“คุณแม่คะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถาม“รถคันนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้พ่อขับนะ” เจี่ยงหลานพูด“ทำไมคะแม่? แต่ว่านี่…”ซูหยิงเซี่ยยังไม่ทันพูดจบ เจี่ยงหลานก็พูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที “ยังจะมีอะไรอีก ตอนนี้ลูกมีอนาคต มีชีวิตที่ดี ลูกจะปล่อยให้คนแก่สองคนมีความสุขบ้างไม่ได้เหรอ ถ้าให้หานซานเฉียนขับรถดี ๆ แบบนี้ เขาดูแลรถไม่ดีจะทำอย่างไร ถ้าหากรถพังจะต้องใช้เงินในการซ่อมรถเท่าไร”“แม่คะ รถคันนี้คือ หานซานเฉียน…”“พอแล้ว พอแล้ว ลูกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เจี่ยงหลานโบกมืออย่างหมดความอดทนและพูดว่า “แม่รู้ว่าเขารับส่งลูกจากที่ทำงาน แต่ลูกก็ไม่ได้ดูเขาตลอดเวลา ปล่อยให้เขาขับรถดี ๆ แบบนี้ ถ้าเกิดเขาคิดไม่ดีขึ้นมาเอารถคันนี้ไปหลอกผู้หญิงคนอื่นจะทำยังไง เอาแบบนี้แล้วกัน เอารถโตโยต้าอีกคันให้เขาขับนะ”ซูหยิงเซี่ย พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง รถคันนี้หานซานเฉียนเป็นคนซื้อมา ไม่มีเงินของเธออยู่ในนั้นแม้แต่หยวนเดียว เธอจะพูดได้อย่างไรว่าให้เอารถคันนี้ไปใช้ได้“อ๋อใช่ ลูกเปลี่ยนรถคันใหม่ในไม่กี่วันหลังจากเป็นหัวหน้าโครงการ คุณย่าของลูกจะตรวจสอบมันไหม เวลาลูกทำบัญชีจะต้องระมัดระวังด้วยนะ” เจี่
เมื่อได้ยินที่เถ้าแก่ร้านขายของชำถาม หานซานเฉียนก็รู้สึกละอายใจ เขาไม่มีเซอร์ไพรส์ แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือ เขาจะอธิบายปัญหาอันใหญ่หลวงนี้ให้ซูหยิงเซี่ย เข้าใจได้อย่างไร“เถ้าแก่เคยมีประสบการณ์ในการซ่อนเงินส่วนตัวไหม ถ้าหากถูกค้นเจอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?” หานซานเฉียนถามเถ้าแก่เถ้าแก่หัวเราะออกมาเบาๆ และพูดว่า “คุณถามถูกคนแล้ว การซ่อนเงินเป็นเรื่องของทักษะ ผมไม่มีประสบการณ์ด้านนี้หรอกนะ”หานซานเฉียนกลอกตาไปมาเพราะเขากำลังตั้งใจฟังมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่จะล้อเล่นกับเขาเถ้าแก่แสดงสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกและพูดต่อว่า “ผู้ชายอย่างเราหาเงินไปเพื่ออะไร เพื่อให้ภรรยาของเราเองยังไงละ คุณจะทำเรื่องดื้อรั้นอย่างเช่นการซ่อนเงินส่วนตัวได้ยังไง อย่างผมเองก็ไม่เคยมีความคิดที่จะทำแบบนี้”“ฉันทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพื่อให้ผู้หญิงมีความสุขใช่ไหม? ในสมัยก่อนมีกษัตริย์โจวโหย่ว พระองค์ต้องการทำให้แม่นางเปาสีที่เป็นคนรักของพระองค์ยิ้มออกมา ทรงมีพระราชดำริให้มีการจุดไฟสัญญาณเรียกทัพแบบหลอก ๆ อู๋ซานกุ้ยเพื่อเฉินหยวนหยวนอนุภรรยาที่เขารัก ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน เขาจำยอมเปิดประตูด่านให้ทหารแมนจ
