หานซานเฉียนเดินไปใต้ต้นไม้ ก้มหัวเล็กน้อยให้กับเหยียนจุน แต่เขาไม่ได้ทักทายหนานกงเชียนชิวไม่เคารพและยังอกตัญญูอีกเหรอเนี่ย?หานซานเฉียนไม่ได้ทำอะไร แค่เขาถูกไล่ออกจากตระกูลหานมาเป็นเวลานาน อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมาหนานกงเชียนชิวไม่เคยปฏิบัติต่อเขาแบบหลานชายเลย แล้วทีนี้เขาจะเรียกหนานกงเชียวชิวว่าคุณย่าอย่างเต็มปากได้อย่างไร?“ผมกลับมาแล้ว คุณต้องการให้ผมทำอะไรบ้างครับ?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างเย็นชาหนานกงเชียนชิวกัดฟันแน่นพร้อมพูดว่า “ตระกูลหานให้กำเนิดสิ่งปฏิกูลไร้มารยาทผู้ดีอย่างแกมาได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะหานจุนถูกขังคุก แกอย่าคิดที่จะได้กลับมาที่นี่อีกตลอดไปเลย”การโดนดูถูกจากหนานกงเชียนชิวนั้นสำหรับหานซานเฉียนแล้วไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เขาคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มานาน“ผมได้ยินมาว่าหานเฉิงใกล้ตายแล้ว คุณต้องการให้ผมไปเคารพศพครั้งสุดท้ายใช่ไหมครับ?” หานซานเฉียนกล่าวหนานกงเชียนชิวลุกยืนขึ้นด้วยท่าทางดุดัน ไม้เท้าที่อยู่ในมือโบกไปทางหัวไหล่ของหานซานเฉียน แล้วพูดด่าทอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “แกจะพูดยังไงเขาก็คือพ่อของแกนะ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีแก แล้วแกมีหน้ามาพูดแบ
ฉือจิงไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เป็นเวลานาน เขามอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้ตระกูลหาน นี่มันหมายความว่าอย่างไร!ฉือจิงสงสัยว่า ทำไมเธอถึงสังเกตเห็นวิกฤติของตระกูลหานทั้งหมดจากปากของหานซานเฉียน แถมวิกฤตครั้งนี้ยังเกิดขึ้นโดยหานซานเฉียนอีก!เขามีแผนการพุ่งเป้ามาที่ตระกูลหานอย่างนั้นเหรอ?ด้วยความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนในตอนนี้ ถ้าต้องการจัดการกับตระกูลหาน ดูเหมือนว่ายังไม่ค่อยเหมาะสมแก่เวลาสักเท่าไหร่ แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ในเมืองหยุนเฉิง ตระกูลหานก็คงไม่เอามันมาอยู่ในสายตา ด้วยความสามารถของฉินหลินในตอนนี้ก็ยังแข่งขันกับตระกูลหานไม่ได้การที่หานซานเฉียนเรียกว่าโอกาสนั้นมีไว้สำหรับหานจุนและหนานกงเชียนชิว และยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นโอกาสของเขาด้วยเช่นกัน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ตัดความสัมพันธ์ทางสายเลือดส่วนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ หานซานเฉียนก็ไม่จำเป็นที่จะมีข้ออ้างใด ๆ ให้ใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดอีกต่อไปหลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ฉือจิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วมองไปที่หานเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ซึ่งถูกกำหนดให้ไม่สามารถกลับ
ฝุ่นละอองคลุกเคล้ากับกลิ่นเหม็นอับชื้นคอยอยู่เป็นเพื่อนเขาหานซานเฉียนไม่ได้ออกจากห้องของตัวเองจนกระทั่งถึงวันฝังศพหานเฉิง เถ้ากระดูกและป้ายหลุมศพ แม้แต่ระยะตำแหน่งของหานเฉิงล้วนเป็นการควบคุมโดยบอดี้การ์ดของตระกูลหาน ต่อให้หานจุนไม่ได้รับทัณฑ์บน หานซานเฉียนก็คงไม่ได้รับการยอมรับจากหนานกงเชียนชิวเหมือนเก่า แถมเขายังไม่มีสิทธิ์ส่งอำลาหานเฉิงเป็นครั้งสุดท้ายด้วยในสายตาของหนานกงเชียนชิวนั้น หานซานเฉียนไม่ใช่คนตระกูลหานมาตั้งนานแล้ว เขาแค่มีค่าสำหรับการใช้งานบางอย่างเท่านั้น เขาถึงมีสิทธิ์ได้กลับมา หลังจากนั้นไม่กี่วัน งานศพของหานเฉิงก็เสร็จสิ้น หนานกงเชียนชิวเดินมาอยู่นอกประตูห้องของหานซานเฉียนด้วยตัวเอง “เจ้าสิ่งปฏิกูลอกตัญญู ยังไม่เสนอหน้าออกมาพบฉันอีกเหรอ?” หนานกงเฉียนชิวที่กำลังเดินด้วยไม้เท้าค้ำยันพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมหานซานเฉียนผลักประตูห้องด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “ผมไม่ใช่คนของตระกูลหานแล้ว ทำไมถึงพูดว่าอกตัญญูล่ะครับ?”หนานกงเชียนชิวพูดด้วยสีหน้าหน้าเย็นชา “หานจุนคิดถึงมิตรภาพความเป็นพี่น้องกับแก เขาต้องการพบกับแกสักครั้ง ควรจะมีความสุขหน่อยนะที่มีพี่ชายแสนดีแบบนี้”
