายในห้องรับแขกวันนั้น จนถึงทุกวันนี้เจี่ยงหลานก็ยังรู้สึกกลัว แม้ว่าเธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกเขยไร้ประโยชน์ของเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าประเมินเขาต่ำอีกต่อไป “คุณก็จะไปด้วยกันเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียน“เมื่อสองวันก่อนผมเจอกับซูไห่เฉา เขาบอกว่าให้ผมไปร่วมสนุกด้วยน่ะ” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะ วันนี้ฉือจิงก็จะมาด้วย ถึงตอนนั้นจะให้ซูอี้หานเอาสินสอดที่ทั้งหมดคืนกลับมา ละครสนุก ๆ อย่างนี้เขาจะพลาดได้อย่างไรล่ะ?ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน ซูไห่เฉาเปลี่ยนไปแล้วเหรอ ทำไมถึงยอมให้หานซานเฉียนไปร่วมงานด้วยล่ะ?ทันใดนั้นเจี่ยงหลานก็อดไม่ได้ที่จะถามหานซานเฉียน
“หานซานเฉียน ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ ลืมไปแล้วหรือไงว่าแกไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว” ซูอี้หานกล่าวกับหานซานเฉียนอย่างเย่อหยิ่ง“ซูไห่เฉาเชิญให้ฉันมา ฉันก็ต้องมาได้สิ” หานซานเฉียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ยิ่งซูอี้หานบินขึ้นไปสูงเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตกลงมาได้น่าสมเพชเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอคิดจะโอ้อวดเรื่องอะไรอีก หลังจากที่ฉือจิงปรากฎตัว นึกไม่ออกเลยว่าเธอจะอยู่ในสภาพไหน“หึหึ” ซูอี้หานหัวเราะเยาะ เธอตกลงกับซูไห่เฉาไปแล้วนี่ว่าไม่อนุญาตให้หานซานเฉียนเข้าร่วมในวันครอบครัวรวมตระกูล แล้วซูไห่เฉาจะเป็นคนเชิญหมอนี่มาได้อย่างไรกันเธอจึงหันไปพูดกับซูหยิงเซี่ย “ซูหยิงเซี่ย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าเจ้าคนไร้ค่านี่ไม่มีสิทธิ์มาที่คฤหาสน์ตระกูลซู เธอเองก็มาในฐานะที่เป็นหัวหน้าโครงการเฉิงซี ไม่เห็นจำเป็นต้องพาหมอนี่มาด้วย หรือเธอคงจะคิดว่าจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องไว้หน้าซูไห่เฉาสินะ”สถานะปัจจุบันระหว่างซูหยิงเซี่ยและซูไห่เฉาเรียกได้ว่าต่างคนต่างอยู่ ถ้าซูไห่เฉาไม่มาแทรกแซงโครงการเฉิงซี เธอเองก็ไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเช่นกัน“ซูอี้หาน การที่จะให้หานซานเฉียนมาหรือไม่ เธอไม่ได้เป็นคนตัด
เมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้หาน ซูหยิงเซี่ยก็หัวเราะไม่หยุดและกล่าวว่า “เงินของเธอใกล้จะหมดแล้วไม่ใช่หรือไง?”“ถ้าฉันใช้หมดแล้วมันจะเป็นยังไงเหรอ เธอคงคิดว่าฉันจะต้องการความเห็นใจจากเธออย่างนั้นสินะ อย่าตลกไปหน่อยเลย ในสายตาฉัน เธอมันก็เป็นแค่หัวหน้าโครงการเฉิงซี ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้ว” ซูอี้หานพูดด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรกับการใช้จ่ายของเธออยู่แล้ว แถมเธอยังไม่เคยลังเลที่จะใช้เงิน เพราะไม่ช้าก็เร็ว เธอก็จะได้แต่งงานเข้าตระกูลหาน ตอนนี้เธอก็แค่ใช้จ่ายเงินไปไม่กี่ล้านเท่านั้น จะต้องไปสนใจอะไร“ชีวิตคนรวยอย่างฉัน พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะฉะนั้นเธอควรจะรับใช้ตระกูลซูอย่างซื่อสัตย์จะดีกว่า"“ก็หวังว่าเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการนะ ขอให้โชคดี” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“เหอะ” ซูอี้หานหัวเราะออกมาและพูดว่า “การอวยพรที่เสแสร้งของเธอ ฉันไม่ต้องการหรอก ฉันรู้ว่าเธออิจฉาฉัน ไม่ต้องปิดบังหรอก ใคร ๆ เขาก็ดูออกกันทั้งนั้นแหละ”“หึ ฉันน่ะอิจฉาเธอจริง ๆ เลย ของแบรนด์เนมเยอะแยะขนาดนี้ ฉันใส่ไม่ไหวหรอก” ซูหยิงเซี่ยกล่าวเมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยยอมแพ้ แถมยังมีท่าทีอิจฉาเธอ ซูอี้หานก็ยิ่งภูมิใจ เธอ