การจองทั้งร้านอาหารคริสตัลเคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เมื่อสองปีที่แล้วมีเศรษฐีหนุ่มขอหญิงสาวแต่งงานที่ร้านอาหารคริสตัล ในช่วงนั้นเป็นกระแสฮือฮากันใหญ่โต ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงต่างพากันอิจฉามากน้อยแค่ไหน แต่เหตุการณ์นี้กลับตรงกันข้ามกับหานซานเฉียน ที่แต่งงานเข้าตระกูลซู ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่นำสองเหตุการณ์มาเปรียบเทียบกัน“ไม่มีปัญหาครับ คุณต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?” ผู้จัดการตอบตกลงอย่างมีความสุข เปิดร้านอาหารก็เพื่อสร้างรายได้ แล้วชายคนนี้ก็เป็นคนบอกกับเขาเองว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นสำหรับเขาแล้วย่อมไม่มีปัญหาเช่นกัน“คุณช่วยจัดหาเปียโนให้ผมตรงกลางร้านอาหารได้ไหม?” หานซานเฉียนถาม“ไม่มีปัญหาครับ ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ตราบใดที่คุณยังมีเงินเพียงพอ ทางเราจะพยายามช่วยคุณอย่างดีที่สุดครับ” ผู้จัดการพูดเขาอยู่ที่ร้านอาหารเพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดบางอย่าง หลังจากจ่ายเงินมัดจำแล้ว หานซานเฉียนก็กลับไปบริกรในร้านอาหารอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องน่าตื่นเต้นของเมืองหยุนเฉิงเมื่อสองปีที่แล้วและมีผู้หญิงบางคนแสดงอาการท่าทางบ้าผู้ชายออกมา“ฉันหวังว่าฉันจะได้พบกับเศรษฐีเช่นกัน ถ้าเขาส
เมื่อเห็นซูอี้หานหัวเราะเยาะเย้ย เฉินหลิงเหยาก็โกรธจนควัญแทบออกหู“วันที่ 22 แล้วยังไง ถึงจะเป็นวันเดียวกันแล้วมันจะมีความหมายอะไร” เฉินหลิงเหยาถามซูอี้หานจงใจหยิบเรื่องนี้มาเยาะเย้ยซูหยิงเซี่ย ในเมื่อเฉินหลิงเหยาต่อคำ ซูอี้หานจึงใช้โอกาสนี้เพื่อกลั่นแกล้งซูหยิงเซี่ยต่อ“มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก มันก็เป็นแค่ความแตกต่างของชนชั้นก็เท่านั้น ถึงแม้ฉันจะไม่พูดอะไร แต่มันก็เกิดขึ้นในวันเดียวกัน เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่สามารถหยุดความคิดของคนอื่นเกี่ยวกับวันที่ 22 เมื่อสามปีที่แล้วได้หรอก” ซูอี้หานกล่าว“มีตั้งหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันเดียวกัน แล้วทำไมเธอต้องเจาะจงมาที่เรื่องนี้ มันเกี่ยวอะไรกับเธองั้นเหรอ?” เฉินหลิงเหยาโต้กลับซูอี้หานพ่นลมหายใจออกมาและพูดอย่างเย็นชาว่า “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้อยู่กับผู้ชายที่ไร้ค่าแบบนั้น และคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยในอนาคต พวกเธอคงจินตนาการไม่ถึงหรอกว่าครอบครัวของเขาจะรวยขนาดไหน”เฉินหลิงเหยาเคยได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดถึงสินสอดนั้น ทอง หยก เงินสด ซึ่งเป็นสินสอดที่น่าทึ่งมาก บ่งบอกได้ว่าภูมิหลังทางครอบครัวของอีกฝ่ายว่าไม่ใช่