ด้วยความแข็งแกร่งของหานซานเฉียน คนไร้ประโยชน์อย่างหานจุนนี้ เขาสามารถจัดการได้ด้วยหมัดเดียว แต่ทั้งร่างกายของหานซานเฉียนในตอนนี้ไม่สามารถใช้เรี่ยวแรงได้เลย จึงทำได้แค่อยู่ภายใต้การควบคุมของหานจุนเท่านั้น“หานซานเฉียน นายรู้ไหมว่า คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายคือกลายเป็นตัวแสดงแทน คุณย่าเคยบอกว่านายมีลักษณะท่าทางเป็นคนทรยศ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงขับไล่นายออกจากตระกูลหาน ถ้ายังมีนายอยู่ ทั้งตระกูลหานจะต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของนาย”หานจุนเหยียบไปที่หน้าของหานซานเฉียน เขาก้มมองต่ำลงมาและพูดต่อว่า “นายช่างน่าสงสารจริง ๆ น้องชาย แม้แต่ชีวิตของตัวเองนายก็ยังไม่มี พวกเราสองคนเกิดจากท้องแม่คนเดียวกันแท้ ๆ แต่สถานะของพวกเราในตระกูลหานกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว นายอยากรู้เหตุผลไหมล่ะ?”ดวงตาของหานซานเฉียนเริ่มเลือนรางขึ้นเรื่อย ๆ เสียงของหานจุนดูเหมือนขาด ๆ หาย ๆ ในสุดท้ายเขาจำได้แค่ว่าหานจุนถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก หลังจากนั้นก็สวมชุดนักโทษให้กับเขากลอุบายนี้เป็นการให้หานซานเฉียนเปลี่ยนตัวกลายเป็นหานจุนเมื่อหานซานเฉียนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาก็อยู่ภายในห้องขังแล้ว เป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีคนสิบสองคน ซึ่
ลานหน้าบ้านตระกูลหานหานจุนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้พะยูงไหหลำ ซึ่งเป็นตำแหน่งของหนานกงเชียนชิวแต่เพียงผู้เดียว นอกเหนือจากเขาแล้วก็ไม่มีใครกล้านั่งที่นี่เมื่อหนานกงเชียนชิวปรากฏตัวขึ้น หานจุนรีบร้อนลุกขึ้น และเดินไปประคองด้านข้างหญิงชราพร้อมกับพูดว่า “คุณย่าครับ คุณย่าออกมาข้างนอกทำไมถึงไม่บอกผมสักคำล่ะครับ? ผมจะได้ช่วยประคองคุณย่าไง”ใบหน้าของหนานกงเชียนชิวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไร้ซึ่งความกังวล เธอชอบความห่วงใยที่หานจุนมอบให้เธอมากที่สุด มีแค่ความห่วงใยของหานจุนเท่านั้นที่เธอถือว่าเป็นความจริงใจ“หลานคิดว่าทางเดินแค่นี้ย่าจะเดินมาไม่ไหวเลยเหรอ?” หนานกงเชียนชิวกล่าวหลังจากช่วยประคองหนานกงเชียนชิวนั่งลงแล้ว หานจุนจึงพูดว่า “คุณย่าครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย ผมแค่อยากปรนนิบัติคุณย่าทุกเวลาเท่านั้นเอง คุณย่าไม่รู้หรอกว่าในช่วงเวลาที่อยู่ในคุกผมคิดถึงคุณย่ามากแค่ไหน ผมกลัวว่าคนรับใช้พวกนั้นจะดูแลคุณย่าได้ไม่ดีเท่าผม”“มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้หลานลำบากแย่เลยใช่ไหม แต่หลานต้องรู้ด้วยว่าตอนนี้หลานไม่สามารถปรากฏตัวได้ตามสะดวกนะ ไม่อย่างนั้นปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นทันที” หนานกงเชียนชิวกล่าวข้อห้