ซูอี้หานแทบอดใจรอที่จะได้แนะนำตัวเองไม่ไหว เธอพูดกับฉือจิงว่า “ฉันชื่อซูอี้หานค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือแม่สามีในอนาคตของฉันหรือเปล่า?”คำพูดเหล่านี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยกลั้นหัวเราะไม่ไหว ซูอี้หานคนนี้หน้าไม่อายจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพูดแบบนี้ออกไป เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าสินสอดพวกนั้นเป็นของเธอ แถมยังเรียกฉือจิงว่าแม่สามีอีก น่าขำชะมัด“แล้วสินสอดที่ฉันส่งมาตอนนั้นล่ะ?” ฉือจิงถามซูไห่เฉาโดยไม่ได้เหลือบมองซูอี้หานเลยสักนิด “ผมให้ซูอี้หานไปแล้ว คุณไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้ขโมยอะไรไปแม้แต่ชิ้นเดียว” ซูไห่เฉากล่าว“ให้เธอ?” ฉือจิงมองไปยังซูอี้หานจากนั้นก็ถามว่า “ไหนล่ะสินสอดของฉัน?”“คุณแม่สามี อยู่กับฉันเองค่ะ สินสอดและของที่คุณให้มา ฉันดูแลมันอย่างดีเลยค่ะ” ซูอี้หานพูดด้วยรอยยิ้ม“แม่สามีงั้นเหรอ?” ฉือจิงแค่นเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “ฉันไม่ใช่แม่สามีของเธอหรอก และที่ฉันมาในวันนี้ก็เพราะจะมาขอสินสอดคืน”เปรี้ยง…ประโยคเมื่อครู่ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจซูอี้หาน ขอสินสอดคืนอย่างนั้นเหรอ!ทำไมล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมถึงมาขอสินสอดคืนล่ะ?ซูอี้หานใช้เงินไปเกือบหมดแล้ว แถมเธอยังใช้จ่ายมันอย่า
ซูไห่เฉาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ไม่กล้าแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าฉือจิงอีก เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลซู แต่ช่างกระจอกอะไรเช่นนี้ ผู้หญิงตรงหน้าสามารถเรียกคนตระกูลเทียนมาได้ง่าย ๆ แล้วเขาจะมีปัญญาเทียบเคียงเธอได้ยังไง “ซูอี้หาน รีบให้คนไปเอาสินสอดมาเดี๋ยวนี้” ซูไห่เฉาบอกกับซูอี้หาน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่เอาสินสอดมาคืน เราแย่แน่ เหตุผลอะไรไม่จำเป็นอีกแล้ว อำนาจของเธอตอนนี้เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักที่สุด ช่างกดดันเสียจนคนในตระกูลซูหายใจแทบไม่ออกใบหน้าที่สิ้นหวังของซูอี้หานนั้นไร้สีเลือด พวกเครื่องประดับอะไรก็ยังพอจะเอามาคืนได้อยู่หรอก แต่เงินน่ะเธอใช้ไปเกือบหมดแล้ว เธอจะไปหาจากที่ไหนมาคืนให้?“ไห่เฉา นายช่วยฉันหน่อยสิ” ซูอี้หานขอความช่วยเหลือจากซูไห่เฉาซูไห่เฉารู้ว่าช่วงนี้ซูอี้หานใช้จ่ายเงินหมดไปเยอะ บนร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยของแบรนด์เนม แต่เธอเองก็ไม่ควรที่จะใช้เงินแปดล้านกว่าหยวนจนหมดเกลี้ยงทีเดียวนี่ ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่มีปัญญาแก้หรอกแล้วตอนนี้ซูอี้หานก็ไม่สามารถแต่งงานเข้าตระกูลหานได้ สำหรับเขาเธอก็หมดประโยชน์แล้ว“เธอไม่ควรใช้เงินจนหมดนะอี้หาน” ซูไห่เฉากัดฟันพูดซูอี้
สีหน้าของฉือจิงนั้นดูเย็นชาขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินซูอี้หานเรียกหานซานเฉียนว่าเจ้าคนไร้ค่าต่อหน้าเธอฉือจิงหันไปส่งซิกให้ลูกน้อง เขาคนนั้นก็เดินตรงไปหาซูอี้หาน และตบหน้าเธอพร้อมกล่าวเสียงเย็นว่า “เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาพล่อย ๆ แบบนี้?”