สิบวันต่อมา เรื่องร้านอาหารคริสตัลเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้ที่จองร้านอาหารไม่ได้เปิดเผยตัวตน จึงทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มสงสัยในเรื่องนี้มากขึ้น พวกเขาต่างคาดเดาว่าอาจเป็นลูกของเศรษฐีในเมืองหยุนเฉิง แต่ลูกชายของเศรษฐีต่างพากันออกมาปฏิเสธข่าวลือไปทีละคน เรื่องนี้จึงยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกสำหรับตระกูลซู มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะถูกกล่าวถึงอีกครั้ง และกลายเป็นเรื่องตลกของหลาย ๆ คน เพราะเวลาที่เหมาะเจาะ จึงยากที่คนจะไม่คิดถึงมันญาติ ๆ ของตระกูลซูต่างรู้สึกโกรธจัด ถ้าไม่ใช่เพราะหานซานเฉียน พวกเขาคงไม่ต้องกลายเป็นตัวตลกของคนอื่น ทุกคนในตระกูลต่างก็ปฏิเสธการพบปะในช่วงนี้ แม้แต่คุณย่าของตระกูลซูก็ไม่ยอมออกมา เธอตั้งใจที่จะรอให้เรื่องนี้ซาก่อนแล้วค่อยออกมา“น่ารำคาญจริง ๆ ไอ้เศษขยะหานซานเฉียนมันเกี่ยวอะไรกับเรา คนพวกนั้นถึงได้เหมารวมตระกูลซู จนทำให้พวกเราอับอายขายขี้หน้าไปด้วยแบบนี้”“ทำไมหานซานเฉียนถึงไม่ตาย ๆ ไปซะ ต่อให้คนแบบเขาตายไปสักร้อยหน เราก็คงไม่เสียหน้า”“ซูหยิงเซี่ยก็เป็นตัวซวยเหมือนกัน ถ้าไม่มีเธอก็คงไม่มีเรื่องแย่ ๆ แบบนี้เกิดขึ้น”เหล่าวัยเยาว์จากตระกูลซูมารวมตัว
เฉินหลิงเหยาถามขึ้นอย่างสงสัย “ใครน่ะ?”“หานซานเฉียน”เมื่อเฉินหลิงเหยาได้ยินชื่อนี้ เธอก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะแสดงท่าทีเยาะเย้ย เมื่อก่อนเธอพยายามทดสอบหานซานเฉียน และรู้สึกว่าเขาตาบอด เพราะเธอคิดว่าเขาไม่สนใจความงามของเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะโทรมาหาเป็นการส่วนตัวแบบนี้ผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนจริง ๆ ด้วยสินะ“จิ้งจอกมักยังไงก็ต้องโชว์หางออกมา ในที่สุดนายก็ทนไม่ได้แล้วสินะ” เฉินหลิงเหยาพูดอย่างเย็นชา“ผมต้องการขอให้คุณช่วยอะไรหน่อย” หานซานเฉียนกล่าว เขาเดาไว้อยู่แล้วว่าเฉินหลิงเหยาจะเข้าใจผิดกับการโทรครั้งนี้ แต่หลังจากอธิบายความตั้งใจของเขาแล้ว เขาเชื่อว่าจะแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอได้“หานซานเฉียน หยิงเซี่ยต้องอับอายมากพออยู่แล้วที่อยู่กับนาย ถ้าตอนนี้นายหลอกลวงเธอ คนอย่างนายจะถูกต้องฟันเป็นพันครั้ง” เฉินหลิงเหยาไม่เชื่อว่าหานซานเฉียนต้องการให้เธอช่วย มันต้องเป็นกลอุบายเพื่ออยากชวนเธอออกไปข้างนอกแน่ ๆ“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้สนใจความสวยของคุณเลยสักนิด ที่ผมโทรหาคุณมันเกี่ยวกับหยิงเซี่ย” หานซานเฉียนพูด“มันเกี่ยวอะไรกับหยิงเซี่ย?” เฉินหลิงเหยาสงสัยว่าเธอคงเข้าใจผิดไปเองจึงพูดต่อว่า “เรื