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างนั้นเหรอ!เมื่อฉือจิงได้ยินหนานกงเชียนชิวพูดดังกล่าว เธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าท่านจะรักหานจุนมากกว่า แต่ท่านก็ไม่ควรทำเกินไปขนาดนี้!“แม่คะ แม่กำลังบีบบังคับหานซานเฉียนให้ตายใช่ไหมคะ?” ฉือจิงกล่าว“ฉันกำลังเตรียมจะไปบอกมัน ว่าพรุ่งนี้ผู้หญิงของมันมีคนดูแลเรียบร้อยแล้ว มันสามารถตายในคุกได้อย่างสบายใจ ไม่เช่นนั้นทุกคนในเมืองหยุนเฉิงที่มีความเกี่ยวข้องกับมันจะต้องตายทั้งหมด” หนานกงเชียนชิวเกิดความคิดนี้ขึ้นหลังจากที่หานจุนจากไปท่านต้องทำให้แน่ใจว่าเรื่องของหานจุนจะไม่มีความผิดพลาดเด็ดขาด และการตายของหานซานเฉียนก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อฉือจิงได้ยินคำพูดเช่นนั้น ก็รู้สึกสิ้นหวังถึงที่สุด แม้แต่เธอเองก็ยังหวังว่าหานซานเฉียนจะสามารถออกจากเรือนจำหยุนหลงได้ และมอบบทเรียนแก่หนานกงเชียนชิว “ได้ค่ะ แม่อยากจะทำอะไรก็เชิญทำไปเถอะค่ะ หนูจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของตระกูลหานอีกต่อไปแล้ว” ฉือจิงพูดอย่างอับจนหนทาง ถึงการโต้แย้งไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานการตัดสินใจของหนานกงเชียนชิวได้อยู่ดี“ออกไปให้พ้น” หนานกงเชียนชิวพูดอย่างไม่เกรงใจ ในสายตาของเธอมีเพียงหานจ
หลังจากที่หานซานเฉียนได้พบกับหนานกงเชียนชิวเขาก็กลับมาที่ห้องขังใหญ่ คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากตัวหานซานเฉียน แต่ละคนต่างยืนตัวตรงที่มุมกำแพงและไม่กล้าพูดอะไรออกมาพวกเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ทำไมคนขี้ขลาดที่คอยประจบประแจงจนยอมเลียรองเท้าคนอื่นถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้ แถมยังเปลี่ยนไปราวกับคนละคนแบบนี้มันเหมือนกับ...เหมือนกับเป็นคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง “พี่ใหญ่หาน คุณ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คุณต้องการให้พวกเราช่วยไหมครับ?” กวานหยงถามหานซานเฉียนด้วยเสียงอันแผ่วเบาเมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในห้องขังใหญ่แห่งนี้ แม้แต่ตอนที่เขายืนปัสสาวะก็ยังมีคนมาคอยพยุง แต่หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงที่นี่ สถานะของเขาก็ตกต่ำลงไป และบางครั้งเขายังต้องไปนวดผ่อนคลายให้หานซานเฉียนด้วย แต่กวานหยงก็ไม่กล้าปริปากบ่นออกมาแม้แต่นิดเดียว“หุบปากซะ แล้วอย่ามายุ่งกับฉัน” หานซานเฉียนเอ่ยอย่างเย็นชา ผู้คนในห้องขังต่างพากันปิดปากเงียบ และสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพากันยืดอกขึ้นตรงแล้วเกร็งหน้าท้องราวกับเป็นทหารหานจุนไปเมืองหยุนเฉิงแล้ว และนั่นหมายความว
“คุณเป็นใครครับ ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย” หานจุนพูดจงใจพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเฉินหลิงเหยาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่หานซานเฉียน เธอเข้าใจว่าหานซานเฉียนกำลังพูดจาล้อเล่นกับเธอ“นายเป็นผู้ชายนะ อย่าทำเป็นใจแคบไปหน่อยเลย ฉันเป็นหนี้นายนิดหน่อยเองไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างฉันก็เคยเลี้ยงข้าวนายแล้วด้วย” เฉินหลิงเหยากล่าวอย่างไม่พอใจผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงจ้องขาเธอตลอดเวลาแบบนี้? หรือว่าซูหยิงเซี่ยไม่สนองความต้องเขา เขาเลยควบคุมอารมณ์ความปรารถนาของตัวเองไม่ได้? “อาหารมื้อเดียวจะพอได้ยังไงล่ะ วันนี้คุณก็เลี้ยงอาหารผมอีกสักมื้อเป็นไง?” หานจุนกล่าว เฉินหลิงเหยามองไปที่หานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้เสียสติไปแล้วใช่ไหม? นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังกล้าทานอาหารที่เธอทำอยู่อีก? “นายไม่ได้พูดเล่นกับฉันหรอกนะ ไม่กลัวว่าจะถูกวางยาพิษตายหรือไง?” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยความรู้สึกงุนงงไม่อยากจะเชื่อ“จะโดนวางยาพิษไหม ถ้าได้ลองแล้วก็คงจะรู้เอง” หานจุนกล่าวเฉินหลิงเหยาไม่ได้สังเกตเห็นว่า 'หานซานเฉียน' ที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นดูผิดแปลกไป เพราะเธอคิดไม่คิดว่าบนโลกใบนี้ หานซานเฉียนจะมีพี่ชายที่หน