ซูอี้หานที่ถูกตบจนมึน ได้แต่เอามือปิดหน้าอย่างสงบปากสงบคำ“ถ้าวันพรุ่งนี้ เวลานี้ พวกเขาไม่เอาสินสอดมาคืนที่คฤหาสน์บนภูเขา พวกคุณคงรู้ใช่ไหมว่าควรจะจัดการยังไง?” ฉือจิงบอกกับคนของตระกูลเทียนที่อยู่ข้าง ๆคนของตระกูลเทียนรับคำสั่งกันโดยพร้อมเพรียง ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเธอเลยแม้แต่น้อย คนตระกูลหานคนนี้ ขนาดตระกูลเทียนที่มีอำนาจล้นฟ้าในหยุนเฉิง เธอกลับไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้จะอยู่ต่อหน้าพวกเขา หลังจากที่ฉือจิงกลับไป บรรยากาศในคฤหาสน์ตระกูลซูเต็มไปด้วยความกดดัน“ไห่เฉา พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ซูกั๋วหลินถามซูไห่เฉามองไปที่ซูอี้หานด้วยแววตาที่โหดเหี้ยม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอใช้เงินไปขนาดนั้น ปัญหานี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ซูไห่เฉาเสียใจมากที่เอาสินสอดให้ซูอี้หาน แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว “งั้นก็ให้ซูหยิงเซี่ยช่วยโกหกว่าได้รับเงินแล้วสิ แค่นั้นก็หมดปัญ
หานซานเฉียนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวความขัดแย้งภายในคฤหาสน์กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ใต้ร่มไม้ หลังจากที่ฉือจิงเดินออกมาก็พูดกับเขาว่า “สูบบุหรี่ไม่ดีต่อร่างกายนะ เลิกเสียเถอะ”หานซานเฉียนอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วพูดว่า “ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ผมยังไม่ถึงวัยที่ต้องถนอมร่างกายตัวเองเสียหน่อย ถ้าไม่สูบตอนนี้จะให้สูบตอนแก่เหรอครับ?”เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ที่ยกขึ้นมาเถียงนี้ทำเอาฉือจิงรู้สึกอึ้ง เธอจึงพูดว่า “ร่างกายเป็นต้นทุนที่มีค่ามากที่สุด ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงแล้วจะทำในสิ่งที่อยากทำได้ยังไง”หานซานเฉียนคิ้วกระตุก ฉือจิงพูดเหมือนกับว่าเธอรู้อะไรบางอย่าง “สิ่งที่ผมคิดจะทำจะสำเร็จหรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะว่าผมไม่ได้คิดจะทำเพื่อพิสูจน์ให้ใครเห็น ผมแค่อยากทดสอบความสามารถของตัวเองก็เท่านั้น” หานซานเฉียนพูดด้วยเสียงเรียบเฉย“แต่เรื่องบางเรื่อง ลูกก็ต้องทำให้สำเร็จนะ” ฉือจิงกล่าวพลางหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาให้หานซานเฉียนเมื่อเห็นคนที่อยู่ในรูป หานซานเฉียนก็ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “นี่ใครเหรอครับ?”“ตอนนั้นเป็นเพราะเขา ลูกก็เลยไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
“แต่หลังจากที่คุณปู่จากไป สถานะของผมในบ้านตระกูลหาน แม่เองก็รู้ดีนี่ครับ แล้วแม่ยังคิดจะเอาเรื่องคุณปู่มาโน้มน้าวผมอีก คิดว่าจะได้ผลหรือไง?” หานซานเฉียนยิ้มเย้ยหยัน“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครพบศพของหานเทียนหย่างเลย โลงศพของเขาในสุสานยังว่างเปล่ามาจนถึงตอนนี้” ฉือจิงกล่าวพอได้ยินเช่นนั้น หานซานเฉียนรู้สึกตื่นตัวทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “หมายความว่ายังไงครับ ที่แม่พูดเมื่อกี้นี้มันหมายความว่ายังไง!”ข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของหานเทียนหย่างแพร่กระจายจนถึงหูคนตระกูลหาน ในตอนนั้นหานซานเฉียนยังเป็นแค่เด็ก เมื่อเขารู้ข่าวก็เอาแต่ร้องไห้จนแทบขาดใจ แต่ตอนนี้ฉือจิงกลับมาบอกเขาว่าไม่มีใครเคยพบศพของหานเทียนหย่งเลยอย่างนั้นเหรอ“แม่ก็แค่ตั้งคำถามเท่านั้น แต่ว่าจะจริงหรือไม่นั้นลูกคงต้องไปตรวจสอบเอาเอง บางทีถ้าสืบรู้ถึงภูมิหลังของนักบุญลัทธิเต๋าคนนั้นแล้ว เรื่องทั้งหมดอาจจะกระจ่างขึ้นก็ได้” ฉือจิงพูดจบเธอก็กลับทันทีราวกับมีอะไรจุกอยู่ที่อกของเขา คุณปู่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?เป็นไปได้ไหมว่าที่จริงแล้วคุณปู่ยังไม่ตาย แต่ถูกใครบางคนจับตัวไปแล้วถ้ามันเป็นแบบนั
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