อย่าบอกนะ...อย่าบอกนะว่าหานซานเฉียนคือบุคคลลึกลับที่จองร้านอาหารคริสตัลคนนั้น? ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกมึนงง ชั้นบนสุดของร้านอาหารคริสตัลถูกคนอื่นจองไปแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน แม้ว่าเฉินหลิงเหยาจะมีหน้ามีตาในสังคม แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาจัดปาร์ตี้ในร้านอาหารคริสตัลนี้นี่นา“เหยาเหยา เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหานซานเฉียนหรือเปล่า?” ซูหยิงเซี่ยลองคิดถึงความเป็นไปได้ และเธอก็เริ่มหายใจถี่ขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลสมองของเฉินหลิงเหยาว่างเปล่า แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่นอกเหนือจากสิ่งนี้จะมีความเป็นไปได้อื่นที่ไหนอีก?“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนเป็นคนขอให้ฉันพาเธอมาที่นี่จริง ๆ” เฉินหลิงเหยายอมรับ ความรู้สึกอิจฉาอย่างอธิบายไม่ถูกมันเกิดขึ้นในใจของเธอ หากหานซานเฉียนเป็นคนที่เตรียมเซอร์ไพรส์อันยิ่งใหญ่นี้ไว้ให้ซูหยิงเซี่ยจริง ซูหยิงเซี่ยคงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในหยุนเฉิงสินะณ เวลานี้ ลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ทั้งสองถูกพาเข้าไปในร้านอาหารหน้าโต๊ะเปียโนที่อยู่กลางร้านอาหาร มีชายสวมชุดสีดำนั่งอยู่ และมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขาเท่านั้นแต่สำหรับเฉินหลิงเหยา แผ่นหลังนี้ดูค
“คุณรู้ไหม คนพวกนั้นเรียกคุณว่าไอ้คนไร้ค่า”“คุณรู้ไหมว่าฉันอึดอัดแค่ไหนเวลาที่ได้ยินคำพูดพวกนั้น”หานซานเฉียนกอดซูหยิงเซี่ยไว้ในอ้อมแขนของเขาและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ผมรู้”เฉินหลิงเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างก็น้ำตาซึมตาม ในตอนนี้เธอรู้สึกว่าความทุกข์ใจที่เพื่อนสาวได้รับนั้นช่างคุ้มค่า ไม่ว่าหานซานเฉียนจะทำเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่อย่างน้อยตอนนี้ซูหยิงเซี่ยก็มีความสุขมาก และหญิงสาวในเมืองหยุนเฉิงต่างก็ต้องอิจฉาเธอแต่ว่าทำไม ทำไมนายต้องเป็นเจ้าชายเปียโนด้วย?เฉินหลิงเหยารู้ว่าความฝันของเธอได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ในคืนนี้กลีบกุหลาบของร้านอาหารคริสตัลพัดปลิวตลอดทั้งคืน เมื่อเทียบกับเมื่อสองปีที่แล้ว สิ่งเดียวที่บกพร่องคือ ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่าใครคือพระเอกคนนั้นคืนนั้นหานซานเฉียนนอนอยู่บนพื้น ซูหยิงเซี่ยที่อยู่บนเตียงก็ถามขึ้นว่า “หนาวไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน ผู้หญิงเริ่มโชว์ขาขาวข้างถนนก็เหมือนหน่อไม้หลังฝนตกนั่นเอง จะหนาวได้อย่างไรหานซานเฉียนตอบออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ไม่หนาว”หลังจากพูดสองคำนี้หานซานเฉียนก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รู้สึกเสียดายจนอยากจะต่อยตัวเองสัก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